บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


19 พฤษภาคม 2554

<<< เปิดนโยบายสู้ศึกเลือกตั้งของพท.ฉบับเสียงกระซิบ"ทักษิณ"...สอนเสกเงินจากกระดาษ!! >>>

วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 20:40:00 น.

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้วีดีโอลิงค์มาแนะแนวทางในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ภายในงานประกาศความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยทั่วประเทศ ณ ศูนย์ประชุมมหาวิทยาลัยธรรฒศาสตร์ รังสิต เมื่อ 23 เม.ย โดยแยกแจงละเอียดยิบใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง พูดทั้งเรื่องการเลือกตั้ง อธิบายเรื่องความจงรักภักดี และได้แนะนำเรื่องนโยบายแก้ไขปัญหา

พ.ต.ท.ทักษิณ อธิบายว่า สำหรับนโยบายของพรรคที่เห็นวันนี้ มีหลายคนช่วยคิดและตนก็เอาประสบการณ์ในฐานะที่ทำธุรกิจและถูกบังคับให้ เที่ยวไปทั่วโลก มารวมกัน รับฟังทั้งหมด รวบรวมจากทุกอย่างไม่ใช่คิดโดยตัวคนเดียว

แนวคิดนโยบายของพท.ใช้แนวคิด "ดูเรา และ ดูโลก" เข้าใจตัวเองและเข้าใจว่าโลกไปทางไหน เราอยู่กับตัวเองไม่วิ่งตามโลกก็เจ๊ง จึงต้องเข้าใจเรา และโลก เพื่อวิ่งไปโดยไม่ทิ้งคนข้างหลัง รู้เท่าทันทุนนิยม และรู้ข้อจำกัดของเรา

พ.ต.ท. ทักษิณ แนะนำนโยบายที่ใช้แก้ไขปัญหา ดังนี้

โปรเจคท์แรก

จากที่มีคนทำนายว่ากรุงเทพฯจะจมน้ำอีกสิบปี เพราะ กทม.จะต่ำกว่าน้ำทะเล โลกร้อนขึ้นจนน้ำแข็งจะละลาย และน้ำทะเลจะหนุนเข้ามา ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยเมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้ว ขอแนะนำว่าให้ทำเขื่อนลึกลงไปในทะล 10 กม. ความยาวประมาณ 30 กม. ตั้งแต่สมุทรสาคร ยัน ปากน้ำ แต่ไม่ต้องกู้!

สิ่งที่ทำ คือ ทำเขื่อนแล้วถมทะเลลงไป ได้พื้นที่ใหม่ประมาณ 300 ตารางกม. ประมาณเกือบ 2 แสนไร่ โดยมีต้นทุนในการถมทรายตกประมาณวาละ 12,000 บาท เพราะฉะนั้นเราจะได้เมืองใหม่มาทั้งเมือง ตรงนี้จะเป็นการวางผังเมืองที่ทันสมัย สร้างศูนย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไอซีที, แหล่งอุตสาหกรรมที่ไม่ก่อมลภาวะจะอยู่ที่นี่ โดยไม่ต้องกู้ สร้างเมืองโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

เรื่องน้ำ

ปรับปรุงลุ่มน้ำทั้ง 25 ลุ่ม รวมถึงดึงน้ำจากประเทศเพื่อนบ้าน เขื่อนฮัจจี จากพม่า เขื่อมน้ำงึม จากลาว หรือ สตึงนัม จากกัมพูชา ถ้าเราไม่ทะเลาะก็สามารถพูดคุยกันได้ น้ำเขาเยอะเราก็เอามาใช้จะได้ไม่แล้ง และเก็บให้เป็นจะได้ไม่ท่วม โดยมีการเชื่อมแม่น้ำด้วยคลองใหม่ ดังที่สมัยตอนเป็นนายกฯให้เชื่อมแม่น้ำปิงเข้าหากันให้ถ่ายเทน้ำเข้าหากัน

