บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


23 มิถุนายน 2554

<<< หลักฐานสำคัญในคดีกระชับพื้นที่หฤโหด ใครฆ่าประชาชน ใครโกหกประชาชน >>>

วันพฤหัสบดี, มีนาคม 03, 2011

แฉโฉม5สมุนเหี้ย..มทีมฆ่า6ศพวัดปทุมฯ เปิดตัวเอ้คุมสังหารหมู่10เมษา-19พฤษภา ใคร?แก๊งดับเสธ.แดง


ทหารกล้าฆ่า6ศพในวัดปทุมฯ?-หลัง จากนายจตุพร พรหมพันธ์ ได้เปิดเผยเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วถึงรายชื่อทหารที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นทีมปฏิบัติการสังหารหมู่เหยื่อ 6 ศพที่ลี้ภัยในเขตอภัยทาน วัดปทุมวนาราม เมื่อ 19 พฤษภาคม 53 ล่าสุดมีการเปิดเผยโฉมหน้าและประวัติทีมงานที่ถูกกล่าวหาดังกล่าวทาง อินเตอร์เน็ต (คลิ้กที่ภาพเพื่อขยายใหญ่)

โดยทีมข่าวไทยอีนิวส์
3 มีนาคม 2554

รปภ.ห้างเปิดปาก19พ.ค.เสื้อแดงบริสุทธิ์ แฉทหารยึดก่อนเผา-6ศพวัดปทุม5นายสิบจำนนสารภาพยิง


มีทหารมาควบคุมพื้นที่ห้างและสั่งให้รปภ.ทุกคนติดบัตร จึงออกจากพื้นที่ได้ ส่วนภายในห้างตอนนั้น ไม่มีคนเสื้อแดงหรือประชาชนหลบอยู่ในห้างแต่อย่างใด และยังไม่มีไฟไหม้ ออกจากห้างได้ในเวลา17.00 วันที่ 19 พฤษภาคม-นายเวียน อยู่สังกัดรปภ.บริษัท อาร์ทีเอสการ์ด รปภ.ห้างเซ็นทรัลเวิลด์
หมายเหตุไทยอีนิวส์:หลังจากมีผู้นำภาพเหตุการณ์ชุดทหารปิดล้อม ไล่ยิงคนออกจากห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วมีการเผาห้างตามมาเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ทางface book ล่าสุดหนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 8 ธันวาคม 2553 ได้ไปทำข่าวสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างฯถึงเหตุการณ์ข้อเท็จ จริงในวันนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นแน่?..และไทยอีนิวส์เผยแพร่ข่าวนี้ครั้งแรก เมื่อ 9 ธันวาคม 2553

- รปภ.เซ็นทรัลเวิลด์แฉวันเผา

ผู้สื่อข่าวได้ไปที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ถ.ราชดำริ ภายหลังจากมีภาพเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 ที่แยกราชประสงค์ ภายในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แพร่ในเฟซบุ๊ก ช่วงที่มีศอฉ.เข้าเคลียร์พื้นที่ภายในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ก่อนเกิดไฟไหม้ขึ้น ทั้งที่ศอฉ. เข้าไปในพื้นที่แล้ว เพื่อติดตามสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

นาย เอ (นามสมมติ) กล่าวว่าตนเข้าปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเช้า สังกัดบริษัท อาร์ทีเอสการ์ด จำกัด ซึ่งห้างเซ็นทรัลเวิลด์จะจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยสองแห่ง ดูแลพื้นที่ โดยมีบริษัท อาร์ทีเอสการ์ด จำกัด ดูแลพื้นที่ด้านนอก ลานจอดรถ และรอบห้างทั้งหมด ส่วนบริษัท จีโฟร์เอส การ์ด จำกัด ดูแลเฉพาะส่วนภายในอาคารทั้งหมด

ในเวลาดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเช้า ตนได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้านหลังห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ช่วงเช้าก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไร แต่หลังจากเวลา 13.00 น. ได้ทราบข่าวว่าได้มีเจ้าหน้าที่เคลื่อนที่นำกำลังมาบริเวณถึงหน้าถนน บริเวณสยามพารากอน จากนั้นก็มีเสียงปืนและเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ ตนจึงให้รปภ.รอบบริเวณห้างลงไปอยู่ด้านล่างเพื่อความปลอดภัย โดยปิดล็อกประตูทางเข้าออกห้างทั้งหมด จนกระทั่ง เวลา 16.30 น. ได้มีกลุ่มทหารพร้อมอาวุธปืนบุกเข้ามาเคลียร์ในพื้นที่ห้างสั่งให้นอนหมอบ กับพื้นและสั่งให้รปภ.ทุกคนติดบัตร ก่อนปล่อยตัวออกไปจากพื้นที่ ซึ่งมีรปภ.บางคนไม่มีบัตรก็ไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้ถูกควบคุมตัวแยกไว้

- ถูกทหารคุมตัวออกจากห้าง

นายเวียน (นามสมมติ) กล่าวว่า อยู่สังกัดรปภ.บริษัท อาร์ทีเอสการ์ด ช่วงเกิดเหตุปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้านห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ถ.ราชดำริ ตนอยู่ประตูทางเข้าออกห้างช่วงเช้าไม่มีเหตุการณ์อะไร จนมาช่วงบ่ายสังเกตเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงได้วิ่งแตกฮือกระจัดกระจายหนี เนื่องจากช่วงนั้นเริ่มมีเสียงระเบิดและปืนดังขึ้น ตนได้รับแจ้งทางวิทยุจากหัวหน้าให้ปิดประตูทางเข้าออกห้าง และให้หลบลงมาอยู่ด้านล่าง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิด เป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่กล้าออกมาดูด้านบนว่ามีเหุตการณ์อะไรเกิดขึ้น

จนเวลา 17.00 น. จึงออกจากพื้นที่ได้ โดยมีทหารมาควบคุมพื้นที่ห้างและสั่งให้ทุกคนติดบัตร จึงออกจากพื้นที่ได้ ส่วนภายในห้างตอนนั้นไม่มีคนเสื้อแดงหรือประชาชนหลบอยู่ในห้างแต่อย่างใด และยังไม่มีไฟไหม้

ส่วนนายเทียน (นามสมมติ) รปภ.จีไฟร์เอส การ์ด กล่าวว่าช่วงเช้าตนปฏิบัติหน้าที่อยู่ชั้น 6 ของห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมองออกทางกระจกหน้าห้างสังเกตเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงวิ่งหนีกันอลหม่าน และมีเสียงปืน เสียงระบิดดัง และได้รับคำสั่งจากหัวหน้าเช่นกันแจ้งให้ลงมาอยู่ข้างล่างจนเวลา 17.00 น. จึงออกจากพื้นที่ได้

และนายพง(นามสมมติ) รปภ.บริษัทจีไฟร์เอสการ์ด กล่าวเช่นกันว่าตนอยู่ชั้น 1 ก็ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าแจ้งให้ปิดประตูห้าง จากนั้นได้ยินเสียงปืนเสียงระเบิดดังถี่ขึ้นตลอด และต้องหลบลงมาอยู่ชั้นใต้ดินจนเวลา 16.00 น.ถึงออกจากพื้นที่เช่นกัน


-กรณี6ศพวัดปทุมฯจนท.รับยิงเข้าไปในวัดจริง

นายจตุพร พรหมพันธ์ แถลงข่าว อ้างว่าเจ้าหน้าที่ทหารที่ใช้อาวุธปืน M16A2 (กระสุนปืนขนาด 5.56 ม.ม. เป็นชนิดเอ็ม 855 (M855) หัวกระสุนจะเป็นหัว "สีเขียว" มีรายชื่อดังนี้ 1.จ.ส.อ.ชื่อย่อ ส. รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการ 2.ส.อ.ชื่อย่อ ภ. 3.ส.อ.ชื่อย่อ ก. 4.ส.อ.ชื่อย่อ ช. และ 5.ส.อ.ชื่อย่อ ว.

