บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


13 มิถุนายน 2554

<<< กลโกงเลือกตั้ง >>>

วิธีการโกงเลือกตั้ง แบบไฮเทค
( คลิกที่รูปด้านซ้ายมือ )

http://www.fringer.org/wp-content/uploads/cheat.jpg

-------------------------------------------------

ถอดรหัส "หมึกล่องหน โกงเลือกตั้ง"

ก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.นี้ เกิดกระแสส่งต่ออีเมล์เปิดโปงกลโกงการเลือกตั้งด้วยเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เกิดความกระจ่างในเรื่องนี้ เรามาดูกันดีกว่าว่าวิธีโกงตามอีเมล์ที่ส่งต่อกันมามันทำงานอย่างไรบ้าง
ตามที่อธิบายในอีเมล์พูดถึงกรรมวิธีว่า เริ่มจากเอาน้ำแป้งมากา (ป้าย) เบอร์ที่ต้องการก่อน ซึ่งเมื่อแห้งแล้วจะมองไม่เห็น จากนั้นก็กำหนดให้ผู้ลงคะแนนใช้ตราประทับประทับหมึกที่ทำจากคราม ซึ่งจะได้กากะบาทสีน้ำเงิน แต่จะค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด และพอถึงเวลานับคะแนนผู้ร่วมขบวนการฉ้อฉลก็แอบเอาไอโอดีนมาป้ายตรงที่กาไว้ก่อนด้วยน้ำแป้ง เพียงเท่านี้ เบอร์ที่กาโกงไว้ก็จะมีสีน้ำเงินอมม่วงขึ้น และเบอร์ที่ผู้ลงคะแนนกาไว้แต่แรกก็จางหายไปพอดี

ทีนี้มาดูกันว่าวิธีนี้เป็นไปได้มากแค่ไหน ถ้าดูตามกระบวนการที่เล่าไว้ในอีเมล์ กระบวนการทุกอย่างเป็นไปได้ ซึ่งผู้สนใจก็สามารถทำการทดลองได้เอง และเมื่อทดลองนำไอโอดีนมาป้ายก้ปรากฎสีม่วงจริง แต่ถ้าวิเคราะห์กันให้ดีแล้วคงเป็นไปได้ยากที่อาชญากรรมจะไม่ทิ้งร่องรอยให้ตรวจสอบ
ประการแรกความยุ่งยากในการนำเอาน้ำแป้งมากาเครื่องหมายที่หมายเลขที่ต้องการ อาจทำให้กระดาษย่นได้เมื่อถูกน้ำแป้ง เนื่องจากกระดาษที่ใช้ลงคะแนนนั้นไม่ใช่กระดาษที่มีคุณภาพดีที่สามารถคงสภาพได้เมื่อถูกน้ำ
ประการต่อมา การนำไอโอดีนมาคอยป้ายบัตรทุกใบคงเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลามาก และมีร่องรอยของไอโอดีนหลงเหลือให้เห็น หรือแม้แต่ใช้เกล้ดไอโอดีนใส่เข้าไปให้ไอระเหยเพื่อให้เครือ่งหมายปรากฏนั้น เป็นไปได้ยากที่แก๊สจะสัมผัสกับบัตรที่ใช้น้ำแป้งทาไว้ได้ทุกใบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบัตรถูกพับหลายทบ และเมื่อหย่อนลงไปกองอยู่ในหีบยังถูกทับถมจากบัตรจำนวนมากมาย
นอกจากนี้ คราบครามก็ไม่ได้จางหายไปจนหมด จะยังมีสีน้ำเงินอ่อน ๆ เหลืออยู่แม้ว่าจะทิ้งไว้นานแค่ไหน คงไม่หายไปจนหมดเลย โกงวิธีอื่นจึงน่าจะง่ายกว่า เช่น พิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินแล้วกาไว้ เมื่อถึงเวลานับคะแนนก็เอากล่องจริงไปทำลาย เอากล่องที่โกงมานับแทน วิธีโกงตามฟอร์เวิร์ดเมล์นี้เลยดูสมเหตุสมผล แต่ก็ยังยากที่จะเอามาใช้โกงจริง ๆ

http://board.palungjit.com/f2/ถอดรหัส-หมึกล่องหน-โกงเลือกตั้ง-33510.html

-------------------------------------------------

กลโกงเลือกตั้ง"ซับซ้อน สู่ สามัญ"

คมชัดลึก : การเอาเปรียบ หรือการโกง แทบจะเกิดมาพร้อมๆ กับการเลือกตั้งในประเทศไทย และมีพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลง จากง่ายๆ กลายเป็นซับซ้อน และล่าสุดพัฒนาการเริ่มย้อนกลับมาเป็นการโกงแบบพื้นฐานอีกครั้งหนึ่ง

อย่างเรื่องการซื้อเสียง ที่ดูเมือนจะอยู่คู่กับการเลือกตั้งมานาน แต่เอาจริงๆ แล้ว ก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ ง่ายๆ ชนิดเดินเอาเงินไปให้และฝากฝังให้เลือกโดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือการให้อาจจะไม่ใช่เงินแต่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็น

ต่อมาพัฒนามาเป็นการสัญญาว่าจะให้ หากได้รับเลือกตั้งก็สัญญาว่าจะกลับเอาผลประโยชน์มาให้ จนเปลี่ยนมาเป็นการให้แบบมัดจำคือให้ครึ่งหนึ่งก่อนแล้วที่เหลือค่อยตามมา มีเรื่องจริงที่เล่ากันเมื่อการเลือกตั้งปี 2544 มีการให้รองเท้าแตะไว้ก่อนหนึ่งข้าง หากได้รับเลือกตั้งค่อยมาเอาอีกข้างที่เหลือ

หรือการพัฒนาการจ่ายแทนที่จะจ่ายเป็นตัวเงินจากหัวคะแนน ถึงมือผู้มีสิทธิโดยตรง ก็เป็นการจ่ายผ่านโรงงาน ผ่านบัญชีเงินเดือนที่ได้รับจากนายจ้าง หรือมาในรูปแบบบัตรเติมเงิน

แต่วันนี้กระบวนการดูเหมือนจะไม่ซับซ้อนเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว เนื่องจากวันนี้มีการเปลี่ยนระบบนับคะแนนจากนับรวมที่สถานที่นับคะแนนกลางกลับไปนับที่หน่วยเลือกตั้ง ทำให้หัวคะแนนสามารถเช็กได้ว่าเงินที่จ่าย กระสุนที่ยิงไปในแต่ละพื้นที่จะเข้าเป้าหรือไม่

เรียกได้ว่าการจ่ายแบบเดิมจะมาพร้อมกับระบบหัวคะแนนที่กลับคืนมาเช่นกัน

และระบบหัวคะแนนต่างๆ นั้นก็เป็นระบบอุปถัมภ์อย่างชัดเจน โดยอุปถัมภ์ระหว่างหัวคะแนนกับผู้มีสิทธิ รวมทั้งระบบอุปถัมภ์ระหว่างหัวคะแนนกับผู้มีอำนาจ

หัวคะแนนย่อมถูกคุ้มครองโดยนักการเมือง และบรรดาข้าราชการในพื้นที่ หากปราศจากขาใดขาหนึ่ง หัวคะแนนย่อมไม่เข้มแข็ง เพราะหากนักการเมืองหนุน แต่ข้าราชการไม่เอาด้วย การกระทำก็ไม่ได้ผล

และนี่เป็นที่มาของกลโกงที่เห็นได้มากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเมื่อนักการเมืองมีอำนาจครอบคลุมทั้ง หัวคะแนนและข้าราชการ การดำเนินการต่างๆ กระทำภายใต้โครงการของรัฐ การเรียกประชุมชาวบ้านและหัวคะแนน ต่างก็เป็นโครงการที่วางแผนมาตั้งแต่ต้นโดยระดับบนของกระทรวง

ที่เหลือก็แค่ให้ นักการเมืองและผู้สมัคร เข้าดำเนินการระหว่างนั้น มีทั้งแบบ ดีกรีอ่อน คือเรียกประชุมชาวบ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และให้ผู้สมัครไปแนะนำตัว หรือให้หัวคะแนนไปชักจูง

หรือดีกรีกลางๆ อย่าง เพิ่มเบี้ยประชุม ค่าน้ำมูกน้ำมันอย่างไม่มีสาเหตุ และดีกรีจัดอย่างให้หัวคะแนน หรือบางแห่งผู้สมัครเองเข้าไปในพื้นที่การประชุมและแจกเงินกันดื้อๆ อย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม

ซึ่งคนที่ทำอย่างหลังได้คือพวกที่มั่นใจสุดๆ ว่า สามารถบล็อกทุกอย่างไม่ให้เล็ดลอดเข้าหูเข้าตาฝั่งตรงข้าม หรือผู้ที่จ้องจับผิด ซึ่งวิธีการแบบนี้กระจายไปเกือบทั่วทุกพื้นที่เหนือและอีสาน

ส่วนเรื่องการซื้อเสียงในแบบอื่นๆ นั้นจนถึงปัจจุบันยังไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก ข้อมูลจาก กกต. ระบุว่า หากจะเคลื่อนไหวจริงๆ ก็น่าจะเป็นช่วงโค้งสุดท้าย หลังจากที่เห็นแล้วว่ากระแสไม่ขึ้น ไม่ได้แน่ๆ เมื่อนั้นเงินจะเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญ

ทั้งนี้ในเขตโรงงานอุตสาหกรรมก็เริ่มจะเห็นการโอนเงิน การเปิดบัญชีแปลกๆ บ้างแล้ว รอเพียงนกหวีดสั่งเดินหน้าเท่านั้น

สิ่งที่ชี้ให้เห็นง่ายๆ คือในพื้นที่ที่ไม่ใช่ตัวเมือง เราจะพบเห็นป้ายหาเสียงได้น้อยมาก เพราะยุทธวิธีที่จะใช้ในพื้นที่นั้นๆ จะไม่ใช่การประชาสัมพันธ์ให้รู้จัก

นอกจากกระบวนการซื้อสิทธิขายเสียง ที่ กกต. ค่อนข้างเป็นกังวล อีกประการที่ต้องจับตาคือกลโกงแบบโบราณ เช่น การเวียนเทียน ซึ่งวิธีนี้หากทำอย่างมีประสิทธิภาพบัตรใบเดียวก็ได้ทั้งหน่วย

การนำบัตรออกจากระบบแม้จะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปนักหากมีเจ้าหน้าที่หลับตาและรู้เห็นเป็นใจ

แต่ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ มีกระบวนการที่ทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และทิ้งหลักฐานเอาไว้ หากชนะหลักฐานก็จะถูกเก็บไว้ แต่หากแพ้ หลักฐานก็จะถูกพบและนำมาร้อง ซึ่งวิธีนี้กำลังเป็นที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่ง ไม่เว้นแม้แต่การเลือกตั้งใกล้กรุงครั้งที่ผ่านมา

ดังนั้นเป็นไปได้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เราอาจจะเห็นบัตรเลือกตั้ง หรือ หีบบัตรถูกทิ้งไว้ตามที่ต่างๆ และนำมาร้องเรียนเพื่อหวังเลือกตั้งใหม่ในหลายๆ เขต

ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง เราจะยิ่งเห็นกลโกงต่างๆ ที่หลากหลาย ทั้งวิธีโบราณ ทันสมัย ซับซ้อน หรือพื้นฐาน ถูกงัดออกมาใช้เพื่อชัยชนะ เฉพาะอย่างยิ่งเขตที่มีการแข่งขันสูงและทำท่าว่าจะแพ้

ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง และความแตกแยกของสังคมที่ร้างลึก การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมเท่านั้นที่จะเป็นทางออกเล็กๆ ที่พอจะลอดออกไปจากวิกฤติได้

ปัญหาคือ นักการเมืองหลายคนที่เป็นตัวต้นตอของปัญหา กลับเลือกวิธีการที่จะปิดช่องทางออกด้วยมายาคติที่คับแคบของตนเอง และหวังเพียงจะก้าวเข้าสู่อำนาจ หรือไม่ก็ขัดขาไม่ให้ขั้วตรงข้ามขึ้นสู่อำนาจก็เท่านั้น

อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ

http://www.komchadluek.net/detail/20110612/100118/กลโกงเลือกตั้งซับซ้อนสู่สามัญ.html

-------------------------------------------------

แนวหน้าเลือกตั้ง '50
ชำแหละ...ร้อยแปดกลโกงเลือกตั้ง (1) (สกู๊ปพิเศษ)

...การออกมาจุดพลุของบิ๊กบังครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นเทศกาล โคตรโกงที่นับจากนี้ต่อไปสารพัดวิชามาร จะถูกงัดมาใช้เพื่อปูทางให้ว่าที่ส.ส.บางคน เข้าไปนั่งบริหารประเทศในสภาหินอ่อน ต่อไป

เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้วสำหรับการรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบสัดส่วน ระหว่างวันที่ 7-11 พ.ย. รวมทั้ง 5 วัน มีพรรคการเมืองแห่ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ จำนวนทั้งสิ้น 31 พรรค

...หลังจากนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. จะไล่เช็คแบบละเอียดยิบถึงคุณสมบัติของพรรคการเมืองและคุณสมบัติของผู้สมัครส.ส.ระบบสัดส่วน ว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดหรือไม่

ขณะที่ระหว่างวันที่ 12-16 พ.ย.นี้ กกต.กำหนดให้มีการเปิดรับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง...

นับจากนี้ต่อไป คอการเมืองทั้งหลายคงได้เห็นภาพการแข่งขัน ในศึกเลือกตั้งปลายปีนี้ ชัดเจนมากขึ้นว่า เขตไหนใครเป็นใคร!!! ดีกรี การแย่งชิง เสียงสวรรค์ จากประชาชนจะร้อนแรงมากมายแค่ไหน?

ขณะที่ บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง หรือครส. ได้ออกมาย้ำชัดๆ ว่า...

...ขณะนี้ได้รับรายงานว่า มีการทุจริตการเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้แจ้งกระทรวงมหาดไทย ให้กำชับทุกจังหวัดคอยเฝ้าระวัง และตรวจตราการทุจริตการเลือกตั้งเป็นอย่างดีแล้ว

การออกมา จุดพลุ ของ บิ๊กบัง ครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นเทศกาล โคตรโกง ที่นับจากนี้ต่อไป สารพัดวิชามาร จะถูกงัดมาใช้ เพื่อปูทางให้ ว่าที่ส.ส. บางคนเข้าไปนั่งบริหารประเทศใน สภาหินอ่อน ต่อไป กล่าวสำหรับ กลโกง เลือกตั้งนั้นมีร้อยแปดวิธี โดยกกต. ได้กำหนดพฤติกรรม โคตรโกง ว่า ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ...

...พรรคการเมือง ผู้สมัครและหัวคะแนนสุมหัวกันโกง , เจ้าหน้าที่ของรัฐ และบุคลากรกกต.ร่วมกันโกง และ ประชาชนเป็นผู้เริ่มในกระบวนการโกง!!!

สำหรับ กลโกง ในส่วนของ พรรคการเมือง ผู้สมัครและหัวคะแนน มีกลยุทธ์ดังนี้...

-จ้างให้ผู้ที่ได้รับความนิยมในพื้นที่นั้นๆ ไม่ให้ลงสมัครเพื่อไม่ให้มาตัดคะแนนของตนหรือพรรคตน วิธีการนี้ขึ้นอยู่กับ ดีกรี ความร้อนแรงของ คู่แข่งว่า ฮอตฮิต ขนาดไหน หากคู่แข่ง มีฐานคะแนนเสียง แน่นปึ๊ก เท่าไหร่ น้ำหนัก เงิน ที่ใช้ฟาดหัวจะมากตามไปด้วย ที่ผ่านมากกต.เคยตรวจพบว่าในระดับผู้สมัครนายก อบต.ปากน้ำ มีการใช้เงินจ้างไม่ให้คู่แข่ง ลงรับสมัครเลือกตั้งมากถึง 3 ล้านบาท!!! โดยขั้นตอนจะมีตั้งแต่เจรจา ภาษาดอกไม้ กระทั่งข่มขู่ด้วย ลูกปืน !!!

-จ้างวานบุคคลให้ลงสมัครเพื่อตัดคะแนนคู่แข่งของตน หรือเพื่อให้ครบองค์ประกอบตามที่กฎหมายกำหนด ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคงหนี้ไม่พ้น คดีประวัติศาสตร์ ยุบพรรคไทยรักไทย ที่มีการกล่าวหา พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รองเลขาธิการ พรรค ร่วมกันให้เงินสนับสนุนแก่พรรคพัฒนาชาติไทย 1.1 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแข่งกับผู้สมัคร พรรคไทยรักไทย และยังมีข้อกล่าวหาคนสนิทของ พล.อ.ธรรมรักษ์ มอบเงินสนับสนุนให้ นางฐัติมา ภาวะลี ผู้ประสานงานพรรค แผ่นดินไทย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 3.6 ล้านบาท

ครั้งนั้น คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พิพากษาว่า การกระทำดังกล่าวเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ และเป็นปรปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย จึงเห็นว่ามีเหตุอันควร ยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย!!!

-การโจมตีทำลายคู่แข่ง มีหลายวิธีการ เช่น การปล่อยข่าวให้คู่แข่งเสียหาย อาทิ ปล่อยข่าวว่าพรรคคู่แข่งจะมาจ่ายเงินซื้อเสียงหรือมอบสิ่งของให้ประชาชนในพื้นที่ เมื่อคู่แข่งไม่มาจะส่งผลให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ นอกจากนี้ยังมีวิธีการ ซื้อเสียง

ในนามคู่แข่ง เพื่อ ดิสเครดิต ให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าพรรคคู่แข่งทำผิดกฎหมาย

-ซื้อหัวคะแนนของคู่แข่ง หรือซื้อคะแนนจากผู้สมัครที่ยอมขายฐานเสียงของตน กลยุทธ์ข้อนี้มักใช้กับ หัวคะแนน ที่มีคุณภาพ อาทิ ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู มักโดนซื้อตัวมากที่สุด ล่าสุดกกต.โคราชระบุว่า ได้รับรายงานการใช้เงินซื้อหัวคะแนน ตามหมู่บ้านต่างๆ หัวละ 5,000 บาท รวมถึงมีการสัญญาว่า จะให้ หาก ได้รับการเลือกตั้งจะโอนเงินเข้าบัญชีของหัวคะแนนอีกครั้งหนึ่ง...!!!

