บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


10 มีนาคม 2554

<<< ข้อตกลงหรือข้อเจรจาต่อรอง ของแกนนำกับผู้มีอำนาจทุกระดับ มวลชนควรรับทราบด้วยหรือไม่ >>>

ถ้าเป็นม็อบที่ทุกคนยอมเสี่ยงมาร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน
ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปิดบังไม่ให้เขารับทราบข้อเรียกร้อง ข้อตกลงหรือข้อเจรจาใดๆ
ระหว่างแกนนำม็อบกับผู้มีอำนาจระดับต่างๆ แบบเปิดเผยความจริงกันเต็มที่
เพราะการที่เขาทุ่มเททั้งเงินทอง ยอมเสียเวลา หรือว่ายอมเสี่ยงชีวิตของพวกเขา
เพื่อมาร่วมด้วยช่วยกันต่อสู้ เขาจึงเป็นเสมือนหุ้นส่วนม็อบคนหนึ่ง
ย่อมมีสิทธิที่จะต้องรับรู้ข้อตกลงใดๆ ที่แกนนำไปตกลง
หรือนำเรื่องใดๆ ไปเจรจาต่อรองกับผู้มีอำนาจด้วย

ถ้าเป็นข้อตกลงเพื่อมวลชนจริงๆ ทำไมจะเปิดเผยไม่ได้
ยกเว้นว่าจะเป็นข้อตกลงเพื่อส่วนตัวไม่เกี่ยวกับมวลชน
หรือไม่ก็ เห็นมวลชนเป็นวัวเป็นควายที่สั่งให้ไปไหนมาไหนก็ได้
จึงไม่จำเป็นต้องรับทราบข้อตกลงข้อเรียกร้องข้อเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น
มีหน้าที่ทำตามสั่ง คล้ายๆ เขาออกมาเป็นไพร่เป็นทาสอะไรยังงั้นแหล่ะ
ตัวอย่างที่เห็นๆ เลยว่าไปต่อรองเจรจาอะไรทำไมพักหลังหลายครั้งแล้ว
อยู่ที่ราชประสงค์ทั้งวันไม่ได้ ให้ไปเริ่มขบวนแค่พักเดียว
แล้วก็พากันไปต่อที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยประจำ
ทั้งๆ ที่วันที่ 19 สลายการชุมนุมแถวราชประสงค์ไม่ใช่แถวราชดำเนิน
แต่เหล่าแกนนำก็มักจะมีข้ออ้างสวยๆ เพื่อย้ายจากราชประสงค์
ไปที่ราชดำเนินเสมอรวมถึงครั้งนี้ด้วย
และคิดว่าคงตลอดไปจนถึงช่วงเลือกตั้ง
แสดงว่าจะต้องมีข้อเสนออะไรที่มิอาจปฏิเสธได้
จึงไม่สามารถจัดม็อบใหญ่เต็มวันแถวราชประสงค์ได้
ทั้งๆ ที่เป็นจุดที่หวงแหนสุดชีวิต ปกป้องสุดชีวิต
เสียผู้คนไปมากมายบาดเจ็บก็เยอะเพื่อจะอยู่ที่ราชประสงค์ให้ได้
แต่วันนี้กลับไม่กล้าที่จะอยู่เต็มวันเหมือนเคย
อ้างนั่นนี่แล้วก้ไปแถวราชดำเนินเป็นหลัก
ถ้าที่ราชประสงค์กดดันได้ กลับไม่อยู่
แล้วไปแถวราชดำเนินกดดันไม่ได้แต่ไปทำไม
แบบนี้ไม่ใช่ม็อบที่จะมากดดันต่อสู้เรียกร้องอะไรแล้ว
แค่ให้มีม็อบไปวันๆ เท่านั้นเอง ผิดธรรมชาติม็อบอย่างแรง