ทั้งห้านายรับว่าได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงเข้าไปในวัดปทุมวนารามจริง และรับว่าอาวุธประจำกายของตนที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้ บังคับบัญชา มีการขออนุมัติเบิกอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน จากหน่วยรบแห่งหนึ่ง ซึ่งได้แก่ เอ็ม16เอ2 (M16A2) ใช้กระสุนขนาด .223 (5.56 ม.ม.) เป็นกระสุนปืนเอ็ม 855 (M855)

ประมวลเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธปืนยิงประชาชนในวัดปทุมฯ

1.สถานที่ยิงเป็นเขตอภัยทาน พยานบุคคลจากการสอบสวนมีพยานหลายสิบปากที่เห็นเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิง เข้ามาในบริเวณวัด แม้กระทั่งยิงเข้าไปในเต็นท์ พยาบาลขณะที่มีการยุติการชุมนุมแล้ว บริเวณวัดปทุมวนารามถือเป็น "เขตอภัยทาน" ที่มีการร้องขอต่อเจ้าอาวาส เพื่ออาศัยวัดเป็นที่คุ้มครองชีวิต เพราะไม่คิดว่าใครจะมาฆ่ากันในวัด ซึ่งมีหลักฐานหนังสือการขอชีวิตโดยขอความอนุ เคราะห์ต่อท่านเจ้าอาวาสเพื่ออาศัยวัดเป็นบริเวณที่หลบภัย

2.มีหลักฐานจากพยานบุคคลหลายปากยืนยันว่า เวลา 17.00 น.เศษ มีเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัดมาจากสถานีรถไฟฟ้าสยาม อันเป็นที่ตั้งของหน่วยงานหนึ่งในกทม.มีผู้ได้รับบาดเจ็บ มีผู้ถ่ายภาพไว้ มีการเข้าช่วยเหลือบุคคลที่บาดเจ็บได้แก่ นายอัฐชัย ชุมจันทร์ ได้ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา มีผู้ถ่ายภาพไว้เวลา 17.50 น.วันที่ 19 พ.ค. 53

ขณะที่อาสาพยาบาลช่วยเหลือนายอัฐชัย ชุมจันทร์ ก็ได้มีการถ่ายภาพไว้ซึ่งในภาพมีนายมงคล เข็มทอง อาสาป่อเต็กตึ๊ง ได้เข้ามาช่วยเหลือนายอัฐชัย แต่ช่วยเหลือได้ไม่นาน นายมงคล เข็มทอง ก็ถูกยิงตายในขณะที่กำลังช่วยเหลือนายอัฐชัย และต่อมา น.ส.กมนเกด อัคฮาด ก็ได้ถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตายในเต็นท์พยาบาล ขณะที่ น.ส.กมนเกด ถูกกระสุน นายอัครเดช ขันแก้ว อาสาพยาบาลอีกคน ก็ได้เข้าไปช่วยก็ได้ถูกยิงตายในเต็นท์พยาบาลเช่นเดียวกัน

เรื่องเกี่ยวเนื่อง อย่าพลาดอ่าน:มติชน"เปิดสาร" พยานคดี 6 ศพ วัดปทุมวนารามฯ ในด้านลึก และสดจากที่เกิดเหตุ

******
ภาพชุดที่เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ค

รูปที่ 1 วันที่ 19 พ.ค. 53 หลังเสื้อแดงสลายการชุมนุมราชประสงค์ ทหารคุมพื้นที่ได้หมด ในเวลา 14.26 มีคนเดินเข้ามาในห้างฯ (เป็นเจ้าของร้านค้าในเวิร์ลเทรด มาดูร้าน)

รูปที่ 2 คนที่เดินเข้ามาโดนยิงสกัดที่ขา

รูปที่ 3 มีเพื่อนเข้ามาช่วยคนโดนยิงเจ็บออกไป

รูปที่4 ขณะที่คนที่ยืนดูอยู่ก็โดนยิงไล่


รูปที่5 อยู่ข้างในไม่ได้ โดนยิงไล่ ต้องรีบออกมา


รูปที่ 6 โดนยิงด้วยลูกซองเม็ดเล็ก ไม่เจตนาฆ่า แต่ไล่ให้ออกไปจากห้าง


รูปที่7-8 ส่วนข้างนอกก็มีการยิงสกัด เพื่อไม่ให้รปภ.เข้าไปรักษาความปลอดภัยในห้างได้


รูปที่ 8เอาทหาร ศอฉ.ตรึงกำลังรอบห้างฯ

รูปที่ 9-ในที่สุดรปภ.และพนักงานต้องเดินทางออกอย่างเดียว

จะสังเกตเห็นว่ามีทหารศอฉ.ปะปนอยู่กับพนักงานห้าง(เหน็บวิทยุสื่อสารสีแดง)


รูปที่10-มียิงออกมาข้างนอก


รูปที่11 -เห็นคนยิงบนสถานีรถไฟฟ้า ทหารกระหรี่แน่ๆ ที่ยิงประชาชนได้

รูป12 -เมื่อเคลียร์หมด คนในให้ออก คนนอกห้ามเข้าแล้วก็ เผา!


รูป13-ศอฉ.ควบคุมพื้นที่ได้หมด ในระหว่างนั้น


รูปที่ 14-หลัง เหตุการณ์เพลิงไหม้ห้าง ทหารตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ในวันที่ 21 พ.ค.(ข้อสังเกตคือพวกเหน็บวิทยุสื่อสารสีแดง แบบเดียวกับตอนไล่คนออกจากห้างก่อนเผา)



รูปที่15-พบศพสุดท้าย ตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจ

รูปที่ 16เป็นนักศึกษาจากราษีไศล ศรีสะเกษ


******
ข่าวเกี่ยวเนื่อง:

-เปิดรายชื่อนายทหารที่ควบคุมสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง 10-19พ.ค. พร้อมพื้นที่ปฏิบัติการ และรายชื่อเหยื่อสังหาร


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา บอร์ดInternet freedom
เผยแพร่ครั้งแรก 30 มกราคม 2554

กระดานสนทนาการเมืองInternet freedom ได้เปิดเผยเอกสารรายชื่อทหาร-หน่วยงานที่ได้รับคำสั่งเข้าสลายการชุมนุมคน เสื้อแดง พร้อมพื้นที่ปฏิบัติการ และเหยื่อสังหาร ซึ่งรวมทั้งเสธ.แดง พลตรีขัติยะ สวัสดิผล ดังต่อไปนี้

อย่างไรก็ดียังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมายอมรับหรือปฏิเสธเอกสารที่"หลุด"ออกมาแต่อย่างใด

1.)พล.ม.2รอ.กับเหยื่อสังหารนักข่าวญี่ปุ่นและเหยื่อ10เมษาฯ

เอกสารแผ่นแรกเปิดเผยรายชื่อผู้เสียชีวิต 19 รายรวมทั้งนักข่าวรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น ในเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553
พล.ม.2รอ.มีชื่อเต็มๆว่า กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์
ปัจจุบันนี้มีพล.ต. สุรศักดิ์ บุญศิริ เป็น ผบ.พล.ม.2 รอ.

พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้รับผิดชอบเหตุการณ์แยกคอกวัว เคยไล่เสธ.แดงออกจากกองทัพมาแล้ว

พ.อ.ธรรมนูญ วิถี ผู้รับผิดชอบบริเวณถนนดินสอ ที่นักข่าวญี่ปุ่นเสียชีวิต และนายวสันต์ ภู่ทอง ถูกยิงกระโหลกเปิด แต่พ.อ.ธรรมนูญก็บาดเจ็บจากการนี้ ซึ่งได้รับพรระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จทรงเยี่ยมอาการบาดเจ็บด้วย(ภาพข่าว:เดลินิวส์)

2.)พล.ม.2รอ.,พล.1รอ.และพล.ร.9กับ10เมษาและกรณีสังหารพลทหารณรงค์ฤทธิ์


เอกสารแผ่นทื่2เปิดเผยถึงเหตุการณ์เหยื่อสังหาร10เมษาอีกรายบริเวณสะพานมัฆวานฯ มีพล.1รอ.รับผิดชอบ,เหตุการณ์ระเบิดที่สีลม22เม.ย.และเหตุการณ์เสื้อแดง เคลื่อนไปตลาดไทย เป็นเหตุให้พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ เสียชีวิต เวลานั้นสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าถูกฝ่ายเจ้าหน้าที่ด้วยกันยิง

พล.1รอ.ย่อมาจาก กองพลที่ ๑ รักษาพระองค์ ส่วนพล ร.9 ย่อมาจาก กองพลทหารราบที่ 9 กาญจนบุรี