-ซื้อเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยการใช้ เงินฟาดหัว เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งมีรูปแบบ ซื้อเป็นรายหัว และ ซื้อยกหน่วย เพื่อให้อำนวยความสะดวกใน ปฏิบัติการโกง อาทิ การเวียนเทียนลงคะแนนแทนผู้ที่ไม่มาใช้สิทธิเลือกตั้งหรือใช้คนคนเดียวไปลงคะแนนหลายรอบหรือหลายหน่วยเลือกตั้ง ย้ายบุคคลนอกเขตเข้ามาหรือนำรายชื่อคนเข้ามาในทะเบียนบ้านโดยไม่มีตัวตนหรือไม่ได้เข้ามาอยู่จริง แต่มีเจตนาทุจริตในการเลือกตั้ง ถือเป็นกลยุทธ์การโกงที่คลาสสิก พบเจอในทุกยุคและหากเจ้าบ้านท่านใดพบว่ามี รายชื่อผี ปรากฏในทะเบียนบ้านตนเอง กกต. แนะนำว่าต้องรีบแจ้งต่อกกต.ประจำ เขตโดยเร็ว หากละเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว.ปี 2550 มาตรา 33 ที่ระบุว่า...

...ห้ามมิให้ผู้ใดดำเนินการหรือยินยอมให้มีการย้ายบุคคลเข้าทะเบียนบ้าน เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งโดยมิชอบ หากปรากฏกรณีดังกล่าวให้สันนิษฐานว่า เป็นการย้ายบุคคลเข้ามาในทะเบียนบ้าน เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งโดยมิชอบ .

..และในกรณีที่เจ้าบ้านรู้เห็นเป็นใจให้ย้าย รายชื่อผี เข้ามา อาศัยในทะเบียนบ้าน ตามกฎหมายการเลือกตั้งมาตรา 138 ระบุว่า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ!!!

กลโกงเลือกตั้ง ยังมีเทคนิควิธีการที่ลึกลับซับซ้อนอีกมากมาย อาทิ ให้หัวคะแนนแต่ละคนรับผิดชอบซื้อเสียงเป็นกลุ่มๆ หรือการแจกรองเท้าแตะ 1 ข้าง วิธีการจะพิสดารเพียงใด โปรดติดตามในฉบับหน้า!!!

วันที่ 14/11/2007
http://www.naewna.com/news.asp?ID=82573

-------------------------------------------------

แนวหน้าเลือกตั้ง '50
ชำแหละ...ร้อยแปดกลโกงเลือกตั้ง (2) (สกู๊ปพิเศษ)

ความเดิมตอนที่แล้วกล่าวถึง "กลโกงเลือกตั้ง" ในส่วนของ "พรรคการเมือง ผู้สมัครและหัวคะแนน" ที่มีวิธีการ "ซิกแซก" มากมายตั้งแต่ใช้ "เงินฟาดหัว" จ้างไม่ให้ผู้สมัครลงเลือกตั้ง หรือจ้างให้ผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเพื่อตัดฐานคะแนนเสียงคู่แข่ง, ซื้อตัวเจ้าหน้าที่ยกหน่วยเลือกตั้งเพื่อให้อำนวยความสะดวกในการ "โกง", ย้าย "รายชื่อผี" เข้ามาในทะเบียนบ้าน หรือแม้กระทั่งใช้กลยุทธ์ปล่อย "ข่าวลือ" ทำให้พรรคการเมืองคู่แข่งเสื่อมเสียชื่อเสียง !!!

"ชำแหละ...ร้อยแปดกลโกงเลือกตั้ง" วันนี้ยังวนเวียนอยู่กับ "พรรคการเมือง ผู้สมัครและหัวคะแนน" สำหรับกลยุทธ์กลโกงข้อต่อมาคือ....

-"ใช้โครงการของรัฐเป็นเครื่องมือหาคะแนน หรือชักชวนให้สมัคร เป็นสมาชิกพรรค"

อาศัยโครงการสุขภาพ หรือโครงการส่งเสริมอาชีพ โครงการ พัฒนาต่างๆ "หาเสียงทางอ้อม" อาทิ แจกข้าวของเครื่องใช้ให้ชาวบ้านผ่านโครงการต่างๆ โดยพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล จะอาศัยความ ได้เปรียบในการคุมกลไกอำนาจรัฐ ทำให้ประหยัดเงินหาเสียงได้จำนวนมหาศาล ขณะเดียวกันยังได้ "ฐานเสียง" จากชาวบ้านอีกด้วย หากไล่เลียงดูจะพบว่าก่อนการ "เลือกตั้ง" มักมีการอนุมัติงบประมาณ จัดทำโครงการต่างๆ สูงมากผิดปกติ!!!

สำหรับประเด็นเรื่องชักชวน "สมัครเป็นสมาชิกพรรค การเมือง" หากพรรคการเมือง สามารถหาสมาชิกได้มากเท่าไหร่ โอกาสเข้าไปนั่งบริหารประเทศย่อมมีมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถนำบัญชีสมาชิกพรรค ไปยืนยันกับ กกต. เพื่อขอรับเงินสนับสนุนพรรคการเมืองได้อีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีเรื่องร้องเรียน จากประชาชนหลายรายว่า ได้รับบัตรเป็นสมาชิกพรรคการเมือง โดยไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน

-"ใช้อามิสสินจ้างให้ลงคะแนน" เรียกง่ายๆ ชัดๆ ว่าใช้ "เงิน" ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า มีหลายรูปแบบ เช่น แบ่งให้หัวคะแนน แต่ละคนรับผิดชอบซื้อเสียงเป็นกลุ่มๆ, แจกเงิน สิ่งของ สุรา ปลาทูเค็ม แจกรองเท้าแตะ 1 ข้าง เมื่อชนะจะเอามาให้อีก 1 ข้าง หรือตัดธนบัตรครึ่งหนึ่ง เมื่อชนะจะเอามาให้อีกครึ่งหนึ่ง เมื่อติดเทปใส

ก็สามารถนำไปซื้อสินค้าได้ นอกจากนี้ยังมีการแจกคูปองเพื่อนำมาแลกเงินหากได้รับเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งดาวน์รถให้หัวคะแนนถ้าได้รับ เลือกตั้ง จะผ่อนส่งต่อให้...บางแห่งจะใช้ "ไสยศาสตร์" มากำกับ เพื่อ "ขู่" ให้ "ผู้ขายเสียง" ไม่กล้าเบี้ยว เช่น

"แจกเงินพร้อมเหน็บธูปปลุกเสก" หรือ "แจกเงินพร้อมกับเหน็บเบอร์ผู้สมัครเลือกตั้งที่มีการลงอักขระ" เมื่อ "ตาสีตาสา" รับเงินไปแล้วมักไม่กล้าเบี้ยวเพราะกลัว "มีอันเป็นไป"!!!

-"หว่านเงินหาความนิยม" เช่น ช่วยงานแต่งงาน อนุโมทนา บ่าว-สาว บวชนาค ร่วมเป็นประธานทอดกฐิน-ผ้าป่า ทุ่มเงินก้อนโต ทำบุญบำรุงวัดและศาสนสถาน บำรุงโรงพยาบาล เยี่ยมเด็กกำพร้า ที่ผ่านมามีรายงานว่า ผู้สมัครบางคนถึงขนาดลงทุน...

"เซ้งงานศพ"!!!

...เพื่อขึ้น "ทอดผ้าบังสุกุล" โดยให้นายหน้าเข้าไปติดต่อตาม งานศพต่างๆ เพื่อขอเป็นประธานทอดผ้าบังสุกุล และถือโอกาสแจกแผ่นพับหาเสียงในงานศพ ที่มีผู้มาร่วมงานจำนวนมาก ซึ่งเป็นวิธีหาเสียงที่ได้ผลดียิ่ง หากเจ้าภาพงานศพตกลง ผู้สมัครจะช่วยงานศพงานละ 5,000 บาท

-"มอบสิ่งของที่เป็นสาธารณประโยชน์ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง" เช่น เต็นท์ เครื่องปั่นไฟ อาคาร ถนน หอกระจายข่าว สะพาน น้ำประปา ไฟฟ้าให้แก่หมู่บ้าน วัด โรงเรียน สมาคม มูลนิธิ สถานสงเคราะห์ ฯลฯ

-"ซื้อเสียงด้วยการเล่นพนันขันต่อ เพื่อทำลายคู่แข่งโดย การต่อรอง" หรือที่เรียกกันว่า "หวยผู้แทน" โดยตั้งเงื่อนไขให้ฝ่ายหนึ่งแพ้หรือชนะ ชาวบ้านถึงมารับเงินรางวัล "ค่าหวย" !!!

"หวยผู้แทน" นับเป็นกลโกงเลือกตั้ง ที่ใช้ได้ผลในทุกยุคทุกสมัย มีวิธีการคือ "กลุ่มนักการเมืองหัวใส" จะติดต่อกับ "เจ้ามือ หวยเถื่อน" ให้เปิดเล่น "หวยผู้แทน" มีเงื่อนไขว่า ให้ชาวบ้านซื้อหมายเลขของตนเองในอัตรา 100 บาท และหากตนเองได้รับเลือกตั้ง ให้ผู้แทงหวยหมายเลขของตนนำ "ใบโพย" ไปขึ้นเงินจากเจ้ามือหวยเถื่อน....

"1,000 บาท"!!!

ชาวบ้านแต่ละคนจะซื้อ "หวยผู้แทน" มากเท่าไหร่ก็ได้ เจ้ามือหวย "รับไม่อั้น" การนำเอาการพนันมาใช้เป็น "ตัวล่อ" ทำให้ชาวบ้านแห่แทงหวยผู้แทนกันมาก เพราะกลัวผู้สมัครที่ตนทุ่มแทงหวย "สอบตก"!!!

เจ้าหน้าที่ กกต. รายหนึ่งเปิดเผยว่า ในการเลือกตั้งหลายครั้ง "หวยผู้แทน" ระบาดอย่างหนักในพื้นที่ชนบท ในภาคอีสานและภาคเหนือ มีอัตราการจ่ายตอบแทน มากถึง....

"10 เท่า"!!!

...และหากใกล้วันเลือกตั้ง เมื่อประเมินสถานการณ์แล้ว คะแนนผู้สมัครฝ่ายตนแซงหน้าคู่แข่งเป็นตัวเต็งที่จะชนะการเลือกตั้ง ก็จะปฏิบัติการ "ตอกตะปูปิดฝาโลง" เพิ่มอัตราต่อรองขึ้นอาจจ่ายมากถึง "20 เท่า" เลยทีเดียว !!!

เจ้าหน้าที่ กกต. คนเดิมบอกว่า สาเหตุที่ผู้สมัครคิดวิธีการโกงเลือกตั้งทำ "หวยผู้แทน" ขึ้นมาเพราะกลัวตัวเองไม่ชนะในการเลือกตั้ง และกลัวว่าการไปซื้อเสียงหัวละ 200-300 บาท จะไม่ได้ผล อีกทั้งการแจกของทั้งนาฬิกา แว่นตา เก้าอี้พลาสติก ผ้าห่ม ถุงยังชีพ ที่มีกะปิ น้ำปลา ข้าวสาร อาหารแห้ง ก็กลัวประชาชนจะร้องเรียน กกต.หรือถูกตรวจสอบพบจนนำไปสู่การถูกให้ใบแดง

"กกต. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจส่งเจ้าหน้าที่ออกสืบสวนสอบสวน เพราะถือว่าเป็นการพนันผิดกฎหมาย ซึ่งชาวบ้านนิยมเล่นกันมาก โอกาสถูกมีสูง ใครที่ซื้อแล้วกลัวไม่ถูกก็ต้องไประดมญาติพี่น้องมาลงคะแนนเบอร์ผู้สมัครที่ซื้อไว้ เพื่อให้ถูกหวย วิธีการโกงลักษณะนี้ ยังเป็นการตัดต่อ ไม่ให้ถึงตัวผู้สมัคร เพราะหากเจ้าหน้าที่จับได้ ก็กลายเป็นเรื่อง เล่นการพนัน ระหว่างเจ้ามือหวยเถื่อนกับผู้เล่นหวย" อดีตเจ้าหน้าที่ กกต. คนเดิมระบุ

กลโกงเลือกตั้ง ยังมีวิธีการอีกมากมาย อาทิ ขายสินค้าราคาถูก ว่าจ้างทำงานโดยจ่ายค่าแรงมากเป็นพิเศษ หรือจัดให้ไปดูงานต่างประเทศ หรือแม้กระทั่ง "หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม" โดยจะใช้ "นักเลงหัวไม้" ข่มขู่ชาวบ้านไม่ให้ไปฟังการปราศรัยของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม หรือส่ง"มือปืน"เข้ามาเพ่นพ่านในพื้นที่เพื่อข่มขู่ "หัวคะแนน" ตอนต่อไปของ"ชำแหละร้อยแปดกลโกงเลือกตั้ง" จะตีแผ่กลโกงของ "เจ้าหน้าที่รัฐ"และการมีส่วนร่วมทุจริตของประชาชน เรื่องราวจะลึกลับซับซ้อนอย่างไร โปรดติดตามในฉบับหน้า!!!

วันที่ 15/11/2007
http://www.naewna.com/news.asp?ID=82642

-------------------------------------------------

ตำรวจแฉ! สารพัด "กลโกง" เลือกตั้ง

ตำรวจแฉกลโกง ซื้อบัตรประชาชน กันไม่ให้ไปลงคะแนนเสียงให้ฝ่ายตรงข้าม หนึ่งในสารพัดกลโกงเลือกตั้ง

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล วันที่ 2 มิ.ย. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. กล่าวถึงกลโกงในการเลือกตั้งว่า จากประสบการณ์ที่พบมามีหลากหลายรูปแบบ แต่ที่แปลกในกลโกงทุจริตนี้เป็นการซื้อบัตรประชาชนโดยกว้านซื้อไว้ก่อน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงของฝั่งตรงข้าม ซื้อเพื่อเอาบัตรประชาชนมาไว้ เพราะกันไม่ให้ไปลงคะแนนเสียงให้ฝ่ายตรงข้าม อีกกลโกงจะเป็นลักษณะให้ตัวแทนหรือหัวคะแนนมาที่บ้านของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลย โดยจะให้คนในครอบครัว 1 คน ออกไปเลือกตั้งก่อน แต่ตอนไปเลือกจะให้หย่อนกระดาษเปล่าที่พกไปลงในหีบ และนำบัตรเลือกตั้งกลับมาบ้านเพื่อกาเบอร์ที่หัวคะแนนต้องการ และให้คนอื่นไปเลือกอีก โดยนำบัตรที่ถูกกาไว้แล้วไปหย่อนลงด้วย ซึ่งนั้นหมายถึงผู้สมัครคนนั้นๆ จะได้คะแนนเสียงในตรงนี้อย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนนี้ได้ชี้แจงให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนในสังกัดรับทราบแล้วในรูปแบบกลโกงวิธีการต่างๆเพื่อให้การสืบสวนจับกุมความผิดกฎหมายเลือกตั้งมีประสิทธิภาพบรรลุเป้าหมายมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลโกงการเลือกตั้งมีรูปแบบวิธีการมากมายอาทิ การซื้อเสียงซื้อหัวคะแนนคู่แข่ง การพากำนันผู้ใหญ่บ้านและลูกบ้านไปเที่ยวต่างจังหวัดแล้วจ่ายเงินให้ลักษณะของค่ารถ ค่าอาหาร หรือแม้กระทั่งบัตรเติมเงินโทรศัพท์ รวมถึงวิธีการซื้อเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งมีแบบซื้อเป็นรายหัว และซื้อยกหน่วย เพื่อให้อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติการโกง โดยจะทำในช่วงการลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งจริง วิธีการเวียนเทียนลงคะแนนแทนผู้ที่ไม่มาใช้สิทธิเลือกตั้งหรือใช้คนคนเดียวไปลงคะแนนหลายรอบหรือหลายหน่วยเลือกตั้ง และย้ายบุคคลนอกเขตเข้ามาหรือนำรายชื่อคนเข้ามาในทะเบียนบ้านโดยไม่มีตัวตนหรือไม่ได้เข้ามาอยู่จริง แต่มีเจตนาทุจริตในการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ยังมีวิธีการใช้เงินจ้างไม่ให้คู่แข่งลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นตัวเลขหลักล้าน หากไม่ยอมก็จะข่มขู่บังคับ และอีกวิธีการหนึ่งพบมากในพื้นที่ กทม.คือ การกล่าวโจมตีคู่แข่งฝ่ายตรงข้ามให้ร้ายป้ายสี ด้วยการปล่อยข่าวให้คู่แข่งเสียหาย อาทิ ปล่อยข่าวว่าพรรคคู่แข่งจะมาจ่ายเงินซื้อเสียงหรือมอบสิ่งของให้ประชาชนในพื้นที่ เมื่อคู่แข่งไม่มาจะส่งผลให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ นอกจากนี้ยังมีวิธีการซื้อเสียงในนามคู่แข่ง เพื่อดิสเครดิตให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าพรรคคู่แข่งทำผิดกฎหมายอีกด้วย

ที่มา : เดลินิวส์
http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?category=19&id=18730

-------------------------------------------------

โพสต์ทูเดย์-รายงานพิเศษ : เปิดสารพัดกลโกงเลือกตั้ง

โดย...ทีมข่าวการเมือง

การเลือกตั้งกำลังเดินทางเข้าสู่ระยะกลางความเข้มข้นดุเดือดเพิ่มขึ้นตามลำดับ กลิ่นอายเรื่องทุจริตการเลือกตั้งกำลังโชยออกมา โดยเฉพาะการซื้อเสียง การวางตัวไม่เป็นกลางของข้าราชการ บัตรเลือกตั้งปลอม บัตรเกินและอีกสารพัดเรื่องกลโกงให้ได้มาซึ่งชัยชนะในการเลือกตั้ง

หลายฝ่ายประเมินกันว่าเลือกตั้งครั้งนี้เงินจะสะพัดมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะเดิมพันของแต่ละฝ่ายนั้นสูงยิ่ง เนื่องจากเป็นการชี้อนาคตทั้งทางการเมืองและบทบาทสถานะความเป็นอยู่กันในสังคมภายภาคหน้า