เลยอยากถามว่ามวลชนจำเป็นต้องรู้ข้อเจรจา
ข้อต่อรอง ข้อตกลงอะไรด้วยหรือไม่
เพราะขนาดก่อนโดนสลายการชุมนุมยังไปเจรจาต่อรองกับรัฐบาล
ถ่ายทอดสดออกทีวีได้ แสดงว่าการเจรจากับรัฐบาล
ถ้าเกี่ยวกับมวลชนไม่จำเป็นต้องมีความลับใดๆ
เพราะคู่เจรจาหรือฝ่ายตรงข้ามย่อมรู้ข้อมูลเหล่านั้นอยู่แล้ว
ที่ยังไม่รู้ก็คือมวลชนที่อุตส่าห์ร่วมด้วยช่วยกันต่อสู้มาด้วยกัน
ยกเว้นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว มีผลประโยชน์อย่างอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง
จึงไม่สามารถเปิดเผยให้มวลชนรับทราบได้เท่านั้น
ถ้าเป็นแบบนี้มวลชนก็เป็นแค่เครื่องมือต่อรองผลประโยชน์ส่วนตัว
ของพรรคพวกเท่านั้นเอง โดยที่มวลชนอาจไม่ได้อะไรเลย
เป็นแค่เบี้ยที่ไม่มีชีวิตจิตใจ ไม่จำเป็นต้องรับรู้อะไร
สั่งให้ทำอะไรก็ทำไป ประเภทห้ามซัก ห้ามถาม ซาบซึ้งได้อย่างเดียว
เพราะไม่กล้าแม้แต่ประกาศให้มวลชนรับรู้
ถ้ามวลชนได้ประโยชน์จริง มีหรือจะไม่ประกาศให้รับรู้เพื่อเอาหน้ากัน
งานนี้ต้องมีการเจรจาต่อรองผลประโยชน์ที่สำคัญแน่นอน
ไม่เช่นนั้นไม่ยอมเลี่ยงไม่จัดที่ราชประสงค์เต็มวันหรอก
ผมถึงได้เสนอให้ไปจัดหน้าวัดปทุมทุกอาทิตย์ไปเลย
ในเมื่อเดือนละหนยังออกอาการ จนแกนนำก็ไปรับลูกทำตาม
ไม่กล้าจัดแถวราชประสงค์เต็มวัน แค่แวะมาตั้งต้นแล้วก็รีบๆ ไป
เหมือนมาแวะแบบเสียไม่ได้ ยังงั้นแหล่ะ แสดงว่าแถวนี้มีแรงกดดันสูง
สมควรไปจัดม็อบแถวนี้แทนสถานที่ที่ไม่มีแรงกดดัน
ไม่เช่นนั้นก็แค่ได้จัดไปงั้นๆ ไม่ได้หวังผลอะไร

ข้างล่างนี่ก็อีกเรื่องหนึ่ง จะมาบอกว่าพบโดยบังเอิญยังไงก็พูดกันไป
ใครเชื่อก็บ้าแล้ว ยิ่งมีลูกเขยซีพี เป็นตัวกลางด้วยยิ่งเชื่อหนักเลยว่าบังเอิญ
เอาเป็นว่าไม่เชื่อว่าบังเอิญแน่นอน มีการเตรียมการวางแผนนัดไปเจอะเจอ
เพื่อไปพูดคุยเจรจาต่อรองอะไรกัน ซึ่งไม่ว่ากรณีจะไปเจรจาอะไร
แต่อยากรู้ว่าไปเจรจาอะไรกัน บางคนอาจบอกว่าอยากรู้ไปทำไม
อ้าวก็ม็อบเรียกร้องประชาธิปไตย ไม่ใช่ม็อบส่วนตัวแกนนำ
ไปเจรจาเอาผลประโยชน์ของม็อบไปต่อรอง โดยไม่ให้มวลชนรับรู้ได้ยังไง
เช่น ไปยื่นขอเสนอ จะทำม็อบให้เข้าทางผู้มีอำนาจ
แล้วเลือกตั้งสลายตัวไป แลกนั่นนี่
คนที่ได้ไม่ใช่มวลชนแน่นอน เพราะเขาจะสู้เพื่อประชาธิปไตย
และคงไม่สนับสนุนให้ทำม็อบอยู่ในโอวาทผู้มีอำนาจด้วย
อย่างที่บอกเรื่องไหนมวลชนได้เขาจะมาปล่าวประกาศให้รับรู้
เพื่อเอาหน้ากัน อันนี้ไม่ว่ากันเรื่องปกติของคน
แต่ถ้าไม่ประกาศงุบงิบทำแล้วมวลชนที่หลงเสียเงินทอง เสียเวลา เสี่ยงชีวิต
นึกว่าจะได้อะไรดีขึ้นมากลับถูกนำไปใช้เพื่อผลประโยชน์แกนนำ
ผมว่าไม่แฟร์แน่ๆ ที่ยกมานี่คือตัวอย่างหนึ่งในหลายๆ ครั้งที่แอบไปเจรจา
รวมทั้งครั้งที่ขอให้ไม่จัดม็อบที่ราชประสงค์ด้วย
น่าจะมีข้อเลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าถึงได้ยอมตาม

------------------------------------------------------------------

ปล่อยแดง 'ธิดา'เจรจามาร์ค

'ตู่'โวยป้ายสี'ทักษิณ'คุกคาม เทือกแขวะญี่ปุ่นบี้คดีนักข่าว
'มาร์ค' ปิดห้องอาหารโรงแรม ดอดคุย 'ธิดา โตจิราการ' ประธานนปช.คนใหม่ หารือปล่อยตัวนักโทษนปช.-คนเสื้อแดงที่ยังถูก