3.)พล.ม.2รอ.กับการตายของตำรวจและเหยื่อ


เอกสารแผ่นที่3กล่าวถึงการเสียชีวิตของตำรวจ 2 นาย ผู้ชุมนุม 1 ราย คือนายชาติชาย ซาเหลา

โดยมีพล.ม.2รอ.รับผิดชอบภายใต้การบังคับบัญชาของ พ.อ.จุมพล จุมพลภักดี

4.)สังหารเสธ.แดงและ6ศพวัดปทุม-พล.ม.2รอ.,พล.1รอ.,ร.31พัน2รอ.และกองพันรบพิเศษที่1 กรมทหารรบพิเศษที่3(ลพบุรี)


เอกสารแผ่นที่4กล่าวถึงการสังหารเหยื่อในวันที่ 15 พ.ค.บริเวณซอยงามดูพลี,แยกบ่อนไก่,ซอยสุวรรณสวัสดิ์ มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ

มีพล.ม.2รอ.ใต้บังคับบัญชาของ พ.อ.เพชรพรม โพธิ์ชัย รับผิดชอบ

เอกสารแผ่นนี้กล่าวถึงการสังหาร6ศพวัดปทุมฯรวมทั้ง"น้องเกด"เหตุเกิดวันที่ 19-20พ.ค.2553 มีพล.1รอ.ภายใต้การบังคับบัญชาของ พ.ท.ยอดอาวุธ พึ่งพักตร์

นศล.ภายใต้บังคับบัญชาของ พ.อ.ณรงค์ฤทธิ์ คำภีระ

และรบพิเศษที่3ลพบุรี มีพ.ต.นิมิต วีระพงศ์ กับจสอ.สมยศ ร่มจำปา(ในภาพ) เป็นผู้บังคับบัญชา

เอกสารแผ่นนี้ยังกล่าวถึงการยิงสังหารเสธ.แดงในระยะไกลด้วยว่ามีพล.ม.2รอ.ภายใต้ การบังคับบัญชาของ พ.ต.สุรพงษ์ กาญจนโพธิ์ พ.ต.ณัฐพล บุญกระพือ ร.อ.จิรจำนง โกษาวัง(ในภาพ) และร.อ.ศันศนะ เพ็ชรสุข

5.)พล.ม.2รอ.กับเหตุการณ์สังหาร14-17เมษายน

เอกสารแผ่นนี้กล่าวถึงเหตุการณ์สังหารที่บริเวณถนนวิทยุ,สนามมวยลุมพินี,ธนาคาร กรุงเทพสำนักงานใหญ่,ซอยปลูกจิต,สวนลุมพินี,แยกศาลาแดงระหว่างวันที่ 14-17พ.ค.2553 นอกจากพ.อ.เพชรพนม โพธิ์ชัยแล้ว มีพ.ท.โกญจนาท ธูปเทียนรัตน์ และพ.ท.วิฑูร โพธิ์ร่มรื่น เป็นผู้บังคับบัญชา

6.)พล.ม.2รอ.


เอกสาร แผ่นนี้กล่าวถึงเหตุการณ์ระหว่างวันที่15-19พฤษภาคม ซึ่งเป็นเหตุให้ช่างภาพชาวอิตาลีเสียชีวิต พร้อมผู้ชุมนุมที่ตกเป็นเหยื่อสังหารอีก 7 ราย อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของพล.ม.2

เหตุการณ์นี้มีผู้บังคับบัญชาคือพ.อ.ถนัดพล โกษยเสวี , พ.อ.ไตรเทพ ศรีพันธุ์วงศ์ ,พ.ท.ฉัตรชัย ดวงรัตน์,พ.อ.เพชรพนม โพธิ์ชัย


7.)พล.ม.2รอ.กับเหตุสลายม็อบราชประสงค์


เอกสาร แผ่นสุดท้านนี้เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต1ราย โดยกองพลทหารม้าที่2รักษาพระองค์เป็นผู้รับผิดชอบ นอกจากพ.อ.ไตรเทพแล้วมีพ.อ.ธัชพล เปี่ยมวุฒิ เป็นผู้บังคับบัญชา (บุคคลในภาพ)

รู้จัก กองพลทหารม้าที่2รักษาพระองค์ (พล ม.2 รอ.)
เวบไซต์ของกองพลทหารม้าที่ 2รักษาพระองค์ http://cav2div.rta.mi.th/index0.htm ซึ่งมีคำขวัญประจำกองพลว่า"รวดเร็ว รุนแรง เด็ดขาด"

เวบบอร์ดของพล ม2 รอ. http://board.yimwhan.com/board.php?user=25000u&Cate=1
*****
ข่าวเกี่ยวเนื่อง:

-ประยุทธ์เหล่ขอความยุติธรรมให้5สมุนเหี้ย..ม

-คอป.กางบัญชี "91 ศพ" เจ็บนี้...ต้องชำระ!

-เทเวศฯยึกยักไม่จ่ายค่าประกัน3หมื่นล้านCTW ท้าอยากได้ให้ฟ้องเอา อ้างห้างโดนผู้ก่อการร้ายเผา

-บทสัมภาษณ์ ผู้ประสานงาน ศปช.:ผู้มีอำนาจบีบกระบวนการยุติธรรม เปลี่ยนความจริง89ศพ


http://thaienews.blogspot.com/2011/03/56-10-19.html

--------------------------------------------------------------

"เปิดสาร" พยานคดี 6 ศพ วัดปทุมวนารามฯ

วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 12:00:00 น.















วสันต์




โดย ชฎา ไอยคุปต์

หลังจากที่สำนักข่าวรอยเตอร์สได้เผยแพร่รายงานข่าวพิเศษที่ระบุว่า รายงานการสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของพลเรือนระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคน เสื้อแดงเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยทางการไทย พบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไทยอาจมีส่วนกับการเสียชีวิตดังกล่าวของพลเรือนบาง ส่วน



โดยรอยเตอร์สอ้างว่าตนเองได้รับเอกสารการสอบสวนเบื้องต้นที่ รั่วไหลออกมาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งทำให้เห็นว่าทหารไทยอาจมีบทบาทสำคัญต่อเหตุเสียชีวิตของพลเรือนในช่วง สถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าวมากกว่าที่เจ้าหน้าที่เคยกล่าวยอมรับไว้


รายงานการสอบสวนชิ้นนี้สรุปว่า มีกองกำลังพิเศษอยู่บนรางรถไฟฟ้าและทำการยิงปืนไปที่วัดปทุมวนาราม ซึ่งเป็นที่หลบภัยของผู้ชุมนุมประท้วงหลายพันคน เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม จริง


รายงานดังกล่าวระบุผลการสอบสวนเบื้องต้นว่า 3 จาก 6 ผู้เสียชีวิตในวัดปทุมวนารามนั้น อาจจะถูกสังหารโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งขัดแย้งกับคำแถลงการณ์ของกองทัพไทยที่ปฏิเสธว่าทหารไม่มีส่วนรับผิดชอบ กับการสังหารผู้คนในวัดแห่งนี้



มาย้อนดู คำให้สัมภาษณ์ของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งปากคำจากพยานและ ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัดปทุมวนาราม ระหว่างที่รอการเปิดเผยผลสอบสวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ
31 พ.ค. - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่งคง กล่าวชี้แจงกระทู้ของ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. เพื่อไทย ในการอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่า จากที่ น.อ.อนุดิษฐ์ ยกภาพอ้างว่าเป็นภาพทหารบนรถไฟฟ้าบีทีเอส เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 19 พ.ค. เรียนว่าภาพนี้เป็นภาพที่เป็นปัญหาตลอด คงต้องมีการพิสูจน์กัน ว่าถ่ายในวันที่ 19 พ.ค. เวลา 18.30 น. จริงหรือไม่ ขอเรียนว่า ตนได้ถามเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงานในวันดังกล่าว แต่ พบว่าเมื่อเวลา 18.30 น. ไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารอยู่บนรางบีทีเอส ขอกราบเรียนว่า เจ้าหน้าที่ของเราในชุดเคลื่อนที่จากสี่แยกปทุมวันฯ ไม่สามารถเข้ามาได้ที่รางรถไฟฟ้าได้ มาได้แค่เข้ามาคุ้มครองเจ้าหน้าที่ดับเพลิง จนต้องถอยมาที่บีทีเอส ขอเรียนว่าภาพที่ถ่ายเป็นทหารแน่ แต่เชื่อว่าน่าจะเป็น 20 พ.ค. ช่วงคุ้มครองประชาชนออกจากวัดปทุมฯ เชื่อว่าวันข้างหน้าจะพิสูจน์ได้
---------------------------------------
31 พ.ค. - นาวาเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส. กรุงเทพ พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายต่อมาในเรื่องการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงแสดงภาพเหตุการณ์บนรางรถไฟบีทีเอส หน้าวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค. จนเป็นเหตุให้คนตาย 6 ศพในวัดปทุมวนาราม พร้อมยกคำกล่าวของนายสุเทพ ที่บอกว่าเป็น "โจรผู้ร้าย และไอ้โม่ง อยู่ที่บริเวณนั้น"

