บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


29 เมษายน 2554

<<< ศึกไทยกัมพูชารอบนี้ใครชนะ อย่าดูแค่ตัวเลขเจ็บตายว่าฝ่ายไหนมากกว่าแต่ให้ดูที่ดินแดนที่เป็นปัญหาว่าสุดท้ายใครยึดครองอยู่ >>>

ช่วงนี้มีการปั่นตัวเลขคนเจ็บตายของฝ่ายตรงข้ามทั้งสื่อไทยและกัมพูชา
แถมมีการเกทับว่าฝ่ายนั้นฝ่ายนี้มาขอเจรจาก่อนหรือยอมสงบศึกก่อน
ก็เลยมีคนนำมาเป็นประเด็นคุยกันว่าฝ่ายไหนชนะ

แท้ที่จริงแล้วฝ่ายไหนชนะ ควรดูที่พื้นที่ข้อพิพาท
ว่าฝ่ายไหนสามารถคุมพื้นที่นั้นได้ในตอนจบต่างหาก
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ กรณีพม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา
คราวไหนตีได้สำเร็จ พม่าก็ชนะ คราวไหนตีไม่สำเร็จ
ต่อให้ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาจะเสียไพร่พลมากมายมหาศาลแค่ไหน
หรือสูญเสียมากกว่าฝ่ายพม่าสักเท่าใดก็ตาม
แต่ถ้าผลสุดท้าย สามารถยันทัพพม่าหรือข้าศึกไว้ได้
คราวนั้นทัพฝ่ายกรุงศรีอยุธยาจะเป็นฝ่ายชนะ ไม่ใช่พม่า
ต่อให้ตัวเลขคนบาดเจ็บล้มตายฝ่ายพม่าจะน้อยกว่า
หรือไม่มีแม่ทัพนายกองเจ็บตายก็ตาม
ในขณะที่ฝั่งกรุงศรีอยุธยาอาจมีแม่ทัพนายกองเจ็บตายมากมาย
แต่ถ้าสุดท้ายยันพม่าไว้ได้ในตอนจบ ก็ต้องถือว่าฝ่ายพม่าแพ้

คราวนี้ลองมาดูข่าวกรณีศึกไทยกัมพูชารอบนี้

----------------------------------------------------------------

เตีย บันห์ ยันหยุดยิงชัวร์

เตีย บันห์ รมว.กลาโหมกัมพูชา ยืนยัน ไทย - เขมร รับข้อตกลงหยุดยิงสองฝ่ายจะประจำการ ณ จุดเดิม ด้าน บิ๊กอียู จี้ให้หยุดถาวร...

สำนักข่าวเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์ รายงานเมื่อ 28 เม.ย. ว่าหลังการยิงปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ล่วงสู่วันที่ 7และสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนในทั้งสองพื้นที่เป็นอย่างมาก อีกทั้งก่อเกิดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่ายนั้น ทางนายพาย สีพัน โฆษกรัฐบาลกัมพูชา แถลงว่าทหารทั้งสองฝ่ายเห็นชอบทำข้อตกลงหยุดยิง และเปิดด่านผ่านแดนใกล้ปราสาทตาเมือนธมและตาควายอีกครั้ง เพื่อให้ประชาชนผู้เดือดร้อนจากการสู้รบกลับคืนบ้านเรือน
“นับจากนี้ไป พวกเราจะยึดถือเอาตามข้อตกลงหยุดยิง ส่วนผู้บัญชาการพื้นที่ของทั้งไทยและกัมพูชา จะพบปะพูดคุยกันบ่อยขึ้นหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด” นายพาย สีพัน กล่าวเสริม

สอดคล้องการเปิดเผยของพล.อ.เตีย บันห์ รมว.กลาโหมกัมพูชา ระบุว่าผู้บัญชาการกองทัพของไทยกับกัมพูชาเห็นชอบข้อตกลงหยุดยิง ส่วนทหารทั้งสองฝ่ายจะประจำการณ์ ณ พื้นที่เดิมที่เคยอยู่ ขณะที่พันเอกสด โสเธีย ผู้บัญชาการกองทัพกัมพูชาในพื้นที่สู้รบ เผยว่า สถานการณ์สู้รบขณะนี้สงบแล้ว หลังมีการสู้รบกันช่วงสั้นๆเมื่อช่วงเช้าวันนี้(28เม.ย.)