รูปแบบกลโกงและวิธีการซื้อเสียงขณะนี้มีหลากหลาย อาทิ เริ่มกันตั้งแต่ยังไม่ทันเปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง โดยผู้ที่จะลงสมัครจะเรียกนายก อบต. นายกเทศบาลตำบล สมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ตลอดทั้งกำนันให้ไปรับเงินก้อนแรก คนละ 1 หมื่นบาท ผู้ใหญ่บ้านหัวละ 5,000 บาท ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน-ประธาน อสม.ตำบล และสมาชิก อบต. หัวละ 3,000 บาท

ทั้งนี้ หลังผู้สมัครได้เบอร์เสร็จสรรพแล้วก็จะลุยลงพื้นที่หาเสียง เงินที่บรรดาผู้นำท้องถิ่นรับไปแล้วนั้นถือเป็นค่าตีตั๋วบัตรผ่านประตูเข้าหมู่บ้านเพื่อเป็นการการันตีว่าจะไม่ถูกกีดกันหรือโจมตีกลั่นแกล้ง

ยกที่ 2 บรรดาผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขต จะมีการวางเป้าของคะแนนที่ต้องการว่าได้เท่าไหร่ จึงจะชนะคู่แข่ง จากนั้นจะให้ผู้นำท้องถิ่นทำบัญชีรายชื่อขึ้นมาแบบหมู่บ้านใครหมู่บ้านมัน โดยสนนราคาปัจจุบันต้องเสียงละ 1,000 บาทเท่านั้น โดยผู้จดรายชื่อจะได้ค่าดำเนินการ 100-200 บาท

ยกที่ 3 คือการให้โบนัส ถ้าผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขต ผู้ใดที่ทำคะแนนให้จนชนะการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านก็จะได้รับโบนัสอีกหัวละ 1 หมื่นบาท

ยกที่ 4 คือการให้โบนัสที่เรียกว่าสามเด้ง นั่นคือถ้าผู้สมัครที่เชียร์อยู่ทิ้งห่างคู่แข่งแบบทำให้เสียมวยและหน้าแตกได้สะใจ ก็จะตั้งกองกลางเอาไว้ สมมติว่าตั้งไว้ 3 ล้านบาท ก็จะมีกติกาที่เลือกกันว่าจะไปกิน ไปเที่ยว ในหรือต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ถ้าแบ่งเป็นเงินก็จะมีสูตรวิธีคิดในหลายรูปแบบ แต่สรุปแล้วยุติธรรม

สำหรับวิธีจ่ายเงิน มีแบบที่เรียกว่า จ่ายก่อน จ่ายตรง จ่ายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งจะมีเรื่องของสัจจะและนักเลงเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่เรียกว่า “วิธีให้สำคัญกว่าสิ่งที่ให้” โดยผู้จ่ายเงินแบบจ่ายก่อนจะต้องคัดเอาอดีตหรือคนมีสีมานั่งหน้าโต๊ะบัญชีถือปืน M16 ให้เห็นว่ารับเงินแล้วอมเงียบ หรือรับเงินแล้วชักดาบ ก็มีสิทธิได้กินลูกปืนและอย่าทำตัวเป็นนกสองหัว รับเงินสองฝ่าย คะแนนแบ่งครึ่ง ถ้าทำเช่นนี้ก็รอรับแจกโลงศพเพิ่มเติม

อีกวิธีหนึ่ง คือ การจ่ายหลังการเลือกตั้งซึ่งถือเป็นสัจจะลูกผู้ชายที่คนภูธรให้การเชื่อถือกันมานมนาน และก็ไม่เคยถูกเบี้ยว ยิ่งผู้สมัคร สส.ชนะการเลือกตั้งจะได้รับเงินเพิ่มเป็นสองเด้ง

อย่างไรก็ตาม บางครั้งคู่แข่งก็รู้ และก็ทำเช่นเดียวกัน

“ถ้าผมชนะให้มารับเงินที่หัวคะแนนเพิ่มอีก เบอร์แรกจ่าย 500 บาท ผมก็จ่าย 500 บาท หรืออาจเพิ่มขึ้นเป็น 600 บาท เรียกว่าเกทับหรือจ่ายทีหลังดังกว่า อย่างนี้เบอร์แรกก็ต้องมาวิ่งจ่ายเพิ่มอีก 200 บาท เพื่อเกทับให้เป็น 700 บาท” แหล่งข่าวเปิดเผย

ขณะเดียวกันมีการพัฒนาการจ่ายเป็นคูปอง หรือสิ่งของที่แทนค่าเงิน มีตั้งแต่ให้ถือลอตเตอรี่ ที่ สส.เก็บสำเนาเอาไว้ตรงกันเหมือนกับโพยหวยใต้ดิน บางคนก็แจกเป็นเหรียญพระเครื่อง และอีกสารพัด เมื่อถือคูปองเอาไว้เงินก้อนแรกหัวคะแนนจ่ายไปแล้ว 1,000 บาท แล้วถ้ามีผู้สมัครรายอื่นมาเกทับมากกว่า 1,000 บาท คูปองที่ถือไว้ก็จะมีประกาศออกจากหัวคะแนนว่า ขณะนี้นายใหญ่สั่งให้เพิ่มเด้งที่ 2 อีก เป็นเงินเท่าไหร่ อย่างเช่น 300, 500, 700 หรือเป็น 1,000 บาท ซึ่งจะจ่ายหลังเสร็จสิ้นการรับคะแนน ทั้งนี้ กระแสเงินสะพัดในท้องถิ่นหรือแต่ละเขต ไม่น้อยกว่า 30-50 ล้านบาท แต่ถ้าจะให้ทิ้งห่างกันแบบขาดกระจุยในพื้นที่ภาคเหนือเคยมีผู้ทำสถิติยิงกระสุนเพื่อการเลือกตั้งสูงสุดเพียงแค่ 130 ล้านบาท

“สมชัย ศรีสุทธิยากร” กรรมการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเกาะติดการทุจริตเลือกตั้งมาตลอด ได้พูดถึงรูปแบบการซื้อเสียงว่า ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย อาทิ นักเลือกตั้งจะหาหัวคะแนนอย่างน้อย 1 คน ไว้คอยดูแลชาวบ้าน 10 คน เป็นพื้นฐาน พอได้รายชื่อชาวบ้านมาก็ทำบัญชีขอเบิกเงิน

อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจเกิดขึ้นได้ในหลายพรรคการเมืองและอาจเกทับจำนวนเงินกันได้จนถึงคืนวันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง หรือคืนหมาหอน ทำให้บางพรรคอาจปิดการขายเร็วขึ้น โดยการให้ชาวบ้านที่รับเงินไปเลือกตั้งล่วงหน้าเลย สังเกตได้ว่าหากพื้นที่ไหนมีชาวบ้านไปใช้สิทธิล่วงหน้าผิดปกติ ก็อาจตั้งข้อสังเกตนี้ได้

ขณะเดียวกันจะจ่ายเงินให้ชาวบ้านไปฟังปราศรัยของผู้สมัคร ซึ่งวิธีนี้มักจะเกิดในพื้นที่ชนบทซึ่งจากวิจัยพบว่า จะมีรถกระบะเกณฑ์ชาวบ้านเข้าไปฟังปราศรัย และมีเบี้ยเลี้ยงให้คนละ 100 บาท

อีกรูปแบบหนึ่งคือการที่ผู้สมัครเหมารถตู้จาก “กรุงเทพฯ” เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ทำงานในกรุงเทพฯ นั้นนั่งรถกลับบ้านไปเลือกตั้งแบบ “ฟรีๆ” และอาจจะได้เงินติดกระเป๋าอีกคนละ 300-400 ซึ่งรูปแบบนี้แพร่หลายกันมากในช่วงหลัง

“สมชัย” บอกอีกว่า 3 รูปแบบดังกล่าวข้างต้น เป็นรูปแบบสำหรับนักการเมืองมือใหม่ ส่วนผู้สมัครรุ่นเก๋านั้น จะหันความสนใจไปยัง “หน่วยเลือกตั้ง” แทน โดยมีตั้งแต่จ่ายเงินเพื่อซื้อ กกต.เขต ไปจนกระทั่งซื้อ กกต.ประจำหน่วย

“ปกติถ้าซื้อ กกต.เขตไม่ได้ เขาก็จะเบนความสนใจไปที่ กกต.หน่วยแทน ด้วยการจ่ายเงินซื้อเป็นรายคนไป หรือไม่ก็จ้างให้ กกต.ที่ทำหน้าที่ในวันเลือกตั้งนั้นเกิดไม่สบายขึ้นมา แล้วส่งคนของตัวเองเข้าไปยืนป้วนเปี้ยนแถวนั้น จนประธาน กกต.หน่วยเรียกเข้าไปทำหน้าที่แทน ซึ่งเมื่อกรรมการประจำหน่วยเป็นคนของตัวเองหมดแล้ว จะบันดาลให้เกิดอะไรขึ้นก็ได้” สมชัย กล่าว

นอกจากนี้ยังมีวิธีการเอาบัตรประชาชนของคนที่ไม่ได้ลงเลือกตั้งมาสวมสิทธิลงเลือกตั้งแทน หรือเกณฑ์คนอื่นเข้ามาเลือกตั้ง วนซ้ำไปเรื่อยๆ หรือเรียกว่าเวียนเทียน เวลาตรวจหลักฐานก็ตรวจแบบขอไปที หรืออย่างแย่ก็คือนั่งกาบัตรลงคะแนนด้วยตัวเอง

ขณะเดียวกันช่วงการนับคะแนนนั้น ก็อาจจะเอานิ้วจิกกระดาษให้ขาดหรือแม้กระทั่งเอาปากกาในมือกาบัตรดีให้เป็นบัตรเสียก็มี

สำหรับวิธีป้องกันเรื่องนี้ “สมชัย” แนะนำว่า กกต.สามารถทำได้ อาจจะเป็นการตั้งรางวัลนำจับผู้กระทำผิด หรือว่ากวดขันการลงพื้นที่ตรวจหน่วยเลือกตั้งให้มากขึ้น โดยอาจจะร่วมมือกับบรรดาองค์กรภาคประชาชนให้มากขึ้น

“สดศรี สัตยธรรม” กกต. บอกว่า กลโกงการเลือกตั้งไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเท่าใดนัก ที่เคยสอบพบ เช่น การเชิญชวนผู้นำท้องถิ่นไปเที่ยวต่างจังหวัด แล้วจ่ายเงินกันกลางแม่น้ำ หรือให้เงินในลักษณะเป็นค่ารถ ค่าอาหาร หรือแม้กระทั่งบัตรเติมเงินโทรศัพท์

สำหรับกลโกงในการเลือกตั้งปี 2550 ผู้สมัครและหัวคะแนนมักมีกลยุทธ์ เช่น จ้างให้ผู้ที่ได้รับความนิยมในพื้นที่นั้นๆ ไม่ให้ลงสมัครเพื่อไม่ให้มาตัดคะแนน ซึ่งจำนวนเงินในการจ้างจะมากน้อยตามดีกรีความนิยมในพื้นที่

“ที่ผ่านมา กกต.เคยตรวจพบว่าในระดับผู้สมัครนายก อบต.ปากน้ำ มีการใช้เงินจ้างไม่ให้คู่แข่งลงรับสมัครเลือกตั้งมากถึง 3 ล้านบาท เริ่มด้วยขั้นตอนเจรจาอย่างนุ่มนวล ไปจนถึงข่มขู่ บังคับด้วยลูกตะกั่ว” สดศรี กล่าว

อีกวิธีที่มักได้ยินช่วงเลือกตั้ง คือการโจมตีทำลายคู่แข่ง ด้วยการปล่อยข่าวให้คู่แข่งเสียหาย อาทิ ปล่อยข่าวว่าพรรคคู่แข่งจะมาจ่ายเงินซื้อเสียงหรือมอบสิ่งของให้ประชาชนในพื้นที่ เมื่อคู่แข่งไม่มาจะส่งผลให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ นอกจากนี้ยังมีวิธีการซื้อเสียงในนามคู่แข่ง เพื่อดิสเครดิตให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าพรรคคู่แข่งทำผิดกฎหมาย

ขณะที่ “สมชัย จึงประเสริฐ” กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน บอกถึงกลโกงการเลือกตั้งว่า มีการซื้อหัวคะแนนของคู่แข่ง หรือซื้อคะแนนจากผู้สมัครที่ยอมขายฐานเสียงของตัวเอง เพราะกลยุทธ์ข้อนี้มักใช้กับหัวคะแนนที่มีคุณภาพ อาทิ ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู มักโดนซื้อตัวมากที่สุด ในรูปแบบของการจัดสัมมนาในต่างจังหวัด

อย่างไรก็ตาม วิธีที่คลาสสิกที่สุด ซึ่ง กกต.หวั่นเกรงว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเลือกตั้งล่วงหน้า คือการซื้อเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งมีรูปแบบ ซื้อเป็นรายหัว และซื้อยกหน่วย เพื่อให้อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติการโกง อาทิ การเวียนเทียนลงคะแนนแทนผู้ที่ไม่มาใช้สิทธิเลือกตั้งหรือใช้คนคนเดียวไปลงคะแนนหลายรอบหรือหลายหน่วยเลือกตั้ง และย้ายบุคคลนอกเขตเข้ามาหรือนำรายชื่อคนเข้ามาในทะเบียนบ้านโดยไม่มีตัวตนหรือไม่ได้เข้ามาอยู่จริง แต่มีเจตนาทุจริตในการเลือกตั้ง

ขณะที่ในมุมตำรวจ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เล่าให้ฟังถึงกลเม็ดในการโกงว่า จากประสบการณ์ที่เจอมา ที่แปลกๆ ในกลโกงทุจริต จะเป็นการซื้อบัตรประชาชนไว้เลย โดยเฉพาะกับฐานเสียงของฝั่งตรงข้าม ซื้อเพื่อเอาบัตรประชาชนมาไว้ เพราะกันไม่ให้ไปลงคะแนนเสียงให้ฝ่ายตรงข้าม

อีกกลโกงจะเป็นลักษณะให้ตัวแทนหรือหัวคะแนนมาที่บ้านของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลย โดยจะให้คนในครอบครัว 1 คน ออกไปเลือกตั้งก่อน แต่ตอนไปเลือกจะให้หย่อนกระดาษเปล่าที่พกไปลงในหีบ และนำบัตรเลือกตั้งกลับมาบ้านเพื่อกาเบอร์ที่หัวคะแนนต้องการ และให้คนอื่นไปเลือกอีก โดยนำบัตรที่ถูกกาไว้แล้วไปหย่อนลงด้วย ซึ่งนั้นหมายถึงการได้คะแนนอย่างแน่นอน

ที่มา : โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

http://thaidragonnews.com/index.php?option=com_content&view=article&id=7819:2011-06-02-06-57-10&catid=28:2010-06-23-04-22-16&Itemid=58

-------------------------------------------------

พบกลโกงเลือกตั้งรูปแบบแทงพนันฟุตบอล

08-06-2554 | 11:27

พลตำรวจโท ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดปราบปราม ป้องกันการทุจริตการเลือกตั้ง ได้ประชุมตรวจทุกจังหวัด ในพื้นที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อเน้นการป้องกันการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง โดยให้จับตาการทุจริตรูปแบบใหม่ ที่ใช้รูปแบบการแทงพนันฟุตบอล

ขณะที่ ในชุมชนออนไลน์ เฟซบุ๊ค มีการโพสท์รูปภาพ รถหาเสียงของ ผู้สมัครรายหนึ่ง ในจังหวัดราชบุรี ซึ่งบรรทุกกล้วยไปเต็มคันรถ และไปจอดทิ้งไว้ ในตลาด ก่อนจะมีประชาชนเดินเข้าไปหยิบกล้วยจากท้ายรถ ซึ่งมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นต่อภาพชุดดังกล่าวว่า น่าจะเป็นการซื้อเสียงรูปแบบใหม่ ที่หลีกเลี่ยงความผิดทางกฎหมาย

http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=376&d=144852

-------------------------------------------------

เปิดโปงกลโกงเลือกตั้งสุดแสบ!! แค่เหน็บปากกาชนิดเดียวกันก็ลงคะแนนได้แล้ว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 สิงหาคม 2549 07:57 น.

