บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


24 กุมภาพันธ์ 2554

<<< ถ้าแนวทางขัดกันจะไปด้วยกันได้อย่างไร ยังไงก็ต้องทะเลาะกัน >>>

เคยเขียนเล่าเรื่อง ดร.ซุนยัดเซ็น ผู้ล้มซูสีไทเฮา ไว้ครั้งหนึ่งแล้ว
วันไหนว่างๆ จะพยายามย่อเหตุการณ์ช่วงนั้นมาให้รับรู้กัน
แบบว่าไม่รู้จะตัดย่อตรงไหนเพราะเหมือนเขาย่อมาแล้วแต่มันก็ยังมีหลายสิบหน้า

เมื่อคืนลองเปิดอ่านผ่านๆ ดูอีกที
ปรากฏว่าถ้านับตั้งแต่วันที่ ดร.ซูนยัดเซ็น อยากทำการปฏิวัติ
แค่คิดและชักชวนซึ่งยังไม่มีใครเอาด้วยตอนไปอเมริกา
จนถึงได้เป็นประธานาธิบดี ประมาณสิบกว่าปี
ระหว่างนี้เสียเวลาต่อสู้กับพวกเดียวกันเอง เกือบ 10 ปี
เพราะมีอีกพวกหนุนแนวปฏิรูป
แล้วมีคนเห็นด้วยเยอะมากกว่า
โดยเฉพาะระดับนายทุน
และชนชั้นปัญญาชนที่อยู่นอกประเทศยามนั้น
ฝ่ายตรงข้ามมีพร้อมทุกอย่างมีสื่อ นสพ. ในมือ
มีคนของพวกซูสีไทเฮาพร้อมหนุนกลุ่มนี้
ในขณะที่ ดร.ซุนยัดเซ็น สื่อแทบไม่มีในมือตอนนั้น
ไปขอทุนใครก็ไม่ค่อยมีใครกล้าให้
เพราะกลัวพวกซูสีไทเฮารู้แล้วมาเล่นงาน
ไปชวนใครมาร่วมแนวทางก็มีแต่โดนส่ายหน้าหนี
เพราะทุกคนกลัวกันทั้งนั้น ต้องใช้เวลานานหลายปีทีเดียว
จนกระทั่งกระแสคำว่าปฏิวัติเริ่มดังเหนือคำว่าปฏิรูป
จนฝ่ายปฏิรูปต้องยอมแพ้ในที่สุด
แต่ก่อนจะยอมยังมีลูกเล่นหลอกว่า
ที่ปลุกกระแสปฏิรูปเป็นเพราะกลยุทธ์
จริงคือเท็จ เท็จคือจริง ดำคือขาว ขาวคือดำ นั่นเอง

ดังนั้นการทะเลาะกันเพราะแนวทางต่างกันเป็นเรื่องปกติ
ไอ้ที่ไม่ปกติก็คือพยายามห้ามทะเลาะกัน ทั้งๆ ที่แนวทางต่างกันชัดเจน
อันนี้เรียกว่าไม่ปกติ เพราะเมื่อแนวทางต่างกัน ผลลัพทธ์ย่อมต่างกัน
แล้วมันจะร่วมมือกันไปได้ยังไง เพราะอีกฝ่ายจะเอาปฏิวัติอีกฝ่ายจะเอาปฏิรูป
ยกให้เห็นภาพง่ายๆ ถ้าดร.ซุนยัดเซ็น ต้องการไล่ซูสีไทเฮา
แต่มีอีกพวกองครักษ์พิทักษ์จักรพรรดิ ออกมาต่อต้านบอกว่าไม่ได้
ต้องยอมอยู่ใต้ซูสีไทเฮาต่อไปแล้วไปปฏิรูปอะไรก็ทำไป
ลองหลับตานึกสภาพว่าไม่ทะเลาะกันได้ยังไง
ถ้าไม่ทะเลาะกัน แล้วคนรักทักษิณ จะโกรธพวกที่มาไล่ทักษิณทำไม
ในเมื่อพวกนั้นไม่เอาทักษิณ แต่พวกคนรักทักษิณบอกจะเอาไว้
ต้องทะเลาะกันจนกว่าฝ่ายไหนชนะ จะไปด้วยกันไม่ได้เลย
หรือถึงมาร่วมมือกันช่วงแรกๆ แต่สุดท้ายก็ต้องมาหักกันอยู่ดีเรื่องเอาไม่เอา
หรือตอนนี้คนไม่เอามาร์ค แต่กองเชียร์มาร์คบอก
ยังไงก็เอามาร์คแล้วปฏิรูปกฏหมายห้ามมีคนโกงกินหรือนั่นนี่ได้
ถามว่าสองพวกนี้จะร่วมมือกันโดยไม่ทะเลาะกันได้หรือไม่ได้

เป็นเรื่องธรรมชาติง่ายๆ และมองได้อีกอย่างว่า
คนไม่ให้ทะเลาะกัน เพราะไม่เข้าใจธรรมชาติความรู้สึกคนหรือการเมือง
เลยไม่อยากเห็นการแตกแยก เพราะคิดว่าการไม่ทะเลาะกันคือการไม่แตกแยก
แท้ที่จริงแล้ว พร้อมแตกหักตลอดเวลายิ่งโค้งสุดท้ายยิ่งแตกหัก
ยิ่งวันไหนเข้าใกล้เป้าหมายยิ่งแตกหักกันแรง
เพราะพวกที่ต้องปกป้องจะออกมาแตกหักทันที
ระหว่าง แตกหักช่วงไม่มีอะไรกับช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม
คิดว่าแตกช่วงไหนเหมาะสมกว่ากัน
อีกพวกที่หนุนแนวปฏิรูป อาจเป็นคนของซูสีไทเฮาส่งมาหนุน
ให้พวกปฏิรูป ช่วยถีบพวกปฏิวัติให้ไปไกลๆ
ไม่ให้มีเพาเว่อร์อะไร ก็เป็นได้ทั้งนั้น
เลยพยายามห้ามทะเลาะกันคือให้ยอมแนวปฏิรูปต่อไปแล้วกัน
ถ้าพวกชอบแนวปฏิวัติสงสัยก็บอกว่าแนวทางเดียวกันไปด้วยกันได้ อะไรแบบนั่น
ซึ่งวันไหนเขารู้ก็ไปด้วยกันไม่ได้อยุ่ดี
เพียงแต่อาจสายเกินไปเมื่อถึงวันนั้นก็เป็นได้

จึงขอสรุปแบบฟันธงตรงนี้เลยว่า
ถ้าแนวทางขัดกันชัดเจน ยังไงก็ไปด้วยกันไม่ได้
ยังไงก็ต้องทะเลาะกันจนได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติจริงๆ
ความพยายามที่ไม่ให้ทะเลาะกันทั้งๆ ที่แนวทางต่างกัน
คือความพยายามที่ไม่ปกติมากกว่าและไม่เกิดประโยชน์
ต่อฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบอยู่หรือไม่ได้เป็นฝ่ายนำแนวทางอยู่

โดย มาหาอะไร

FfF