"ภาพทหาร เมื่อ 18.30 น. วันที่ 19 พ.ค. ก่อนเกิดเหตุยิง 5 ศพ มีสติกเกอร์ที่ หมวกเป็นสีชมพู เป็นภาพทหาร พยานหลายปากที่วัดปทุมฯยืนยันว่า มีการยิงลงมาจากรางรถไฟฟบีทีเอส การกระทำของนายอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี) ไม่ได้รับการคุ้มครอง ตามมาตรา 17 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ " น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว


31 พ.ค. - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงในการอภิปรายว่า หลังจากแกนนำประกาศยุติการชุมนุมในวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา แกนนำได้เข้ามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่รอปฏิบัติการรอบพื้นที่การชุมนุมจาก 4 ทิศก็มีแนวทางการปฏิบัติชัดเจน ชุดจากศาลาแดงมาหยุดที่แยกสารสิน ซึ่งพบปัญหาการต่อสู้ตอบโต้ โดยเฉพาะมาจากตึกบางกอกเคเบิ้ล ชุดจากเพลินจิตมาติดอยู่ที่ชิดลม ไม่สามารถเข้ามาได้ ส่วนชุดจากแยกราชปรารภและจากแยกปทุมวันก็เข้ามาไม่ได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้ชุมนุมจะเดินทางไปยังสนามกีฬาแห่งชาติเพื่อขึ้นรถ กลับบ้าน หากเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามา อาจเกิดการเข้าใจจนเกิดการปะทะได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีผู้เสียชีวิตถูกยิงในวัดปทุมวนารามฯ ว่า ยังต้องสืบและสอบหาข้อเท็จจริงอย่างละเอียดถี่ถ้วนต่อไป แต่ตนมองไม่เห็นความจำเป็นที่เจ้าหน้าที่ต้องจัดการใดๆ กับประชาชนที่อยู่ในวัด มีแต่รายงานว่า ในช่วงการคุ้มครองการดับเพลิงโรงภาพยนตร์สยาม

"ได้มีการพูดถึงการยิงเข้าวัดปทุมฯ จากบีทีเอสหรือสกายวอล์ค(ทางเดินเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้า) โดยมีคนอยู่บนรางรถไฟฟ้าสองชั้น ซึ่งถ้ามีคนเดินมาจะมาได้ ต้องมาจากทิศทางราชประสงค์ เพราะสถานีสยามถูกปิดล็อค"

------------------------------------
31 พ.ค. - นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย นำคลิป (คลิกดูคลิปที่รูปกล้องเหนือพาดหัวข่าว) มายืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้เคลื่อนขึ้นไปอยู่บนรางรถไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.ในวันเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 6 ศพในวัดปทุมวนาราม ยืนยันว่าในคลิปมีกลุ่มควันที่ถูกเผาเป็นหลักฐานยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ทหาร บนรางรถไฟในวันที่ 19 พ.ค.ไม่ใช่วันที่ 20 พ.ค.ตามที่รองนายกฯกล่าวยืนยัน

นายวรวัจน์กล่าวว่า มีควันไฟที่ปรากฏที่ตึกสยามพารากอนถูกเพลิงไหม้ ในภาพปรากฏภาพคนที่ยืนซุ่มอยู่บนสกายวอล์คทางเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสในหลายจุด หันหน้าไปทางวัดปทุมวนาราม คลิปดังกล่าวถ่ายวันที่ 19 พ.ค.ไม่ใช่วันอื่นแน่นอน เพราะไฟไหม้สยามพารากอนในวันดังกล่าว แต่ปรากฏว่า เมื่อนำคลิปมาฉายกลับไม่พบเห็นภาพควันไฟแต่อย่างใด เห็นได้ชัดว่า คลิปที่นำมาเปิดควันไฟหายไปในตอนแรก
31 พ.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ว่า นายกรัฐมนตรีและกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงการแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ช่วยทูตทหารไทยในต่างประเทศเป็นกลไกหนึ่งที่จะเข้าไปทำความเข้าใจการ แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมย้ำทหารไม่เคย คิดปราบปรามหรือสลายการชุมนุม และยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณฉุกฉิน หรือ ศอฉ.ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เสียชีวิตทั้ง 6 ศพที่บริเวณหน้าวัดปทุมวนาราม
-------------------------------------
1 มิ.ย.-นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ถึงกรณีมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนารามฯ ว่า เรากำชับในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ตลอด ว่าเป็นพื้นที่ละเอียดอ่อนเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลา 18.00-18.30 น. วันที่ 19 พ.ค. มีการปะทะระหว่างทหารบนสถานีรถไฟฟ้ากับกองกำลังติดอาวุธพื้นราบ หลังจากนั้นมีข่าวผู้เสียชีวิต หลายเรื่องตนได้รับข้อมูลตรงกับฝ่ายค้าน หลายเรื่องก็ไม่ตรงกัน แต่ยืนยันว่าไม่มีขว้างแก๊สน้ำตาหลังวัด แต่ยอมรับว่ามีผู้สูญเสียที่น่าสูญชีวิตหน้าวัดและเต๊นท์พยาบาลจริง

"แต่ผมขอให้ความเป็นธรรมกับศอฉ.ว่า มีเหตุผลอะไรที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการคนในวัด ทั้งที่ที่ผู้ชุมนุมยุติลงแล้ว"

นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เรา มีผลการชันสูตรพลิกศพ 6 ศพในวัดปทุมฯ ในทุกกรณีพบความเป็นจริงตรงกันว่า วิถีกระสุนถูกยิงเกิดในแนวราบ แต่ผู้ถูกยิงอาจอยู่ในอิริยาบถที่ต่างกัน เช่น ท่ายืนหรือนั่งยองๆ จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยจะยิงจากที่สูง

7 มิ.ย.- พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ทำหน้าที่โฆษก ศอฉ. กับโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึง แต่ตำรวจพยายามสืบว่า 6 คนที่ตายเป็นใคร เพราะอาจมีข้อมูลเชื่อมโยงกับการถูกลอบสังหาร ส่วน เรื่องที่พรรคเพื่อไทยท้าให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.สาบานที่วัดพระแก้วว่า ไม่ได้สั่งให้ทหารยิงประชาชนนั้น เห็นว่าที่ผ่านมามีการท้าตลอด ซึ่งยืนยันว่า สิ่งที่แถลงทุกเรื่องเป็นความจริง หากเรื่องทุกอย่างที่แถลงเป็นเท็จ จะหยุดการทำหน้าที่โฆษก ศอฉ. กับโฆษกกองทัพบก เพื่อความสบายใจ การที่คน 2 คน เล่าเรื่องไม่เหมือนกันนั้นขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเชื่อใคร
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า การปฏิบัติภารกิจการรักษาความสงบเรียบร้อยดังกล่าว กองทัพปฏิบัติตามจุดยืนเดิมมาโดยตลอดคือไม่ทำร้ายประชาชน มีหน้าที่ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเกิดความเรียบร้อย ไม่เป็นฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง ปฏิบัติตามบทบาทของกองทัพที่ต้องสนับสนุนการบริหารราชการของรัฐ และในช่วงต่อไปกองทัพจะใช้กลไกที่มีอยู่ในการสร้างความเข้าใจ สร้างความรัก ความสามัคคี ตามนโยบายปรองดองของรัฐบาล เพื่อให้สังคมไทยกลับคืนสู่ความสงบสุขอย่างยั่งยืนตลอดไป