“เจิมศักดิ์-สมชัย-พรพล” ตั้งวงแฉกลโกงการเลือกตั้ง ระบุโกงทุกรูปแบบ ทั้งใช้อำนาจเงิน อิทธิพล ราชการ เพื่อคะแนนส่วนมากในการเลือกตั้ง เผยกรรมการหน่วยตัวดี รู้เห็นเป็นใจ ปล่อยให้คนไม่มีสิทธิ์เข้าไปลงคะแนนเสียงในหน่วยเลือกตั้ง โดยสังเกตจากเหน็บปากกาชนิดเดียวกันเท่านั้น

รายการรู้ทันประเทศไทย ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV คืนวันที่ 7 สิงหาคม 2549 ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง รักษาการ ส.ว.กรุงเทพฯ พร้อมด้วยนายสันติสุข มะโรงศรี ได้เชิญ รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตเลขาธิการมูลนิธิองค์กรกลาง และนายพรพล เอกอรรถพร มาร่วมถกประเด็นการเมืองในหัวข้อ “เปิดโปงกลโกงการเลือกตั้ง” โดย รศ.สมชัย เริ่มเปิดประเด็นไว้อย่างน่าสนใจว่า ตั้งแต่ตรวจสอบการเลือกตั้งในฐานะองค์กรเอกชนมา 14 ปี ไม่มีครั้งใดที่จะบอกว่าเป็นการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ต้องมีการใช้อำนาจ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจเงิน อิทธิพล ราชการ ในการที่ทำให้ตัวเอง หรือพรรคของตัวเองได้รับคะแนนส่วนมากในการเลือกตั้ง

ดร.เจิมศักดิ์ ถามว่า ใน 100 เปอร์เซ็นต์ของคะแนน มีกี่เปอร์เซ็นต์ที่มาจากการโกง กับมาจากการซื้อเสียง รศ.สมชัย ตอบว่า การซื้อเสียงเกิดขึ้นทุกครั้ง คะแนนเกินกว่าร้อยละ 50-60 จะมาจากการซื้อเสียง โดยมองได้จากกระบวนการใช้เงินในเขตชนบทรอบนอกยังมีอิทธิพลอยู่ ส่วนการโกงอยู่ในร้อยละ 10-20 เป็นการใช้อำนาจอิทธิพล รวมถึงกลไกของหน่วยจัดการเลือกตั้งในการโกง ซึ่งในสมัยก่อนมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันก็ลดลงตามลำดับ

รศ.สมชัย ยังกล่าวถึงผลการวิจัยเกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า มูลนิธิเคยไปวิจัยในอำเภอในภาคกลาง ใกล้กับจังหวัดทางภาคใต้ มีการทุจริต 2 ต่อ คือ 1.โกงการเลือกตั้ง และตัวเองก็ชนะ และ 2.ได้รับรางวัลจากกระทรวงมหาดไทย จากการที่มีเปอร์เซ็นต์คนมาลงคะแนนสูงสุด โดย กกต.เหล่านั้นจะดูว่าถ้าประชาชนคนใดไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง กกต.ก็จะกาบัตรเลือกตั้งให้แทน ทั้งที่ประชาชนไม่ได้ไปใช้สิทธิเลย และที่เลวร้ายกว่านั้นยังมีจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพฯ มีรถตู้หนึ่งคัน อาจจะไม่ใช่หนึ่งคัน แต่อาจจะหลายสิบคัน แต่ที่เจ้าหน้าที่จับได้เพียง 1 คัน ขนคนสิบคนไปที่หน่วยที่ 1 ลงไปเลือกตั้ง เสร็จแล้วไปที่หน่วยที่ 2 แล้วก็ลงไปเลือกตั้งอีก กระทำอย่างนี้ไม่ต่ำกว่าสิบหน่วย ซึ่งคนเหล่านี้ไม่มีสิทธิเลือกตั้งด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่นั้น อายุไม่ถึงก็มี คนเหล่านี้จะมีสัญลักษณ์ เช่น การเหน็บปากกาชนิดเดียวกันเดินเข้าไปในหน่วยเลือกตั้ง เมื่อกรรมการประจำหน่วยเห็นก็จะปล่อยผ่านให้ไปเลือกตั้งได้

"ที่ผ่านมาการกำกับการเลือกตั้งในแต่ละหน่วยมันย่อหย่อนมาก กรรมการประจำหน่วยรู้เห็นเป็นใจกับนักการเมือง ทำให้ผลการเลือกตั้งที่ออกมาไม่สุจริตยุติธรรม อีกทั้งบางครั้งเมื่อเขตตั้งคนเป็นกลางไว้หมดแล้ว แต่พอถึงเวลาก็มีการข่มขู่จนกรรมการที่เป็นกลางไม่กล้าไปปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่จัดเตรียมไว้แล้ว ไปอยู่ที่หน้าหน่วยเลือกตั้งเวลา 8 โมงเช้า และเมื่อถึงเวลาไม่มีคนทำหน้าที่ ประธานประจำหน่วยเลือกตั้งสามารถแต่งตั้งใครก็ได้ที่อยู่แถวนั้นมาเป็นกรรมการ ทำให้คนที่ถูกจ้างเข้ามาสวมแทนกรรมการที่เป็นกลางทันที"อดีตเลขาธิการมูลนิธิองค์กรกลาง กล่าวทิ้งท้าย

ด้านนายพรพล กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า ตนคิดว่าอาจารย์สมชัยประเมินอย่างเกรงใจ เพราะถ้าพูดถึงการซื้อเสียงในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จะพบว่ายังมีอยู่ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการทุจริตการเลือกตั้งมีอยู่อีกร้อยละ 30 คือ โกงแล้วยังไม่มั่นใจผลการเลือกตั้งก็เอาเงินซื้อไปอีก และถ้าพูดถึงกระบวนการโกงการเลือกตั้งในปัจจุบันจะพบว่าเป็นการโกงโดยยึดหน่วยเลือกตั้ง นักการเมืองพยายามทำให้ กกต.จังหวัดเป็นคนของตัวเอง ซึ่งในปัจจุบันพบว่า กกต.จังหวัดจำนวนมาก เป็นคนของนักการเมืองในจังหวัดนั้น โดยคนเหล่านี้มาจากกระบวนการสรรหาที่ไม่ชอบธรรม มีการโยงใยกับเครือข่ายนักการเมืองท้องถิ่น รายชื่อที่เสนอเข้ามาสู่ขั้นตอนการพิจารณาของ กกต.กลาง จึงมีคนของนักการเมืองไม่ต่ำกว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมีการซื้อ กกต.เขต โดยหวังให้เป็นคนจัดการซื้อเสียงภายในเขตนั้นๆ ก่อนการเลือกตั้งอีกด้วย

นายพรพล กล่าวอีกว่า วิกฤตนี้ถ้าดูเผินๆ ยกตัวอย่างเช่น การลงสมัคร ส.ส. ผู้สมัครก็สามารถตั้งกรรมการของตนเองเข้าไปอยู่ในหน่วยเลือกตั้งได้ 1 คน บังเอิญกติกาวางไว้ว่าจะต้องให้ผู้สมัครส่งรายชื่อทั้งหมดให้กับ กกต.เขต 15 วันก่อนวันเลือกตั้ง ถ้า กกต.เป็นคนของนักการเมือง แค่ 2 วันเขาจะรู้หมดว่าฝ่ายตรงข้ามส่งใครมาอยู่ในหน่วยเลือกตั้ง หลังจากนั้นเขาก็จะส่งบรรดาสมุนออกไปข่มขู่กรรมการของพรรคการเมืองทั้งหมดที่ส่งมาสังเกตการณ์เพื่อไม่ให้ ซึ่งจะสอดคล้องกับอาจารย์สมชัยกล่าวไว้ข้างต้น

ผู้ดำเนินรายการถามถึงบทความที่เขียนไว้ในหนังสือเปิดโปงกลโกงการเลือกตั้งที่ระบุว่า “เจ้าหน้าที่ลำเอียง สิงห์ผยอง โล่เอียง จากแม่พิมพ์สู่แท่นพิมพ์ ท.ทหารอดทน” มันหมายความอย่างไร นายพรพล ตอบว่า ตนหมายถึงกรณีที่ให้ข้าราชการช่วยเรื่องคะแนนเสียง ซึ่งข้าราชการที่มักจะถูกลากจูงเข้ามาชุดแรกก็ คือ “สิงห์ผยอง” กระทรวงมหาดไทย เราต้องยอมรับความจริงว่า กระทรวงมหาดไทยยังแก้ไขปัญหาผู้นำชุมชนยังเป็นหัวคะแนนอยู่ไม่ได้ การซื้อเสียงส่วนใหญ่เกิดจากผู้นำในท้องถิ่น ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นคนตรงไปตรงมา กลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้านไม่ค่อยกล้าขยับ แต่ถ้าผู้ว่าฯ เป็นคนของนักการเมืองก็จะไปกันทั้งแถบ ส่วน “โล่เอียง” ก็หมายถึงข้าราชการตำรวจที่มีผลกับการเลือกตั้งโดยตรง ตำรวจอาจจะใช้วิธีบอกกับคนที่มีอาชีพพึ่งพาตำรวจเพื่อบีบคะแนน อีกส่วนหนึ่งก็ใช้ความเป็นตำรวจไปเดินเตร่ไปเตร่มาเพื่อปรามฝ่ายตรงข้าม

ส่วนคำว่า “จากแม่พิมพ์สู่แท่นพิมพ์”นั้น นายพรพล อธิบายว่า คุณครูจะถูกใช้ให้ทำหน้าที่เป็นหัวคะแนนอยู่ในกลายๆ แต่อาชีพนี้เริ่มมีทิศทางของตัวเองมากขึ้น ขณะที่ “ท.ทหาร อดทน”ถือเป็นอาชีพที่ประชาชนต่างตั้งความหวังไว้สูง แต่ในหลายพื้นที่ทหารกลับกลายเป็นฝ่ายถูกนักการเมืองเลี้ยง สุดท้ายก็มีการบีบให้พลทหารที่ถูกย้ายทะเบียนบ้านมาสังกัดในกรมกองมาลงคะแนนให้กับนักการเมืองที่ตัวเองรู้จัก

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000100667

-------------------------------------------------

กกต.สงขลา แฉกลโกงเลือกตั้งท้องถิ่น ย้ายคนเข้า-ซื้อเสียง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 กุมภาพันธ์ 2554 16:25 น.

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กกต.สงขลา เผยการเลือกตั้งท้องถิ่นมีการแข่งขันสูง ถึงขั้นเตรียมเงินไว้ซื้อเสียง และมีการย้ายคนจากนอกพื้นที่เข้ามาในพื้นที่ ซึ่งทำให้คนดีที่มีความรู้ความสามารถพลาดโอกาส

วันนี้ (6 ก.พ.) นายโชคชัย ผลวัฒนะ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำ (อผ.กต.) จ.สงขลาเปิดเผยว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะหมดวาระต้นปี 2554 กกต.สรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 แห่งมี ทต.ระโนด อ.ระโนด ทต.นาสีทอง อ.รัตภูมิ และ อบต.ท่าหิน อ.สทิงพระ ตั้งแต่วันที่ 7-11 ก.พ.

พ.ต.อ.มงคล บุญชุม กกต.จ.สงขลา ฝ่ายการมีส่วนร่วมเปิดเผยว่า กกต.ท้องถิ่นบางแห่งจะมีผู้สมัครไม่ครบ จะต้องมีการขอช่วยลงสมัคร สาเหตุไม่ต้องการอยู่ในความขัดแย้ง สะท้อนให้เห็นว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นมีการแข่งขันกันสูง แต่ละฝ่ายต้องงัดวิชามารมาใช้เพื่อชนะอย่างเดียว ทำให้คนดีที่มีความรู้ความสามารถพลาดโอกาส

“เชื่อว่าท้องถิ่นที่หมดวาระในปี 2554 ทั้ง 37 แห่ง มีหลายแห่งที่มีการแข่งขันกันสูง เพราะมีงบประมาณเป็นตัวล่อตัณหา ที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามาแล้ว มีการย้ายคนจากนอกพื้นที่เข้ามาในพื้นที่ และการเตรียมเงินไว้ซื้อเสียงด้วยการทำโครงการก่อสร้าง กกต.ต้องสกัดกั้นวงจรร้ายนี้ให้ได้โดยเฉพาะ กกต.ท้องถิ่นต้องมีส่วนช่วย กกต.จังหวัด ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายสืบสวนเข้าพื้นที่หาข้อมูลแล้ว” พ.ต.อ.มงคลกล่าว

http://news.siamza.com/read/323967/

-------------------------------------------------

กกต.แฉ หลากวิธีกลพิสดารโกงเลือกตั้ง!
กกต.แฉสารพัดวิธีโกงเลือกตั้งร้องเรียนอื้อ 75 เรื่อง

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวว่า การทุจริตเลือกตั้งมีวิวัฒนาการหลายรูปแบบ อาทิ ให้ไปซื้อของในร้านเท่ากับจำนวนเงินที่ไปซื้อเสียง และถ้าซื้อไม่ครบก็จะทอนเงินให้ รวมทั้งมีการทำประกันอุบัติเหตุ

นอกจากนี้ ยังมีการแจกเงิน ตั้งแต่ 100-500 บาท แจกเสื้อ วินมอเตอร์ไซค์พร้อมกับเงิน 300 บาท การเหมารถเพื่อพาคนมาฟังปราศรัยในราคา 3 พันบาท และมีการจดหมายเลขบัตรประชาชน

“พฤติกรรมที่มีการนำมาแจ้งล้วนเกิดภายหลังมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว แต่เรามั่นใจว่า กกต.รู้ทันรูปแบบของการทุจริต และอยากเตือนว่าเหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า” พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการร้องเรียนเรื่องทุจริตทั้งสิ้น 75 เรื่อง โดย 30 กว่าเรื่องที่ได้มีการแจ้งชื่อระบุตัวตนผู้แจ้งชัดเจน และมีการระบุถึงพรรคที่กระทำ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ แต่ทั้งนี้คงยังไม่สามารถเปิดเผยในชั้นนี้ได้ เพราะจะต้องตรวจสอบข้อมูลก่อนว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันหรือไม่

สำหรับรายละเอียดทั้ง 75 เรื่อง ได้แก่กรณีการแจกเงินแจกทรัพย์สิน รวม 44 เรื่อง โดยกลุ่มจังหวัด ที่มีการร้องเรียนมากที่สุด คือ กลุ่มที่ 6 กรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ มีเรื่องร้องเรียน 20 เรื่อง

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ขณะนี้มีรายงานการเคลื่อนไหวทางการเงินที่ผิดปกติเข้ามาบ้าง แต่ยังไม่รุนแรง ทาง กกต.ได้สั่งให้มีการเฝ้าระวังการหาข่าวรวบรวมพยานหลักฐาน หากมีหลักฐานเพียงพอจะดำเนินการทันที

“ความผิดในเรื่องนี้จะเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน และสามารถยึดทรัพย์ได้ทันที” นายสุทธิพล กล่าว

ที่มาจาก โพสต์ทูเดย์ออนไลน์
http://webboard.mthai.com/16/2007-11-21/356577.html

-------------------------------------------------

Breaking News เนชั่นทันข่าว ข่าวด่วนจาก เนชั่นชาแนล

23:09 น. กกต.แฉกลโกงเลือกตั้ง ปลอกเปลือกหัวคะแนนเวียนบัตรกาเบอร์เอง
นายณัฐธเดชน์ เล่าสกุล ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 2 คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวตอนหนึ่งระหว่างบรรยายโครงการ "อบรมเชิงปฏิบัติการนักข่าวประจำปี 2554" จัดขึ้นโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่โรงแรมเดอะไทด์รีสอร์ท จ.ชลบุรี ในหัวข้อกลโกงการเลือกตั้ง ว่า ในอดีตการเลือกตั้งล่วงหน้า ส่วนหนึ่งของการทุจริตเลือกตั้งจะมีหลายรูปแบบ อาทิ หัวคะแนนจะพาประชาชนไปลงคะแนน โดยจะมีการจ่ายเงินให้ประชาชนรถ ก่อนแยกแยกเข้าคูหาลงคะแนน ซึ่งกระบวนการแบบนี้จะทำให้กกต.จับผิดยากขึ้น นอกจากนี้ กลวิธีที่จะใช้นักการเมืองใช้ตำราเก่าเวียนบัตรเปล่าลงคะแนนหน้าคูหา โดยให้ประชาชนมีสิทธิ์เลือกตั้ง นำบัตรลงคะแนนหนึ่งใบจากสองใบแอบนำออกมานอกคูหา พร้อมรับเงิน จากนั้นหัวคะแนนกาเบอร์ในบัตรลงคะแนนดังกล่าว ก่อนจะนำส่งต่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคนต่อไปทำการหย่อนบัตรที่ได้กาไว้ล่วงหน้า

http://www.thaihvac.com/forums/showthread.php?t=127579

-------------------------------------------------

เพื่อไทยปูดสารพัดกลโกงหาเสียง
06 มิถุนายน 2554 เวลา 17:11 น.
ประเด็น: เกาะติดเลือกตั้ง54 ,

ผู้สมัครเพื่อไทย แฉสารพัดกลโกงเลือกตั้ง ระบุบางพรรคให้ชาวบ้านช่วยกาเบอร์แลกอำนวยความสะดวกกู้เงินธนาคาร แถมจ่ายมัดจำให้ 100 บาท

เมื่อเวลา 14.00 น.ที่พรรคเพื่อไทย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ผู้อำนวยการศูนย์การเลือกตั้งภาคกทม. และผู้สมัครส.ส.กทม.เขต17 พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ขณะนี้ในเขตมีนบุรีซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของตน เนื่องจากขณะนี้ธนาคารอิสลามกำลังปล่อยกู้เงินอยู่ ดังนั้นจึงมีหัวคะแนนบางพรรคไปบอกกับชาวบ้านว่า หากช่วยพรรคการเมืองพรรคหนึ่งก็จะได้รับการอำนวยความสะดวกให้ในการกู้เงิน ซึ่งจะต้องหาสมาชิกมาให้จำนวน 10 รายขึ้นไป

วิชาญ

นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งด้วยว่า ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ได้มีการได้มีหนังสือสั่งการไปยังเรือนจำต่างๆ เพื่อขอให้ข้าราชการในเรือนจำทำหนังสือเสนอโยกย้ายตัวเอง ทั้งๆ ที่ข้าราชการส่วนใหญ่ไม่ต้องการโยกย้าย อยู่เรือนจำมานาน มีข้าราชการในเรือนจำละกว่า 300 คน ยังไม่นับจำนวนเสียงในครอบครัวอีก และไม่ใช่ช่วงของการโยกย้ายด้วย ไม่ทราบว่าจะรีบโยกย้ายไปไหน

โชว์แบบฟอร์มล่าชื่อชาวบ้าน

นายวิชาญ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ในเขตเลือกตั้งของตนนั้น มีหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านมาที่ตนว่า ขณะนี้มีพฤติกรรมของขบวนการที่คล้ายกับแชร์ลูกโซ่ โดยมีการใช้แบบฟอร์มลงไปล่ารายชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ เลขบัตรประชาชน บ้านเลขที่ ชุมชน ถนน แขวง เขต และจังหวัดอย่างละเอียด เพื่อนำไปตรวจสอบว่าเป็นผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ หากเป็นผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งก็จะมีการมัดจำล่วงหน้าไว้ก่อนจำนวน 100 บาท ดังนั้นจะมีผลต่อคะแนนเสียงอย่างแน่นอนเพราะมีการจูงใจ ทั้งนี้ในหลายเขตก็เริ่มมีพฤติกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นบ้างแล้ว ดังนั้นขอให้กกต.และตำรวจลงไปตรวจสอบโดยด่วนด้วย โดยเฉพาะในการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า

แฉ จูงใจให้ล่าชื่อครบ 100 คนรับ 15,000 บาท

จากนั้นนายวิชาญได้นำ “แผนภูมิการซื้อเสียง” มาประกอบการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า มีหัวคะแนนใหญ่ในพื้นที่ที่เป็นผู้ถือเงินติดตัว จากนั้นมอบให้หัวคะแนนรองในระดับเขตหรือชุมชนใหญ่จำนวน 5-10 คน และหัวคะแนนย่อย 3-5 คนในแต่ละชุมชนลงไปทำงาน โดยหัวคะแนนย่อยที่เป็นแกนในชุมชน จะไปดำเนินการจดรายชื่อและเลขบัตรประชาชน 13 หลักส่งให้กับหัวคะแนน หากหารายชื่อได้ 10 คนจะได้รับค่าจดรายชื่อเพิ่ม 1,000 บาท 20 คนได้รับ 2,000 บาท 30 คนได้รับ 5,000 บาท และ 100 คนจะได้รับ 15,000 บาท

ทั้งนี้ตนยังได้ถ่ายรูปจากแฟลตในพื้นที่ซึ่งพบว่ามีรถตู้สีขาวคันหนึ่งวิ่งวนอยู่ในบริเวณดังกล่าววันละ 3-4 รอบ ไม่ทราบว่าจะมีการใช้เป็นที่รับเงินกันหรือไม่ด้วย อย่างไรก็ตาม ตนจะทำหนังสือมอบให้ผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทยไปยื่นต่อกกต.คาดว่าน่าจะเป็นวันที่ 7 มิ.ย.พร้อมกับนำหลักฐานทั้งหมดที่ประชาชนมอบให้มาไปมอบให้กับกกต.ด้วย

ด้านนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครส.ส. กทม.เขต 11 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สำหรับในเขตเลือกตั้งของตนนั้นมีหัวคะแนนบางพรรคใช้วิธีการจดชื่อประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ทั้งเบอร์โทรศัพท์และเลขบัตรประชาชน เพื่อนำไปตรวจสอบว่ามีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ โดยจะนำรายชื่อดังกล่าวไปเบิกเงินมาจ่ายให้กับประชาชนที่ถูกจดชื่อ ส่วนคนที่จดนั้นก็จะได้ค่าหัวเป็นรายบุคคล ซึ่งมีการทำอย่างนี้เกือบเต็มพื้นที่

http://www.posttoday.com/เลือกตั้ง54/ข่าวอัพเดท/92855/เพื่อไทยปูดสารพัดกลโกงหาเสียง

-------------------------------------------------

พท.พาชาวบ้านมหาสารคามโวย"ชื่อ"โผล่เลือกตั้งล่วงหน้าสุราษฎร์ฯ

วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 15:50:52 น.

พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ประธานศูนย์ต่อต้านการทุจริตการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ได้นำนายชาญชัย เรืองสุวรรณ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 1 ต.กุดรัง อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า นายชาญชัยได้มาร้องเรียนกับศูนย์ต่อต้านการทุจริตของพรรค เนื่องจากอยู่ดีๆ ก็มีชื่อไปปรากฏว่าจะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งที่ไม่เคยลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกเขตแต่อย่างใด จึงได้มาร้องเรียนและขอให้พรรคช่วยตรวจสอบ ซึ่งพรรคได้มอบหมายให้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคไปดำเนินการตรวจสอบ และรายงานให้พรรคทราบต่อไป เพราะน่าตกใจมาก เนื่องจากไม่ใช่เฉพาะนายชาญชัยคนเดียวเท่านั้น แต่มีรายชื่อคนในหมู่บ้านถึง 30 คน ที่ถูกหมายเหตุว่าต้องไปเลือกตั้งล่วงหน้าที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เหตุการณ์อย่างนี้ทำให้พรรครู้สึกกังวลว่าหมู่บ้านทั่วประเทศจะมีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้น โดยที่ชาวบ้านไม่รู้มาก่อน ซึ่งถ้าเกิดขึ้นกับหลายหมู่บ้านก็แสดงว่าอาจจะมีแนวโน้มไปในทางทุจริตได้ ซึ่งพรรคจะติดตามต่อไป

ด้านนายชาญชัยกล่าวว่า สาเหตุที่ตนมาร้องเรียนกับพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีเพื่อนแนะนำมา ตนมาทำงานขับรถแท็กซี่ใน กทม. และได้กลับไปเยี่ยมบ้าน ก็พบว่ามีการระบุในหมายเหตุของบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ทางอำเภอนำมาติดประกาศไว้ในหมู่บ้านว่าตนต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งที่ตนไม่เคยไปแจ้งใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขต หรือเลือกตั้งล่วงหน้ามาก่อนเลย รวมทั้งไม่เคยย้ายทะเบียนบ้าน ตนเคยไปทำงานที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานีจริง เมื่อปี 2549 แต่ก็กลับมาใช้สิทธิเลือกตั้งที่บ้านเกิดทุกครั้ง ซึ่งตนได้สอบถามเรื่องนี้กับทางผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่าแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ทั้งนี้ มีชาวบ้านในหมู่บ้านอีกกว่า 20-30 คน ที่ประสบปัญหาเดียวกับตน โดยมีชื่อในหมายเหตุว่าต้องไปใช้สิทธิที่จังหวัดอื่น เช่น จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และปทุมธานี เป็นต้น

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1307953503&grpid=03&catid=&subcatid=

-------------------------------------------------

ธิดา เผย พิรุธ 4 ข้อทุจริตเลือกตั้ง

ระบุ บทบาทนปช.คือการตรวจสอบ เตรียมยื่นหนังสือถามข้อสงสัยกับ กกต.

2 มิ.ย. รายงานข่าาแจ้งว่า นางธิดา ถาวรเศรษฐ เปิดเผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ กลุ่มนปช. จำเป็นต้องแสดงบทบาทเพื่อให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ เที่ยงธรรม โดยคัดค้านการทุจริตทุกรูปแบบ ในเวลา 10.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. จะไปเยี่ยมกกต.กลาง จะมีจดหมายถึงกกต. ที่ต้องการบอกให้รู้ว่าคนเสื้อแดงโดยเฉพาะนปช. ถือเป็นองค์กร มีนโยบาย ระเบียบ วินัยชัดเจน ต้องมีบทบาทตรวจสอบการเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อให้เที่ยงธรรม

สำหรับาการสอบถามกกต. ในประเด็นต่างๆ มีดังนี้

1. การพิมพ์บัตรเกินจำนวนมาก จากเดิมมีผู้มีสิทธิ์ 47.3 ล้านคน แต่พิมพ์ 53.5 ล้านใบ เกินไป 6.2 ล้าน หรือ 11.5% ที่พิมพ์เกินขนาดนี้แสดงว่ามีคนใช้สิทธิ์ถึง 100 % ซึ่งตรงข้ามกับการใช้สิทธิ์ของประชนที่ผ่านๆ มา ที่มีอย่างมากไม่เกิน 70% แปลว่ามีการพิมพ์เกินถึง 18 ล้านใบ ตรงนี้จะเป็นคำถามแรกว่าพิมพ์เกินไปทำอะไร

2. การเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ไม่ประชาสัมพันธ์ให้ไปลงทะเบียนล่วงหน้าเลย มีถึง 2 ล้านกว่าคน แต่ไม่ประชาสัมพันธ์ที่ชัดเจนถึงกำหนดเวลาในการยื่นเรื่องว่าหมดเขต 2 มิ.ย. คนส่วนใหญ่ไม่รู้ อาจทำให้คนส่วนใหญ่ใน 2 ล้านคนไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง และคะแนนเสียงจากคนตรงนี้อาจเข้ากระเป๋าใครก็ได้

3. การตั้งอนุกรรมการกกต. เพิ่มจากเขตละ 6 คน ในบางจังหวัด เช่น นครราชสีมา แน่ชัดมาจากหน่วยงานของรัฐ รู้ดีว่าใครกำกับ ดูแล มาจากกระทรวงไหน การนับคะแนนจะโปร่งใสได้อย่างไร

4. เราจำเป็นต้องขอมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเลือกตั้งทุกขั้นตอน ในฐานะประชาชนพลเมือง ประเด็นทั้งหมดนี้จะนำไปพูดคุยกับกกต. และยังมีบางเรื่องที่ผิดกฎหมาย เช่น บางรายการที่โจมตีส่ร้ายบางพรรคการเมืองผ่านสื่อรัฐ เราจะคุยกับกกต. ด้วย

Mthai News

http://news.mthai.com/headline-news/116408.html
http://nopeter.org/forum/index.php?topic=2781.0

-------------------------------------------------

วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7485 ข่าวสดรายวัน

เตือนโกง แก้ใบรวมคะแนน

อธิบดีปกครอง โต้พิมพ์บัตรเกิน วงจรปิด"24ชม." พงศพัศฟุ้งผลจับ กวาดปืน-ระเบิด

แฉอีกกลโกงเลือกตั้ง แก้ใบรายงานผลการนับ คะแนนหน้าหน่วยเลือกตั้ง ก่อนจะส่งผลให้อนุกรรมการกกต.ประจำอำเภอก่อนจะส่งให้กกต.เขต ชี้เป็นช่องโหว่ตรวจสอบลำบาก เนื่องจากกรรม การแต่ละหน่วยเป็นเจ้หน้าที่เฉพาะกิจ ประกอบด้วยบุคลากรจากหลายหน่วยงาน เตือนกกต. ควบคุมให้ดีมิฉะนั้นจะเท่ากับเปิดโอกาสให้ปล้นกลางแดด กกต.แจงช่องโหว่ดังกล่าวอาจเกิดได้สมัยไม่มีกกต. ด้านอธิบดีกรมการปกครองโต้วุ่นไม่มีพิมพ์บัตรเกิน ยันดำเนินการเท่าที่กกต. สั่ง อ้างมีคอมพิวเตอร์ควบคุมกล้องวงจรปิดจับตาตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เล็ดลอดแน่นอน

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. นายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวถึงกรณีนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย หนึ่งในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ออกมาระบุถึงกลโกงการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินว่า ในฐานะฝ่ายปกครองซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ การจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งจะแยกเป็น 2 ส่วน ในส่วนของการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ จะจัดพิมพ์บัตรกันที่โรงพิมพ์สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ส่วนบัตรเลือกตั้งส.ส.ในระบบแบ่งเขต จะจัดพิมพ์กันที่โรงพิมพ์อาสารักษาดินแดน ซึ่งกรมการปกครองเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งในการดำเนินการจัดพิมพ์บัตรนั้นเราจะดำเนินการจัดพิมพ์บัตรตามจำนวนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุเท่านั้น จะไม่พิมพ์บัตรขาดหรือเกินจำนวนอย่างแน่นอน

นายมงคลกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในการจัดพิมพ์บัตรจะมีระบบคอมพิวเตอร์คอยควบคุมจำนวนบัตรที่พิมพ์ รวมทั้งจะตรวจนับจำนวนซึ่งจะต้องตรงตามที่ กกต.กำหนดเท่านั้น สามารถตรวจสอบข้อมูลได้หากมีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินจำนวนจริง เพราะระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถโกหกได้ และในขั้นตอนของการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง จะมีกล้องโทรทัศน์วงจรปิดจำนวน 30 กว่ากล้องคอยจับภาพการพิมพ์ทุกขั้นตอน และที่สำคัญ กกต.ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาประจำการอยู่ที่โรงพิมพ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อคอยตรวจสอบการดำเนินการทุกขั้นตอนร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน อีกทั้งนายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ก็ได้เข้าไปตรวจสอบการดำเนินการทั้งหมดด้วยตัวเองด้วย ดังนั้น กระบวนการและขั้นตอนทั้งหมดไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝ่ายปกครองเพียงอย่างเดียว

"ขอวิงวอนผู้ที่ให้ข่าวว่าควรจะตรวจสอบ ข้อมูลข้อเท็จจริงก่อน เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ ขณะที่ทุกฝ่ายก็อยากให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม" นายมงคลกล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทยระบุว่า สำหรับการทุจริตเลือกตั้งที่น่าจะเป็นห่วงในขณะนี้คือการรวมคะแนนจากหน่วยเลือกตั้ง เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้กำหนดให้นับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง ซึ่งมีอยู่ 9 หมื่นหน่วยทั่วประเทศ และมีคนเข้าไปเกี่ยวข้องในกระบวนการนับคะแนนจำนวนมาก และตามระเบียบ กกต.หลังจากนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง กรรมการประจำหน่วยจะสรุปเป็นใบรายการผลการนับคะแนน ส่งต่อให้อนุกรรมการ กกต.ประจำอำเภอ เพื่อนำไปให้ กกต.เขต หรือ กกต.จังหวัดรวมคะแนนอีกครั้ง โดยใบสรุปการลงคะแนนก็เป็นแบบฟอร์มธรรมดา มีเพียงลายเซ็นของกรรมการประจำหน่วยรับรอง

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า กกต.จังหวัดหรือ กกต. เขตไม่มีทางทราบได้ว่าลายเซ็นนั้นเป็นของใคร หากมีการเปลี่ยนใบนำส่งคะแนนให้เปลี่ยน แปลงไปตามฝ่ายที่จะทุจริต ก็ไม่มีทางตรวจสอบได้ เพราะใบสรุปการลงคะแนนไม่ได้มีมาตรการป้องกันการปลอมแปลง บัตรลงคะแนนก็ถูกเก็บใส่ถุง เจาะรูร้อยไว้ในหีบบัตร ไม่มีใครจะนำมานับใหม่ กกต.เขตและ กกต.จังหวัดก็ต้องเชื่อถือใบสรุปผลการลงคะแนนเท่านั้น และด้วยหน่วยเลือกตั้งที่มีถึง 9 หมื่นหน่วย หารโดยเฉลี่ยเท่ากับว่า 1 เขตเลือกตั้งมีหน่วยเลือกตั้งประมาณ 300 หน่วย แต่ละหน่วยจะมีกรรมการประจำหน่วยอีก 7-9 คน รวมๆ แล้วจะต้องใช้บุคลากรในการเลือกตั้งเกือบ 1 ล้านคน ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่เจ้าหน้าที่ กกต.ประจำ แต่เป็นเจ้าหน้าที่เฉพาะกิจที่ส่วนใหญ่มาจากครู ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ไม่มีทางมั่นใจได้ว่าจะเป็นกลางทางการเมือง บางคนก็มีเจ้านาย หรือเอนเอียงเข้ากับพรรคการเมือง อยู่แล้ว

แหล่งข่าวกล่าวว่า จึงต้องเรียกร้อง กกต.ว่าจะมีมาตรการป้องกันการปลอมแปลงใบสรุปผลการลงคะแนนอย่างไร เพราะหากควบคุมไม่ได้ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้มีการปล้นกลางแดด ส่วนเรื่องการเวียนเทียน หรือพิมพ์บัตรเกินนั้น หากตัวแทนพรรคการเมืองเข้าไปจับตาดู ก็ไม่น่ามีปัญหามากนัก แต่เรื่องขั้นตอนการส่งใบสรุปผลคะแนน เป็นจังหวะที่ไม่มีใครจับตา จึงน่าเป็นห่วงมากกว่า

เมื่อเวลา 14.20 น. วันเดียวกัน ที่ จ.กาญจน บุรี นายวิสุทธิ์ โพธิ์แท่น กกต.กลาง ฝ่ายมีส่วนร่วมกล่าวว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้อยากให้ทุกคนไม่ทำผิดกฎหมาย สิ่งสำคัญถ้าหากไม่มีคนซื้อก็ไม่มีคนขาย แต่หากมีคนซื้อและมีคนขายก็จะนำไปสู่การร้อนเรียน ซึ่งทาง กกต.ก็ต้องรับ เรื่องร้องเรียนและนำมาสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยต่อไป

นายวิสุทธิ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของเรื่องการทำโพล หากการกระทำเป็นไปตามกระบวนการด้านการทำวิจัยทางวิชาการก็ไม่น่าจะเกิดปัญหา แต่หากมีผู้ร้องเรียนมาว่าการทำโพลอาจจะไม่ถูกขั้นตอน ตรงนี้ก็ต้องนำมาวินิจฉัย ก็จะต้องมองว่าวิธีการทำ หรือกระบวนการเป็นการสอบถามกลุ่มเป้าหมายตามหลักวิชาการหรือไม่ ซึ่งหากเป็นไปตามหลักวิชาการก็ไม่มีปัญหา แต่หากมีการสำรวจแต่เฉพาะกลุ่มพวกเดียวกันแล้วผลออกมาทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อข้อเท็จจริง ตรงนี้ก็อาจจะเกิดปัญหาได้ ทุกอย่างหากทำตามกฎหมายไม่กระทบสิทธิ์ของคนอื่นก็น่าจะไม่มีปัญหา

นายวิสุทธิ์กล่าวเกี่ยวกับเรื่องการพิมพ์บัตรเลือกตั้งว่าเรื่องบัตรเลือกตั้งที่มีการสอบถามว่าพิมพ์มากเกินนั้น ต้องเรียนว่า เรามีการพิจารณาอย่างรอบคอบและเราได้พิมพ์ที่โรงพิมพ์ของราชการ ต้องทำความเข้าใจว่า บัตรเลือกตั้งจัดเป็นเล่มเล่มละ 25 ใบ หากหน่วยเลือกตั้งใดมีผู้มีสิทธิ์ไม่ลงตัวตามจำนวน 25 หาร เราก็ต้องแจกจ่ายไปเกินกว่าจำนวน อย่างเช่น มีผู้มีสิทธิ์ 101 คนก็ต้องจ่ายบัตรไป 5 เล่ม คงไม่เหมาะที่จะให้ไป 4 เล่มแล้วฉีกให้ไปอีก 1 ใบ มันก็จะทำให้การบริหารจัดการเลือกตั้งหน่วยนั้นเกิดปัญหาไม่เหมาะสมได้เช่นกัน ซึ่งการกำกับดูแล บัตรทุกใบกับต้นขั้วและจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ต้องตรงกัน บัตรที่เหลือเมื่อหักกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ต้องเหลือตามจำนวนบัตรที่รับมาและใช้ไป จะขาดหายใบเดียวก็ไม่ได้ และหากหายไปก็ต้องแจ้งความในกรณีนี้

นายวิสุทธิ์กล่าวในท้ายสุดว่า สิ่งที่สำคัญคือเราให้บัตรเกินไปตามหน่วยกับการที่ให้บัตรขาดไปนั้นก็มีข้อกฎหมายที่แตกต่างกัน หากบัตรเลือกตั้งในแต่ละหน่วยไม่พอถือเป็นเรื่องใหญ่ ก็อาจจะเกิดปัญหาร้องเรียนจนอาจจะถึงมีคนใช้เหตุนี้ไปฟ้องให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะก็จะเป็นเรื่องที่ยุ่งไปใหญ่ "อยากชี้แจงให้เข้าใจว่าเรามีเหตุผลในการพิมพ์มากกว่าจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนที่การพูดกันเกี่ยวกับการพิมพ์บัตรพิเศษ ผมว่าไม่มีใครกล้าเพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายและทาง กกต.ต้องส่งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้ดูแลอย่างใกล้ชิด ประการสำคัญหาก ทางโรงพิมพ์ทำโรงพิมพ์ก็ติดคุกเช่นกัน"

ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงความโปร่งใสในการจัดการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 ก.ค. ที่ กกต.เป็นผู้รับผิดชอบว่า การนำบัตรมาเปลี่ยนเพื่อเปลี่ยนแปลงผลการลงคะแนน หรือการเวียนเทียนบัตรเลือกตั้งนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง กกต.จ้างให้โรงพิมพ์ของรัฐเป็นผู้จัดพิมพ์ คือบัตรเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ กกต.จ้างโรงพิมพ์กองสลากเป็นผู้จัดพิมพ์ ส่วนบัตรเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขต กกต.จ้างโรงพิมพ์ของกองอาสารักษาดินแดง ซึ่งทั้งสองโรงพิมพ์เป็นโรงพิมพ์ของรัฐ ที่ตลอดการดำเนินการพิมพ์ก็จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลควบ คุมการผลิต 24 ชั่วโมง จึงไม่สามารถที่จะพิมพ์เกินกว่าที่ กกต.สั่งไปได้ รวมถึงไม่มีผู้ใดสามารถนำบัตรออกจากโรงพิมพ์ได้อีกด้วย หากมีการใช้บัตรเลือกตั้งปลอมก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากหลังจากที่ กกต.จัดส่งบัตรเลือกตั้งไปยัง กกต.จังหวัดต่างๆ แล้วก็จะต้องมีการประทับตราบัตรอีก 1 ครั้ง บัตรปลอมจึงจะไม่ มีตราประทับบัตรดังกล่าว หากนำบัตรที่ไม่มีตราประทับไปใช้ก็จะสามารถรู้ได้ทันทีว่าเป็นบัตรปลอม

นายประพันธ์ชี้แจงด้วยว่า กรณีที่ กกต.จะต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้งทั้งสองแบบสูงถึง 53.5 ล้านฉบับจากผู้มีสิทธิลงคะแนน 47.3 ล้านคนนั้นก็เนื่องจาก กกต.คำนวณบัตรเลือกตั้งตามการเลือกตั้งในปี 2544 และปี 2548 ที่เป็นการเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว จะต้องพิมพ์บัตรเผื่อไว้ในทั้งกรณีที่มีผู้เพิ่มชื่อ กรณีการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ต้องแยกบัตรเลือกตั้งไว้ต่างหาก ที่จะต้องจัดเตรียมให้พอกับผู้ที่จะมาใช้สิทธิ ป้องกันการเกิดปัญหา รวมถึงการจัดส่งบัตรเลือกตั้งที่ต้องส่งเป็นเล่ม ที่หากเลือกไม่ครบเล่มก็จะต้องมีการทำลายบัตรเลือกตั้งที่เหลืออยู่

"ผู้ที่ออกมาพูดเรื่องโกงการเลือกตั้ง ทำให้ประชาชนสับสน คนพูดอาจจะเคยได้ยินมาในการเลือกตั้งแบบโบราณสมัยที่ยังไม่มี กกต. กำกับดูแลการเลือกตั้ง แต่ผู้ควบคุมการเลือกตั้งสมัยนั้นเป็นผู้มีอำนาจในพื้นที่ แต่หลังจากมี กกต.ที่เป็นหน่วยงานอิสระแล้วก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก" นายประพันธ์กล่าว

นายประพันธ์กล่าวด้วยว่า กรณีหีบบัตรเลือกตั้งนั้น กกต.ก็มีวิธีการกำกับดูแลไม่ให้มีการสับเปลี่ยน หรือเปิดหีบเปลี่ยนบัตรเลือกตั้งได้ คือให้กรรมการเลือกตั้ง ประจำหน่วยปิดผนึกหีบด้วยกระดาษกาว พร้อมกับเซ็นชื่อกำกับ ใครเอาหีบมาเปลี่ยนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ส่วนกระบวนการนับคะแนนที่กำหนดให้นับคะแนนที่หน่วยนั้นก็เป็นเรื่องเปิดเผย หลังจากตรวจนับก็จะติดประกาศผลการเลือกตั้งไว้หน้าหน่วยเลือกตั้งทันที มีประชาชน และเจ้าหน้าที่เป็นพยาน หากมีการเปลี่ยนแปลงใบรวมคะแนนก็ไม่สามารถทำ ได้ เพราะสามารถตรวจสอบผลได้ที่หน้าหน่วย ตรงนี้จึงอยากให้ประชาชน หรือตัวแทนพรรค การเมืองต่างๆ มาร่วมกันช่วยสังเกตการณ์การเลือกตั้งในทุกหน่วย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นโดยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และไม่มีข้อครหาในภายหลังว่าไม่โปร่งใส

เมื่อเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา สบ 10 ในฐานะผู้กำกับดูแลศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศรส.ลต.ตร.) แถลงข่าวหลังประชุมคอนเฟอเรนซ์กับผบช.ทุก บช.เกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งว่า ทั้ง 75 มือปืน สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการตัวมากที่สุดโดยเฉพาะก่อนถึงวันเลือกตั้ง กลุ่มแรก 29 คน มีหมายจับมากกว่า 2 หมายจับ ใช้อาวุธสงครามฆ่าคนตายมาหลายราย มีความเคลื่อน ไหวในหลายพื้นที่ กลุ่มสอง 46 คน มีพฤติ กรรมร้ายแรงเช่นกัน มีหมายจับน้อยกว่า มีความเคลื่อนไหวแวดวงจำกัดกว่า การเร่งรัดติดตามจับกุมเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันเหตุร้ายและการทำร้ายผู้สมัครในพื้นที่ที่มีการแข่งขันกันสูง เราได้ประเมินแล้วว่าความร้ายแรงอาจเกิดขึ้นได้ หากประชาชนพบเห็น รู้จักตัว คาดว่าจะใช้ให้แจ้งสถานีตำรวจใกล้บ้านทันที เพราะเราจะมีชุดปฏิบัติการของตำรวจภูธรจังหวัด ชุดปฏิบัติการตำรวจภาคต่างๆ รวมถึงของสอบสวนกลาง สันติบาลที่ประกอบกำลังไล่ล่ามือปืนเหล่านี้โดยเฉพาะ หากมือปืนคนไหนรู้ตัวว่าไปไม่รอดก็ให้มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะการตรวจสอบ การปิดล้อมตรวจค้น ไล่ล่า ผบ.ตร.ให้ออกมาตรการให้ตำรวจใช้การระมัดระวังป้องกันตนเองระดับสูงสุด ใช้อาวุธและเสื้อเกราะ ถ้าต่อสู้ไม่ยินยอมให้จับกุมอาจจะใช้ระดับเข้มข้นสูงสุดในการเอาตัวมา หากรู้ตัวว่าตนเองอยู่ในประกาศสืบจับ อยากมอบตัวถ้าคิดว่ามอบตัวกับตำรวจภูธร พื้นที่แล้วไม่ปลอดภัย ตร.พร้อมที่จะรับมอบตัว ก่อนการเลือกตั้งเป็นโอกาสทองที่จะมอบตัว เราไม่ได้ขู่ แต่ต้องทำให้เป็นรูปธรรมให้ประชาชนมั่นใจในการทำงาน

ส่วนมือปืนที่ขึ้นบัญชีทำงานค่อนข้างอิสระ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า เมื่อมีคนมาจ้างก็ทำ ไม่มีนายโดยตรงแต่หลายกรณีเชื่อมโยงกัน ส่วนเงินนำจับจะให้กับคนแจ้งเบาะแส ส่วนตำรวจที่ทำงาน ผบ.ตร.ก็จะให้รางวัลอีกส่วนหนึ่ง สำหรับมือปืนที่ยิงนายประชา ประสพดี อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ก็มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มนี้ ถ้าสามารถจับกุมใครได้ในกลุ่มนี้ก็สามารถตรวจสอบได้ เพราะคงมีข้อมูลข่าวสารเชื่อมโยงถึงกัน แต่ถึงตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าใครเป็นคนยิงนายประชา

กรณีเรื่องการทำลายป้ายหาเสียง พล.ต.อ. พงศพัศกล่าวต่อว่า วันนี้ก็ยังมีการทำลายป้ายหาเสียงเกิดขึ้นในบางจังหวัด จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนก็ใช้กลยุทธ์ในการเรียกร้องความเห็นใจจากประชาชน แต่เราจะไม่ระบุว่าไปทำลายป้ายของตนเอง การทำลายป้ายหาเสียงผิดกฎหมายอาญา และอาจจะเข้าข่าย พ.ร.บ.เลือกตั้งมาตรา 53 ด้วย พนักงานสอบสวนจะสอบสวนถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างต่อเนื่อง ว่าใครทำลาย กลั่นแกล้งกันหรือไม่ แต่ยังไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ หากจับได้จะสอบสวนขยายผลไปยังผู้บงการและรายงานให้ กกต.รับทราบ เพื่อจะได้ไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบและห้ามเป่าคดีโดยเด็ดขาด พร้อมมอบหมายให้สายตรวจทางหลวงไปช่วยดูแลด้วย และหากใครคิดทำลายป้ายหาเสียงตัวเอง เพื่อเรียกร้องความสนใจ ความสงสารจากประชาชน หากทางการสืบสวนพบว่ามีการทำ ลายป้ายหาเสียงตัวเองตำรวจจะดำเนินคดีถึงที่สุดและแจ้งให้ประชาชนรับทราบ

พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวต่อว่า วันเดียวกันนี้เป็นวันสุดท้ายในการระดมกวาดล้างอาชญา กรรมช่วงที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.เป็นต้นมา ก็ได้จับกุมอาวุธปืนธรรมดา 1,081 กระบอก ปืนสงคราม เอ็ม 16 อาก้า ไรเฟิล จำนวน 16 กระบอก วัตถุระเบิด 10 ลูก เป็นผลการกวาด ล้าง 15 วันที่ผ่านมา ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ดำเนินการระดมกวาดล้างอาญากรรมต่อเนื่องครั้งที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.-13 มิ.ย. สำหรับการระดมกวาดล้างช่วงที่ 2 นี้นอกจากเน้นติดตามจับกุมมือปืนทั้ง 75 คน และกวาดล้างอาวุธปืนอาวุธสงครามแล้วต่อเนื่องถึงการตั้งด่านตรวจค้นดูแลความปลอดภัยประชาชน ในการไปฟังการปราศรัยหาเสียง เพราะล่าสุดภาค 5 มีการ กระทบกระทั่งกันระหว่างกองเชียร์ 2 ฝ่าย

หน้า 1
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREk0TURVMU5BPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdOUzB5T0E9PQ==

-------------------------------------------------

พรรคการเมืองในพม่าร้องเรียนกลโกงเลือกตั้งพม่า


พรรคการเมืองในพม่าออกมาเรียกร้องผ่านสื่อถึงความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลที่มีรายงานว่าประชาชนถูกบังคับให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า และต้องลงคะแนนให้กับพรรคซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาล และหากพบว่าใครลงคะแนนให้พรรคอื่นก็จะถูกลงโทษ

คิน หม่อง ฉ่วย หัวหน้าพรรคกองกำลังประชาธิปไตยแห่งชาติ หรือ เอ็นดีเอฟ ซึ่งเป็นพรรคใหญ่อันดับ 3 ร้องเรียนผ่านเว็บไซต์อิระวดีซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลพม่าว่ามีประชาชนหลายคนถูกรัฐบาลบังคับให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า เพื่อที่รัฐบาลจะได้ประเมินถูกว่าคะแนนของพรรคสหภาพเอกภาพและการพัฒนา หรือ ยูเอสดีพี ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลมีคะแนนมากน้อยเพียงไร หากพบว่ามีคะแนนน้อยและมีแนวโน้มว่าจะแพ้การเลือกตั้ง รัฐบาลก็อาจจะใช้วิธีโกงแบบอื่นๆในวันเลือกตั้งจริงซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (7พ.ย.)

เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปไตยร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่รัฐระดับท้องถิ่นในจังหวัดมัณฑะเลย์ ข่มขู่ลูกบ้านไม่ให้นำอาหารไปให้ผู้สมัครของพรรคที่ไปหาเสียงที่นั่น ทั้งๆที่ผู้สมัครของพรรคกับลูกบ้านเป็นพี่น้องกัน นอกจากนี้ชาวบ้านที่ลงคะแนนให้พรรคประชาธิปไตยถูกลงโทษด้วยการนำทราย 10 เกวียนไปซ่อมถนนในหมู่บ้าน พรรคประชาธิปไตยชนชาติฉานก็ร้องเรียนในลักษณะเดียวกันว่าชาวบ้านในรัฐฉานถูกสั่งให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าและต้องเลือกผู้แทนของพรรคยูเอสดีพีด้วย ซึ่งข้อร้องเรียนทั้งหมดนี้คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่ยอมรับแจ้ง และยังเพิกเฉยกับข้อร้องเรียนทั้งหมดนี้ด้วย

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก...tpbs
http://m.sanook.com/nokia_touch/news_detail/979562/24/

-------------------------------------------------

“อองซาน ซูจี” เตรียมร่วมตรวจสอบโกงเลือกตั้งพม่า

พฤศจิกายน 11, 2010

วันนี้(11พ.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเนียน วิน โฆษกของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือ NLD ของพม่าที่ถูกยุบไปแล้ว เปิดเผยเมื่อวานว่า ทางพรรคได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งใน การเลือกตั้งทั่วไปที่จัดขึ้นครั้งแรกในรอบ 20 ปีเมื่อวันอาทิตย์ และนางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคอาจช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ เมื่อเธอได้รับการปล่อยตัวจากการกักบริเวณในบ้านพักในวันเสาร์นี้ ซึ่งเป็นวันพ้นโทษการกักบริเวณนาน 18 เดือน โดยคณะกรรมจะรวบรวมหลักฐานและซักถามจากผู้สังเกตการณ์อิสระ

พรรคสหภาพเอกภาพและการพัฒนาหรือ USDP เพิ่งประกาศชัยชนะอ้างว่ากวาดที่นั่งได้เกือบ 80% แต่มีอย่างน้อย 6 พรรคการเมืองที่ยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าพรรค USDP ได้เกณฑ์ให้ผู้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนล่วงหน้าให้พรรค โดยใช้วิธีข่มขู่ บังคับ และซื้อเสียง นอกจากนี้สื่อต่างๆล้วนรายงานเรื่องกลโกงการเลือกตั้งต่างๆ เช่น ความผิดปกติของรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งและการนับคะแนน

นายละ ไข่ ผู้สมัครพรรครัฐสภาประชาชนในเมืองมะละแหม่ง ที่แพ้การเลือกตั้งให้ผู้สมัครพรรค USDP เพราะคะแนนเสียงล่วงหน้า บอกว่า พรรคจะยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเรื่องความผิดปกติของการนับคะแนน แต่บอกว่า ค่าใช้จ่ายสูงมากถึง 1,000 ดอลลาร์หรือราว 30,000 บาทและกระบวนการอาจใช้เวลานาน 3-4 ปี

ขณะที่ผู้สมัครเลือกตั้ง 20 คนในเมืองเปกูจาก 3 พรรคการเมืองรวมถึง พรรคเอกภาพแห่งชาติหรือ NUP ซึ่งเป็นพรรคใหญ่อันดับ 2 และพรรคพลังประชาธิปไตยหรือ NDF ที่แยกตัวมาจาก NLD เปิดเผยว่า จะส่งหนังสือร้องเรียนถึงพลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย ผู้นำสูงสุด และคณะกรรมการการเลือกตั้งเรียกร้องให้มีการจัดลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ โดยจะมีการเคลื่อนไหวทั่วประเทศในหลายวันข้างหน้าเพื่อผลักดันเรื่องนี้

http://www.isnhotnews.com/2010/11/อองซาน-ซูจี-เตรียมร่วมต/

-------------------------------------------------

วิธีป้องกันการโกงเลือกตั้ง

อ้างอิง: หัวข้อนี้ปักหมุด โดย moderator เมื่อเวลา(2011-05-25)

ทำอย่างไรข้อเสนอแนะในกระทู้นี้ จะนำไปสู่การขยายผลปฏิบัติจริงให้ได้ ขอฝากให้ท่านผู้มีความสามารถ รับไปพิจารณาด้วยนะครับ เพราะเหลือเวลาอีกไม่มากสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง

ขอความกรุณาท่านผู้อ่านหากเห็นว่ามีประโยชน์ขอความกรุณานำไปเผยแพร่ให้ด้วยนะครับ

ข้าพเจ้า เคยปฏิบัติหน้าที่เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้ง ตามหมู่บ้านนั่นแหละครับ ถึงแม้ว่ากฎหมายจะได้กำหนดระเบียบปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การเลือกตั้งดำเนินไปด้วยความสุจริตยุติธรรมตามหลักสากลสักเพียงใด แต่สิ่งนี้ไม่สามารถที่จะใช้ได้กับในประเทศไทย(ถิ่นกาขาว)ในขณะนี้ได้ ท่านยังจำกันได้ไหมครับว่า "การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ผ่านมา ผลสำรวจการเลือกตั้งจะตรงกับโพล์ทุกจังหวัด มีเพียงจังหวัดเดียวที่ไม่ตรงกับโพล์ คือกรุงเทพมหานคร ท่านพอจะนึกออกไหมครับว่า ทำไมผลจึงเป็นเช่นนั้น ท่านจะคิดเห็นอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ข้าพเจ้าขอยืนยันได้เลยว่า ผลการเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานคร มีการทุจริตในการเลือกตั้งอย่างแน่นอน" เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาเช่นไรต่างคนต่างคิดว่า คงจะมีคนเลือกพรรคประชาธิเปรตมาก มันจึงชนะ และไม่ได้สนใจอะไร ใครเลือกใคร กาเบอร์ใด ก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้ว เพราะกรุงเทพเป็นเขตใหญ่ประชากรส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยรู้จักกัน เลือกแล้วก็แล้วกัน ไม่สามารถตรวจสอบผลการเลือกตั้งได้ นี่แหละครับ คือจุดบอดที่ทำให้ พรรคการเมืองหาวิธีโกงการเลือกตั้งได้อย่างสบายแฮร์

เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการทุจริตในการเลือกตั้ง เป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม เพราะถ้าหากพบว่ามีการทุจริตร้องเรียนในภายหลังก็อย่าหวังว่าจะได้รับความยุติธรรมในระบบไร้มาตรฐาน เพื่อปิดช่องโหว่ ผู้ที่รักในความยุติธรรม ถ้าเป็นไปได้ทุกหมู่บ้านจะต้องจัดตั้งกลุ่มคนในรูปคณะกรรมการ แบ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติหน้าที่อย่างมีระบบและขั้นตอนอย่างชัดเจน และมีจำนวนคณะกรรมการอย่างเพียงพอ ดำเนินการดังต่อไปนี้

คณะกรรมการประกอบด้วย
ประธานกรรมการ
กรรมการฝ่ายทะเบียนราษฎร์
กรรมการฝ่ายข่าว
กรรมการฝ่ายข้อมูล จำเป็นจะต้องมีคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้
กรรมการฝ่ายลับ ลวง พลาง (ไว้ติดตามฝ่ายทะเหี้ย หัวคะแนนเทียม)
กรรมการฝ่ายสังเกตการเลือกตั้งและเฝ้าคูหาเลือกตั้ง
กรรมการฝ่ายบันทึกภาพ วีดีโอ
กรรมการติดตามผลการเลือกตั้ง
กรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์
ฯลฯ ...

