บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


03 สิงหาคม 2554

<<< คดีแปลกๆ ผู้หญิงยิง ฮ. พร้อมข้อกังขาว่า พวกเธอจะโดนยัดคดีหรือเปล่า >>>

วันอังคาร, สิงหาคม 02, 2011

โลกลืมเธอ..'จ๋า'ผู้หญิงยิงฮ.ข้อหาบันลือโลก

>
ผู้หญิงยิงฮ.? -"จ๋า"นฤมล วรุณรุ่งโรจน์ ซึ่งเข้าร่วมการต่อต้านเผด็จการนับแต่ยุคบุกเบิกกับกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอา เผด็จการ ผู้ที่รู้จักเธอดีบอกว่านอกจากชอบพกหมาไปชุมนุมด้วย ชอบเสียงดังลั่นร่าเริงเป็นเอกลักษณ์แล้ว ก็ไม่เคยเห็นว่าเธอชอบพกพาอาวุธแต่อย่างใด แต่ได้มีการจับเธอขังคุกมานานปีเศษ รอตัดสิน10สิงหาคมนี้ โดยกล่าวหาว่าเป็นผู้หญิงยิงฮ.

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
1 สิงหาคม 2554

ตามที่อาจารย์ธิดา ถาวรเศรษฐ รักษการประธานนปช.เขียนลงในเฟซบุ๊คว่า ปัญหาการเยียวยาที่ผ่านมา ทั้่ง นปช. มูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย และพรรค ได้เยียวยาคนเสียชีวิต บาดเจ็บไปพอสมควร ถ้าขาดไปบ้างคงน้อยมาก แต่ที่มีข้ออ่อนคือ ผู้ถูกคุมขัง ซึ่ง ส.ส. ในพื้นที่รับงานไปดูแลยังไม่ทั่วถึง แม้ นปช. ก็เช่นกัน

โดยเฉพาะคนที่ไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีคนแจ้งเรื่องและติดตามเรื่อง ผู้หญิง 3 คนที่ทัณฑสถานหญิงกลาง คลองเปรม เพิ่งได้ชื่อมา 2-3 วันนี้ ให้ทีมเลขาไปตรวจดู จึงได้เยี่ยมเพียงคนเดียวชื่อนางนฤมล อรุณรุ่งโรจน์ ซึ่งถูกตั้งข้อหายิงเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์พร้อมมีอาวุธสงคราม โดยต้องอยู่ในเรือนจำมาหนึ่งปีกว่าแล้ว และจะตัดสินในวันที่ 10 ส.ค. 54 ที่ศาลแขวงพระโขนง

ยังขาดเยี่ยมอีก 2 คนคือ นางเจียน ทองมาก และนางพยอม บุญสูงเนิน ซึ่งทาง นปช. จะทยอยเข้าเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ต่อไป

ทั้งหมดนี้มาจากการขาดฐานข้อมูลที่ชัดเจน และคณะผู้ติดตามดูแล นี่จึงเป็นที่มาที่ต้องทำ "กองทุนยุติธรรม" เพื่อคนเหล่านี้ รวมทั้งคนตาย บาดเจ็บ ทั้งต่อสู้คดีและเรียกร้องความเสียหาย

ทำให้เกิดคำถามตามมาในหมู่คนเสื้อแดงว่า ใครคือผู้หญิงยิงฮ.รายนี้ เพราะปกติมีแต่คำเปรียบเปรยว่า"ผู้หญิงยิงเรือ"...

เปิดตัวผู้หญิงยิงฮ.กับคดีพิสดาร หลักฐานประหลาด
"จ๋า"นฤมล ซึ่งเข้าร่วมการต่อต้านเผด็จการนับแต่ยุคบุกเบิกร่วมกับคนวันเสาร์ไม่เอา เผด็จการ ผู้ที่รู้จักเธอบอกว่านอกจากชอบพกหมาไปด้วย เสียงดังลั่นร่าเริงเป็นปกตินิสัยแล้ว ก็ไม่เคยเห็นว่าเธอชอบพกปืนยิงฮ.แต่อย่างใด

ผู้ใช้นาม"ป้านินจา"สมาชิกกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ กลุ่มการเมืองภาคประชาชนรุ่นแรกที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหารปี 2549 เขียนลงในเว็บอร์ดประชาทอล์ก ว่า ผู้หญิงยิงฮ.รายนี้ เป็น 1 ในสมาชิกกลุ่มคนวันเสาร์ที่บุกเบิกการต่อสู้ในยุคแรก โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ตอนที่จับ...นายทหารใหญ่นำมาแถลงออกสื่อทั้งทีวีและหนังสือพิมพ์ มีอาวุธสงครามเต็มโต๊ะ...