วันเดียวกัน นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศเดินทางเยือนอินโดนีเซียซึ่งปัจจุบันเป็นประธานหมุนเวียน สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน) เข้าหารือนายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย เกี่ยวกับเหตุปะทะล่าสุดระหว่างไทย-กัมพูชา แต่ยังไม่มีรายละเอียดอื่นๆ

ส่วนนางคริสตี้ เคนนีย์ ทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย เรียกร้องไทยกับกัมพูชา กลับคืนสู่โต๊ะเจรจาหาทางยุติความขัดแย้งต่อไปด้านนางแคทเธอรีน แอชตัน ประธานฝ่ายกิจการต่างประเทศแห่งสหภาพยุโรปหรืออียู ออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธ 27เม.ย. เรียกเหตุยิงปะทะระหว่างไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นว่าเป็นสถานการณ์น่าวิตกอย่างมาก เรียกร้องทั้งสองฝ่ายหยุดยิงถาวรตามที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอสซี) เคยเรียกร้องเมื่อก.พ.

http://www.thairath.co.th/content/oversea/167575

----------------------------------------------------------------

ถ้าสองฝ่ายกลับไปประจำ ณ จุดเดิม
หรือกลับไปก่อนเกิดเหตุปะทะ
ใครมาโม้ให้ฟังว่า ไทยชนะ ช่วยโห่ให้ที
เพราะก่อนเกิดเหตุปะทะ ย้อนไปช่วงต้นปี
ที่มีข่าวพวกปชป. และ พันธมิตร
เข้าไปยังดินแดนแถวนั้นแล้วโดนฝ่ายกัมพูชาจับไปขัง
จนบัดนี้ยังมีบางคนยังไม่ได้ออกจากคุกเลย
แสดงว่าดินแดนข้อพิพาท ณ ขณะนั้น
อยู่ในเขตอิทธิพลของกัมพูชา เขาถึงมาจับตัวไปได้ง่ายๆ
และผู้บัญชาการทหารสูงสุดกว่านามว่าพันธมิตร
ก็สั่งการให้ 3 เหล่าทัพโจมตีเขมร
ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ
ขอโทษด้วยถ้าจำรายละเอียดไม่ได้เพราะไม่ได้ดูบ่อยๆ
จำได้คร่าวๆ ว่ามีการสั่งการประมาณนั้น
แล้วเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็เริ่มเปิดศึกย่อยๆ อีกครั้ง
ถ้าลำดับเหตุการณ์แบบนี้น่าจะเข้าใจว่า
ดินแดนข้อพิพาทส่วนใหญ่อยู่ในการยึดครองของฝ่ายไหน
นอกจากนี้ ยังมีข่าวสู้รบหลายๆ ปราสาท
ว่าทหารไทยยิงปืนใหญ่เข้าใส่ และมีนายทหารไทยบอกว่า
เขมรใช้เด็กและสตรีมาเป็นโล่ห์มนุษย์ในบางปราสาท
ก็แสดงว่าตอนนี้ปราสาทเหล่านี้อยู่ในการยึดครองของเขมร
ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายไปขับไล่
ผมขอนั่งเทียนสรุปตามข่าวแบบนี้แหล่ะ

แถมวันนี้ ยังได้ข่าวว่า กษิต ไปขอให้อินโดนีเซีย
ช่วยเจรจาให้กัมพูชาออกจากพื้นที่พิพาท
อันนี้ยิ่งชัดเจนว่า ณ ปัจจุบันพื้นที่พิพาท
อยู่ในการยึดครองของกัมพูชาไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ผมว่าอินโดนีเซีย ที่เขาเสียติมอร์ตะวันตกไป
โดยมีพี่ไทยส่งทหารเข้าไปช่วยแทรกแซงกะเขาด้วย
ถ้าเขาไม่แค้นฝั่งหุ่นเขาคงอยากช่วยฝ่ายเราตามที่หวัง

----------------------------------------------------------------

'กษิต' จับเข่าคุย 'มาร์ตี้' รมต.ต่างประเทศ อินโดนีเซี
กรณีปัญหาไทยกัมพูชา จี้ทหารออกนอกพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ระบุอินโดฯจะส่งร่างทีโออาร์สุดท้ายกลับมา เพื่อเสนอ ครม. ให้ทัน 3 พ.ค.นี้ เตรียมชี้แจง 'สุรินทร์' รับทราบข้อเท็จจริง ...