รถไฟฟ้า

ดำเนินการสร้างให้ครบทั้ง 10 สาย ในกทม. เก็บค่าบริการ 20 บาท ตลอดสาย ทุกสถานีจะสร้างเมืองที่มีความพร้อมในตัวเอง เอาไว้สร้างคอนโด และแฟล็ตให้คนรุ่นใหม่ หรือคนจากต่างจังหวัดที่ไม่มีที่อยู่ สามารถเช่าในราคาถูก เดินทางถูก ค่าเช่าประมาณเดือนละ 1 พันกว่าบาท ให้คนไทยที่มีรายได้น้อยตั้งตัวได้

ทำรถไฟรางคู่เชื่อมชานเมืองทั้งหมด ทำรถไฟความเร็วสูง ไปเชียงใหม่, โคราช และระยอง ขยายแอร์พอร์ตลิงค์ ไปฉะเชิงเทรา ไปชลบุรี ไปพัทยา

ภาคใต้


จะต้องทำสะพานเศรษฐกิจเชื่อม 2 ฝั่งระหว่างอันดามันกับอ่าวไทยแต่ต้องคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม และไม่ทับพื้นที่ของพี่น้องมุสลิมที่ใช้เป็นสุสาน

ทั้งหมดนี้เป็นเมกะโปรเจคท์ เพื่อลดเวลาการขนส่ง ลดภาระประชาชน เป็นการลงทุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เชื่อว่าหากทำตามที่กล่าวมานี้เศรษฐกิจไทยจะแข็งแรงและเติบโต

"ที่ใช้คำว่าขอคิดใหม่ ทำใหม่อีกครั้งเพราะ ที่เราคิดแล้วทำไปต้องทำให้ดีกว่าเดิม มีการปรับตามยุคสมัย"

ยาเสพติด

พรรคเพื่อไทยต้องจัดการยาเสพติดให้หมดภายใน 12 เดือน ไม่ใช่ติดป้ายโชว์ 2,500 คน ชาติหน้าก็ไม่หาย เพราะ เรียกว่าทำไม่เป็น ทฤษฎีการบริหารนั้นทำไม่ได้ผล การบริหารจัดการผิดพลาด ยาเต็มบ้านเต็มเมืองเพราะ พ่อค้ายาคือส่วนหนึ่งที่ช่วยล้มตน!

ที่สำคัญคือการทุจริตซื้อขายตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือฝ่ายปกครอง ผู้กำกับโรงพักธรรมดาตำแหน่งตำแหน่งหนึ่งราคาเป็นล้าน วันนี้ประชาชนเดือดร้อนเพราะว่าทุกคนรักความก้าวหน้า แต่ว่าความก้าวหน้าถูกบังคับว่าความดีไม่เป็นไร เอาเงินอย่างเดียว

เรื่องปัญหาความยากจน

ความยากจนต้องหมด จากประเทศภายใน 4 ปี สิ่งที่น่ากลัวคือ ตัวเลขระหว่างคนจนกับคนรวย 5 ปีมานี้ ห่างกันมากขึ้น ซึ่งทำท่าว่าจะแย่ และทางยุโรปก็เขาห่วงเรา บิล เกตต์ เจ้าของบริษัท ไมโครซอฟต์ บอกว่า ถ้าเราเกิดมาจนไม่ใช่ความผิดของเรา แต้ถ้าเราตายจนถือเป็นความผิดของเรา แต่ถ้าเราไม่อยากตายจน แล้วต้องตายจน เป็นความผิดของรัฐบาล ดังนั้น เป็นภารกิจของพรรคเพื่อไทยที่ต้องทำให้ประชาชนไม่ตายจน

ตนอยากให้ชนชั้นกลาง สูง ในกทม. เข้าใจว่า ทำไมเอาแต่เรื่องยากจน จริงๆ แล้วตนทำทุกเรื่อง มีนักเศรษฐศาตร์บอกว่า การขับเคลื่อนปิรามิดสามเหลี่มต้องผลักที่ฐาน ถ้าผลักที่ยอดแล้วจะล้ม การแก้ปัญหาความยากจนคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ นี่คือหลักทั่วไป ความยากจนจึงเป็นการแก้ปัญหาที่เป็นหัวใจเลย นั่นคือ กองทุนหมู่บ้าน