ในวันที่สืบพยาน..ปรากฎว่า...อาวุธทั้งหมดไม่มีลายนิ้วมือแฝงแม้แต่ชิ้น เดียว แถมพยานโจทก์(พยานของอัยการ)บอกว่า อาวุธอยู่ในนถุงกอล์ฟ ซ่อนอยู่ในท่อน้ำหน้าบ้าน

แต่ในทางความเป็นจริง...ท่อน้ำหน้าบ้านพี่จ๋า(นฤมล)..กว้างแค่ 14 เซนติเมตร..ถุงกอล์ฟยัดไม่ลงค่ะ

และในวันที่พรรคประชาธิเปรตไปหาเสียงที่ราชดำเนิน ไอ้เมือกก็เอาชื่อและภาพขึ้นจอ...บอกว่า เป็นกลุ่มคนเสื้อดำที่ยิงทหารเมื่อวันที่ 10 เมษา'53

ตอนนั้น...ทางญาติของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน (พี่จ๋าและสุรชัย นิลโสภา อีกคนป้าจำชื่อไม่ได้)โทร.มาคุยท้อใจมาก...ว่าหากพรรคเปรตได้รับ เลือก...ทั้ง 3 คนต้องกลายเป็นแพะแน่นอนที่สุด

อีกเรื่อง..ที่ความจริงป้าไม่อยากพูดมากคือเรื่อง อ.ธิดา...ทำไมถึงมาตีข่าวในตอนนี้คะ? คุณมาตอนที่เค้าสืบพยานกันจบไปหมดแล้ว (ใครจะว่าเสี้ยมเชิญนะคะ...แต่นี่คือความจริง...)

เพราะทั้ง 3 คนติดคุกร่วมปีกว่าไม่มีใครเหลียวแลเลย..ย้ำค่ะว่าไม่มีเลย

มีแต่คนเสื้อแดงไม่กี่คนที่ไปเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือตามกำลังของแต่ละคน ถามว่า...ได้มีการติดต่อขอความช่วยเหลือไปมั้ย...ตอบญาติของจำเลยทั้ง 3 คน ไปเป็น 10 เที่ยวแต่ก็เงียบ..

ก็เข้าใจค่ะว่า..เป็นคดีเกี่ยวกับอาวุธสงคราม...ทุกคนคงไม่อยากข้องเกี่ยวเพราะใกล้เลือกตั้ง...

สำหรับทนายที่ทำคดีให้...เป็นทนายที่มีจิตอาสานะคะ...ท่านเกษียณแล้วด้วย ซ้ำ..แต่มาทำคดีให้เพราะสงสารว่าไม่มีใครยื่นมือเข้ามาจริงๆ..และไม่มีค่า ตอบแทนใดๆ ส่วนทนายของจำเลยอีก 2 คน ก็เป็นทนายเด็กๆ...

เอาเถอะค่ะ...มาถึงวันนี้แล้ว...การช่วยเหลือทางคดีก็หมดไปแล้วเพราะคดีกำลังจะตัดสินแล้ว..ก็ผ่านไปเถอะค่ะ..ถือว่าเป็นกรรม...

ที่เหลือตอนนี้..มาจับตาดูกันดีกว่า...ว่าวันที่ 10 สิงหาคมนี้ผลการพิพากษาจะเป็นไปตามหวยล๊อคหรือไม่ ? มาเอาใจช่วยพี่จ๋าและจำเลยเสื้อแดงอีก 2 คนกันค่ะ..~~~!!!

ป้านินจา(คนวันเสาร์ฯ คนเสื้อดำ)

ปล.วันที่ 10 สิงหาคม 54 เวลา 09.00 น. หากท่านใดว่าง...เชิญที่ศาลจังหวัดพระโขนง ถนนสรรพาวุธนะคะ แล้วเจอกันค่ะ..~~~!!!

***
ผู้หญิงยิงฮ.?

ทั้งนี้มีรายงานข่าวช่วง การชุมนุม10เมษายน2553 ในเวลา 17.50 น.เฮลิคอปเตอร์ทิ้งแก๊สน้ำตา 2 ลูก ใกล้บริเวณพื้นที่ชุมนุมสะพานผ่านฟ้า โดยลูกแรกตกที่สี่แยกหน้าหอศิลป์ ลูกที่ 2 ตกบนสะพานหน้าวัดสระเกศ ซึ่งห่างจากสะพานผ่านฟ้า 100 เมตร หลังจากนั้นมีกลุ่มควันแก๊สน้ำตากระจัดจายปกคลุมทั่วบริเวณสะพานผ่านฟ้า ทำให้ผู้ชุมนม แกนนำแดง และผู้สื่อข่าว แตกตื่นวิ่งหนีกระจัดกระจาย พร้อมกับส่งเสียงร้องด้วยความปวดแสบปวดร้อน เนื่องจากพิษของแก๊สน้ำตาทำให้ผิวหนังแสบร้อน ต่างวิ่งหาน้ำมาล้างตาและผิวหนัง

