ตอนแรกงานนี้กะอู้อีกตามเคย
บ่ายแล้วยังนั่งแต่งสวนที่บ้านริมนาอยู่เลย
แต่ด้วยความไม่เคยฟังยิ่งลักษณ์ปราศรัย
ทำให้ต้องรีบบึ่งรถเข้ากรุงทันที
แต่รถในเมืองโครตติดเลย
แถมกลัวหาที่จอดแถวสวนลุมไม่เจอ
ก็เลยมาแวะจอดที่มาบุญครอง
แล้วนั่งแท็กซี่ไปที่งานแทน
พอไปถึงคนก็ยังไม่เยอะเท่าไหร่
สักพักฝนเจ้ากรรมนายเวรก็ตกลงมา
ทั้งๆ ที่แดดยังจ้าอยู่เลย
หลังฝนหยุดตกก็เดินสำรวจรอบๆ งาน
พบสินค้าตรายิ่งลักษณ์เต็มไปหมด
ทั้งเข็มกลัดทั้งเสื้อรูปถ่ายที่ติดตู้เย็น
ก็เลยซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึกหลายอย่าง
ทั้งที่ติดตู้เย็น รูปถ่าย หนังสือ
และแวะไปอุดหนุนร้านกลุ่ม บก.ลายจุด
ขายเสื้อ Vote YES ลายเก๋ดี
แถมด้วยหนังสือของอริสมันต์ด้วย
งวดนี้ช็อปกระจาย
ขนาดที่บดพริกยังซื้อเลย อิอิ มันแปลกดี
สักพักผู้คนเริ่มเยอะขึ้น
ยิ่งดึกคนก็ยิ่งเยอะแน่นไปหมด
ช่วงที่ยิ่งลักษณ์ปราศรัยหลายคนก็ช่วยลุ้น
อย่างว่ามือใหม่หัดปราศรัย
ได้แค่นี้ก็ถือว่าเก่งแล้ว
ฝึกปราศรัยบ่อยๆ อีก 1 เดือนให้หลัง
การปราศรัยจะเป็นธรรมชาติมากกว่านี้
ช่วงนี้ดูแข็งๆ เหมือนซ้อม
ยังไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร
ที่สำคัญบางเรื่องไม่เกี่ยวกับการหาเสียง
เช่นฟุตบอลก็ไม่น่าไปเอ่ยถึง
รวมทั้งไม่จำเป็นต้องเน้นเอ็นเตอร์เทน
เน้นเนื้อหาสาระ ที่ออกมาจากความเข้าใจ
ต้องมีความมั่นใจ เหมือน CEO
เพราะคนคาดหวังว่า
จะได้อดีต CEO บริษัทใหญ่มาบริหาร
การพูดจาต้องออกแนวอาจารย์
คือเข้าใจนโยบายทั้งหมดอย่างแจ่มแจ้ง
ทั้งข้อดีข้อเสีย สามารถขยายข้อดีเพิ่ม
และหลีกเลี่ยงหลบหลีกข้อเสียไปก่อน
ไว้มีเวลาค่อยหาทางแก้ไข
เรียกว่าช่วงหาเสียง
ก็ต้องแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน
อันที่จริงแทบทุกพรรค
มีหลายนโยบายที่ยังหาจุดอ่อนมาโจมตีได้
ไม่เว้นแม้แต่พรรค ปชป.