เมื่อถามว่า ประเด็น 6 ศพ ที่วัดปทุมวนาราม ยังมีข้อถกเถียงว่าทหารหรือกลุ่มก่อการร้ายเป็นคนสังหาร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เราชี้แจงแล้วว่า ในเวลานั้นอยู่ที่ใด อยากจะบอกสื่อมวลชนว่าอย่าไปตามกระแส สื่อจะต้องดูข้อเท็จจริง ถ้าถามเรื่องกระแสตนคงไม่สามารถที่จะตอบได้ แต่ถ้าให้พูดตามข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่เขายืนยันว่าในช่วงเวลานั้นไม่ได้ อยู่ตรงนั้น และตรวจสอบแล้วว่าไม่มีใครใช้อาวุธกับประชาชนนั้นคือข้อเท็จจริง

--------------------------------------
พยาน
20 พ.ค. - นางชวนพร ชัยมงคล อายุ 55 ปี จ.เชียงใหม่ เล่าถึงนาทีหนีตายเข้าไปอาศัยในวัดปทุมวนาราม ท่ามกลางวงล้อมของหมอกควันและเพลิงและกระสุนปืนที่ดังอย่างต่อเนื่องพร้อม กับผู้ชุมนุมหลายพันคนและอีก 6 ศพถูกยิงเสียชีวิตห่อด้วยเสื่อเรียงอยู่ในวัด ว่า "ทุกคนกลับบ้านด้วยความเจ็บใจเพราะว่าญาติพี่น้องร่วมต่อสู้ถูกยิง ถูกลากศพไปต่อหน้าต่อตา ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมาเจอแบบนี้ เป็นมนุษย์ขี้เหม็นเหมือนกัน แต่ถ้าขี้หอมก็ยกให้อีกระดับหนึ่ง ฉะนั้นต้องคิดว่าคุณ คือ มนุษย์เหมือนกัน

สาวใหญ่เมืองเชียงใหม่ยังบอกอีกว่า ขณะที่พวกเราหนีเขาวัดแล้วไปนั่งไหว้พระอยู่คิดว่าถ้าจะมายิงกันตอนไหว้พระ ก็ไม่เป็นไร ที่ตรงนั้นมีแต่เด็ก ผู้หญิง เต็มไปหมด

"ถ้าต่อสู้ซึ่งหน้าเราต้านไหว แต่เขาเอาเปรียบเรา ไปซุ่มยิงจากข้างบน แบบนี้มันหมารอบกัด ต้องลงมาแล้วสู้กันซึ่งหน้าตัวต่อตัวเราจับมัดจับมัดดีดหำได้สบาย แต่เราไม่ฆ่าเพราะคนไทยด้วยกัน แต่เขามาตั้งใจฆ่าเรา ถ้าใครที่รับฟังมาจากที่ไหนก็ให้รู้ว่าเราคนไทยด้วยกัน ไม่ใช่ว่าเสื้อแดงต้องไปฆ่าเขา แค่จับเปลื้องผ้าก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว แต่นี้มาฆ่าเราต้องนึกบ้าง ทำได้อย่างไรกับคนไม่มีทางสู้"
นางชฎาทาน ธันวาภักดี ชาวจ.นนทบุรี อายุ 55 ปี อาชีพค้าขาย กำลังหอบหิ้วสัมภาระที่ขนกลับมาจากราชประสงค์เพื่อเดินทางกลับบ้าน "เขา ใจร้ายมาก ฆ่าเราเหมือนหมูเหมือนหมา เหมือนเราไม่ใช่คน ยิงลงมาจากรางรถไฟฟ้ามีคนตาย 6 ศพ นอนอยู่ในวัดยังไม่ได้ฉีดยาให้ศพ น่าอนาถใจมาก ไม่คิดเลยว่าจะยิงเรา นัดเดียวคาที่หมด เห็นคนเชียงรายมากัน 8 ตาย 5 กระสุนเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา"

นางคำสอน สมพงษ์ อายุ 57 ปี ชาวจ.หนองคาย นั่งรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อน 3 คน รอเดินทางกลับบ้านที่สถานีขนส่งหมอชิต บอกเล่าเหตุการณ์ในวันที่ราชประสงค์มืดมิดพร้อมกับท่าทางที่ตื่นกลัว ว่า ลูกระเบิดลงมา พากันวิ่งเข้าวัดปทุมวนาราม เจ้าอาวาสดีมากให้พวกเราพักพิง
"กลัวก็กลัวแต่สู้ ช่วยๆกัน ระเบิดโยนมาไม่ถูกพวกเราก็ถูกคนอื่น ลูกปืนยิงมาไม่ถูกเราก็ถูกคนอื่น การ์ดผู้ชายรับปืนรับระเบิดแทนผู้หญิงหมด ตายเยอะหนีไม่ทันทั้งคนแก่และเด็ก แล้วยังยิงฝรั่งที่มาทำข่าวอยู่กินกับพวกเรา แล้วยังจะมาหาว่าเป็นพวกผู้ก่อการร้ายยิงอีก มันโหดร้ายแค่ไหนรัฐบาลนี้ จะเอาเราไปประหารก็เชิญเพราะพูดความจริง เพราะรัฐบาลทำได้ทุกอย่าง" หญิงชาวหนองคายพูดอย่างไม่กลัวความผิดและภัยถึงตัว

นายสุชาติ พรั่งพรหม นปช.จันทบุรี กล่าวย้ำถึงภาพที่เห็นและเสียงที่ได้ยิน ว่า "เห็น ทหารยิงประชาชนตอนนั้นพักอยู่ที่วัดปทุมวนารามเห็นศพอยู่ในวัด 6 ศพ บาดเจ็บอีกประมาณ 10 คน ยิงพยาบาล(อาสาสมัคร)ในวัดที่กำลังทำแผลให้กับคนเจ็บ ก่อนยิงยังด่าพยาบาลอีกว่าอีเสื้อแดงมึงเก่งนักเหรอแล้วก็ยิงเลย เป็นทหารแก่แล้วมีผมหงอก "



นายวสันต์ สายรัศมี หรือ เก่ง อาสาสมัครกู้ภัย ผู้สูญเสียเพื่อนร่วมทีมที่กลายเป็นศพ 3 ราย ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ขณะที่กำลังช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในเต็นท์พยาบาล ตั้งคำถามว่า "กู้ภัยไม่เกี่ยวข้องทำไมถึงถูกเรียกเข้าไปพบ ศอฉ. " นี่เป็นคำถามที่ นายวสันต์ ถามตัวเองและเป็นเหตุผลที่ไม่ยอมเข้าไปพบศอฉ.แต่ยอมใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆ
"ผมพร้อมที่จะไปเป็นพยานพูดถึงสิ่งที่ เห็นและผมมีหลักฐานที่จะแสดงให้ทุกคนเห็น ว่า สิ่งที่รัฐบาลทำกับประชาชนมากแค่ไหน กู้ชีพที่เสียชีวิต 5 คน รัฐบาลยังไม่ได้ออกมาพูดอะไรเลย ผมมีทั้งภาพถ่าย คลิปวิดีโอ ที่เก็บรวบรวมจากชาวบ้านช่างภาพที่อยู่ในเหตุการณ์ว่าทหารยิงหรือไม่ หากวันหนึ่งผมเป็นอะไรไปข้อมูลที่ผมมีได้ฝากไว้กับเพื่อนที่ไว้ใจได้และ พร้อมที่จะออกมาต่อสู้แทนผม เพื่อจะนำความจริงออกมาให้ทุกคนเห็นได้ "

"บ่าย 5 โมงกว่า เริ่มมีเสียงปืนดังเกิดขึ้นตั้งแต่ตรงข้างสยามพารากอนเริ่มมีเสียงปืนดังเข้ามาบริเวณวัด การยิงของทหาร คือ กราดยิงเข้ามาเรื่อยๆไม่มีคำว่าหยุดยิงลงมาจากรางรถไฟฟ้า บีทีเอส ชั้น 2 ภาพที่ประชาชนส่วนมากมองขึ้นไป คือ "เห็นทหารยืนอยู่ข้างบนมีการกราดยิงมาใส่ประชาชนข้างล่างที่ไม่มีแม้แต่ อาวุธมีเพียงเสื้อผ้า หมอน น้ำดื่ม ที่ใช้ประทังชีวิต"
--------------------------------------
ผู้บาดเจ็บ