ภายหลังจากที่แกนนำแดง และผู้ชุมนุมได้บรรเทาอากาศแสบร้อนจากแก๊สน้ำตาแล้ว แกนนำได้ขึ้นปราศรัย เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมแตกตื่น และสั่งให้ปล่อยโคมลอยและลูกโป่งสวรรค์ เพื่อสกัดเฮลิคอปเตอร์ ทั้งนี้มีเฮลิคอปเตอร์บินวนไปวนมาอยู่บริเวณสะพานผ่านฟ้า
CRY FREEDOM-สตรี เสื้อแดงยกผืนธงชาติไตรรงค์ขึ้นเช็ดน้ำตา หลังจากถูกฮ.ของทหารโปรยแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมเมื่อ 10 เมษา 53 ภาพนี้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญภาพหนึ่งของการชุมนุมปี 53 ในฐานะเป็นภาพที่แพร่หลายที่สุดภาพหนึ่ง

*******
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:ผู้หญิงที่ถูกลืม เปิดรายชื่อหญิงเสื้อแดงผู้ทรนงในแดนตาราง

โวย"เพื่อไทย"ลอยแพ แดงพระโขนงนอนคุก

ที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า

ที่ศาลจังหวัดพระโขนง ถนนสรรพาวุธ เวลา 9.30 น.วันที่ 9 สิงหาคม 2553 ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางนฤมล วรุณรุ่งโรจน์ อายุ 50 ปี , นายชาตรี ศรีจินดา อายุ 33 ปี และนายสุรชัย นิลโสภา อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในความผิดฐานร่วมกันครอบครองอาวุธปืนสงคราม เครื่องกระสุน และวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต และปลอมเอกสาราชการและใช้เอกสารปลอม โดยศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้งสามฟังแล้ว จำเลยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ศาลจึงกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก ในวันที่ 10 มิ.ย. 54

อย่างไรตามก็ได้มีญาติของจำเลย ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวต่อศาล โดยศาลพิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง และพฤติการณ์เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุม จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

ครวญเพื่อไทย-นปช.ไม่ช่วยเหลือ

ด้านนาง นฤมล วรุณรุ่งโรจน์ หนึ่งในจำเลยคดีนี้ กล่าวว่า พวกตนทั้งสามรู้สึกน้อยใจที่ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจาก นปช.และ พรรคเพื่อไทย(พท.) ทั้งที่พวกตนมาร่วมสู้เรียกร้องประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ อยู่แนวหน้าให้กับ นปช. และคนเสื้อแดงมาตลอด ตั้งแต่ปี 49 ขณะที่แนวร่วมคนอื่นที่ถูกจับในข้อหาแบบเดียวกัน ต่างได้รับการประกันตัวปล่อยตัวชั่วคราวหมดแล้ว ทุกวันนี้บ้านตนก็กำลังจะถูกยึด แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะยังติดอยู่ในเรือนจำ ชีวิตแทบไม่เหลืออะไรแล้วตั้งแต่เข้าร่วมต่อสู้กับนปช.

หลักฐานสะสมอาวุธสงคราม

สำหรับคดีนี้ จำเลยทั้ง 3 คน ถูกตำรวจชุดปฎิบัติการ กองบังคับการตำรวจปฎิบัติการพิเศษ (191) ตำรวจ สน.คลองตัน และกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เข้าทำการจับกุมเมื่อวันที่ 3 พ.ค.53 ที่ผ่านมา ที่ทาวน์เฮ้าส์ เลขที่ 231 หมู่บ้านฮอลริวู๊ด ซอยอ่อนนุช 17 แยก 9 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. พร้อมของกลาง ระเบิดเพลิงบรรจุขวดน้ำมัน จำนวน 107 ขวด อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนอาร์ก้า จำนวน 5 กระบอก อาวุธปืนคาร์บิน จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนใช้กับอาวุธปืนชนิดต่างๆจำนวนมาก แม็กกาซีน พร้อมซองใส่ ระเบิดลูกเกลี้ยง จำนวน 10 ลูก ระเบิดควัน และระเบิดแก๊สน้ำตา โดยการเข้าตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มบุคคลลักลอบนำอาวุธปืนสงคราม และระเบิดเพลิงจำนวนมากมาเก็บซุกซ่อนไว้เพื่อก่อเหตุ และสร้างสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

วันอาทิตย์, กรกฎาคม 31, 2011

ผู้หญิงยิงฮ. หัวใจเธอมันน่ากราบ

อยาก ฝากความคิดถึงพี่น้องเสื้อแดงทุกๆคน ขอให้สู้กันต่อไปนะ คนข้างในนี้ก็ยังสู้อยู่ ฉันโดนโทษ 1 ปี 6 เดือน ตอนนี้ติดมา 1 ปี 3 เดือนแล้ว หลังจากสิ้นเดือนนี้ ฉันก็จะนับถอยหลังไปอีก 3 เดือน 14 วัน เพื่อรอให้ถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน เวลา 9 โมงเช้า ฉันก็จะพ้นโทษออกไปจากที่นี่ และสัญญาว่าจะไปร่วมต่อสู้ด้วยกันกับพี่น้องข้างนอกต่ออย่างแน่นอน-ปากคำนัก โทษหญิงเสื้อแดง