วันนี้ กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นกองทุนชั้นดี ที่เหลือก็เป็นกลางบ้าง แย่บ้าง ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เขากำลังพัฒนาเป็นสถาบันการเงินของหมู่บ้าน เอากำไรมาจัดสวัสดิการหมู่บ้าน เพราะฉะนั้น รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องเพิ่มทุนเข้าอีก 1 ล้านต่อหนึ่งกองทุนเพื่อให้เกิดการหมุนเวียน แก้ไขปัญหาเงินนอกระบบ ในหมู่บ้าน และเอาระบบไอที เชื่อมหมู่บ้านทั้งหมดเป็นธนาคารประชาชนของประชาชนอย่างแท้จริง

คนที่เป็นหนี้ต่ำกว่า 5 แสน จะมีการพักหนี้อย่างต่ำ 3 ปี สำหรับผู้เป็นหนี้เกิน 5 แสน แต่ไม่เกิน 1 ล้านจะมาปรับโครงสร้างหนี้ เพราะตอนวิกฤตเศรษฐกิจที่เคยปรับโคงสร้างหนี้ ลบหนี้ให้กับนักธุรกิจ จนทุกวันนี้ยังต้องใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูอยู่ เพราะฉะนั้น วิกฤตที่เกิดขึ้น 5 ปีที่ผ่านมาทำให้ประชาชนลำบาก ก่อนอื่นคือต้องเอาหนี้แขวนไว้ก่อน มาทำมาหากิน พอมีรายได้ค่อยมาใช้

30 บาทรักษาทุกโรค

เป็นโครงการที่ต้องการบอกว่า ไม่ว่าเป็นคนยากดีมีจนก็ซื้อบริการสาธารณะเท่ากัน ทุกวันนี้ ใช้เงินประมาณหัวละ 2,800 บาท ซึ่งเป็นราคาเพิ่มขึ้น แต่คุณภาพแย่ลง เพราะฉะนั้น เราต้องกลับมาดูใหม่ ให้รักษาทุกโรคอย่างมีคุณภาพ ปรับปรุงโรงพยาบาลและศูนย์บริการสาธารณสุขต่างๆ ให้ทั่วประเทศไทย

เรื่องโอท็อป

ต้องกลับมาทำใหม่ และเรียนรู้ร่วมกันกับองค์กรศิลปาชีพ ขั้นต่ำที่งบจะไปองค์กรท้องถื่น 25 เปอร์เซ็นต์ แต่วันนี้ที่ต้องเอาใต้โต๊ะไปแลกจึงจะได้งบ เพราะฉะนั้น พรรคเพื่อไทยให้ 25 เปอร์เซ็นต์เต็มๆ ไม่ต้องวิ่งเต้น เพื่อให้เงินในสะพัดท้องถิ่น มีเงินในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ องค์กรปกครองท้องถิ่นต้องให้ได้เงินรายได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน เราจะให้งบประมาณในชุมชนบริหารเอง หมู่บ้านเล็กให้ 3 แสนบาท ขนาดกลาง 4 แสนบาท ขนาดใหญ่ 5 แสนบาท

ราคาข้าว


ที่เป็นปัญหาทุกวันนี้ รัฐบาลมั่นใจเรื่องราคาข้าว เพราะคิดว่าได้คะแนนเสียง เขาประกันให้คนที่ปลูกเอาไว้กินเอง แต่ระบบประกันเป็นระบบที่ไม่ถึงมือชาวบ้าน พรรคเพื่อไทยจึงนำวิธีรับจำนำมาใช้ คือ ผลิตข้าวได้เท่าไหร่ ก็ราคาเท่านี้ ข้าวเปลือกขาวเกวียน 15,000 บาท ข้าวหอมมะลิเกวียนละ 20,000 บาท นี่คือราคาจำนำของพรรคเพื่อไทย อันเนื่องมาจากต้นทุนข้าวราคามักสูงขึ้นทุกวัน