คุมขังอยู่ในคุก โดยมี 'วีระ มุสิกพงศ์' อดีตแกนนำนปช.สายพิราบ กับ 'เสี่ยไก่'วัฒนา เมืองสุข มือประสานการเจรจาครั้งนี้ร่วมวงด้วย หลังคุยจบนายกฯ บอกราบรื่นดี ขณะที่ธิดายันเสื้อแดงรุ่นใหม่มุ่งต่อสู้ตามแนวสันติวิธี ด้าน 'จตุพร' อัดมาร์คจินตนาการไปเองกล่าวหา 'ทักษิณ' คุกคามครอบครัว พร้อมท้าผบ.ทบ.เดิมพันพิสูจน์สำนวนดีเอสไอสอบฆ่า 6 ศพวัดปทุมฯ 'เทือก' แขวะญี่ปุ่นเป็นชาติใหญ่ จะเอาให้ได้ดังใจทุกอย่าง หลังส่งทูตตามบี้คดียิงดับนักข่าว ด้านกลุ่ม 24 มิถุนาฯ แจ้งความเอาผิด 'อภิชาต' นายทะเบียนพรรคการเมืองกกต. ฐานปล่อยคดียุบปชป.ขาดอายุความ 'ดีเอสไอ' ร้องศาลอาญาขอเปลี่ยนหมายจับ 11 แกนนำนปช.เป็นหมายก่อการร้ายแล้วก่อนเลิกใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

-ปธ.นปช.พบ'มาร์ค'

เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 16 ธ.ค. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ถ.วิภาวดีรังสิต หลักสี่ ดอนเมือง กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานผลการศึกษาวิจัยเพื่อปฏิรูปสื่อ จากนั้นนายกฯ แวะเข้าไปยังห้องอาหารบริเวณล็อบบี้ของโรงแรม เพื่อพูดคุยกับนางธิดา โตจิราการ รักษาการประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตแกนนำนปช. โดยมีนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมหารือด้วย

ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า ก่อนที่นายกฯ เดินทางมาถึงโรงแรมมิราเคิล นางธิดาและแกนนำนปช.ได้นัดกินกาแฟกันล่วงหน้า เมื่อทราบว่านายกฯ จะมา จึงประสานผ่านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ซึ่งทั้งสองฝ่ายใช้เวลาพูดคุยนาน 40 นาที และกั้นสื่อมวลชนไม่ให้เข้าไปสังเกตการณ์โดยรูดม่านปิดและให้รปภ.ยืนประจำจุด พร้อมขอร้องผู้ที่จะเข้าไปรับประทานอาหารไม่ให้เข้าไป กระทั่งเวลา 11.00 น. นายกฯ จึงเดินออกมาก่อนด้วยสีหน้ายิ้มๆ ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ

ภายหลังการพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ นางธิดา ภรรยาน.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. ซึ่งยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์ว่า เผอิญตนมาคุยกับนายวีระ นัดกินกาแฟกันก่อนจะไปเยี่ยม น.พ.เหวงในเรือนจำ แต่ปรากฏว่านายปณิธาน ได้เดินมา และในที่สุดนายกฯ ขอมาพูดคุยด้วย เราถือเป็นการดี ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจหรือนัดมาก่อน ถือเป็นความบังเอิญจริงๆ เราตั้งใจมาคุยกันเฉพาะกลุ่มเท่านั้น

"ผลการพูดคุยครั้งนี้ นายกฯ เห็นดีด้วยในการเคลื่อนไหวของเราเป็นไปอย่างสันติวิธีและบอกแนวทางชัดเจนตามกฎหมาย นายกฯ ระบุว่าไม่อยากให้มีปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งเราบอกกับนายกฯ ว่าถึงแม้นายกฯ ไม่บอกเราก็ทำอยู่แล้ว เพราะแนวทางของนปช. คือ ต่อสู้โดยถูกกฎหมายและตามรัฐธรรมนูญ รวมทั้งพ.ร.ก. ฉุกเฉิน นปช.ทำ ตามที่ประกาศไว้โดยเฉพาะการไม่มีเครื่องเสียง ถึงเวลา 20.00 น. ก็เลิกการชุมนุม ถือเป็นการแสดงตัวของคนเสื้อแดงให้รู้ว่ายังมีคนเสื้อแดงอยู่ และมุ่งหวังให้เห็นความยุติธรรมเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้" นางธิดา กล่าว

‎-หารือประกันแกนนำนปช.