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 28 เม.ย. นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการไปประชุมคณะมนตรีประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ หรือโฟนอินถึงการหารือทวิภาคีกับนายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รมต.ต่างประเทศ อินโดนีเซีย ในฐานะประเทศประธานอาเซียน กรณีปัญหาไทยกัมพูชาและความคืบหน้าร่างข้อ กำหนดส่งผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียมายังบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา ว่าการหารือราว 2 ชั่วโมงได้เข้าถึงรายละเอียดของร่างข้อกำหนดดังกล่าวและเห็นพ้องต้องกันเกือบทั้งหมด ในเรื่องของการกำหนดจุดที่จะให้ผู้สังเกตการณ์เข้าประจำการ โดยให้อยู่ในฝั่งไทย 4 จุด และฝั่ง กัมพูชา 3 จุด หรืออยู่ทางทิศเหนือและใต้ของปราสาทพระวิหาร แต่ยังมีติดขัดในเรื่องถ้อยคำบางคำเท่านั้นเพื่อไม่ให้มีข้อติดขัดในกระบวนการรัฐสภา ทั้งนี้ อินโดนีเซียจะส่งร่างทีโออาร์สุดท้ายกลับมา เพื่อที่ตนจะได้เสนอต่อที่ประชุม ครม.ในวันที่ 3 พ.ค.นี้

นายกษิต กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดสำคัญของร่างทีโออาร์ฉบับนี้ได้ระบุชัดเจนว่า จะต้องไม่มีกอง กำลังของทั้งไทยและกัมพูชา เข้าไปประจำอยู่ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร และบริเวณปราสาทพระวิหาร เพื่อไม่ให้เป็นการละเมิดอนุสัญญากรุงเฮกและเอ็มโอยู 43 ที่จะต้องไม่มีกองกำลังอยู่ในวัดแก้วสิขาคีรี และชุมชน วัดและตลาด หากกัมพูชาละเมิดก็จะเท่ากับเป็นการสร้าง ความชอบธรรมให้กับฝ่ายกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์จะเริ่มต้นลงพื้นที่เมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทหารกัมพูชาจะออกจากพื้นที่ดังกล่าวได้เมื่อใด ส่วนระยะเวลานั้นร่างทีโออาร์กำหนดไว้6เดือนแต่อาจจะน้อยกว่านั้นหากมีสันติภาพและไม่ยิงเข้ามาฝั่งไทยอีก

นายกษิต กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้ถือโอกาสเล่าถึงเหตุการณ์การปะทะกันบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยืนยันถึงการดำเนินการของฝ่ายไทยมุ่งหาสันติภาพ และการเจรจาเพื่อสันติโดยผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆที่ไทยและกัมพูชามี ทั้งนี้ไทยประสงค์ให้หยุดยิงโดยเร็วซึ่งทางอินโดนีเซียเองก็รับรู้ข่าวผ่านทางสื่อ และ รับรู้ถึงความทุกข์ยากของประชาชนทั้ง 2 ประเทศตามแนวชายแดน นอกจากนี้ตนยังได้โทรศัพท์กับนายสุรินทร์พิศสุวรรณเลขาธิการอาเซียน เพื่อนัดเวลาหารือ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 เม.ย. เพื่อชี้แจงการดำเนินการของไทยต่อกรณีเหตุปะทะครั้งนี้ด้วย พร้อมกันนี้ ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ยังได้บรรยายสรุปให้กับเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ได้รับทราบถึงกรณีดังกล่าวด้วย

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
29 เมษายน 2554, 02:30 น.
http://www.thairath.co.th/content/pol/167598

----------------------------------------------------------------

โดย มาหาอะไร

FfF