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
31 กรกฎาคม 2554

อาจารย์ธิดา ถาวรเศรษฐ เขียนลงในเฟซบุ๊คว่า ปัญหาการเยียวยาที่ผ่านมา ทั้่ง นปช. มูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย และพรรค ได้เยียวยาคนเสียชีวิต บาดเจ็บไปพอสมควร ถ้าขาดไปบ้างคงน้อยมาก แต่ที่มีข้ออ่อนคือ ผู้ถูกคุมขัง ซึ่ง ส.ส. ในพื้นที่รับงานไปดูแลยังไม่ทั่วถึง แม้ นปช. ก็เช่นกัน

โดยเฉพาะคนที่ไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีคนแจ้งเรื่องและติดตามเรื่อง ผู้หญิง 3 คนที่ทัณฑสถานหญิงกลาง คลองเปรม เพิ่งได้ชื่อมา 2-3 วันนี้ ให้ทีมเลขาไปตรวจดู จึงได้เยี่ยมเพียงคนเดียวชื่อนางนฤมล อรุณรุ่งโรจน์ ซึ่งถูกตั้งข้อหายิงเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์พร้อมมีอาวุธสงคราม โดยต้องอยู่ในเรือนจำมาหนึ่งปีกว่าแล้ว และจะตัดสินในวันที่ 10 ส.ค. 54 ที่ศาลแขวงพระโขนง

ยังขาดเยี่ยมอีก 2 คนคือ นางเจียน ทองมาก และนางพยอม บุญสูงเนิน ซึ่งทาง นปช. จะทยอยเข้าเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ต่อไป

ทั้งหมดนี้มาจากการขาดฐานข้อมูลที่ชัดเจน และคณะผู้ติดตามดูแล นี่จึงเป็นที่มาที่ต้องทำ "กองทุนยุติธรรม" เพื่อคนเหล่านี้ รวมทั้งคนตาย บาดเจ็บ ทั้งต่อสู้คดีและเรียกร้องความเสียหาย

ผู้หญิงยิงฮ.?


ทั้งนี้มีรายงานข่าวช่วง การชุมนุม10เมษายน2553 ในเวลา 17.50 น.เฮลิคอปเตอร์ทิ้งแก๊สน้ำตา 2 ลูก ใกล้บริเวณพื้นที่ชุมนุมสะพานผ่านฟ้า โดยลูกแรกตกที่สี่แยกหน้าหอศิลป์ ลูกที่ 2 ตกบนสะพานหน้าวัดสระเกศ ซึ่งห่างจากสะพานผ่านฟ้า 100 เมตร หลังจากนั้นมีกลุ่มควันแก๊สน้ำตากระจัดจายปกคลุมทั่วบริเวณสะพานผ่านฟ้า ทำให้ผู้ชุมนม แกนนำแดง และผู้สื่อข่าว แตกตื่นวิ่งหนีกระจัดกระจาย พร้อมกับส่งเสียงร้องด้วยความปวดแสบปวดร้อน เนื่องจากพิษของแก๊สน้ำตาทำให้ผิวหนังแสบร้อน ต่างวิ่งหาน้ำมาล้างตาและผิวหนัง

ภายหลังจากที่แกนนำแดง และผู้ชุมนุมได้บรรเทาอากาศแสบร้อนจากแก๊สน้ำตาแล้ว แกนนำได้ขึ้นปราศรัย เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมแตกตื่น และสั่งให้ปล่อยโคมลอยและลูกโป่งสวรรค์ เพื่อสกัดเฮลิคอปเตอร์ ทั้งนี้มีเฮลิคอปเตอร์บินวนไปวนมาอยู่บริเวณสะพานผ่านฟ้า
CRY FREEDOM-สตรีเสื้อแดงยกผืนธงชาติไตรรงค์ขึ้นเช็ดน้ำตา หลังจากถูกฮ.ของทหารโปรยแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมเมื่อ 10 เมษา 53 ภาพนี้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญภาพหนึ่งของการชุมนุมปี 53 ในฐานะเป็นภาพที่แพร่หลายที่สุดภาพหนึ่ง


เมื่อสัปดาห์ก่อนนี้มีการจัดกิจกรรม"ของขวัญสีแดงแก่นักโทษเสื้อแดง"ขึ้น โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้รายงานว่า มีนักโทษเสื้อแดงชายที่มีภรรยาติดคุกคดีก่อการร้ายพร้อมกัน แต่ติดอยู่คนละแดน ได้ร้องขอให้กลุ่มที่ทำกิจกรรมได้ไปเยี่ยมนักโทษหญิงด้วย เพราะอยู่ในสภาพถูกหลงลืม

โดยผู้ใช้ชื่อว่า ป๋าจอมตั๊ป กลุ่มสหายสีแดง รักราษฎรเขียนบันทึกใน เฟซบุ๊คป๋าจอมตั๊บฯว่า

หลังจากเข้าเยี่ยมและมอบของขวัญแด่นักโทษการเมืองเสื้อแดง 49 คนในเรือนจำชายเรียบร้อยแล้ว (อ่านรายละเอียด:เสียงเล็กๆจากคนเสื้อแดงหลังลูกกรง บทสัมภาษณ์นักโทษการเมืองคดี 112 จากกิจกรรม"ของขวัญสีแดงแด่เพื่อนสีแดง")