ความคิดเรื่องการให้เครดิตการ์ดกับเกษตรกร

เกษตรกรอยู่ต่างจังหวัดเมื่อไม่มีเงินก็ต้องไปวิงวอนเถ้าแก่ขอปุ๋ย ยอมจ่ายดอกเบี้ย แต่เมื่อเอาการ์ดไปวางแล้วรูด มันเท่ มีศีกดิ์ศรีกว่าเยอะ วิธีการคือ จากที่รับจำนำอยู่แล้ว ก็คำนวณข้าวว่าทำข้าวได้กี่ตันเป็นเงินเท่าไหร่ แล้วตั้งวงเงินไว้ อย่างเช่นมีวงเงินอยู่จำนวนหนึ่งก็เอาไปซื้อ หรือใช้เป็นค่าจ้างวาน จากนั้นใช้ระบบทำด้วยคอมพิวเตอร์ จำกัดการใช้ไม่ให้ไปซื้อสิ่งของอย่างอื่น เมื่อเอาข้าวส่งมอบจำนำครั้งหนึ่ง ล้างบัญชีแล้วก็จบ ครั้งหน้าก็เอาไปใหม่ เพราะฉะนั้นจะไม่มีหนี้เสีย และเมื่อพบว่าที่ไหนที่ได้ผลผลิตต่ำก็ต้องปรับปรุงผลการผลิต เชิญชวนให้เปลี่ยนชนิดพืช และจะการันตีให้กับเกษตรกรว่าผลผลิตต้องได้ไม่น้อยกว่าที่ได้ในปัจจุบัน

ประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะภาษีต่ำ

ประเทศที่แข่งขันได้หรือเจริญแล้วจะจ่ายภาษีไม่สูง อย่างสิงค์โปร์เก็บภาษีนิติบุคคล 18 เปอร์เซ็นต์ มีฟิลิปปินส์กับ ไทยเก็บ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่เราจะปรับลดภาษีจาก 30 เหลือ 23 เปอร์เซ็นต์ในปีพ.ศ. 2555 แล้วจะให้เงินเดือนขั้นต่ำของผู้ที่จบป.ตรีที่ 15,000 บาท แรงงานขั้นต่ำเริ่มที่ 300 บาทต่อวัน เพราะมีการลดภาษีแล้ว เมื่อกำลังเงินสูงขึ้น ก็มีกำลังซื้อสูงจากนั้นก็เก็บเงิน จากภาษีหักที่จ่าย เพื่อให้สมดุล ในที่สุดก็จะเก็บภาษีได้มากขึ้น เป็นหลัก "น้อยเพื่อได้มาก"

ประชาชนชาวไทยจะต้องตั้งตัวได้อย่างมีศักดิ์ศรี

คนอยากตั้งตัวมักไม่รู้ว่าจะตั้งตัวอย่างไร ระบบธนาคารเป็นระบบเหมือนโรงรับจำนำ แต่คนที่จะตั้งตัวมักไม่มีของติดตัว แต่การที่จะทำให้ตั้งตัวได้คือ ตั้งกองทุนในมหาวิทยาลัยทั้งรัฐ และเอกชน ตั้งกรรมการ มาควบคุม ประกอบด้วยอาจารย์ ศิษ์เก่า ที่สำเร็จในชีวิต ตัวแทนภาครัฐ และเอกชน ให้แนวคิด เพราะที่มหาวิทยาลัยประกอบด้วยเด็กที่กำลังจะจบ องค์ความรู้อยู่ในมหาวิทยาลัยทั้งหมด การเป็นนักธุรกิจที่มีฐานความรู้ได้เปรียบกว่า จึงสร้างผู้ประกอบการได้เยอะ จึงตั้งกองทุนทุกมหาวิทยาลัยเริ่มต้นที่ 1 พันล้าน เพื่อเป็นทุนตั้งตัวให้นักศึกษาหรือแม้แต่อาจารย์เองกู้ไปใช้