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ขอร้องหรือเสนอแนะอะไรหรือไม่ นางธิดา กล่าวว่า ไม่มีอะไร นายกฯ พูดในเชิงให้ความร่วมมือว่าเพื่อให้การประกันตัวแกนนำเกิดขึ้นจริง น่าจะให้กลไกรัฐโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพทำหน้าที่ เพราะที่แล้วมานายกฯ ระบุว่าได้รับรายงานว่าทางแกนนำปฏิเสธ ตนอธิบายว่าอาจเป็นความเข้าใจที่ไม่ตรงกันในการสื่อสาร เพราะแกนนำเข้าใจว่ากรมคุ้มครองสิทธิฯ ไปถามสารทุกข์สุกดิบธรรม ดา ซึ่งคนเสื้อแดงมีเยอะอยู่แล้วจึงให้ไปคุยกับคนอื่น หรือไปเสนอความช่วยเหลือกับคนอื่น อีกอย่างคือวิธีการทำงาน อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ เพราะการพูดคุยทีละคนเหมือนทำให้เกิดความเข้าใจว่ามีการแบ่งแยกหรือไม่

ต่อข้อถามว่า แสดงว่าจะไปพูดคุยกับแกนนำอีกครั้งเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันหรือไม่ นางธิดา ตอบว่า เราคงไปสื่อกับแกนนำว่านายกฯ ได้มาบอกแล้วว่าอยากให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ได้มีส่วน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีกว่า เมื่อถามว่าทางนปช.เห็นด้วยกับแนว ทางที่รัฐบาลเสนอใช่หรือไม่ รักษาการประธานนปช. กล่าวว่า มันไม่มีทางอื่น ทางเลือกของเราคือความต้องการให้เกิดการประกันตัวเพราะเป้าหมายเรายังเหมือนเดิมถ้าการประกันตัวได้รับความร่วมมือจากรัฐ บาลก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ดีกว่าที่เราจะประกันไปโดยใช้วิธีของเราเอง ยื่นทนายก็ไม่ได้สักที ฉะนั้นเราไม่มีทางอื่นนอกจากยินดีรับความร่วมมือและข้อเสนอจากรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีความร่วมมือที่ดีระหว่างภาครัฐกับคนเสื้อแดงมากขึ้นหรือไม่ นางธิดา ระบุว่า เรื่องการต่อสู้ไม่เกี่ยวกัน ประเด็นที่พูดคุยเป็นเรื่องการประกันตัวอย่างเดียว การพบกันวันนี้คุยเรื่องประกันตัวอย่างเดียว แต่การต่อสู้ของนปช.เรามีแนวทางชัดเจน ไม่ได้ตามใคร เราสู้ด้วยสันติวิธี สู้ในระบบ

‎-ไม่เกี่ยวข้อง'โลกล้อมอภิสิทธิ์'

ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่คนเสื้อแดงจะขับเคลื่อนต่อไปคือให้รัฐบาลยุบสภาใช่หรือไม่ นางธิดา กล่าวว่า เราไม่มีข้อเรียกร้องในเรื่องการยุบสภา และเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือลอกคราบตัวเอง เราไม่ใช่งู ไม่จำเป็นต้องลอกคราบตัวเอง เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นใหม่กับแกนนำรุ่นใหม่ได้เสนอภาระหน้าที่ 4 ประการตามความสำคัญของวิกฤตปัญหา คือ 1.รณรงค์ให้คนเสื้อแดงและแกนนำได้รับการประกันตัวโดยเร็ว ข้อนี้ถ้ารัฐบาลให้ความร่วมมือ เรายินดีและไม่ขัดข้อง 2.การเยียวยาผู้ที่ถูกกระทำทั้งครอบครัว ผู้ที่ต้องคดี คนเจ็บคนตาย 3.การทวงถามความยุติธรรม เพราะเรารู้ว่าถ้าไม่มีความยุติธรรมก็ไม่มีทางที่ประเทศนี้จะอยู่โดยสงบสุขได้ และ 4.เราบอกชัดเจนว่าเราจะขับเคลื่อนองค์กรและการนำของประชาชนไปในทิศ ทางการยกระดับความรู้อย่างมีเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ ยืนยันว่าไม่มีการพูดถึงเรื่องการยุบสภาเพราะเรื่องดังกล่าวถูกเลื่อนไปเป็นปัญหาทีหลังแล้ว เราต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่กดดันประชาชน

