ไม่ว่าอยากจะแก้ไขหรือยกเลิก ม.112 ณ เวลานี้
ถ้าไม่มีสัญญาณชัดเจนแบบที่คนทั้งประเทศเข้าใจตรงกันแล้ว
คิดจะเดินหน้าทำให้ได้ดังหวัง ก็อาจมาตามเส้นทางดังต่อไปนี้ได้
คือถ้าจะหวังรับประกันความสำเร็จได้แน่ๆ
ต้องพร้อมทำสงครามกลางเมืองเท่านั้น
เพราะไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้มีเจตนาดียังไง
ฝ่ายตรงข้ามก็นำไปปลุกกระแสต่อต้าน
ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพวกเราพวกเขา
ยังไงก็ไม่มีใครกล้าต้านทานกระแส
ยิ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่มีสภาพการรวมตัว
ของคนที่ไม่ได้มีอุดมการณ์อะไร เป็นกลุ่มเป็นมุ้งต่างๆ
ไม่รวมพรรครวมรัฐบาลที่ไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว
การมาเดินหน้าเรื่องนี้ของรัฐบาล
ก็เท่ากับฆ่าตัวตายดีๆ นี่เอง
และต่อให้เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์เดียวกัน
สมมุติว่าพรรคแดงสยาม ชนะเลือกตั้งมา
คนในพรรคมีอุดมการณ์เรื่องนี้อย่างแข็งขันเหมือนกัน
พวกที่แพ้ยังไงเขาก็ไม่ยอมคงก่อม็อบมาต่อต้านอยู่ดี
ผลสุดท้ายก็ต้องเกิดสงครามกลางเมืองใครดีใครอยู่นั่นเอง
ที่พูดนี่ไม่ได้ห้ามกลุ่มที่รณรงค์เรื่องนี้น่ะ
เพราะผมก็ไปร่วมชุมนุมด้วยบ่อยๆ
ไม่มีใครห้ามได้ ขนาดผู้มีอำนาจยังห้ามไม่ได้
รัฐบาลก็ห้ามไม่ได้ ผมก็ยิ่งห้ามไม่ได้ เป็นสิทธิส่วนตัว
อาจทำไปเรื่อยๆ เผื่อหวังคนมาเห็นด้วยไปพลางๆ อะไรก็ว่าไป
แต่อย่างที่ผมว่า ถ้าต้องการแนวนี้
ก็ต้องพร้อมรับมือกับสงครามกลางเมือง
บางคนบอกงั้นแล้วพี่น้องเรา รวมทั้งแกนนำกลุ่มต่างๆ
ทั้งสมยศ อ.สุรชัย และอีกมากมายที่โดนเรื่องนี้ติดคุกอยู่ทำยังไง
วิธีช่วยให้ออกจากคุกได้ง่ายที่สุดแต่ก็ไม่ง่ายนัก
แต่ก็ง่ายกว่ารณรงค์ยกเลิก ม.112 ก็คือ
หันมารณรงค์หรือให้รัฐบาลแก้กฏหมาย
ห้ามขังคุกผู้ต้องสงสัยเกิน 30 วัน เกินเมื่อไหร่ปล่อยทันที
เพราะในทางคดีมันมีเทคนิคในการยื้อคดียาวๆ
เป็นสิบปียังไม่ตัดสินคดีก็ยังมี
ต่อให้ภายหลัง ผลออกมาว่าไม่ผิด
แต่ที่ติดคุกมาแล้วสิบกว่าปี
มันก็คือการถูกตัดสินให้ติดคุก
โดยไม่ต้องใช้คำพิพากษาตัดสินดีๆ นี่เอง
ยิ่งคดี ม.112 ด้วยแล้ว การไปจับใครมาติดคุกนี่
ต้องมีหลักฐานเด็ดพร้อมส่งดำเนินคดีทันทีภายในวันสองวันแล้ว
และสามารถตัดสินได้ทันทีในเวลาไม่นาน
เพราะต้องมีหลักฐานชัดเจนถึงไปจับ
ไม่ใช่ไปจับแล้วมาหาหลักฐานอีกหลายปีกันแบบที่ทำอยู่นี้
นอกจากนี้ต้องแก้กฏหมายห้ามละเมิดสิทธิมนุษยชนคนบริสุทธิ์
นั่นก็คือ คนที่ศาลยังไม่ตัดสินว่าผิด
ทางสากลเขาถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ทุกคน
ดังนั้นการกักขังต้องเป็นลักษณะกักบริเวณ
เพราะกลัวหลบหนีไม่ใช่ให้ไปติดคุก
เหมือนโดนตัดสินว่ากระทำความผิดแล้วจริงๆ