ตั้งกองทุนร่วมทุนทุกจังหวัด


เพื่อให้พี่น้องในแต่ละจังหวัดและกรรมการได้เข้าใจธรรมชาติของเศรษฐกิจในจังหวัดนั้นในการอนุมัติเงินกู้ให้กับแนวคิดธุรกิจที่น่าสนใจ

คืนภาษีและเพิ่มค่าลดหย่อนให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรก

ช่วยคนที่เริ่มตั้งตัวเพื่อให้เขาแข็งแรง และเป็นทรัพยากรของชาติ ลดภาษีที่ได้กับผู้ซื้อ เช่นภาษีค่าโอน และยังเพิ่มค่าลดหย่อนเป็น 5 แสนบาท แต่ต้องดูราคาบ้านเหมาะสำหรับคนจะตั้งตัวจริงๆ

ประกอบกับคืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถคันแรก อย่างเช่นราคารถ 5 แสนบาท คืนภาษี 1 แสนบาท ราคาก็เหลือประมาณ 4 แสนบาทแต่ต้องถือครองรถคันนี้ไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะขายต่อได้ หากขายต่อภายใน 5 ปีแรกจะไม่ได้รับคืนภาษีจากนั้นอุตสาหกรรมรถก็จะแข็งแรง ไทยก็จะดึงดูดเพิ่มโรงงานผลิตรถที่แข็งแรง การส่งออกก็จะเพิ่มมูลค่ามากขึ้น

พลังงาน


ทุกวันนี้มีราคาแพงขึ้น "เพื่อไทย" จะดูเรื่องการเก็บเงินภาษีให้เหมาะสม ถ้าแพงมากก็ปรับภาษีลง และต้องหาแหล่งน้ำมันต่างชาติ ให้เอกชน รัฐไล่หาสัมปทานทั่วโลก พร้อมกับรณรงค์การประหยัดพลังงาน ส่งเสริมพลังงานไบโอดีเซล พลังงานที่เกิดจากน้ำ แสงอาทิตย์ และลม

เรื่องนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ

ดำเนินการแจกแท็บเล็ต พีซี เด็กไปโรงเรียนต้องถือไปหนึ่งเครื่อง ให้มีสัญญาณวายฟาย (Wi-Fi ) ฟรี ในที่สาธารณะ ให้ผู้ให้บริการติดตั้งให้รัฐบาลฟรี และขอให้สร้างห้องการเรียนรู้ ในพื้นที่ต่างๆ มีครูมาเปิดสอนพิเศษ โดยให้รัฐจ่ายค่าจ้างให้ นำระบบสมาร์ทการ์ดกลับมาใช้ให้ประชาชนได้รับบริการสวัสดิการผ่านบัตรสมาร์ทการ์ด

นโยบายท่องเที่ยว

ต้องสร้างสนามบินสุวรรณภูมิให้เป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง และต้องรีบทำอย่างเร่งด่วน การบินไทยต้องทำงานในสุวรรณภูมิ พร้อมกับทำเรื่องวีซ่าฟรีกับประเทศตะวันออกกลาง

โครงการครัวไทยสู่ครัวโลก

ต้องกลับมาทำอย่างจริงจัง มีการแจกจ่ายที่ดี ส่งเสริมการแปรรูปอาหาร ให้ทุนกู้เปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ที่สำคัญคือ อาหารไทยต้องเป็นอาหารของโลก

เรื่องการต่างประเทศ


ตอนนี้กล่าวได้ว่าเราเป็นตัวปัญหา ทะเลาะกับเขาหมด วันนี้ต้องใช้ประโยชน์จากการเป็นองค์กรร่วม ไม่ใช่สร้างปัญหา องค์กรที่น่าสนใจคือ BRIC บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน ซึ่งเป็นการร่วมมือกันทางการเมือง ประเทศไทยต้องสอดแทรกเข้าไป ถ้าเราวางตัวดีก็จะสามารถสอดแทรกในเวทีโลกได้