ทางทีมงานกิจกรรม"ของขวัญสีแดงแด่เพื่อนสีแดง" นำโดยทีมทนายจากสำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ และพี่นกแดง ก็เดินทางต่อมายังทัณฑสถานหญิง เพื่อตีเยี่ยมนักโทษการเมืองหญิงที่เหลืออยู่ 4 คน
ในเรือนจำหญิงแห่งนี้แต่ละคนแต่ละสายก็แบ่งหน้าที่กันเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังกันชุดละสามคน ทั้งพี่ดา ตอร์ปิโด และคนอื่นๆอีก3คน

ตัวผม พี่บี้ อัฐพล และพี่เอก เอกชัย(ผู้ต้องหาคดี112ที่ได้ประกันตัวออกมาสู้คดี) ได้ตีเยี่ยมผู้ต้องขังหญิงเสื้อแดง ที่ต้องโทษคดีพกพาวัตถุระเบิด คุณพยอม หนูสูงเนิน ชาวจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งศาลพิพากษายืน จำคุก 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา

พวกเราได้พูดคุย สอบถาม ให้กำลังใจ รวมทั้งขอสัมภาษณ์สั้นๆมาเพื่อนำสาส์นนี้มาเผยแพร่ให้กับพี่น้องเสื้อแดงภาย นอกได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น

พี่พยอมเล่าว่า สามีของพี่เขา ชื่อพี่โชค (โชคอำนวย สุรการ) ติดคุกคดีก่อการร้าย ที่ฝั่งเรือนจำชายเช่นกัน พี่โชคถูกจับในวันที่ 17 พ.ค. 53 ส่วนพี่พยอมถูกจับในวันที่ 18 ที่บริเวณคอนโด หลังจากแวะกลับไปอาบน้ำ

พี่เอกชัยได้แจ้งกับพี่พยอมว่า เมื่อเช้าเข้าไปเยี่ยมในเรือนจำชาย พี่โชคก็ฝากความคิดถึงมา ฝากมาบอกว่าพี่โชคยังไม่ลืม และยังเป็นห่วงพี่พยอมเสมอ ให้อดทนเอาไว้ พี่โชคก็จะอดทนเช่นกัน พี่พยอมก็ตอบว่าก็มีแต่พี่โชคนี่แหล่ะที่ยังเป็นกำลังใจให้กันและกัน เขียนจดหมายคุยกันข้ามกันไปข้ามกันมาในสองเรือนจำนี่แหล่ะ


ต่อไปเป็นบทสัมภาษณ์พี่พยอม หนูสูงเนิน นะครับ


ผม : สภาพความเป็นอยู่ข้างในเป็นอย่างไรบ้างครับ?

พี่พยอม : ตอนนี้ก็ลำบาก จริงๆก็ลำบากมาตลอด อยู่เฉยๆไม่ได้เลย มันคิดมาก มันฟุ้งซ่าน ไม่รู้จะทำยังไง ตอนหลังนี่เขาก็ให้พี่ไปปูกระเบื้อง ไปช่วยบำเพ็ญประโยชน์อยู่ข้างในนี้

ผม : ตอนนี้ขาดเหลืออะไรบ้างมั๊ยครับ พวกผมจัดกิจกรรมช่วยเหลือคนข้างในจะพยายามจัดส่งเข้าไปให้ครับ

พี่พยอม : ตอนนี้หน้าฝน ลำบากมากเรื่องเสื้อผ้า ก็ขอเป็นชุดผ้าบาง(แบบไม่มีแถบ) ชุดชั้นใน กางเกงใน ผ้าถุง ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก สบู่ แชมพู ผ้าอนามัย พวกนี้ ยังไงก็ขอบคุณพวกเรามากนะที่ยังไม่ลืมกัน

ผม : ที่ผ่านมามีใครมาเยี่ยมพี่พยอมบ้างมั๊ยครับ

พี่พยอม : ...(ไม่พูดอะไร แต่หยิบผ้าปิดปากขึ้นมาซับน้ำตา ร้องไห้... ผมอดน้ำตาซึมไปด้วยไม่ได้) ... 4 เดือนแล้ว ไม่มีใครมาเยี่ยมเลย วันนี้นกแดงเขามาด้วยมั๊ย พี่คิดถึงนกแดง มีแต่เขาที่คอยมาเยี่ยมคนในนี้อยู่ตลอด

ผม : ตอนที่พี่พยอมอยู่ในที่ชุมนุมเป็นการ์ดนปช.เหมือนกันใช่มั๊ยครับ ?