ขั้นตอนการดำเนินงาน

1. คณะกรรมการฝ่ายทะเบียนราษฎร์ มีหน้าที่ ไปรวบรวม ตรวจสอบบัญชีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด ต้องตรวจสอบรายชื่อทั้งหมด(ในแต่ละหน่วยเลือกตั้ง) ถ้าเป็นไปได้ให้จดบันทึกจำนวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง รายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เลขประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง หรือใช้วิธีอื่นใดบันทึกภาพบัญชีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ติดประกาศไว้ แล้วนำมาให้กรรมการฝ่ายข้อมูลบันทึกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ หากมีการสงสัยว่าบุคคลบางคนมีตัวตนจริงหรือไม่ สามารถนำเลขประชาชน ไปตรวจสอบจากโปรแกรมซึ่งหาทางอินเตอร์เน็ตได้ หรือหากพบว่ามีบุคคลแปลกปลอมปรากฏรายชื่อให้รีบแจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้งระดับอำเภอ ตรวจสอบโดยเร็ว

2. คณะกรรมการฝ่ายข้อมูล พยายามบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้มีสิทธิ์ให้ได้รายละเอียดมากที่สุดที่จะทำได้ เมื่อได้ข้อมูลแล้ว จะต้องจำแนกข้อมูลว่ามีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเท่าไร คาดว่าผู้มาใช้สิทธิ์ ผู้ไม่มาใช้สิทธิ์เท่าไร ฯลฯ ตรวจสอบความถูกต้องจัดพิมพ์เอกสารบัญชีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้คณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เพื่อใช้ตรวจสอบในวันเลือกตั้งล่วงหน้าและวันเลือกตั้งจริง

3. ในวันเลือกตั้งล่วงหน้า ถึงแม้ว่าจะมีการรณรงค์อย่าไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการทุจริตนั้น แต่พี่น้องชาวเสื้อแดงจะนิ่งเฉยดูดายไม่ได้ จะต้งส่งกรรมการทุกฝ่ายไปจดบันทึกสถิติการมาใช้สิทธิ์ล่วงหน้า บันทึกภาพ สังเกตผู้แปลกปลอมทีจะสวมรอยไปใช้สิทธิ์คนอื่น แต่เราอย่าไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าก็แล้วกัน เรียกว่าไปจับตาดู แล้วนำข้อมูลที่ได้มาบันทึกในคอมพิวเตอร์ เพื่อวิเคราะห์และประเมิน ประชุมร่วมกับคณะกรรมการทุกฝ่าย

4. ในวันเลือกตั้งล่วงหน้า กรรมการติดตามผลการเลือกตั้งมีหน้าที่รวบรวม จดบันทึกจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า เพื่อให้ฝ่ายบันทึกข้อมูลจัดทำบัญชีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าของแต่ละเขตการเลือกตั้งต่อไป

5. กรรมการฝ่าย ลับ ลวง พลาง มีหน้าที่ทำตัวให้เหมือนฝ่ายตรงข้ามเพื่อติดตามหาข้อมูลความลับของฝ่ายตรงข้าม เช่น การจัดตั้งหัวคะแนนเทียม ติดตามพฤติกรรมของทะเหี้ย ที่จะออกปฏิบัติการขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง ติดตามพฤติกรรมของกำนันผู้ใหญ่บ้าน ข้าราชการครู ตำรวจในท้องที่ที่มีการกระทำที่ส่อวางตัวไม่เป็นกลางเพื่อจะได้หาทางแก้ไขได้ทันท่วงที

6. กรรมการฝ่ายข่าวมีหน้าที่ติดตามข่าวสารการเลือกตั้ง ค้นหาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้ง จะมีจุดสังเกตได้จากผู้มีส่วนสำคัญในการเสนอแต่งตั้งกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งคือผู้ใหญ่บ้าน ถ้าผู้ใหญ่บ้านเป็นเสื้อแดงก็พอจะอุ่นใจได้พอสมควร ถ้ามีโอกาสขอให้พี่น้องชาวเสื้อแดงเสนอตัวเป็นคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ตนอาศัยอยู่ เพราะจะทำให้ได้รับรู้ความเป็นไปในหน่วยเลือกตั้งนั้นๆอย่างใกล้ชิด

7. กรรมการฝ่ายบันทึกภาพ วีดีโอ มีหน้าที่คล้ายกับกรรมการฝ่ายข่าว เก็บรวบรวมข้อมูลเรื่องราวการเลือกตั้งในรูป คลิปวีดีโอ รูปภาพ ไฟล์เสียง อุปกรณ์ที่สำคัญได้แก่ กล้องวีดีโอ กล้องถ่ายรูป เครื่องบันทึกเสียง วิทยุสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ

8. กรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ออกไปชี้แจงทำความเข้าใจ หาคนเสื้อแดงเพิ่ม ในการไปใช้สิทธิลงคะแนน ควรมีการประชุมกลุ่มย่อยคนเสื้อแดงชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกาบัตรเลือกตั้ง เพราะจะมีผู้ไม่เข้าใจในการกาบัตรเลือกตั้ง เมื่อกาบัตรผิดจะทำให้เสียคะแนนไปอย่างน่าเสียดาย

9. ก่อนวันเลือกตั้งจริง 1 วัน กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งจะมีจำนวนประมาณ 7-9 คน จะต้องเดินทางไปรับหีบบัตรเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้ง คูหาเลือกตั้ง และอุปกรณ์ต่าง ๆ เมื่อเช็คจำนวนถูกต้องครบถ้วนแล้วก็จะนำมายังหน่วยเลือกตั้ง เพื่อจัดหน่วยเลือกตั้งเสร็จแล้วจะนำอุปกรณ์ในการเลือกตั้งไปเก็บไว้ที่บ้านของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งคนใดคนหนึ่งที่ปลอดภัย ในขั้นตอนนี้กรรมการฝ่ายข่าว กรรมการฝ่ายบันทึกภาพจะต้องติดตามดูพฤติกรรมว่าจะมีการกระทำทุจริตหรือไม่ เช่นมีการเปิดหีบบัตร นำบัตรออกมากาไว้ก่อนล่วงหน้า

10. ในวันเลือกตั้งจริง หัวใจสำคัญของการเลือกตั้งคือ คน(ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง) และบัตรเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งทั้งสองสิ่งนี้จะต้องมีความสัมพันธ์กัน คือ ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งจะต้องเท่ากับบัตรเลือกตั้งที่ใช้ไป
เช่น หน่วยเลือกตั้งหนึ่งมีผู้มาใช้สิทธิ 1000 คน จำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ไปต้องเท่ากับ 1000 ใบ
จะขาดหรือเกินไม่ได้ ฉะนั้นในวันเลือกตั้งจริงกรรมการที่ได้รับมอบหมายจะต้องจับจ้องให้ความสำคัญไปที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้ง และตัวแปรที่เกี่ยวข้อง ตามลำดับ
กรรมการฝ่ายสังเกตการเลือกตั้งและเฝ้าคูหาเลือกตั้ง แบ่งกรรมการออกเป็นชุด ๆ
กรรมการชุดที่ 1 สังเกตพฤติกรรมของผู้มาใช้สิทธิว่ามีการแสดงบัตรประชาชน บัตรเหลือง หรือบัตรอื่นใด ตามลำดับขั้นตอน กรรมการมีการขานชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งถูกต้องหรือตรงกับตัวบุคคลหรือไม่ หารพบสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรือมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งแปลกปลอมมาใช้สิทธิ มีการเวียนเทียนการใช้สิทธิ สามารถทักท้วงให้ทำให้ถูกต้องได้ทันที
กรรมการชุดที่ 2 จะต้องไปถึงหน่วยเลือกตั้งก่อน 6 โมงเช้าจนกระทั่งนับคะแนนปิดประกาศผลการเลือกตั้ง เฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งซึ่งประมาณ 7-9 คน ซึ่งกรรมการเหล่านั้นจะต้องนำหีบบัตร บัตรเลือกตั้ง และเอกสารที่เกี่ยวข้องมาตรวจความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง โดยเฝ้าสังเกตว่ากรรมการประจำหน่วยแสดงท่าทีมีพิรุธหรือไม่อย่างไร สังเกตบัตรเลือกตั้งว่ามีเท่าใดสอดคล้องกับจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ (บัตร 1 มัด จะมี 50 บัตร) เมื่อถึงเวลา 8.00 น. ถึงกำหนดเวลาเลือกตั้ง กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งจะประกาศให้มีการเลือกตั้ง โดยแสดงหีบบัตรเลือกตั้ง ในครั้งนี้จะมีหีบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเท่านั้น คือหีบบัตรเลือกตัวบุคคล และเลือกพรรค แล้วกรรมการจะปิดหีบใส่กุญแจและจะไม่สามารถเปิดหีบบัตรได้จนหมดเวลาเลือกตั้ง ให้สังเกตวิธีขานชื่อ วิธีการจ่ายบัตรเลือกตั้ง การรับบัตรประชาชน การคืนบัตรประชาชน ถูกต้องหรือไม่อย่างไร
กรรมการชุดที่ 3 สังเกตและจดบันทึกจำนวนบัตรที่กรรมการประจำหน่วยจ่ายให้กับผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง

11. กรรมการฝ่ายบันทึกภาพ วีดีโอจะต้องบันทึกภาพเหตุการณ์ในวันเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งตลอดเวลา และเฝ้าติดตามกรณีมีผู้มาตรวจหน่วยเลือกตั้งว่ามีการนำสิ่งของเข้าไปในหน่วยเลือกตั้งหรือไม่อย่างไร ซึ่งผู้ที่ไม่มีหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นใคร นอกจากเจ้าพนักงานดำเนินการเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิเลือกตั้งแล้วไม่สามารถเข้าไปในคูหาได้

12. กรรมการฝ่ายข่าว ในวันเลือกตั้งให้หาข่าวและสังเกตพฤติกรรมของผู้มาใช้สิทธิรอบๆ หน่วยเลือกตั้ง

13. กรรมการฝ่ายทะเบียนราษฎร์ ให้นำบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่กรรมการฝ่ายข้อมูลจัดทำไว้มาเช็คจำนวนผู้มาใช้สิทธิเป็นรายบุคคล ว่ามีผู้มาใช้สิทธิเป็นจำนวนเท่าไร เพื่อใช้ตรวจสอบว่าจะตรงกับบัญชีของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งหรือไม่ (จำนวนผู้มาใช้สิทธิ จะต้องเท่ากับบัตรที่ใช้ไป)

http://www.rajdumnern.com/read.php?tid-249.html

-------------------------------------------------
ชาวมหาสารคามร้อง“เพื่อไทย” มีชื่อเลือกตั้งล่วงหน้า จ.สุราษฎร์ฯ ทั้งที่ไม่ได้แจ้ง
วันจันทร์ ที่ 13 มิ.ย. 2554

เพื่อ ไทย 13 มิ.ย. - พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ประธานศูนย์ต่อต้านการทุจริตการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ได้นำนายชาญชัย เรืองสุวรรณ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 1 ต.กุดรัน อ.กุดรัน จ.มหาสารคาม มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า นายชาญชัยได้มาร้องเรียนกับศูนย์ต่อต้านการทุจริตของพรรค เนื่องจากอยู่ดี ๆ มีชื่อไปปรากฏว่าจะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตที่ จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งที่ไม่เคยลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกเขตแต่อย่างใด จึงได้มาร้องเรียนและขอให้พรรคช่วยตรวจสอบ

“พรรคได้มอบหมายให้ผู้ สมัคร ส.ส.ของพรรคไปดำเนินการตรวจสอบ และรายงานให้พรรคทราบต่อไป เพราะน่าตกใจมาก เนื่องจากไม่ใช่เฉพาะนายชาญชัยคนเดียวเท่านั้น แต่มีรายชื่อคนในหมู่บ้านถึง 30 คน ที่ถูกหมายเหตุว่า ต้องไปเลือกตั้งล่วงหน้าที่ จ.สุราษฎร์ธานี เหตุการณ์อย่างนี้ทำให้พรรครู้สึกกังวลว่า หมู่บ้านทั่วประเทศจะมีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้น โดยที่ชาวบ้านไม่รู้มาก่อน ซึ่งถ้าเกิดขึ้นกับหลายหมู่บ้านก็แสดงว่าอาจจะมีแนวโน้มไปในทางทุจริตได้ ซึ่งพรรคจะติดตามต่อไป”พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าว

ด้าน นายชาญชัย กล่าวว่า สาเหตุที่ตนมาร้องเรียนกับพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีเพื่อนแนะนำมา ตนมาทำงานขับรถแท็กซี่ใน กทม. และได้กลับไปเยี่ยมบ้าน ก็พบว่ามีการระบุในหมายเหตุของบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ทางอำเภอนำมาติดประกาศไว้ในหมู่บ้าน ว่าต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่ จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งที่ไม่เคยไปแจ้งใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขต หรือเลือกตั้งล่วงหน้ามาก่อนเลย รวมทั้งไม่เคยย้ายทะเบียนบ้าน

“ผม เคยไปทำงานที่ จ.สุราษฎร์ธานีจริง เมื่อปี 2549 แต่กลับมาใช้สิทธิเลือกตั้งที่บ้านเกิดทุกครั้ง ซึ่งผมได้สอบถามเรื่องนี้กับผู้ใหญ่บ้าน ก็บอกว่าแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านในหมู่บ้านอีกกว่า 20-30 คน ที่ประสบปัญหาเดียวกัน โดยมีชื่อในหมายเหตุว่า ต้องไปใช้สิทธิที่จังหวัดอื่น เช่น สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และปทุมธานี เป็นต้น”นายชาญชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย

http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/223142.html

--------------------------------------------------

คุณป้าโวยโดนผีสวมสิทธิไปเลือกตั้งล่วงหน้า
วันพุธ ที่ 22 มิถุนายน 2554 เวลา 13:30 น















คุณป้าวัย 50 โวยโดนผีสวมสิทธิ เอาไปเลือกตั้งล่วงหน้าที่ประเทศสิงคโปร์ พอแจ้งกกต.นครพนมให้หาทางแก้ไข ฟันธงโกงเลือกตั้งชัวร์

เมื่อ เวลา 08.00 น. วันนี้( 22 มิ.ย.) นางปราณี เจียรสุคนธ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/8 หมู่ 3 บ.ภูเขาทอง ต.หนองญาติ องเมือง จ.นครพนม นำเอกสารเข้าร้องเรียนทวงสิทธิ์การเลือกตั้งต่อผู้สื่อข่าว กรณี กกต.จังหวัดนครพนม มีเอกสารแจ้งให้ไปตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้งที่ 1 แต่พบว่ารายชื่อของตนตามบัตรประจำตัวประชาชนเลขที่ 348-0100-080-279 ลำดับเลือกตั้งที่ 173 ระบุว่าไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าที่ต่างประเทศ คือประเทศสิงคโปร์ โดยไปยื่นคำร้องขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ที่สถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย ที่ผ่านมา

นางปราณีระบุต่อว่า ทั้งที่ตนไม่ทราบเรื่องมาก่อน ยืนยันว่าไม่เคยไปแจ้งลงเลือกตั้งล่วงหน้า จากนั้นตนได้ไปแจ้ง กกต.จังหวัด และแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองนครพนม พร้อมกับแจ้งให้ทาง กกต.ทราบแต่ได้รับคำตอบว่า ไม่สามารถแก้ไขได้ จึงต้องร้องทุกข์ผ่านสื่อ เพื่อเรียกร้องทวงสิทธิ์คืน

นางปราณีเผย อีกว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยไปทำงานหรือเดินทางไปต่างประเทศเลย พอสอบถามไปทาง กกต.นครพนมว่าจะแก้ไขอย่างไร กับได้รับการปฏิเสธว่าไม่สามารถแก้ไขได้ ต้องรอตรวจสอบการใช้สิทธิครั้งต่อไป ตนคิดว่าเรื่องนี้ทาง กกต.ต้องมีการแก้ไข และตรวจสอบถึงความผิดพลาด ไม่ใช่ปล่อยไปตามเรื่อง แล้วหากเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ตนจะไม่ติดคุกหรือ หากผิดพลาดจริงถือว่ามั่วมาก

คุณป้าวัย 50 ปีระบุต่อว่า ตนคิดว่าเป็นขบวนการโกงการเลือกตั้งอีกรูปแบบหนึ่ง จึงร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อให้ กกต.ดำเนินการแก้ไข เพราะตนเสียสิทธิ์ ตนต้องการทวงสิทธิ์คืน และทราบว่ามีปัญหาแบบนี้อีกหลายคน จึงอยากให้ผู้ที่เสียสิทธิ์ออกมาให้ข้อมูล กกต. แก้ไขเร่งด่วน

ด้าน นายศักดา สืบไกรสร ผอ.กกต.นครพนม กล่าวว่า สำหรับปัญหาดังกล่าวตนได้รับการร้องเรียนแล้ว โดยทาง กกต.จะต้องตรวจสอบถึงสาเหตุอีกครั้งหนึ่ง แต่การใช้สิทธิ์ครั้งนี้คงยังไม่ทัน เพราะต้องตรวจสอบขอถอนชื่อ ส่วนความผิดพลาดนั้นยังไม่ทราบสาเหตุ.