เขาจะต้องใช้ชีวิตได้ค่อนข้างปกติ
ยกเว้นโดนกักบริเวณชั่วคราว
สามารถมีที่อยู่ดีกว่าคุกมีครอบครัวไปอาศัยอยู่ได้ด้วย
สามารถเล่นเน็ตติดต่อสื่อสาร
หรือทำมาค้าขายผ่านมือถืออะไรก็ยังต้องทำได้
นี่เป็นการบังคับไม่ให้จับคนมาขังมั่วๆ
หรือแกล้งจับมาขังเล่นๆ
เพราะรัฐบาลต้องเลี้ยงดูอย่างดีเยี่ยงคนบริสุทธิ์ทั่วไป
การให้รณรงค์แก้กฏหมาย 2 เรื่องนี้
หรือรัฐบาลจะเสนอเองได้เลยในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ไม่จำเป็นต้องรอประชาชนออกมาชุมนุมกดดันก่อน
มันเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน
ทำได้เมื่อไหร่จะได้หน้าไปทั้งโลก
ว่ารัฐบาลนี้คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน
ใครหน้าไหนก็มาคัดค้านไม่ได้
เพราะไม่ได้เจาะจงเฉพาะคนที่โดนคดี ม.112
แต่ทุกคดีได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน
วิธีนี้ไม่เสี่ยงสงครามกลางเมือง
รณรงค์ได้ไม่มีใครค้านมาก
อาจมีพวกจ้องป่วนแต่รับรองได้
เหตุผลอ่อนแย้งไม่ได้หรอก
และมันไม่ใช่ช่วยคนไทยบริสุทธิ์ที่ติดคุกอยู่
แต่ช่วยคนไทยทุกคนในอนาคตด้วย
รวมไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานของทุกๆ คนด้วย
เพราะถ้าขืนยังเปิดช่องโหว่ทางกฏหมายแบบนี้ไว้
ก็เท่ากับให้ผู้มีอำนาจอาจเป็นรัฐบาลนี้ก็ได้
สามารถจับคนไปขังเล่นพอสบอารมณ์ค่อยปล่อย
เช่นเอายาบ้ายัดให้ 1 เม็ด
แล้วจับพวกไม่ชอบหน้าไปขังคุกไว้ก่อน
แล้วรอสอบสวนสืบสวนว่าความในศาล
ยื้อไปเป็นเดือนเป็นปีก็ได้
ถ้าไม่ใช่คนเด่นคนดังอะไร
ประชาชนทุกคนรวมทั้งลูกหลานของทุกคน
มีสิทธิ์โดนเล่นงานลักษณะแบบนี้ได้
ดังนั้นแรงสนับสนุนจะมีมากกว่า
และยกระดับประเทศเป็นแดนศิวิไลซ์ขึ้นมาได้ระดับหนึ่งด้วย
แถมอีกนิดตอนนี้คุณเห็นหลายคนโดนจับ
โดยเฉพาะระดับแกนนำกลุ่มต่างๆ ทั้งสมยศ สุรชัย จตุพร
ล้วนมีส่วนเกี่ยวพันกับ ม.112 ทั้งสิ้น
แต่เขาเลือกใช้วิธีไม่ใช้ ม.112 โดยตรง
เพราะโดนต่อต้านหนักและยังเคยโดนบีบ
ให้ปล่อยผู้ต้องหาชาวต่างประเทศในคดีนี้บ่อยๆ
และถ้านำมาใช้มากๆ ก็อาจเกิดผลเสียกับฝ่ายเขา
ก็เลยมามุกไม่ตัดสินคดีสักทีสำหรับบางคน
และบางคนก็เลี่ยงไปหาเรื่องฟ้องคดีอื่นแทน
แต่ก็ติดคุกไปเรื่อยๆ เหมือนๆ กัน
เพราะถ้าตัดสินคดีเมื่อไหร่โอกาสหลุดมีสูง
ดังนั้นการจับขังไว้โดยไม่ตัดสิน
ก็เหมือนกับตัดสินให้ติดคุกแล้ว
โดยไม่ต้องมีคำพิพากษาให้เป็นที่ครหา
แล้ววันไหนปล่อยตัวออกมาได้หน้าอีก
เป็นบุญคุญอีกอะไรแบบนั้น
ถ้าไม่กำจัดช่องโหว่ที่ว่านี้
จะมีคนโดนวิธีนี้อีกมากมาย
กฏหมายมีช่องโหว่ต้องอุดให้หมด
อย่าเปิดทิ้งไว้เพราะคนที่มีโอกาสโดนเล่นงาน
ส่วนใหญ่ไม่ใช่พวกผู้มีอำนาจแน่ๆ
โดย มาหาอะไร
FfF
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.