พี่พยอม : ตอนแรกน่ะนะ พี่กับพี่โชค ก็เป็นพ่อค้าแม่ค้าขายเสื้อแดงธรรมดานี่แหล่ะ ไปๆมามาพอรู้จักคนเยอะเข้า ก็เริ่มมีลูกน้อง แล้วก็เข้าไปทำงานกับการ์ดส่วนกลาง ไปขึ้นตรงกับพี่อารีย์(อารีย์ ไกรนรา) แล้วพอดีว่าในลูกน้องที่เป็นการ์ดนั้น มันมีสายจากฝั่งตรงข้ามมาแฝง คอยรายงานนายมัน ชื่อไอ้โต้ง กับไอ้ตี๋ แล้วก็ยังมีอีกหลายคน ส่วนใหญ่ที่โดนจับกันก็เพราะไอ่ที่เป็นสายมาแฝงตัวนี่แหล่ะ

ผม : แล้วพี่พยอมได้รับความช่วยเหลือจากทางนปช.หรือทางพรรคบ้างมั๊ยครับ หรือมีใครจากทางนั้นมาเยี่ยมบ้างไหม?

พี่พยอม : ...ตั้งแต่ติดคุกมา 1 ปี 3 เดือน ได้จากพรรคช่วยเหลือมา 600 บาท ตอนนั้นให้ญาติไปทำเรื่อง ไปเซ็นต์ไปขอเบิกมา โอ๊ย ยากเย็นจริงๆน่ะ เรื่องคนจะมาเยี่ยมก็ได้แต่รอคอยความหวังกันไป

ผม : ทางคุณอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าการ์ดที่พี่พยอมเคยทำงานให้นี่เขาได้ส่งข่าวคราวหรือแวะมาเยี่ยมบ้างรึยังครับ?

พี่พยอม : ไม่เคยนะ

ผม : พี่พยอมอยากฝากอะไรถึงพี่น้องเสื้อแดงที่ยังร่วมกันต่อสู้เพื่อความยุติธรรมด้วยกันอยู่ข้างนอกมั๊ยครับ ?

พี่พยอม : ก็อยากจะฝากความคิดถึงพี่น้องเสื้อแดงทุกๆคน ขอให้สู้กันต่อไปนะ คนข้างในนี้ก็ยังสู้อยู่ ฉันโดนโทษ 1 ปี 6 เดือน ตอนนี้ติดมา 1 ปี 3 เดือนแล้ว หลังจากสิ้นเดือนนี้ ฉันก็จะนับถอยหลังไปอีก 3 เดือน 14 วัน เพื่อรอให้ถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน เวลา 9 โมงเช้า ฉันก็จะพ้นโทษออกไปจากที่นี่ และสัญญาว่าจะไปร่วมต่อสู้ด้วยกันกับพี่น้องข้างนอกต่ออย่างแน่นอน

ผม : วันที่ 14 พ.ย. นี้พี่พยอมจะพ้นโทษแล้วใช่มั๊ยครับ มีญาติๆรู้ข่าวกันบ้างรึยังครับ มีใครจะมารับรึปล่าวครับพี่ ?

พี่พยอม : ก็อยากให้มีคนมารับเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าญาติๆพี่ที่ชัยภูมิเขาจะสะดวกมากันรึปล่าวจ้ะ

ผม : ถ้าอย่างนั้นพวกผมทั้งพี่นกแดงแล้วก็พี่น้องเสื้อแดงจะมาต้อนรับพี่ออกจากเรือนจำด้วยกันครับ เช้าวันที่ 14 พ.ย.นี้ นะครับ

พี่พยอม : ยิ้มๆ แล้วก็บอกว่าขอบคุณทุกๆคนที่มาเยี่ยมพี่มากๆเลยนะ


จากนั้นเราทั้ง 3-4 คนก็ร่ำลากัน แล้วก็แยกย้ายกันออกมา ข้าวของเครื่องใช้ที่ขาดเหลือจะให้ทางสำนักงานกฎหมายราษฎรประสงค์ส่งเงิน เพื่อจัดซื้อสิ่งของที่ยังขาดอยู่เข้าไปให้กับพี่พยอมและนักโทษคนอื่นๆต่อไป ครับ

ทั้งนี้ ผมจึงขอเชิญชวนพี่น้องเสื้อแดงทุกๆคนที่สนใจไว้ล่วงหน้า เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม ต้อนรับเพื่อนเรากลับบ้าน ในวันที่ 14 พ.ย. 54 นี้ เวลา 9 โมงเช้า ขอเชิญร่วมแสดงความยินดีกับอิสรภาพที่พี่น้องเรากำลังจะได้รับ แม้จะยังไม่ครบทุกคน

********
ขอมั่งดิ

ส่วนผู้ใช้นามว่าบี้ อัฐพล ก็เขียนลงในเฟซบุ๊คเล่าเรื่องนี้ว่า

25 ก.ค. 2554
12.30 น. เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ


ผมยืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยเพื่อน ๆ พี่น้อง ลุงป้าน้าอา ส่วนใหญ่แต่งเครื่องแบบสีแดงกันเต็มยศ

แทบทุกคนกำลังพยายามสื่อสารสื่อสารข้ามแผ่นกระจกหนาขนาดใหญ่ที่กั้นกลางระหว่างพวกเขากับผู้ชายในเครื่องแบบสีเหลืองกลุ่มหนึ่ง