เมื่อถามต่อไปว่า ในการหารือกับนายกฯ มีข้อแลกเปลี่ยนอะไรกลับคืนบ้าง นางธิดา กล่าวว่า ไม่มี วันนี้คุยกันแค่ปัญหาที่รัฐบาลต้องการให้กรมครองสิทธิฯ เข้ามามีบทบาทในการประกันตัว ที่ผ่านมาอาจจะสื่อไม่ตรงกัน เรายินดีและแกนนำไม่ขัดข้อง เป็นประเด็นเดียวที่หารือกัน

ต่อข้อถามว่า หลังการคุยกันวันนี้การประกาศยุทธศาสตร์ "โลกล้อมอภิสิทธิ์" จะเบาลงหรือไม่ นางธิดา กล่าวว่า อันนั้นเป็นเรื่องของโลก ไม่ใช่เรื่องของเรา ที่เขาล้อม เราไม่ได้ไปสั่ง มันเป็นยุทธศาสตร์ที่เกิดขึ้นเอง เราไปสั่งเขาไม่ได้ เช่น องค์กรสิทธิมนุษยชนโลก หรือองค์กรสิทธิมนุษยชนเอเชีย หรือประเทศต่างๆ เราไปสั่งไม่ได้ เป็นเรื่องที่เขาทำกันอยู่แล้ว

แจ้งจับ - นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาฯ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีทำให้การยื่นคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ไม่เป็นไปตามข้อกฎหมาย เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.

‎-แจกแจงคนเสื้อแดง 3 กลุ่ม

เมื่อถามว่า วันนี้กลุ่มนปช.แยกแยะกลุ่มคนที่ต้องการใช้ความรุนแรงออกจากนปช. ได้หรือยัง นางธิดา ระบุว่า เรื่องนี้พูดมานานแล้ว อย่าลืมว่าวันนี้คนเสื้อแดงมี 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 นปช.แดงทั้งแผ่นดิน มีนโยบาย 6 ข้อ ซึ่งเรามีแนวทางที่สำคัญคือการใช้สันติวิธี และมีการปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีอำนาจประชา ธิปไตยอยู่ในมือประชาชน คนที่ไม่ใช่ทั้ง 2 อย่างนี้ถือว่าไม่ใช่นปช. กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มเพื่อนมิตร เป็นกลุ่มที่ยังอยู่ในแนวทางเดียวกันแต่ต้องการการนำอิสระ กลุ่มที่ 3 คือกลุ่มอิสระที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยแม้จะใส่เสื้อแดงแต่เขาต้องรับผิดชอบตัวของเขาเอง ซึ่งสามารถดูได้จากการปฏิบัติของเราและได้ยกระดับการต่อสู้ของเราว่าจะไม่มีการใช้อาวุธ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้ไปการเคลื่อนไหวที่กระทบสถาบันหลักอย่างกรณีนายสุชาติ นาคบางไทร จะไม่เกิดขึ้นแล้วใช่หรือไม่ รักษาการประธานนปช. กล่าวว่า นายสุชาติไม่ใช่นปช. จึงไม่เกี่ยวกัน อย่าเอาเรื่องของบางคน 1-2 คนมาโยนให้คนอื่น กลุ่มคนเสื้อแดงต่อสู้มา 4 ปีต้องรู้ว่าจุดประสงค์ของเราคืออะไร
เมื่อถามว่า ในเมื่อประกาศว่านายสุชาติไม่ใช่นปช. จะแยกกลุ่มคนเหล่านี้ออกจากนปช.ได้อย่างไร นางธิดา ตอบว่า เราบอกอยู่ทุกวันว่ามันเป็นเรื่องของคนที่อยากจะเชื่อและบางคนที่ไม่อยากเชื่อ สังคมปัจจุบันเลือกจะเชื่อเฉพาะในสิ่งที่ตัวเองอยากจะเชื่อ ที่ผ่านมาเราพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก น่าจะเข้าใจ แต่ถ้าไม่เข้าใจ เราก็ต้องพูดซ้ำ วันนี้อย่าลืมว่าคนเสื้อแดงมีจำนวนมาก เวลาที่มีการประณามคนเสื้อแดงขอให้รู้ว่ากำลังประณามคนเสื้อแดงนับสิบล้าน เพียงแต่ที่มาปรากฏตัวนับแสนแค่นั้น คนไทยเป็นอย่างไร คนเสื้อแดงก็เป็นอย่างนั้น