28 พ.ค. นายกิตติชัย แข็งขัน ชาวขอนแก่น ถูกยิงได้รับบาดเจ็บเกิดเหตุที่วัดปทุมวนาราม กล่าวว่า "ผมพูดในสิ่งที่ตัวเองประสบมาเห็นมากับตาถ้าไม่เห็นแบบนี้ก็พูดไม่ได้"
"ผมมาจากทางศาลาแดงมาเป็นกลุ่มสุดท้ายพอดีกับเวทีสลายหมดแล้ว การ์ดก็ให้วิ่งเข้าไปในวัด พอไปถึงผมก็พักผ่อนนอนเล่นกันอยู่ตั้งนานถึงได้ยินเสียงปืนดังมาอีก จึงเข้าไปหลบใต้ท้องรถ ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบ 1 ทุ่ม เขายืนอยู่บนทางรถไฟฟ้ายิงเข้ามาในวัดต่างคนต่างหลบกัน ผมโดนยิงข้างหลังกับมือ พวกเราไปหลบอยู่ใต้ท้องรถ 5-6 คน

ตอนที่ผมโดนยิงทหารก็ให้ออกมาจากใต้ ท้องรถ เขายิงมาจากบนสะพานรถไฟฟ้า ผงกหัวขึ้นไม่ได้เลย พอโดนลูกปืน มันร้องไห้ออกมา แต่ไม่มีใครออกไป พอผมโดนยิง ผมบอกว่ายอมแล้วๆมันก็ยิงใส่มืออีก มันโกหกบอกให้ออกมายิง แต่ผมไม่ไหวแล้วเลือดออกเยอะ พอออกมามันบอกให้ผมถอดเสื้อออกแล้วยกมือขึ้น แล้ววิ่งไป ผมก็วิ่งไปหาพยาบาลทำแผลให้ ผมยืนหันหน้าเห็นทหารเขาเล็งมาใส่ผม แต่ตอนนั้นเขาไม่ยิงใส่แล้ว เพราะเห็นว่าผมถูกยิง บอกให้ถอดเสื้อ ยกมือขึ้น ผมก็ยกมือขึ้นสองข้างแล้วก็วิ่งไปเลย" นายกิตติชัยกล่าวและยืนยันอีกครั้งว่า

"ผมเห็นเขายิง ผมยืนยันไม่มีใครหรอกนอกจากทหารใส่ชุดพรางใส่หมวก เขาก็ตะโกนให้ผมออก ผมก็ตะโกนออกแล้วครับ ผมก็บอกยอมแล้วครับเห็นยืนเล็งใส่ผมอยู่ ถ้ามันยิงตอนผมถอดเสื้อคงตายแล้ว แต่มันก็บอกให้ผมวิ่ง ผมก็วิ่งไปหาพยาบาลไปอ่อนแรงตรงนั้น พอทำแผลใกล้เสร็จห้ามเลือดเขาก็ยิงมาใส่หลายนัด โดนฝรั่งที่กำลังถ่ายรูปผมอยู่ จากนั้นผมก็สลบไปเลย"

ดีเอสไอ
16 พ.ย. - พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายการเสียชีวิต 89 ศพ ชี้แจงกรณีส่งสำนวนคดีผู้เสียชีวิตที่วัดปทุมฯให้สตช. ชันสูตรพลิกศพใหม่เพียง 3 ศพว่า เนื่องจากทั้ง 6 ศพ ไม่ได้เสียชีวิตในคราวเดียวกัน และมีการเคลื่อนย้ายศพด้วย ซึ่งการปะทะก็มีทั้งกองกำลังไม่ทราบฝ่าย และฝ่ายเจ้าพนักงาน ฝ่ายความมั่นคง ซึ่ง จากการชันสูตรศพพบพบรูกระสุน คราบตะกั่ว ทองแดง โดย 5 ใน 6 ศพ พบกระสุนฝังใน จากการที่ดีเอสไอร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณราง รถไฟฟ้าบีทีเอสซึ่งมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่บางส่วนไว้ข้างบนและมีการใช้ อาวุธปืน จึงสรุปได้ว่าอาจจะเกิดจากการที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง

พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่แยกออกมาแค่ 3 ศพนั้น เนื่องจากผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่าบาดแผลกระสุนปืน วิถีถูกยิงเข้าจากบนลงล่าง คือถูกยิงจากที่สูง นอกจากนี้ในการตรวจที่เกิดเหตุร่วมกับนิติวิทยาศาสตร์หลังเกิดเหตุนาน 2 เดือน พบปลอกกระสุน 2 ปลอกและกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 นัด ขณะที่ฝ่ายทหารก็ยอมรับว่ามีการส่งกำลังทหารพร้อมอาวุธปืนเข้าไปประจำจุด ดูแลบริเวณรางรถไฟฟ้าจำนวน 8 นาย เช่นเดียวกับกรณีของพลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาระ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้า หน้าที่รัฐ ดังนั้นจึงต้องส่งสำนวนไปดำเนินการตามป.วิอาญามาตรา 150
"เมื่อเป็นการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติจะต้องมีการชันสูตรโดยมีเจ้า หน้าที่ท้องที่ต้องตรวจสอบร่วมกับงานนิติเวช แต่หากเป็นกรณีที่อ้างว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ต้องมีพนักงานฝ่ายปกครองและพนักงานอัยการร่วมตรวจสอบเพิ่มเติมให้เป็นไปตาม กฎหมายป.วิอาญามาตรา 150 เพื่อให้การดำเนินคดีมีความโปร่งใสมากขึ้น" พ.ต.อ.ณรัชต์
--------------------------------------
10 ธ.ค. - นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์สว่า ดีเอสไอได้สรุปผลการสอบสวนเบื้องต้นและส่งรายงานดังกล่าวไปยังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ แต่ยังไม่ได้เปิดเผยเนื้อหาของผลการสอบสวนเหล่านั้นต่อสาธารณะ

"รายงานการสอบสวนถือเป็นประเด็นอ่อนไหวที่จะพูดถึงหรือยืนยันว่ารายงานชิ้นนั้นมีความถูกต้องจริงหรือไม่" นายธาริตกล่าวและว่า "นี่เป็นความลับทางราชการ ดังนั้น การยืนยันว่ารายงานที่ถูกจัดส่งไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นสิ่งถูกต้อง จึงอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิของบุคคล ซึ่งมีรายชื่อปรากฏอยู่ในรายงานดังกล่าว"

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามรอยเตอร์สเกี่ยวกับเอกสารที่รั่วไหลออกมาดังกล่าว โดยไม่ได้ปฏิเสธว่าเอกสารเหล่านี้ไม่ใช่เอกสารจริง แต่กล่าวว่า การสอบสวนยังไม่สมบูรณ์และกำลังพยายามเร่งรัดกระบวนการให้รวดเร็วขึ้น

"ขั้นตอนต่อไปจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางด้านศาลยุติธรรม ดังนั้น เราจึงไม่สามารถมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับข้อมูลที่ยังไม่สมบูรณ์" นายกรัฐมนตรีกล่าว

--------------------------------------
รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ว่าสถาบันนิติเวชวิทยา (นต.) ตร. โดย พ.ต.อ.นพ. พรชัย สุธีรคุณ รอง ผบก.นต. ได้ส่งรายงานผลการชันสูตรพลิกศพของผู้เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม จำนวน 6 ศพ เมื่อ วันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมาให้กับพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน โดยระบุว่า ศพที่หนึ่ง ผู้ตายชื่อ นายวิชัย มั่นแพ อายุ 61 ปี มีบาดแผลบริเวณผิวหนังทะลุบริเวณต้น แขนขวาด้านนอก บาดแผลผิวหนังทะลุต้นแขนขวา และบาดแผลบริเวณทรวงอกด้านขวา สันนิษฐานกระสุนทะลุปอดขวา กระบังลม ตับ ไตขวา ขั้วยึดลำไส้ พบเศษทองแดง 2 ชิ้นบริเวณขั้นยึดลำไส้ ทิศทางจากขวาไปซ้าย หน้าไปหลัง และบนลงล่าง ความเห็นเพิ่มเติมถูกยิง 1 นัด ระยะเกินมือเอื้อม สาเหตุการตาย กระสุนทำลายปอดตับ