บางคนได้ใช้โทรศัพท์พูดคุย หลายคนตะโกน บ้างก็ชูมือชูไม้ส่งสัญลักษณ์สื่อความหมาย ให้กำลังใจกับคนอีกฟากฝั่งหนึ่ง เสียงดังเซ็งแซ่เหมือนนกกระจอกแตกรัง

"สู้!...สู้!"
"เราชนะแล้วนะ เดี๋ยวก็จะได้ออกมาแล้ว"
"อดทนหน่อย ข้างนอกกำลังช่วยอยู่"
"ทำไมวันนี้ใส่สีเหลืองล่ะ?"...(ฮา)

การเข้าเยี่ยมวันนี้ อาจจะเป็นวันที่มีคนเข้าเยี่ยมและคนถูกเยี่ยมมากที่สุดก็เป็นได้

ผมยืนมองชายชุดเหลืองฝั่งตรงข้าม เห็นหลายคนพูดคุยผ่านโทรศัพท์กับคนที่มาเยี่ยมด้วยความตื่นเต้น ดีใจ

ถึงแม้พวกเขาแทบจะไม่รู้จักกันเลยก็ตาม หลายคนยืนยิ้มโบกไม้โบกมือกับคนชุดแดงฝั่งนี้ แต่มีหลายคนยืนชิดผนังด้านหลัง สีหน้าเรียบเฉย ยากจะเดาความรู้สึก

"พวกนั้นมันน้อยใจน่ะ ยังไม่ได้คุยกับใครเขาเลย" พี่นกแดงที่คุ้นเคยกับพวกเขาดี อธิบายเวลามีน้อย โทรศัพท์ก็มีน้อยไปในวันนี้

ขณะที่ผมกำลังยืนสังเกตเหตุการณ์ต่าง ๆ อยู่นั่นเอง พี่ชายผมสีดอกเลา รูปร่างค่อนข้างบึกบึนในชุดเหลืองคนหนึ่ง สบตาผมแล้วชี้มือชี้ไม้มาที่กระจกพร้อมกับป้องปากพูดอะไรบางอย่าง

ผมตรงเข้าไปใกล้กับกระจก พยายามฟัง แต่ความหนาของมันทำให้เราทั้งคู่ไม่ได้ยินเสียง

พี่ชายคนนั้นหาทางสื่อสารกันใหม่ แกก้มตัวลงพูดผ่านแถบโลหะที่ปิดไว้ด้านล่างสุดของกระจก ผมก้มลงฟัง คราวนี้ได้ยินชัดขึ้น

"ไปเยี่ยมฝั่งผู้หญิงด้วยนะ!"
ผมทำหน้างง ๆ "อะไรนะพี่?"
"ช่วยไปเยี่ยมฝั่งผู้หญิงด้วย แฟนผมอยู่ฝั่งโน้น ผมเป็นห่วง" สีหน้าดูกังวลด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

ผมรับปาก แต่ในใจไม่มั่นใจนัก...

14.30 น.
ฑัณทสถานหญิงกลาง


พี่นกแดงพาพวกเรามาเยี่ยมผู้ต้องขังหญิง

ผม,จอม และเอกชัย(ผู้ถูกกล่าวหา 112 แต่ได้ประกันตัว) ได้เข้าเยี่ยมพี่พยอม โชคดี...พี่พยอมเป็นคนที่พี่ชายฝั่งโน้นฝากให้มาเยี่ยม

จอมกับเอกชัยพูดคุยกับพี่พยอมผ่านไมโครโฟน (ไม่เหมือนฝั่งโน้นที่ใช้โทรศัพท์) การพูดคุยคราวนี้เรียกน้ำตาจากทั้งสองฟากกระจก โดยไม่ต้อง"บิ้วด์" อารมณ์ หวังเรตติ้งคนดู แบบเดียวกับรายการทอล์คโชว์งี่เง่าทั้งหลาย (ของผมกับจอมแค่น้ำตาซึมนะ... เพื่อรักษาภาพความเป็นแมน แหะ แหะ)

ถึงคิวผม

"พี่ครับ พวกผมมาให้กำลังใจพี่นะครับ เมื่อกี้ผมไปฝั่งโน้นมา แฟนพี่เค้าฝากให้มาเยี่ยมพี่ให้ได้ พี่เค้าเป็นห่วงพี่มากนะครับ ส่วนพี่เค้าสบายดี"

"พี่เค้าฝากบอกให้พี่ดูแลตัวเองให้ดี เค้าคิดถึงพี่มากนะครับ"...
เอ่อ...ประโยค หลังนี่ พี่ผู้ชายไม่ได้ฝากมานะครับ ผมขออนุญาตพูดแทนก็แล้วกัน แหะ แหะ (คิดว่าพี่เค้าคงอยากบอกแหละน่า แต่ตามธรรมชาติคนต่างจังหวัด มักจะไม่ค่อยแสดงความรู้สึกดราม่าซักเท่าไหร่ มันจะเขินเขินน่ะ -> สรุปจากตัวเองหรือเปล่าเว้ย?)

