วันนี้จะมาพูดเรื่องเบาๆ กันบ้าง
ตามที่จั่วหัวเรื่องตากสินโมเดล
สรุปสั้นๆ มี 3 ขั้นตอน
แบบขี้เกียจอธิบายมากว่าเป็นยังไงคือ
1. หาเรื่องทำสงครามกับเพื่อนบ้าน
เขมรนี่ขาประจำเลยไม่ว่ายุคไหน
จุดชนวนก่อสงครามกันง่ายดีจริงๆ
2. ก่อหวอดป่วนเมืองหลวง
จะมีอีกพวกออกมาสร้างความวุ่นวายในเมืองหลวง
เพื่อความชอบทำในขั้นตอนต่อไป
3. ทำการรัฐประหาร สั้นๆ แต่มีความหมาย
ถ้ามีใครสักคนหรือพวกใดสักพวก
เตรียมใช้แผนตากสินโมเดลในตอนนี้
จะนำมาประยุกต์ทำยังไง
เดี๋ยวผมจะลองมั่วให้ดู
อย่าคิดจริงจัง คิดว่าเป็นนิยายก็ได้
1. ส่งคนไปจุดชนวนสงคราม
โดยกลัวว่าไปเฉพาะพวกตนเองรัฐบาลอาจไม่สนใจ
เลยหลอกใช้ให้พวกรัฐบาลส่งคนไปร่วมด้วย
เพื่อรัฐบาลจะได้ดิ้นรนจนเข้าทาง
ในการจุดชนวนสงครามได้
นี่เป็นแผนขั้นแรกที่วางไว้
2. รัฐบาลยังเฉย เริ่มก่อหวอดป่วน
อิงกระแสคลั่งชาติโจมตีรัฐบาล
ที่ปล่อยให้ต่างชาติรุกล้ำดินแดน
จนรัฐบาลต้องก่อสงคราม
ไม่งั้นก็เป็นพวกขายชาติ
จากการปลุกระดมโจมตี
เมื่อรัฐบาลไม่ตอบสนองตามที่หวังไว้
3. ทำรัฐประหาร
งานนี้ต้องเนียน เนื่องจากเคยทำมาแล้ว
และอยู่ในยุคที่ชาวโลกจับจ้องอยู่
และมีคนจำนวนมากพร้อมต่อต้านด้วย
แผนการจะทำรัฐประหารได้ต้องมีสาเหตุที่เนียน
เท่าที่พอคิดออกตอนนี้ มันอาจมีหลายแผน
เพื่อความชอบธรรมในการทำรัฐประหาร
แต่แผนเด็ดสุดถ้าเข้าล็อคนี้ ทางสะดวกชอบธรรมสุดๆ ก็คือ
การทำยังไงก็ได้ให้แพ้สงครามย่อยครั้งนี้
ถ้าชนะรัฐบาลนี้ก็ได้หน้า
และการทำรัฐประหารก็จะลำบาก
แต่ถ้ากลับกัน เกิดแพ้ขึ้นมา
รับประกันได้ว่า ตั้งแต่แม่ทัพ ผบ. ทั้งหลายยันรัฐบาล
มีโอกาสโดนเปลี่ยนยกแก๊งส์
เพราะการแพ้สงคราม หมายถึง
การทำให้คนทั้งประเทศขายหน้าอย่างรุนแรง
เป็นประเทศไหนรัฐบาลตอนนั้นมักอยู่ไม่ได้
ดังนั้นในการทำรัฐประหารงวดนี้
ถ้าหากใช้เรื่องแพ้สงครามมาอ้าง
จะได้รับความร่วมมือจากทหาร
ที่รับไม่ได้กับความพ่ายแพ้สงคราม
และจากประชาชนค่อนประเทศที่รับไม่ได้อีกด้วย
โดยอาจนำแพะที่คิดว่า
เป็นตัวการทำให้แพ้มาเชือดบูชายัญ
นั่นก็คือรัฐบาลและพวกที่กุมอำนาจในกองทัพตอนนี้
คนที่จะออกมาต่อต้านการทำรัฐประหาร
ก็อาจจะสวนกระแสคนคลั่งชาติที่แพ้ไม่ได้
และกำลังหาแพะมารองรับอารมณ์
คล้ายๆ เวลาฟุตบอลทีมชาติแพ้ในนัดสำคัญ
โค้ชจะโดนบูชายัญทันที นั่นแหล่ะ
อารมณ์เดียวกันแต่อารมณ์แรกแรงกว่า
ซึ่งถ้ามีคนคิดทำหรือกำลังคิดทำอยู่นับว่าเนียนสุดๆ
ในการแย่งอำนาจ จัดระเบียบนำพวกตนเองเข้ามาคุมกองทัพได้
เพื่อความชัวร์ในการชิงอำนาจครั้งใหญ่ในอีกไม่นาน
ส่วนม็อบปลุกกระแสรักชาติยามนี้
