ไม่ว่าจะคอมพิวเตอร์ เรือ รถยนต์ เครื่องบิน
ยานอวกาศ เครื่องใช้ไฟฟ้า อะไร
ไปจนถึงสิทธิเด็ก สตรี ลัทธิประชาธิปไตยต่างๆ
มากมายทั้งที่เป็นลักษณะนามธรรมหรือรูปธรรม
ทั้งนวนิยาย ตำราเรียน คัมภีร์ต่างๆ นั่นนี่มากมาย
ล้วนแล้วแต่เกิดจากการกล้าที่จะฝันทั้งสิ้น
ถ้าไม่มีคนที่กล้าที่จะฝันสิ่งต่างๆ เหล่านี้
แล้วมีคนนำสิ่งที่มีคนกล้าฝัน นำไปพัฒนาต่อยอด
จนกระทั่งพัฒนาการดีขึ้นเป็นลำดับ
อย่างที่เห็นในทุกวันนี้
สิ่งที่เห็นในวันนี้ก็คงไม่ได้เป็นแบบที่เห็น
หรือไม่มีให้เห็นก็ได้
ดังนั้นการฝัน ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี
บางทีความฝันเล็กๆ อาจจุดประกาย
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มามากต่อมากแล้ว
โดยคนที่มีความพร้อม และโอกาส
นำความฝันนั้นไปทำให้เป็นความจริง
ความฝันจึงเป็นสิ่งแรกที่จุดประกายให้เป็นความจริง
เพราะถ้ามนุษย์ไม่คิดจะฝันอะไร
วันๆ ยอมรับสภาพทุกอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
วันนี้อาจยังอยู่ในยุคหิน เป็นมนุษย์ถ้ำกันอยู่ก็ได้
แต่บางครั้งการฝันหรือคิดอะไรที่ล้ำหน้ากว่าปัจจุบัน
ก็อาจเกิดอาการต่อต้านจากคนที่ยึดติด
ไม่ค่อยยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้
ทั้งๆ ที่บางเรื่องเป็นเรื่องที่ขำไม่ออก
เช่นมีคนมาชี้แนวทางให้ฝันถึงเสรีภาพ
แต่กับโดนต่อต้านอยากลากไปสู่ยุคทาสต่อไป
พวกที่อยากได้เสรีภาพนี่ไม่แปลกเท่าไหร่
เพราะว่าถ้าเห็นว่ายังไม่มีอยากมีก็อยากเรียกร้อง
แต่พวกที่แปลกคือ
ไม่อยากมีเสรีภาพเพิ่ม แถมยังอยากช่วยฉุด
ให้คนในสังคมกลับเข้าสู่ยุคทาสอีก
เพื่อให้ตนเองมีสิทธิและเสรีภาพน้อยกว่าเดิม
ดูยังไงก็แปลกคน ไม่เข้าใจว่าคิดกันไปได้ยังไงเหมือนกัน
สิ่งที่ไม่เคยมี ไม่เคยเห็น ไม่จำเป็นเสมอไปว่า
จะไม่มีโอกาสได้เห็นหรือเป็นไปไม่ได้
ขอแค่มีความฝันที่จะทำให้สิ่งนั้นเป็นความจริงขึ้นมา
แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในยุคเรา
แต่รุ่นลูกรุ่นหลานอาจนำไปต่อยอด
เพื่อทำมันให้ปรากฏเป็นจริงก็ได้
แต่ถ้าสิ่งใด มีโอกาสลงมือทำแล้ว
และพิสูจน์ได้ชัดแล้วว่า
ไม่มีโอกาสทำให้เป็นความจริงได้แน่นอนแล้ว
ก็ทำใจ แต่อาจนำสิ่งที่คิดว่ายังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง
ไปใช้พัฒนาสร้างสรรสิ่งใหม่ๆ ต่อไปได้
ไม่จำเป็นเสมอไปว่า
ถ้าต้องการแกะสลักอะไรแล้ว
ไม่ได้ตามที่ตั้งใจแต่แรก
แล้วจะแกะสลักต่อไปไม่ได้
อาจทำการดัดแปลง
แกะสลักให้เป็นอย่างอื่นทดแทนก็ได้
ซึ่งอาจแกะได้สิ่งที่ดีกว่า
ที่ตั้งใจไว้แต่แรกก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
โดย มาหาอะไร
FfF