ศพที่ 2 นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี มีบาดแผลผิวหนังทะลุบริเวณหลังด้านซ้าย บาดแผลผิวหนังทะลุบริเวณทรวงอกด้านซ้ายส่วนบน กระสุนตัดกระดูกซี่โครงด้านซ้ายซี่ที่ 3 ทะลุปอดซ้าย ทิศทางจากหลังไปหน้าแนวตรง ความเห็นเพิ่มเติม ถูกยิง 1 นัดระยะเกินมือเอื้อม สาเหตุการตาย กระสุนทำลายปอด

ศพที่ 3 นายมงคล เข็มทอง อายุ 36 ปี พบบาดแผลฉีกขาดตื้นๆ รูวงกลมบริเวณต้นแขนซ้าย 2 แห่ง พบบาดแผลผิวหนังทะลุบริเวณทรวงอกด้านซ้าย กระสุนตัดกระดูกซี่โครงด้านหน้าซี่ที่ 2-3 กระดูกกลางอก ทะลุปอดซ้าย หัวใจ ปอดขวา กระบังลมตับ พบเศษทองแดงในเสื้อ เศษตะกั่วเล็กๆ ในหัวใจและปอด ทิศทางจากซ้ายไปขวา หน้าไปหลัง และบนลงล่าง สาเหตุการตาย กระสุนทำลาย หัวใจ ปอด ตับ

ศพที่ 4 นายสุกัน ศรีรักษา อายุ 31 ปี มีบาดแผลทะลุผิวหนังถึง 9 แห่ง โดยบาดแผลที่ 1 กระสุนทะลุซี่โครงซี่ที่ 2 ด้านซ้าย ทะลุปอดซ้าย ทะลุเยื้อหุ้มหัวใจ และกล้ามเนื้อหัวใจฉีกขาด พบโลหะคล้ายหัวกระสุนปืนหุ้มทองแดง 1 ชิ้น ค้างอยู่ที่เนื้อชายโครงด้านขวา ไม่ทะลุออกทิศทางจากซ้ายไปขวา บนลงล่าง หลังไปหน้าเล็กน้อย สาเหตุการตาย ปอดคั่งเลือดทั่วไป กล้ามเนื้อหัวใจฉีกขาด ตับคั่งเลือด เสียโลหิตเป็นจำนวนมาก

ศพที่ 5 นายอัครเดช ขันแก้ว อายุ 22 ปี (ปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่พยาบาลอาสา) ตรวจพบบาดแผลทะลุผิวหนัง 7 แห่ง พบรอยช้ำใต้หนังศีรษะบริเวณท้ายทอยด้านซ้าย สมองพบเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นนอก กระสุนทะลุกระดูกกรามด้านขวาหัก กระดูกโหนกแก้มขวาแตก พบเศษตะกั่วในช่องปากและฐานกะโหลกศีรษะ และพบเศษตะกั่วบริเวณกระดูกก้นกบ สาเหตุการตายถูกยิง 2 นัด ระยะเกินมือเอื้อม เลือดออกใต้เยื้อหุ้มสมองชั้นนอก เนื้อสมองช้ำ จากการถูกแรงกระแทก (กระสุนทะลุช่องปาก)

ศพที่ 6 น.ส.กมนเกด อัดฮาด อายุ 25 ปี (อาสาสมัครพยาบาล) มีบาดแผลถูกยิงทะลุผิวหนังมากถึง 10 แห่ง โดย บาดแผลที่ 1 กระสุนถูกเข้าที่หลังผ่านขึ้นด้านบนผ่านแนว ลำคอหลังทะลุผ่านกะโหลกศีรษะซีกซ้าย ทะลุสมองน้อยและสมองใหญ่ พบชิ้นส่วนโลหะคล้ายหัวกระสุนหุ้มทองแดง 1 ชิ้น ค้างที่กะโหลกด้านขวา ทิศทางจากล่างขึ้นบน หลังไปหน้า ขวาไปซ้ายเล็กน้อย ลักษณะหมอบลงกับพื้น หน้าหันลงพื้นดิน บาดแผลที่ 2-4 ถูกยิงเข้าบริเวณอก บาดแผลที่ 5-10 ถูกยิงบริเวณแขนและขวา ลักษณะถูกระดมยิง สาเหตุการตายกระสุนทะลุหลังเข้าไปทำลายสมอง ซึ่งแพทย์ผู้ตรวจยังไม่สามารถระบุได้ว่าถูกยิงจากบนลงล่างหรือไม่ แต่จากการสันนิษฐานเชื่อว่า น.ส.กมนเกด หมอบหน้าแนบพื้น ถูกระดมยิงจากด้านหลัง ซึ่งการตรวจสอบที่แน่ชัดต้องมีพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุมาประกอบด้วย เพราะการจำลองใช้เลเซอร์มาวางแนววิถีกระสุนก็ทำไม่ได้ ในกรณีนี้เนื่อง จากหัวกระสุนไปถูกกระดูกและกระดอนไปมาทำให้ร่างกายเสียหายมากจนไม่สามารถ จำลองแนวการยิงได้อย่างแน่ชัด
---------------------------------------
อีเมล : iyacoupt@hotmail.com
http://www.facebook.com/profile.php?id=100001242647508#!/profile.php?id=100001242647508
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1292234309&grpid=01&catid=&subcatid=

--------------------------------------------------------------

แกะรอยใครฆ่า 6 ศพวัดปทุมฯ

วันที่ 01 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 12:30:07 น.


















ตรวจสอบที่เกิดเหตุ




โดย ชฎา ไอยคุปต์

ผ่านไปกว่า 5 เดือนคดีการเสียชีวิตในวัดปทุมวนารามวรวิหาร จำนวน 6 ศพของกลุ่มอาสาและคนเสื้อแดงที่หนีเข้าวัดซึ่งเป็นเขตอภัยทานเข้าไปหลบภัย กลายเป็นข่าวครึกโครมสะเทือนขวัญของคนทั่วไปหลังทราบข่าวคนถูกยิงตายคาวัด จนนำไปสู่การตรวจสอบหาวิถีกระสุนเจาะทะลุ-ฝังในร่างกายทั้ง 6 ศพ แต่ยังมีอีกกว่า 80 ศพที่เสียชีวิตในลักษณะเดียวกันต่างแค่สถานที่ตายนอกวัดเรื่องจึงยังแน่นิ่ง สวนทางกับข่าวไฟไหม้ที่โหมกระพือลุกลามไปทั่ว
อีเมล : iyacoupt@hotmail.com


การเสียชีวิตของ 6 ศพ ฝ่ายรัฐบาลโดยรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ออกมายืนยัน เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 31 พ.ค. ในรัฐสภาหลังจากที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพร้อมกับเปิด คลิปยืนยันว่ามีทหารยิงเข้าไปในวัดปทุมวนาราม นายสุเทพ เทือกสุบรรณรองนายกรัฐมนตรียืนยันว่า วันที่ 19 พ.ค. หลังเวลา 18 .30 น. ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่บนรางรถไฟบีทีเอสแน่นอน เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน( ศอฉ.)แถลงย้ำอีกครั้งโดยเดิมพันด้วยตำแหน่งยืนยันทหารไม่เกี่ยว 6 ศพวัดปทุมฯโดยยึดคำชี้แจงของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ที่ออกมาระบุเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ว่า เจ้าหน้าที่เขายืนยันว่าในช่วงเวลานั้นไม่ได้อยู่ตรงนั้น และตรวจสอบแล้วว่าไม่มีใครใช้อาวุธกับประชาชน


เมื่อถามว่า ผบ.หน่วยสามารถคุมกำลังพลที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ไม่ให้ใช้อาวุธยิง ประชาชนได้ใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถูกต้อง ขอ ยืนยันว่าได้ตรวจสอบและสอบถามว่าไม่ได้ดำเนินการเช่นนั้น เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่พรรคเพื่อไทยนำเรื่อง 6 ศพ ไปขยายทางการเมือง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ใครมีหน้าที่อย่างไร หรือใครจะดำเนินการก็ให้ดำเนินการไป