กระทรวงต่างประเทศ พาณิชย์ ต้องทำงานไล่ล่าเอาเงินเข้าประเทศ ตนอยู่ต่างประเทศ ก่อนการปฏิวัติตนบอกว่าจะมีความสัมพันธ์กับประเทศแถบแอฟริกา เพราะฉะนั้น จะร่วมมือกับแบงค์ชาติ จากที่เงินสำรองของไทยมีเยอะเกิน เราเอาเงินเหล่านี้ตั้งเป็นกองทุนมาไล่ล่าทรัพยากรต่างประเทศ ให้โอกาสพานักธรณีวิทยา นักวิเคราะห์ และองค์กรต่างๆ ในไทยไปบุก

"ระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ ผมได้รวบรวมและสำรวจแหล่งทรัพยากร แต่ยังไม่ได้ทำเป็นเหมือง เข้าใจว่าปีกว่าก็จะเริ่มขุดได้ หลังจากที่สำรวจและขุดเจาะจะเอาหุ้นไปเข้าตลาดก็เสกเงินจากสัญญาสัมปทานใน ขั้นแรกได้ เมื่อขุดเจาะแล้ว กระดาษก็ขลังขึ้นเรื่อยๆ หากเอาไปเข้าตลาดก็เปลี่ยนเป็นเงินได้ทันที พี่น้องต้องรู้จักการเสกกระดาษเป็นเงิน และผมจะช่วยให้นักธุรกิจเสกกระดาษเป็นเงิน โลกยุคปัจจุบันใช้เครื่องมือทางการเงินไปหาเงิน ไม่ใช่เงินหาเงินเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้"

นับถือศาสนา


คนไทยมีเสรีภาพในการนับถือ โดยมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลัก เราต้องให้คนไทยยึดหลักคำสอนของศาสนาที่ตนนับถือ วันนี้ ยอมรับว่าสังคมแข่งขันทำให้ห่างหลักศาสนา สิ่งเหล่านี้ช่วยตนได้เยอะในช่วงอยู่ต่างประเทศ อยากเห็นความรุ่มรวยในทุกศาสนา ใช้หลักศาสนาในการดำรงชีวิต ส่งเสริมให้พระได้เรียนทางโลกและธรรมมากขึ้น ส่งเสริมให้พระได้อยู่อย่างเข้มแข็ง บูรณะวัด ด้วยงบเพิ่มขึ้น

สำหรับอิสลามจะส่งเสริมพิธีฮัจญ์ สรุปแล้ว จะสถาปนาความสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบีย คิดว่าจะสร้างเมืองเล็กๆ อยู่ข้างเมืองเมกกะ น่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้อง และเมื่อมีทุนศาสนาอิสลามก็ต้องมีทุนให้ศาสนาอื่นด้วย

3 จังหวัดชายแดนใต้

เพื่อไทยขอใช้นโยบายจับเข่าคุย และคุยกับมาเลเซียด้วย ใช้นโยบาย เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เราต้องมาพิจารณาว่าเป็นเขตปกครองพิเศษ เหมือนกทม. เพื่อให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ แล้วจะมีการจับเข่าคุยในเรื่องที่เป็นไปได้ทั้งความมั่นคงและความสุขของพี่น้องมุสลิม

เรื่องการศึกษา


พบว่า ครูที่ไม่พร้อมจะสอน ต้องมาหารายได้พิเศษ โดยจะจัดศูนย์ฝึกในอาชีวศึกษาทุกแห่ง ให้ประชาชนเข้าไปเรียนรู้เรื่องที่สนใจ พัฒนาทักษะให้คนไทยเป็นผู้ชำนาญในสาขาต่างๆ ใช้ระบบเรียนก่อน ผ่อนทีหลัง

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1303552990&grpid=01&catid&subcatid

-----------------------------------------------------------

FfF