‎-เผย'เสี่ยไก่'ประสานพูดคุย

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ก่อนหน้านี้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โฟนอินระบุให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยให้เงินหนุนการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ถึงวันนี้มีความเกี่ยวพันกันหรือไม่ นางธิดา ชี้แจงว่า ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณพูดอย่างไร คนเสื้อแดงและตนไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย เมื่อถามว่านายกฯ อภิสิทธิ์ระบุหรือไม่ว่าระยะเวลาเร็วสุดที่จะให้ประกันตัวแกนนำนปช.วันที่เท่าไหร่ นางธิดา กล่าวว่า ไม่ได้คุยถึงเงื่อนไขเวลา เป็นการคุยสั้นๆ ที่บังเอิญมาพบกันว่าจะได้มีโอกาสมาทำความเข้าใจในประเด็นของกรมคุ้มครองสิทธิฯ เพียงประเด็นเดียว

เมื่อถามว่าพูดคุยหรือไม่ว่าหลังการประกันตัวแล้วจะมีเงื่อนไขอะไรบ้าง นางธิดา กล่าวว่า ไม่ได้พูด ไม่มีอย่างอื่น เรายินดีที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ จะได้พบแกนนำที่ถูกคุมขังอยู่

รายงานข่าวแจ้งว่า การพบกันระหว่างนายอภิสิทธิ์ นางธิดา และนายวีระในวันนี้ มีนายวัฒนา เมืองสุข เป็นคนประสานงานเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกัน โดยในอดีตนายวัฒนาเคยเป็นหนึ่งในทีมประสานเจรจาขอให้แกนนำนปช. ยุติการชุมนุมที่แยกราชประสงค์อีกด้วย
...

-'มาร์ค'เผยคุย'ธิดา'ราบรื่นดี

เวลา 12.20 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยผู้สื่อข่าวถึงการพบกับนางธิดา รักษาการประธานนปช. ว่า เป็น การพบกันโดยบังเอิญ พอตนมาถึงโรงแรมมีคนมาบอกว่านางธิดาอยู่ที่นี่ และเมื่อ 2 วันก่อนมีคนมาบอกกับตนว่านางธิดาให้สัมภาษณ์ว่าอยากคุยกับรัฐบาลจึงได้พูดคุยกัน บรรยากาศเป็นไปด้วยดีและเน้นย้ำว่าไม่ว่าแต่ละฝ่ายจะคิดหรือมีความเห็นในทางการเมืองอย่างไร สิ่งสำคัญคือการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ฉะนั้นการชุมนุมต่างๆ ขอให้ยึดตามแนวทางสันติวิธี ส่วนข้อเรียกร้องต่างๆ มาพิจารณากันได้ ส่วนการประกันตัวผู้ถูกคุมขังและแกนนำคนเสื้อแดงได้แลกเปลี่ยนความเห็นและเห็นตรงกันว่าการสื่อสารที่ผ่านมาไม่ถึงกันเท่าที่ควร เป็นเหตุผลทำให้มีข่าวว่าแกนนำที่ถูกคุมขังไม่ขอพบ คิดว่าหลังจากนี้คงได้พูดคุยกันมากขึ้นระหว่างกระ ทรวงยุติธรรมกับบุคคลที่ถูกคุมขังอยู่

เมื่อถามว่าแสดงว่านโยบายของรัฐบาลจะให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ดูแลการประกันตัวแกนนำใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นนโยบายมาระยะหนึ่งแล้ว นับตั้งแต่นายคณิต ณ นคร ประธานคอป. เสนอรายงานมา เราได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมไปดูเป็นกรณีไป เพราะตามกระบวนการของกฎหมายจะไปพูดในภาพรวมของทุกคนไม่ได้ จึงต้องดูเป็นกรณี สุดท้ายขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

เมื่อถามว่าการเจรจากับนางธิดา ในวันนี้จะทำให้น.พ.เหวง ได้รับการประกันตัวก่อนหรือไม่ นายกฯ ปฏิเสธว่า ไม่เป็นเช่นนั้น นางธิดาพูดเองว่าถ้าเป็นกรณีน.พ.เหวงได้รับการประกันตัวก่อนคงจะยุ่ง ซึ่งตนเห็นด้วย และบอกว่าคนที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ เข้าไปดูแลก่อนเป็นคนที่ไม่ได้รับการดูแลในเรื่องของกฎหมาย ไม่มีทนาย ไม่มีเงินทุน ส่วนใหญ่เป็นประชาชนธรรมดา

-ขอนปช.ดูแลกลุ่มนอกแถว

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าบรรยากาศจากนี้จะดีขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่การกระทำ รวมถึงการชุมนุม ตนได้ฝากไปด้วยว่าการชุมนุมหลังจากที่เราเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้น สิ่งที่อยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบอยู่ก็พึงหลีกเลี่ยงการกล่าวหาและสร้างเงื่อนไขขัดแย้ง ส่วนการแสดงจุดยืนทางการเมืองเป็นเรื่องที่ทำได้ และหลังเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินไปแล้ว เรายังมีพ.ร.บ. ความมั่นคงที่จะดูแลสถานการณ์ต่างๆ

เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจในคำพูดของแกนนำนปช.รุ่นใหม่อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ และที่คุยกันคืออะไรที่ไม่ใช่แนวทาง ขออย่าอยู่เฉยๆ แล้วมาประกาศว่าไม่ใช่ แต่ขอให้ช่วยกันต่อต้านและคัดค้านหากไม่ใช่สมาชิกของนปช. ซึ่งนางธิดาบอกว่าจะพยายามพูดกับคนที่อยู่นอกแนวทาง

ต่อข้อถามว่า วันนี้รัฐบาลได้ตอบโจทย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แล้วหรือยังและคิดว่าปัญหาจะจบได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ในเมื่อเราพยายามตอบทุกโจทย์แล้ว ซึ่งถือเป็นโจทย์ของส่วนรวม ถ้ายังไม่จบก็หมาย ความว่าเป็นเรื่องของส่วนตัว เมื่อถามว่าหากเป็นเช่นนั้นอนาคตของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องยืนยันว่าตนมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่คงจะเอาเรื่องส่วนรวมมาก่อนเรื่องส่วนตัว
...

http://story.thaimail.com/news/index.php?option=com_content&task=view&id=3151&Itemid=0

------------------------------------------------------------------

ส่วนใหญ่มวลชนเสื้อแดงจะรู้ข้อเจรจา
ก็ต่อเมื่อได้เห็นคำสัมภาษณ์ของคู่เจรจา
หรือไม่ก็ถูกฝ่ายตรงข้ามแกล้งปล่อยข้อต่อรอง
ให้โผล่มาประจานแบบข่าวข้างล่างนี้
ซึ่งข้อต่อรองข้างล่างนี้เป็นหลักฐานอย่างดีด้วยว่า
ใครกันแน่ที่ยุแหย่ เสี้ยม ทำให้แตกแยก
หรือคิดแยกปลาออกจากน้ำ

------------------------------------------------------------------

ศอฉ.รับหนังสือ'วีระ'ยื่นเสนอ3ข้อปรองดอง :: INN online
วีระ มุสิกพงศ์ ส่งหนังสือถึง ยื่น 3 ข้อเสนอแผนปรองดอง ขณะ ศอฉ.ยันทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ


พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. แถลงผลการประชุม ศอฉ.ว่า นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. โดยเสนอแนวทางการปรองดอง 3 ข้อ คือ

1. แผนการปรองดองควรได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย และดำเนินการอย่างรวดเร็ว
2. การปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวตามธรรมชาติ เป็นผลเสียมากกว่าผลดี จึงควรให้คำแนะนำเพื่อเป็นไปตามหลักที่ถูกต้อง และ
3. ควรแยกแยะกลุ่มบุคคล ที่เคลื่อนไหวอย่างสันติ ออกจากกลุ่มเคลื่อนไหวรุนแรง และให้มีการประกันตัวแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง


ซึ่งเรื่องดังกล่าว ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่า การดำเนินการควบคุมผู้ต้องหา เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายอาญา ไม่มีส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับ ศอฉ. หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ดังนั้นรัฐบาลและศอฉ. คงไม่สามารถเข้าไปก้าวก่าย และทำตามที่ นายวีระ ร้องขอได้เพราะอยู่นอกเหนืออำนาจในการดำเนินการ

นอกจากนี้ พ.อ.สรรเสริญ ยังกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สรุปเหตุการณ์ระเบิด ที่สมานเมตตาแมนชั่น ให้ที่ประชุมรับทราบว่า จากการตรวจสอบดีเอ็นเอของ แขน ตัว และลายนิ้วมือ ตรงกับลายนิ้วมือของนายสมัย วงศ์สุวรรณ์ ผู้เสียชีวิต ซึ่งเคยเก็บข้อมูลเก่าบันทึกไว้ พร้อมกันนี้ ศอฉ.ยังได้ขอบคุณผู้ชุมนุมจัดกิจกรรมช่วงเดือน ต.ค.สงบเรียบร้อย พร้อมสั่งตรวจสอบเรือนจำทั่วประเทศ ค้นหาผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมไม่เป็นธรรม