ล่าสุด ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีดีเอสไอนำทีมขนอุปกรณ์ไฮเทคขึ้นตรวจสถานีรถไฟฟ้าสยาม และวัดปทุมวนาราม ไขปริศนาคดีการเสียชีวิต 6 ศพในเขตอภัยทานวัดปทุมฯ พบหลักฐานสำคัญเป็นปลอกกระสุนปืน ′เอชเค′ กระจายตกอยู่ใต้ราง อีกทั้งเลเซอร์ตรวจวิถีกระสุนชี้ชัด มีการยิงกระสุนปืนจากตำแหน่งรางรถไฟ

เวลา 01.00 น. วันที่ 24 ก.ย. พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะรองหัวหน้าคณะทำงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเสียชีวิตจากการชุมนุมของ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานตรวจสอบ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ประมาณ 20 นาย พร้อมอุปกรณ์การตรวจสอบที่เกิดเหตุ เดินทางมาเก็บหลักฐานบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สยาม และภายในวัดปทุมวนาราม

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบหาหลักฐานบนสถานีรถไฟฟ้าบี ทีเอสชั้น 2 บริเวณด้านหน้าวัดปทุมฯ เจ้าหน้าที่ตรวจพบหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะเป็นกุญแจไขปริศนาว่าใครเป็นผู้ก่อ เหตุยิงประชาชนในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดง-นปช. โดยพบปลอกกระสุนปืน "เอชเค" ใช้แล้ว ตกกระจายอยู่ใต้รางรถไฟฟ้าประมาณ 3-4 ปลอก เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์จึงเก็บไว้ตรวจสอบเปรียบเทียบกับหลักฐานหัว กระสุนปืนที่เก็บได้ก่อนหน้านี้ว่าตรงกันหรือไม่

ทั้งนี้มีภาพและคลิปวิดีโอที่ยืนยันว่ามีชายแต่งชุดคล้ายเจ้าหน้าที่ ทหารขึ้นไปประจำอยู่บนรางรถไฟฟ้าในวันที่เกิดเหตุในวัดปทุมวนาราม เรื่องนี้นายกฯออกมายืนยัน เมื่อวันที่ 31 พ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้มีการพูดถึงการยิง เข้าวัดปทุมฯ จากบีทีเอสหรือสกายวอล์ค(ทางเดินเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้า) โดยมีคนอยู่บนรางรถไฟฟ้าสองชั้น ซึ่งถ้ามีคนเดินมาจะมาได้ ต้องมาจากทิศทางราชประสงค์ เพราะสถานีสยามถูกปิดล็อคประตู

นอกจากนี้นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค แถลงว่า เหตุการณ์วันที่ 19 พ.ค. เจ้า หน้าที่รัฐไม่สามารถเข้าไปในที่ชุมนุมได้ โดยตรึงพื้นที่รอบนอกพื้นที่ชุมนุมห่าง 1 ก.ม. ส่วนภาพถ่ายที่มีทหารอยู่บนรางรถไฟฟ้า และด้านล่างเป็นภาพพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ยืนอยู่บนรถกระจายเสียงเชิญชวนคนเสื้อแดงกลับบ้าน ภาพเป็นกลางวัน น่าจะเป็นวันที่ 20-21 พ.ค. แต่เหตุการณ์ยิงเข้าไปในวัดเป็นตอนกลางคืน ภาพคงไม่ชัดอย่างที่นำเสนอ

ประเด็นนี้จึงนำไปสู่การถกเถียงเรื่อง "ควันไฟ" ซึ่งจะเป็นหลักฐานว่าใครพูดจริงเพราะวันที่ชาวบ้านถูกยิงเสียชีวิตตรงกับวัน ที่มีเหตุเพลิงไหม้ควันไฟจึงเป็นหลักฐานที่จะยืนยันวันเกิดเหตุ โดย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย นำคลิป มายืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้เคลื่อนขึ้นไปอยู่บนรางรถไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.ในวันเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 6 ศพในวัดปทุมวนาราม ยืนยันว่าในคลิปมีกลุ่มควันที่ถูกเผาเป็นหลักฐานยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ทหาร บนรางรถไฟในวันที่ 19 พ.ค.ไม่ใช่วันที่ 20 พ.ค.

การถกเถียงกันทั้งหมดกลายเป็นเรื่อง ประเด็นที่ถกเถียงกันไม่รู้จบ แต่หลักฐานที่ปรากฎ คือ ปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญว่ามีการยิงลงไปจากราง รถไฟฟ้าบีทีเอสจริงตามคำบอกเล่าของชาวบ้านที่บอกว่าเห็น "ทหารยิง" ซึ่งน้ำหนักของชาวบ้านดังไม่พอที่จะทำให้เชื่อได้ว่าเป็นความจริงแม้บางคนจะ ออกมาประกาศยอมตายก็ตาม


หากนำภาพและคลิปวิดีโอรวมทั้งหลักฐานมาประมวลแล้วจะพบว่าผู้ร้ายที่ยิงประชาชนคือใครกันแน่ ระหว่างผู้ก่อการร้ายกับทหาร ? ถ้ากระบวนการพิสูจน์หลักฐานของไทยยังใช้ได้เชื่อว่ากระสุนที่ฝังในร่างของ ผู้เสียชีวิตจะถูกนำมาตรวจสอบตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ให้เกิดประโยชน์แก่คดี ได้บ้าง

หลังจากที่พยายามค้นหาภาพผู้ก่อการร้ายที่ขึ้นไปยืนบนราง รถไฟกลับไม่ปรากฎในสื่อใด มีเพียงแค่ชายใส่ชุดลายพรางพร้อมอาวุธครบมือเท่านั้น ที่ไต่อยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส นี่อาจจะจุดเริ่มต้นของการสืบสาวหาความจริงจากศพสุดท้ายที่ตายในเหตุการณ์ เดือนเมษายนถึงเดือนพฤษาคมนำไปสู่อีก 80 กว่าศพที่รอคลี่คลายท่ามกลางความแคลงใจของสังคมที่ยังตั้งคำถาม ... ใครฆ่า?

คลิปวิดีโออาสาสมัครถูกยิงดิ้นทุรนทุรายก่อนเสียชีวิต

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1285906715&grpid=10&catid=02

--------------------------------------------------------------

ภาพเหตุการณ์ ณ วันสลายม็อบเพิ่มเติม

<<< ความจริง และ ศพสุดท้าย ที่ เวิลด์เทรด >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2010/12/blog-post_07.html

--------------------------------------------------------------

เผยกองทัพเบิกกระสุนมาใช้ช่วงชุมนุม นปช. ปี 53 เกือบ 6 แสนนัด
Sat, 2011-03-19 23:06

กรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เผยบัญชียอดเบิกกระสุนจากคลังแสงทหารบกกว่า 597,500 นัด ส่งคืน 479,577 นัด ใช้ไป 117,923 นัด เผยมีการเบิกกระสุนปืนซุ่มยิง 3,000 นัด คืนเพียง 880 นัด ขณะที่เบิกกระสุนซ้อมเพียง 10,000 นัด ส่งคืน 3,380 นัด

สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ว่า พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ได้นำรายงานบัญชีสรุปรายการเบิกจ่ายกระสุนจากหน่วยคลังแสง สรรพาวุธทหารบก เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ระหว่างการดูแลความเรียบร้อยในช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงระหว่าง วันที่ 11 มีนาคม 2553 จนเสร็จสิ้นการชุมนุม มาแสดงต่อสื่อมวลชน

ทั้งนี้ พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า มีการรายงานการเบิกจ่ายกระสุนทั้งสิ้น 597,500 นัด มีการส่งคืน 479,577 นัด และมีการใช้กระสุนไปทั้งสิ้น 117,923 นัด ถือว่าเป็นจำนวนที่สูงมากสำหรับการควบคุมการชุมนุมของประชาชน จึงอยากตั้งข้อสังเกตถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่อาจทำให้เกิดการเสีย ชีวิตของประชาชน ขณะเดียวกัน จำนวนกระสุนที่เบิกจ่ายไปเป็นกระสุนที่ใช้สำหรับการซุ่มยิง 3,000 นัด มีการส่งคืนเพียง 880 นัด ถือเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ในระหว่างที่มีการชุมนุมมีการซุ่มยิงจริง นอกจากนี้ ยังมีการกระสุนซ้อมเพียง 10,000 นัดและมีการส่งคืน 3,380 นัด

http://www.prachatai.com/journal/2011/03/33640

--------------------------------------------------------------

FfF