จะแปลงกายเป็นม็อบมอบดอกกุหลาบ
ถ้าผู้คุมเกมฝ่ายนั้นต้องการอาศัยช่วงมั่วๆ
ที่ยังมีสงครามคุกกรุ่นอยู่ กวาดล้างเสื้อแดงไปในตัว
โดยมีม็อบคลั่งขาติตอนนี้แปลงสภาพเป็นกลุ่มเรดการ์ดคอยช่วยหนุน
อาจเป็นไปได้มาก ถ้าถึงเวลานั้นเขาอาจฮึกเหิมกันได้ที่
แต่อันนี้ประเมินให้แรงสุดๆ ไว้ก่อนตามประสานิยายขายดี อิอิ
ส่วนเสื้อแดง ถ้าคิดว่าการนั่งบนภูดูเสือกัดกันใครชนะมาเจอกู
สงสัยว่าจะมีแต่คนมุดอยู่ในรูกันหมดเมื่อถึงเวลานั้น
ถ้ายังคิดแบบนี้เพราะว่ากลยุทธ์นั่งบนภูดูเสือกัดกันในช่วงสงครามนั้น
เหมาะสำหรับพวกตนเองก็มีกองทัพอยู่ในมือพร้อมบดขยี้พวกชนะในภายหลัง
ไม่ใช่มีแต่ตีนตบ พลุตะไลนิดหน่อย เหมือนทุกวันนี้
การคิดจะใช้กลยุทธ์สมัยโบราณ
ต่อให้มันดี มันเจ๋งจริง ใช้ได้ผลมาแล้วก็ตาม
แต่ต้องดูสภาพความเป็นจริงปัจจุบันประกอบด้วยว่า
มันเป็นยังไง ไม่ใช่หลับหูหลับตาลอกๆ มา
ใช้ๆ ไปยังงั้น โดยนึกว่ามันจะได้ผลเหมือนกัน
ตัวแปรหลักๆ ที่สำคัญในปัจจุบันที่แตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง
ขอยกสัก 2 ตัวอย่าง ตัวอย่างแรก คือ
โลกปัจจุบันมีสหประชาชาติ อดีตไม่มี
การที่ปิดประตูตีแมว เผาเมืองทั้งเมือง
พร้อมฆ่าคนมากมายง่ายๆ แล้วจบง่ายๆ คงใช้ไม่ได้แล้ว
ดังนั้นกลยุทธ์ปิดเมืองฆ่าทิ้งหมด โยนทิ้งไปได้เลย
คิดได้ ทำได้ และต่อให้ยึดพื้นที่ได้
แต่ก็ไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ในที่สุด
อีกเรื่องหนึ่งคือ ฝ่ายตรงข้ามที่ดูเหมือนแบ่งเป็น 2 ก๊ก
แต่จริงๆ เป็น 2 ก๊กในก๊กใหญ่เดียวกัน แย่งอำนาจกันเองเท่านั้น
มีโอกาสซูเอี้ยกันในตอนจบเหมือนกัน ถ้าผลประโยชน์ลงตัว
ทั้ง 2 ก๊กมีกองทัพเป็นของตัวเอง
โดยแบ่งกองทัพปัจจุบันนี้แหล่ะ
กับอีกก๊กคือ ก๊กเสื้อแดงที่ไม่มีกองทัพในมือ
ทหารตำรวจแตงโมมะเขือเทศ
ต่อให้มีเขาก็ไม่มาแปรพักตร์กันง่ายๆ หรือมากันเป็นกองทัพได้
ถ้ายังต้องอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่แท้ปลอมอยู่ต่อไป
ดังนั้นหากวันไหนมีการรัฐประหาร
ไม่จำเป็นต้องรอเขาประกาศเห็นมันตั้งท่านำรถถังมากมายวิ่งมา
ก็ออกไปรวมตัวกันไว้ เหมือนที่เคยไปรวมตัวกัน ขอให้มากๆ
ไม่ได้ทำเพื่อก๊กไหน แต่ทำเพื่อไม่ให้ก๊กเสื้อแดงโดนยำ
ถ้าไม่ออกมาช่วงนี้ หลังจากเขางัดข้อจนได้ผู้ชนะแล้ว
เขาจะหันมากวาดล้างเสื้อแดงภายใต้การสนับสนุนของพวกเสื้อเหลือง
ที่กำลังคึกสั่งทหารได้ ขนาดสั่งให้ไปถล่มเขมรยังได้
ทำไมจะสั่งให้ถล่มเสื้อแดงอีกรอบไม่ได้
ถ้ารอให้เขาชนะ ต่อให้เขาสูญเสียกำลังพลอาวุธอะไร
เขาก็จะมาเกณฑ์จากลูกหลานพวกคุณไปล้างสมอง