ดังนั้นการดีเบตกับมาร์ค ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว
แต่ต้องฝึกให้ชินเวทีไม่ให้ตื้นเต้นมาก
และการพูดอยู่ในเนื้อหา
ไม่หลงไปตามเกมเขา
เผลอๆ ไม่แน่อีก 1 เดือน
อาจท้าชนกับมาร์คได้
เพราะมาร์คเขามั่นใจว่าเขาชำนาญด้านการพูด
แต่เรื่องทำงานนั้นอาจคนละเรื่องกับสิ่งที่พูดได้
แต่ช่วงเวลาหาเสียง บางทีก็ัวัดกันที่การพูด
เหมือนนางงามรอบสุดท้าย
ที่ต้องมาตอบคำถามจากกรรมการอะไรแบบนั้น
จะหลบเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเลือกจะเป็นนักการเมือง
ยังไงก็หนีการพูดจาปราศรัยไม่ได้
เมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องทำให้ดีที่สุด
เหมือนแม่ค้าขายของ
ระหว่างอายที่ต้องมาขชายของ
กับไม่อายที่จะขายของ
ก็เรียกว่าเป็นแม่ค้าเหมือนกัน
แต่คนที่ไม่อายมีโอกาสขายของได้มากกว่ากัน
เล่นการเมืองก็เหมือนกัน
การหาเสียงของประธานาธิบดีอเมริกา
ก็ดีเบตกันหลายครั้งกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง
ดังนั้นการเลี่ยงการดีเบตคงไม่งาม
ถ้าชนะขึ้นมาอาจทำให้เกิดความคาใจ
ของฝ่ายตรงข้ามได้
เหมือนกับเหตุการณ์ตอนปีใหม่ปีนี้
ที่ทำงานเรา ให้ระดับส่วนแต่งแฟนซี
แล้วลูกน้องก็ซื้อพวงมาลัยไปให้
ใครได้มากกว่าชนะ เขาเน้นหาทุนจัดงาน
ก็เลยคิดใช้วิธีการนี้
ปรากฏว่าส่วนเราขี้อายแต่ก็ร่วมกิจกรรม
แต่ไม่ได้แต่งตัวอะไรเสื้อเชิ้ตธรรมดา
กางเกงใส่ทำงาน ดูยังไงก็ไม่น่าได้
ส่วนอื่นๆ มีตั้งแต่ทุ่มทุนสร้างจนถึงอลังการ
ปรากฏว่าพอนับพวงมาลัย
ส่วนเราชนะเพราะลูกน้องกระเป๋าหนัก
ทุ่มช่วยซื้อพวงมาลัยชนะส่วนอื่น
แต่ผลที่ตามมาคือการค้านสายตาผู้ชม
แม้แต่สายตาเราเองก็ยังไม่เห็นด้วย
เพราะดูแล้วไม่น่าชนะ
แต่ลูกน้องบางคนเขาไม่ได้ดูอะไร
แข่งกันเชียร์กลัวน้อยหน้าส่วนอื่น
ปรากฏเกิดชนะขึ้นมาแต่ค้านสายตาผู้ชมจำนวนมาก
แทนที่จะได้ปลื้ม ก็เลยโดนนินทากันยกใหญ่
กว่าจะซาก็ปาเข้าไปหลายวัน
นี่คืออุทาหรณ์สอนใจ
ถ้าคิดจะลงแข่งขัน ต้องเต็มที่
จะทำเล่นๆ ไม่ได้ ถ้าไม่คิดเต็มที่
ก็อย่าลงแข่งซะยังจะดีกว่า
ดังนั้นการดีเบตมันเลี่ยงไม่ได้
และถ้าฝึกความกล้าพูดบนเวทีจนไม่สั่นแล้ว
และคุมจังหวะการพูดและท่าทางให้เป็นธรรมชาติได้
ไม่จำเป็นต้องแข็งกร้าว แต่ต้องไม่หน่อมแหน้ม
พูดแต่สาระจริงจังน่าเชื่อถือสมกับเป็น CEO
โอกาสคว่ำมาร์คคาเวทีมีสูง
เพราะนโยบายมาร์คก็มีข้อเสียพอที่จะตีแบบเนียนๆ
โดยการเปรียบเทียบแทนการโจมตี
ส่วนนโยบายฝั่งเราก็ต้องรู้จุดอ่อน
เพื่อหาทางเลี่ยงชิ่งให้ได้
แค่รู้เขารู้เรา แล้วกล้าพอที่จะพูดบนเวที
ไม่แน่มาร์คอาจโดนฝังคาเวที
เป็นการเอาชนะในสนามที่เขาคิดว่าแน่แล้ว
นี่เป็นการชนะแบบเด็ดขาดที่สุด
อย่ากลัวเกินเหตุ มาร์คจุดอ่อนเยอะ
เพียงแต่รู้จักพูดหลบหลีกเก่ง
ถ้าทำการบ้านดีๆ
ใช้คารมฝังมาร์คคาเวทีไม่ใช่เรื่องยาก
ผมฝันจะได้เห็นวันนั้นเหมือนกัน
โดย มาหาอะไร
FfF
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.