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. แถลงว่า ที่ประชุมได้หารือและทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัย ในการจัดกิจกรรมทางการเมือง ช่วงเดือน ต.ค. พร้อมขอบคุณกลุ่มผู้ชุมนุม ที่จัดกิจกรรมอยู่ในกรอบของกฎหมาย และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งหวังว่าการจัดกิจกรรมในวันที่ 10 ต.ค.จะมีการปฏิบัติตามกรอบที่กฎหมายวางไว้เช่นเดิม ขณะเดียวกันฝากเตือนกลุ่มผู้ชุมนุม เรื่องข้อความที่ใช้ในแผ่นป้าย เพราะอาจมีลักษณะหมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ โฆษกศอฉ. ยังกล่าวด้วยว่า ผอ.ศอฉ. ได้ชี้แจงถึงการหารือกับผู้ว่าฯ กทม. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ กทม. เป็นผู้ดูแลเรื่องติดตั้งกล้อง CCTV ในพื้นที่เสี่ยงตามที่ สตช. เป็นผู้กำหนด รวมทั้งให้มีการประสานงาน ระหว่าง สตช.กับ กทม. ในการใช้กำลังพลป้องกันการก่อเหตุ ขณะที่อธิบดีดีเอสไอ ได้รายงานต่อที่ประชุมว่า นายกฯ ได้สั่งให้กรมราชทัณฑ์ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และดีเอสไอ ดำเนินการตรวจสอบเรือนจำ 17 แห่งทั่วประเทศ ว่ามีผู้ต้องหาคนใดบ้าง ที่ถูกจับกุมในช่วงการชุมนุม แบบไม่ถูกต้อง ตามกระบวนการยุติธรรม

http://www.innnews.co.th/politic.php?nid=248093

------------------------------------------------------------------

แค่ที่เห็นก็ชัดในแนวทางอยู่แล้วว่า
จะทำม็อบให้อยู่ในโอวาทไปวันๆ
อย่าได้คาดหวังอะไรไปมากกว่านั้นหรือไว้สูงกว่านั้น
เพราะได้เลือกตั้งก็สมหวังแล้วสำหรับแกนนำ
นอกนั้นที่ยังจำเป็นต้องจัดต่อไป
เพราะกลัวคนอื่นเขาจะมาแย่งจัดแทนเท่านั้นเอง
ไม่ได้คิดสู้อย่างที่หลายคนเข้าใจ
และไม่ใช่การลับลวงพลาง
เพราะการลับลวงพลางจนเกิดความสับสน
ก็คือการไม่ได้ทำ เช่นมีเป้าจะไปที่เชียงใหม่
แต่ลับลวงพลางว่าจะลงนครสวรรค์เท่านั้น
มวลชนก็คิดว่าจะลงแค่นครสวรรค์เท่านั้น
ก็พยายามเชียร์ป้ายนครสวรรค์ว่าดียังงั้นยังงี้
ป้ายเชียงใหม่เลยไม่ดีในสายตามวลชนไปด้วย

วิธีลับลวงพลาง จึงไม่ใช่วิธีที่ดีนัก
ในการทำม็อบเป็นแค่วิธีเอาตัวรอดของแกนนำ
ฝ่ายตรงข้ามเขาก็รู้ แต่ถ้าแกนนำยังทำให้ม็อบเข้าทางเขา
เขาก็แกล้งไม่เห็น ถามว่าแล้วประกาศชัดๆ ใครกล้าทำ ใครกล้านำ
ผมเคยเห็นว่าไม่มีคนมานำเขาก็นำกันไปแนวเดียวกันหมดได้
และเป้าไปไกลกว่าที่มาแย่งนำด้วยซ้ำทำไมเขาทำกันได้
ไอ้ที่ทำๆ อยู่นี่เรียกว่ามารั้งมาฉุดไว้ให้เข้าทางฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นเอง
เพราะปล่อยแบบไม่มีแกนนำทำท่าจะไปไกลและไปได้เร็วกว่าที่คิด
ที่มานำนี่มาถ่วงชัดๆ ต่อให้ปราศรัยประกาศขึงขังยังไงด่าดุดันยังไง
ก็แค่คำพูดแต่การกระทำคือการมาถ่วงรั้งดีๆ นี่เอง

กาลเวลาพิสูจน์คนเช่นใด
ดูๆ ไปอีกไม่นานก็จะได้เห็นกันเอง
มันต้องมีสักวันที่ต้องเลือกข้างจริงจัง
จะมาหน่วงๆ รั้งๆ แบบนี้ต่อไปคงเอาไม่อยู่แล้ว
เพียงแต่วันนี้ยังตาสว่างกันเองน้อยเกินไป
แต่เชื่อเหอะว่าฝ่ายตรงข้ามเล่นได้เนียนกว่านี้
ยังตาสว่างกันได้ ที่เห็นยังเด็กๆ
เมื่อเทียบกับการแสดงของฝ่ายตรงข้าม
เดี๋ยวก็คงตาสว่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ เองแหล่ะ

โดย มาหาอะไร

FfF