เพื่อให้ไปทำงานรับใช้พวกเขา
อาวุธก็เอาเงินภาษีที่รีดจากพวกคุณไปซื้อใหม่
ไม่เห็นว่าเขาจะเพลี่ยงพล้ำยังไงเลย
ถ้าเขาตั้งตัวได้คราวนี้ไม่ว่า แกนนำหลัก แกนนำย่อย
หมดโอกาสใช้มุกเดิมๆ เหมือนที่ บก.ลายจุด เคยใช้
ที่ค่อยๆ เริ่มจุดชนวน หมดสิทธิ์งวดนี้
เพราะงวดที่แล้วเคยไปชุมนุมที่สนามหลวงได้ทันทีหลังสงกรานต์เลือด
พอคราวต่อมาเขาแก้เกมปิดสนามหลวงเลยเห็นหรือเปล่า
ว่าเขามีการปรับปรุงพัฒนาเหมือนกัน
ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ทำซ้ำๆ แล้วจะได้ผลเหมือนเดิม
แถมจากประสบการณ์ที่เจอมากับตัวเองพบว่า
ไม่มีแกนนำที่ไหนกล้ามานำหลังการทำรัฐประหาร
หลังสงกรานตืเลือด หรือหลังกระชับพื้นที่หฤโหด
เห็นมีแต่กลุ่มชาวบ้านและกลุ่ม บก.ลายจุด ที่ค่อยๆ จุดกระแส
แต่งวดนี้โดนอุ้มแน่นอน
ส่วนแกนนำหลักจะกล้าออกมา
ก็ต่อเมื่อประชาชนออกมามากๆ แล้วนั่นแหล่ะ ทุกครั้งก็เป็นแบบนี้
หลังสงกรานต์เลือด ผมเห็นชาวบ้านออกมาที่สนามหลวง
ในวันรุ่งขึ้นหลังแกนนำยอมมอบตัว
แต่กระชับพื้นที่ครั้งหลังสุดหลังมีเหตุการณ์ป่วนมากมาย
ก็ไม่มีใครกล้าออกมา จน บก.ลายจุด ค่อยๆ ออกมาทำกิจกรรม
ถ้างวดหน้าโดนอุ้มหมดใครจะกล้าออกมา และจะรวมตัวกันติดได้ยังไง
การปลุกคนให้ตาสว่างทั้งแผ่นดิน ก็เพื่อให้ออกมาช่วยกันสู้ในวันแตกหัก
ไม่ใช่ตาสว่าง แต่บ้านใครบ้านมันจะมีประโยชน์อะไร
เพราะปลายทางงานนี้ต้องมีวันแตกหัก
ไม่แตกวันทำรัฐประหารก็ต้องแตกวันที่โดนไล่ล่าจนทนไม่ไหว
แต่แตกหักช่วงไหนยังพอมีโอกาสได้เปรียบ
ถ้าแตกหักช่วงที่พวกนั้นกำลังทำรัฐประหาร
มันจะปะทะกันยังไงเรื่องของมันเตรียมระดมพลยันเอาไว้
ทำมึนเรียกร้องประชาธิปไตยไม่สนใจต่อต้านรัฐประหาร
แต่ก็ต่อต้านนั่นแหล่ะ เพราะเผื่อเดี๋ยวมันเอาไปสร้างกระแส
ว่าไปช่วยอีกพวกที่แพ้สงคราม
ในเมื่อเรียกร้องประชาธิปไตยอยู่แล้ว
อยู่ๆ พบเห็นคนกำลังมาปล้นประชาธิปไตย
ก็ออกมาปกป้องก็เท่านั้นเอง
คนมากๆ มันไม่กล้าทำอะไรมากหรอก ถ้ากล้ามันทำไปแล้ว
งวดที่แล้วยังต้องใช้วิธีกระชับพื้นที่ให้คนน้อยลง
การระดมคนไว้จะทำให้การต่อต้านเริ่มต้นทันทีหลังการทำรัฐประหาร
ยันไว้แค่วันสองวันก็รู้ผลแล้ว
หลักการทำสงครามที่ดีเขาจะต้องจบเกมให้เร็ว
ถ้ายืดเยื้อไม่เป็นผลดีต่อเขา แต่ถ้ามีคนออกมาต่อต้านเยอะๆ
ตั้งแต่วันแรกที่ทำรัฐประหาร มีใครในประเทศนี้เคยเห็นกันหรือยัง
น่าจะยังไม่เคยเห็นเพราะดูแล้วเป็นของใหม่
เมื่อเป็นของใหม่ก็ไม่มีใครคาดเดาสถานการณ์ได้ง่ายๆ
ว่าจะบานปลายไปถึงไหน มันดีกว่า
การที่เขาเปิดตำราเล่นในกรณีทำแบบเดิมๆ ไหมหล่ะ