หลังจากส่งสาร ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาจากปากพี่พยอม เห็นแต่หยาดน้ำใส ๆ ที่เริ่มเอ่อออกมาซึมดวงตาอีกครั้ง พร้อม ๆ กับเห็นความพยายามอย่างมากที่จะสะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองให้เป็น ปกติ

ผมเชื่อว่า ตอนนี้ในใจของพี่พยอม คงเต็มไปด้วยกำลังใจที่จะช่วยให้ก้าวผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ไปให้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูดหวาน ๆ ซึ้ง ๆ ไม่จำเป็นต้องจ้องหน้าสบตากัน ทั้งสองคนได้รับรู้ว่าในช่วงเวลาที่แสนเลวร้าย ยังคงมีคนที่คอยยืนหยัดอยู่เคียงข้างกันเสมอและตลอดไป

เท่านี้ก็คงเพียงพอแล้ว

ผมจากที่นั่นมา พร้อมกับความรู้สึกอิ่มใจที่ได้ทำตามสัญญา ขณะเดียวกันก็มีอาการแปลก ๆ เกิดขิ้นกับผม มันเป็นอาการแสบ ๆร้อน ๆ ที่บริเวณขอบตา

มันเกิดขึ้นตอนที่ผมกำลังคิดในใจว่า
"ขอมั่งดิ ขอมั่ง...ขอฟิลโรแมนติกประมาณนี้กับกรูบ้าง อะไรบ้าง จะได้ไหม?...แต่ขอแบบไม่ต้องมีรั้วคอนกรีตหนา ๆ ไม่ต้องมีลูกกรง ไม่มีลวดหนามมากั้นนะเว้ย...กรูป๊อดดด!"...
********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:

-สำนักกฎหมายราษฎรประสงค์:กิจกรรม“ของขวัญสีแดงแด่เพื่อนสีแดง” ทะลุเป้า ! : คำขอบคุณที่แทรกผ่านลูกกรงจากเพื่อนสู่เพื่อน

-เสียงร้องหาความเป็นธรรมจากเรือนจำมหาสารคาม

-ผู้ตาย บาดเจ็บ ถูกคุมขัง และสูญหายจากเหตุการณ์


ดร.กฤตยา อาชานิจกุล รองผอ.สถาบัน วิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะตัวแทนศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม กรณีเม.ย.-พ.ค. 2553 (ศปช.) แสดงข้อมูลไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงรายละเอียดของผู้เสียชีวิต 92 ราย

นางกฤตยา กล่าวว่า รัฐบาลไม่สมควรสั่งทหารใช้ปืนสไนเปอร์กับประชาชน และยังมีข้อเท็จจริงจากศปช.ด้วยว่า มีการใช้จำนวนกระสุนปืนสไนเปอร์ในเหตุการณ์ทั้งหมด 2,000 กว่านัด จาก 3,000 กว่านัด ทั้งๆ ที่สิทธิการใช้ปืนชนิดนี้จะต้องเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษเท่านั้น ไม่ใช่ทหารทุกคนจะสามารถใช้ได้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงคลี่คลายได้ยาก หากความจริงกับการพูดของแต่ละฝ่ายยังบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการทำงานของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และตำรวจ ยังล่าช้าไม่มีความคืบหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารของศปช.ระบุว่า จากการติดตามรวบรวมข้อมูลของศปช. จำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม มีทั้งสิ้น 92 ราย แบ่งเป็นขอคืนพื้นที่ วันที่ 10 เม.ย. 26 ราย กระชับพื้นที่ วันที่ 14-19 พ.ค. 57 ราย ในจำนวนนี้มี 3 ราย ไม่ทราบชื่อ เป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 9 ราย ในเหตุการณ์ปะทะย่อยรวมถึงเหตุปะทะในต่างจังหวัด

นอกจากนี้ข้อมูลของศปช. ณ วันที่ 1 เม.ย. 2554 ยังระบุว่า ภายหลังจากประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน วันที่ 7 เม.ย. โดยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แล้วนั้น พบว่าปัจจุบันยังมีผู้ต้องขังที่ไม่ได้รับการประกันตัวทั่วประเทศอีก 133 ราย เป็นชาย 121 ราย หญิง 12 ราย ชาวต่างด้าวอีก 3 ราย ซึ่งข้อหาส่วนใหญ่ คือ การละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยการชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไป การร่วมวางเพลิง สถานที่ราชการ และก่อการร้าย อีก 5 ราย ฯลฯ โดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูลการออกหมายจับ และการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ของกลุ่มนปช. ต่อ สาธารณะ อย่างเป็นระบบ

ทั้งนี้ ศปช.ยังได้รับข้อมูลคนหายในช่วงเหตุการณ์ดังกล่าวจากมูลนิธิกระจกเงา จำนวน 20 ราย ซึ่งบางส่วนพบว่ามีการทำให้สูญหายโดยเจ้าหน้าที่รัฐอีกด้วย

แต่เราก็ยังคงต้องยืนหยัดสู้ร่วมกันต่อไป

FfF