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=146694&categoryID=420
--------------------------------------------------
ระวัง​ปัจจัย 'หัก​โพล'

แปร​ตาม​สัญญาณ​ที่​มี​ความ​หมาย​มาก​กว่า​ตัวเลข​ตาม​โพล

ล่า ​สุด​กับ​ภาพ​ข่าว​ที่​เอกอัครราชทูต​ประเทศ​ใน​กลุ่ม​สหภาพ​ยุโรป​ทั้ง​ อังกฤษ นอร์เวย์ และ​สวิตเซอร์แลนด์ เดินทาง​เข้า​พบ​หารือ​ถึง​สถานการณ์​เลือกตั้ง​ใน​ห้วง​โค้ง​สุดท้าย และ​อวย​พร​เนื่อง​ใน​โอกาส​วัน​คล้าย​วัน​เกิด ​น.ส.​ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้​สมัคร ส.ส.​ระบบ​บัญชี​ราย​ชื่อ ​พรรค​เพื่อ​ไทย

ใน​จังหวะ​ที่​ประเมิน​ได้ เรื่อง “จมูก​ไว” ไม่​มี​ใคร​สู้​บรรดา​นักการ​ทูต

ตาม​กลิ่น​เกม​อำนาจ​ได้​รวดเร็ว​และ​แม่นยำ

มัน ​จึง​เป็น​อะไร​ที่​หยั่ง​น้ำหนัก เท​ไป​ที่ “ยิ่งลักษณ์” ถนน​ทุก​สาย​มุ่ง​หน้าสู่​พรรค​เพื่อ​ไทย ใน​สถานการณ์​ล้อ​กับ​ตัวเลข​โพล​สารพัด​สำนัก​ที่ออก​มา​ตรง​กัน ส่อ​เค้า “ม้วน​เดียว​จบ”

อย่างไรก็ตาม ใน​ประเด็น​ต่อ​เนื่องจาก​การ​เข้า​พบ ​น.ส.​ยิ่งลักษณ์ มัน​ก็​มี​ปม​ให้​ต้อง​คิด​ตามกับ​การ​ที่​นาย​อา​ซี​ฟ อา​หมัด เอกอัครราชทูต​อังกฤษ พูด​ชัด​เลย​ว่า ถือ​เป็น​เรื่อง​แปลก เพราะ​ก่อน​หน้า​นี้​คณะ​กรรมการ​การ​เลือกตั้ง (กกต.) และ​พรรค​ประชาธิปัตย์ อยาก​ให้​มี​ผู้​สังเกตการณ์​เลือกตั้ง แต่​ครั้ง​นี้​กลับ​ไม่​มี ขณะ​นี้​มี​เพียง​พรรค​เพื่อ​ไทย​พรรค​เดียว​ที่​ทำ​หนังสือ​ถึง​สถาน​ทูต​ อังกฤษ​ให้​ร่วม​สังเกตการณ์​เลือกตั้ง

นักการ​ทูต​ต่าง​ชาติ​ยัง​ออก​อาการ “เอะใจ”

มัน ​ก็​ไม่​น่า​แปลกกับ​อาการ “นั่ง​ไม่​ติด” ของ​พรรค​เพื่อ​ไทย ตาม​คิว​ที่​นาย​พร้อม​พง​ศ์ นพ​ฤทธิ์ โฆษก​พรรค ใน​ฐานะ​ผู้​สมัคร ​ส.ส.​ระบบ​บัญชี​ราย​ชื่อ แถลงข่าว​เตรียม​ยื่น​คำร้อง​ให้​ศาล​ปกครอง​มี​คำสั่ง​คุ้มครอง​ให้​ กกต.แก้ไข​ระเบียบ​เกี่ยว​กับ​บัตร​เลือกตั้ง​ใหม่

พร้อมๆกับ​การ​ ที่​พรรค​เพื่อ​ไทย​ต้อง​จัด​ทำ​ป้าย​รณรงค์​หาเสียง​ชุด​ใหม่​ขึ้น​มา​เป็น ​การ​เฉพาะ โดย​มี​เสมือน​บัตร​เลือกตั้ง เนื้อหา​อธิบาย​เครื่องหมาย​กากบาท​ใน​ช่อง​ลง​คะแนน​เลือกตั้ง เนื่องจาก​เกรง​ประชาชน​จะ​เข้าใจ​ผิด ไป​กากบาท​ใน​ช่อง​สัญลักษณ์​พรรค

​เพื่อ​ไทย​ที่​อยู่​หลัง​ช่อง​หมายเลข 1

กลาย​เป็น “บัตร​เสีย” ทันที

งาน ​นี้​ว่า​กัน​ว่า แกน​นำ​ระดับ​มือ​วาง​ยุทธศาสตร์​ของ​พรรค​เพื่อ​ไทย​ถึง​กับ​เครียด ซีเรียส​เอา​มากๆกับ​ปม​บัตร​เลือกตั้ง​ที่​อาจจะ​เป็น​ปัจจัย​พลิก​ผัน

ถึง​ขั้น​ทำให้​ผล​การ​เลือกตั้ง “หัก​โพล” ได้​เลย

ยัง ​ไม่​นับ​เรื่อง​แปร่งๆกรณี​ที่​นาง​ปราณี เจียร​สุคนธ์ ชาว​จังหวัด​นครพนม เข้า​แจ้งความ​ที่​ สภ.​​เมือง​นครพนม กรณี​มีชื่อ​โผล่​ใน​บัญชี​ผู้​ใช้​สิทธิเลือกตั้ง​ล่วงหน้า​ที่​ประเทศ​ สิงคโปร์

ทั้งๆที่​ไม่​เคย​ยื่น​คำร้อง​ขอ​ใช้​สิทธิเลือกตั้ง​ล่วง หน้า และ​ตั้งแต่​เกิด​มา​ไม่​เคย​เดินทาง​ไป​ต่าง​ประเทศ แต่​ กกต.​จังหวัด​บอกปัด อ้าง​ไม่​สามารถ​แก้ไข​ได้

จึง​ต้องการ​ทวง​สิทธิเลือกตั้ง​คืน และ​เชื่อ​เป็น​ขบวนการ​โกง​เลือกตั้ง​อีก​รูป​แบบ​หนึ่ง

โยง ​ต่อ​เนื่อง​กับ​คิว​ที่​นาย​ถิร​ชัย วุฒิ​ธรรม โฆษก​ศูนย์​ต่อต้าน​การ​ทุจริต​การ​เลือกตั้ง​พรรค​เพื่อ​ไทย ออก​มา​ตี​ปี๊บ​ดัก​ทาง​แก๊ง​จ้อง​โกง​เลือกตั้ง​ด้วย​การ​สวม​สิทธิ ตาม “สาย​ข่าว” รายงาน​ข้อ​พิรุธ​เกี่ยว​กับ​ตัวเลข​ผู้​ลง​ทะเบียน “เลือกตั้ง​ล่วงหน้า​นอก​เขต” ที่​ กกต.​สรุป​ยอด​ตั้งแต่​วัน​ที่ 10 พฤษภาคม​ถึง​วัน​ที่ 2 มิถุนายน เป็น​ยอด​หนึ่ง แต่​เมื่อ​เช็ก​ไป​ที่​เว็บไซต์​ กกต.​รายงาน​อย่าง​เป็น​ทางการ กลับ​เป็น​คน​ละ​ตัวเลข​กัน

ยอด​ต่าง​กัน​มโหฬาร​ถึง 2 แสน​กว่า​คน

ตาม ​ข่าว พรรค​เพื่อ​ไทย​จี้​ถาม​ไป​ทาง ​กกต.​ก็​ยิ่ง​น่า​เอะใจ เพราะ​คำ​ตอบ​ที่​ได้​ก็​คือ จำนวน​ยอด​ที่​เพิ่ม​ขึ้น​มา​จาก​การ​แจ้ง​ลง​ทะเบียน​ทาง​ไปรษณีย์ ทั้งๆที่​ภายใน​เวลา​ไม่​กี่​วัน

จับ​ไม่ได้​ไล่​ไม่ทัน คน​เพื่อ​ไทย​ก็​ยัง​ประกัน​ความ​ชัวร์​ไม่ได้

ที่ ​แน่ๆ ข้อมูล​จาก “วงใน” ยี่ห้อ​คน​มหาดไทย​ของ​แท้​แน่นอน นาย​วงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีต​อธิบดี​กรมการ​ปกครอง ที่​ ครม.​มี​มติ​คืน​ตำแหน่ง​ให้ แฉก​ลาง​วง​วุฒิสภา​ถึง​ปม​เบื้องหลัง​ถูก​อำนาจ​การเมือง​พยายาม​ตี​กัน​ ไม่​ให้​คืน​เก้าอี้

เพราะ​เกี่ยวโยง​กับ​ความ​พยายาม​โกง​เลือกตั้ง

เนื่อง จาก​มี​จำนวน​ประชาชน​ที่​ใช้​บัตร​เหลือง​ล้าน​กว่า​คน ที่​เชื่อ​ว่า ​กระทรวง​มหาดไทย​จะ​ไม่​สามารถ​จัด​ทำ​บัตร​ประชาชน​สมาร์ทการ์ด​ให้​กับ​ ประชาชน​ได้​ทัน​วัน​เลือกตั้ง 3 กรกฎาคม

นี่​หรือ​เปล่า ถึง​ได้​มี​คน​ยัง​มั่น​อก​มั่นใจ​ว่า​ผล​เลือกตั้ง​จะ​ออก​มา​หัก​โพล

แต่ ​ที่​ว้าเหว่ กรุงเทพ​โพล​เปิดเผย​ผล​สำรวจ​ความ​คิดเห็น​ของ​คน​กรุงเทพฯ พบ​ความ​เชื่อ​มั่น​ต่อ​ กกต. ใน​การ​ควบคุม​ดูแล​การ​เลือกตั้ง​ให้​มี​ประสิทธิภาพ​และ​โปร่งใส​ยุติธรรม พบ​ว่า ร้อย​ละ 57.1 ไม่ค่อย​เชื่อ​มั่น​ถึง​ไม่​เชื่อ​มั่น​เลย ขณะ​ที่​ร้อย​ละ 42.9 เชื่อ​มั่น​ค่อนข้าง​มาก​ถึง​เชื่อ​มั่น​มาก

คน​เมือง​กรุง​เกิน​ครึ่ง ไม่​เชื่อ​มั่น​ กกต.​จะ​คุม​การ​เลือกตั้ง​ให้​โปร่งใส​ยุติธรรม

กรรมการ​ไม่​มี​เครดิต มัน​ก็​ยิ่ง​หวิว​ไป​กัน​ใหญ่.


ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ไทยรัฐออนไลน์

โดย ทีมข่าวการเมือง รายงาน
24 มิถุนายน 2554, 05:00 น.

http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/181318

-------------------------------------------------


พท.ชี้ส่อพิรุธไฟดับลต.ล่วงหน้าคันนายาว (ไอเอ็นเอ็น)
เพื่อไทย ชี้ ไฟฟ้าดับเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 6 กทม. สนง.เขตคันนายาว เกิดจากกระแสไฟฟ้าขัดข้อง วอน กกต. ตรวจสอบหีบบัตร ชี้มีพิรุธ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากการที่คณะทำงานของพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปตรวจสอบการเลือกตั้งซ่อม ล่วงหน้า ส.ส. เขต 6 กรุงเทพมหานคร เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) ที่หน่วยเลือกตั้งสำนักงานเขตคันนายาว ได้พบว่า เกิดปัญหาในเรื่องของกระแสไฟฟ้า จนทำให้ไฟฟ้าดับ ในเวลา 15.00 น.

ทั้ง นี้ยังอยู่ในช่วงของเวลาการเลือกตั้งซ่อมล่วง หน้า ที่จะเสร็จสิ้นในเวลา 17.00 น. โดยกระแสไฟฟ้าที่เกิดจากการขัดข้องดัง กล่าว ได้ส่งผลกล้อง CCTV ไม่สามารถใช้การได้ ซึ่งกล้อง CCTV นี้ทางพรรคเพื่อไทยได้นำไปติดตั้งไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของหีบบัตรเลือกตั้ง
โดยจากกรณีดังกล่าว ทำให้ทางพรรคเพื่อไทย มีความกังวลว่า อาจจะส่งผลต่อการเก็บรักษาหีบบัตรหรือ ไม่ จึงได้ขอเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงเหตุผล ที่ทำให้กระแสไฟฟ้ามีปัญหา เนื่องจากเกรงว่า อาจส่อพิรุธในการทุจริตได้
http://hilight.kapook.com/view/50593

---------------------------------------------------

บัตรเลือกตั้งแบบนี้ อาจมีคนกาผิด เป็นล้านคน...สำคัญมาก คุณปู ต้องแก้ไขด่วน

ขอตั้งกระทู้เรื่องบัตรเลือกตั้งอีกทีนะครับ เพราะผมมองว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ
พรรคเพื่อไทย อาจจะโดนปล้นชัยชนะ ไปต่อหน้าต่อตา หากคุณปู และทีมงาน ยังไม่รีบหาทางแก้ไข

เริ่มจากกระทุ้ที่ คุณควายไท. ได้ตั้งข้อสังเกตุไว้ ตั้งแต่ตอนจะพิมพ์บัตรแล้ว
ตามลิงค์นี้ http://www.tfn5.info/board/index.php?topic=24337.0
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม หัวข้อ "ใครได้ข่าวนี้บ้างครับ.......บัตรเลือกตั้งที่พอกาเบอร์1แล้วจะกลายเป็นบัตรเสียทันที..!!!"

มาวันนี้พวกมันทำแล้วจริงๆ และผลของการออกแบบบัตรแบบนี้
จะทำให้พรรคเพื่อไทย เสียคะแนนได้เป็นล้านเสียงเลยนะครับ .....เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก

เพราะคนแก่เฒ่า ที่สายตาไม่ค่อยดีอาจกาผิดที่ได้ ทำให้กลายเป็นบัตรเสียได้
หรือคนที่มือไว เห็นเบอร์1 แล้ว กาที่ช่องหลังเบอร์1 ทันที ก็จะทำให้กลายเป็นบัตรเสียได้

นี่นับเป็นแผนชั่ว ที่จะปล้นชัยชนะของพรรคเพื่อไทย
เป็นการดูถูกประชาชน ไม่เคยคิดว่าประชาชนเป็นเจ้าของแผ่นดิน เป็นผู้เลือกตัวแทนของประชาชนมาบริหารประเทศ

ยิ่งผมมาเห็นภาพบัตรทั้ง 2 แบบ ที่เพื่อนๆ พยายามช่วยกันเผยแพร่ เพื่อป้องกันของการกาผิด
ผมยิ่งรู้สึก ว่า....ทำไมพวกมันชั่ง ชั่ว เลว ได้อย่างนี้
นี่เป็นการเจตนาออกแบบบัตร โดยใช้หลักจิตวิทยา เพื่อให้คนกาผิดที่จริงๆ

สังเกตุดูนะครับ
บัตรแบบแบ่งเขต (สีชมพู) จะออกแบบให้กาหลังช่อง หมายเลขทันที

แต่บัตรแบบบัญชีรายชื่อ (สีเขียว) ช่องที่ให้กาจะเว้นไปอยู่ท้ายสุด
เมื่อออกแบบอย่างนี้ ถือว่าเป็นการออกแบบที่ทำให้ไม่เป็น uniformity ทำให้คนต้องกาบัตร 2 ใบ ในลักษณะที่แตกต่างกัน
การออกแบบอย่างนี้ ทำให้โอกาสกาผิด มีได้สูง
เช่น เมื่อคุณกาแบบแบ่งเขต โดยการกาที่ช่องหลังหมายเลข แล้ว
มากาแบบบัญชีรายชื่อต่อทันที คุณอาจ "เผลอ" กาที่ช่องหลังหมายเลข ด้วยเช่นกัน (เพราะช่องนี้ก็มีการพิมพ์โลโก้เล็กจนมองแทบไม่เห็น จนคิดว่าเป้นช่องว่างได้)

นี่หมายรวมถึงคนที่อ่านหนังสือออกนะครับ ส่วนคนที่อ่านหนังสือไม่ออก หรืออ่านไม่ละเอียด ยิ่งมีโอกาสกาผิดที่ได้ยิ่งขึ้น

พรรคเพื่อไทยต้องไม่ปล่อยเรื่องนี้นะครับ นี่เป็นเรื่องสำคัญมากๆ พรรคอาจเสียคะแนน เพราะบัตรเสีย สูงถึงเป็นล้านคะแนน ( คุณว่าคนไทย ชอบอ่าน หรืออ่าน instruction ต่างๆ ละเอียดไหม เป็นคนมือไวไหม )
ยิ่งคนที่รักเบอร์ 1 มากๆ เทใจให้เต็มร้อย ยิ่งอาจจะเผลอ กาผิดได้ คือพอเห็น เบอร์1 ก็กาให้ทันที ก็จะกลายเป็นบัตรเสียทันที
ฝากคุณปู และ ทีมงานพรรคเพื่อไทย เร่งหาวิธีแก้ไข ด่วน!!!

อย่าให้ พวกชั่ว มันมาปล้นชัยชนะของพรรค ที่ประชาชนจะมอบความไว้วางใจให้นะครับ
++++++++++++++


และก็มีกลโกงอีกวิธีหนึ่ง ก็คือการใช้เทียนไขหรือขี้ผึ้งฝนไว้เฉพาะที่ช่องเบอร์ (ที่ไม่ต้องการให้กา) เพียงช่องเดียว เมื่อผู้ที่จะกาเบอร์ (ที่ไม่ต้องการให้กา) กายังไงหมึกก็ไม่ออกเพราะความมันที่ได้ฝนหรือทาไว้ที่ช่องเบอร์ นั้น กลโกงนี้อาจจะเริ่มที่ใหนสักแห่งก็ได้ หรืออาจจะมาเริ่มที่ปลายทางก่อนที่จะจ่ายบัตรให้ คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ขบวนการโกงก็จะเริ่มตั้งแต่การตรวจนับบัตรแล้วก็แอบฝนเทียนใขในช่องที่ไม่ ต้องการให้เลือก เมื่อผลผู้ใช้สิทธิ์เข้าไปกา หมึกปากกาก็จะไม่ออก เป็นจุดสำคัญให้เสียคะแนน เนื่อก็ถือว่าเป็นจุดที่ล่อแหลมและเสี่ยงมาก
http://www.prachatalk.com/board/สังคม-การเมือง/บัตรเลือกตั้งแบบนี้-อาจมีคนกาผิด-เป็นล้านคนสำคัญมาก-คุณปู-ต้องแก้ไขด่วน
---------------------------------------------------FfF