ส่วนถ้าถึงวันนั้นมีคนเยอะๆ และมีอาวุธได้ด้วย
ถ้าจะมีเพราะต่อต้านการทำรัฐประหาร
ตามกฏหมายทำได้เต็มที่ชอบธรรมด้วย
ยกเว้นต่อต้านรัฐบาล จะผิดกฏหมายไม่ชอบธรรมถ้าจะมีอาวุธ
ยกเว้นโดนฝ่ายรัฐใช้อาวุธจริง
นี่คือช่วงเวลาสูญญากาศที่ดีมากๆ
และถ้าสามารถยันพวกนั้นได้
ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องรัฐบาลนี้จะกลับมาอีกหรือไม่
และเชื่อว่าพวกรัฐบาลคงไม่กล้าสู้
คงหนีหัวซุกหัวซุนไปต่างประเทศแล้ว
เพราะรู้ว่าสู้กับใคร หรือไม่ก็หวังรอแบ่งเค้กรัฐบาลแห่งชาติ
อาจมีการซูเอี้ยไม่ต่อต้านด้วย
แต่ถ้าสถานการณ์ตอนนั้น
อ้อยเข้าปากช้างเสื้อแดงแล้วจะคายทิ้งให้โง่ทำไมหล่ะ
เอาไว้ให้ถึงตอนนั้นจะรู้กันเอง แต่อย่ายอมจำนนง่ายๆ
ถ้าหยุดไปก็จะเหมือนกรณีต่างประเทศตอนนี้
ซึ่งจะทำให้นานาชาติหยุดส่งกำลังใจหรืออยากเข้ามาช่วย
วันนี้เขียนนิยายยาวไปหน่อยแบบเห็นแล้วอึดอัด
โดยเฉพาะฝ่ายเสื้อแดงบางคน ปลุกให้คนตาสว่างแทบเป็นแทบตาย
พอถึงวันแตกหักไม่คิดจะสู้ ชวนกันเผ่นอย่างเดียว
มันไม่มีการเปลี่ยนผ่านโดยสันติไปได้ ราชสีห์ก็คือราชสีห์
ถ้าไม่พร้อมใจกันสู้ด้วยยุทธวิธีใหม่ๆ
เน้นแต่สุตรเดิมๆ เผ่นกันไปคนละทิศคนละทาง
รอจนประชาชนรวมตัวกันเยอะๆ ก็กระโดดออกมานำแบบเดิมๆ
ใช้เวลายาวนาน และงวดนี้นอกจากจะใช้เรื่องสงครามมาอ้างได้แล้ว
ยังเน้นรัฐบาลแห่งชาติหลอกให้ความหวังชาวบ้านได้อีกด้วย
ก็จบแบบเดิม ตั้งเวทีปราศรัยจนกระทั่งถึงวันเลือกตั้งหนหน้า
เห็นแล้วเหนื่อยใจถ้าคิดจะทำกันแบบเดิมๆ
ดูแล้วงวดนี้ท่าจะมีการงัดข้อกันเอง
เพื่อช่วงชิงอำนาจรอวันแตกหักใหญ่อีกรอบหลังวันงาน
การใช้วิธีจุดชนวนสงครามด้วยกระแสคลั่งชาตินี้
จะทำให้ฝ่ายที่มีอำนาจต้องเดินไปตามเกมที่อีกฝ่ายกำหนด
จะไม่รบก็อยู่ไม่ได้ ออกไปรบกับพวกที่เชี่ยวชาญการรบ
เพราะรบกันจนชำนาญพวกนั้น ใช่ว่าจะชนะง่ายๆ
และควบคุมอะไรลำบาก ในขณะที่อีกพวกรอสวนอยู่ในกรุง
จะส่งพวกนี้ไปรบแทนก็อาจโดนวางยาอีก
เรียกว่าหมากเกมนี้โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง สมน้ำหน้า
แต่ก็น่ากังวลพวกที่มาใหม่
จากผลงานที่สุมหัวปราบเสื้อแดงก็โหดไม่ใช่เล่น
ถ้าบวกกับพวกจุดชนวนคลั่งชาติด้วย
จะเหมือนจำลองยุคแก๊ง 4 คนของจีนมาเลยทีเดียว
งวดนี้พวกที่จะออกมาทำรัฐประหาร
จะเหมือนพระเอกขี่ม้าขาว
ชาวบ้านอาจได้ซาบซึ้งเหล่าพวกพระเอกกันอีกด้วย
จึงไม่แปลกอะไรที่จะเสี่ยงกับแผนการจุดชนวนสงครามในครั้งนี้
เพราะคุ้มค่า ได้ทั้งเงิน ทั้งกล่อง ทั้งการซาบซึ้งเพิ่มอีกด้วย
โดย มาหาอะไร
FfF
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.