บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


24 สิงหาคม 2554

<<< ถ้าคนที่ไม่มีเครดิตทางการเงิน คือคนที่ตายแล้วในทางธุรกิจ คนที่ไม่มีเครดิตทางการพูด ก็คือคนที่ตายแล้วในทางการเมือง >>>

... พลิ้วไม่รับตำแหน่งแค่เทคนิค

อีกด้านหนึ่งที่บ้านริมคลอง ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แถลงยืนยันถึงการรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ตนไม่เคยเคลื่อนไหวทั้งทางลับและทางอ้อม เรื่องนี้เป็นดุลพินิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่จะพิจารณาว่าจะให้ตนนั่งในตำแหน่งหรือไม่ แม้จะไม่ได้รับตำแหน่งก็ไม่เดือดร้อนและไม่มีสิทธิเรียกร้อง เมื่อถามว่า เคยปราศรัยระหว่างหาเสียงว่าหากลูกชายไม่ได้เป็น ส.ส. จะไม่รับตำแหน่ง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เป็นเพียงเทคนิคของการปราศรัยเพื่อเรียกคะแนน

“หากได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีก็เป็นเรื่องที่รัฐธรรมนูญไม่ได้ ห้ามไว้ ขอย้ำว่าผมไม่พร้อมจะเป็นรัฐมนตรี แต่พร้อมที่จะทำหน้าที่ตามว่าที่นายกรัฐมนตรีพิจารณาให้เท่านั้น อยากให้ประชาชนเชื่อมั่นในหน้าตาของ ครม.เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีพ่อที่เคย เป็น ส.ส. มีพี่ชายที่เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี จึงน่าจะเป็นผู้ที่ใช้คนให้เหมาะสมกับงาน” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
...
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=8&contentID=149318

----------------------------------------------------------

เฉลิมแจงนำทักษิณกลับแค่เทคนิคหาเสียง
ข่าวการเมือง วันพุธที่ 24 เดือนสิงหาคม พ.ศ.2554 11:19 น.

"ร.ต.อ.เฉลิม" ระบุ วาทะ "นำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านใน 6 เดือน" เป็นเพียงเทคนิคหาเสียง ขณะประเมิน นายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ได้ดี

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประกาศพา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับประเทศ หลัง พรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาล ใน 6 เดือนนั้น เป็นเพียงเทคนิคในการหาเสียง เพราะภายใน 6 เดือนนี้ เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่กลับมา แต่อาจนานกว่านั้น ส่วนกรณีการทำหน้าที่ชี้แจงในสภาที่หลายฝ่ายมองว่า ตนเองอาจกลายเป็นนายกรัฐมนตรีในสภาแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น คงไม่บังอาจและเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อภาวะผู้นำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดูในด้านเศรษฐกิจ แต่มองว่าการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี วานนี้ เรียบร้อยดี ตนให้คะแนนเต็ม

อย่างไรก็ตาม เห็นว่า ในอดีตที่ผ่านมามีบุคคลที่เป็น นายกรัฐมนตรี โดยไม่เคยตอบคำถามสื่อมวลชน แต่มอบหมายให้ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบแทน ยังสามารถเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ 8 ปีครึ่ง ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจเป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามกำลังเปรียบเทียบกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ได้เปรียบเทียบใคร

Link : http://www.innnews.co.th/เฉลิมแจงนำทักษิณกลับแค่เทคนิคหาเสียง--304059_01.html

----------------------------------------------------------

เมื่อวานได้ข่าวว่ามีการแก้ตัวทำนองว่า
เป็นเทคนิคการหาเสียงกรณีโดนโจมตีเรื่องที่ไปหาเสียง
ทำไมไม่ทำตามที่หาเสียง การแก้ตัวแบบนี้เหมือนจะดี
เหมือนแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปได้วันๆ
ทั้งๆ ที่งวดนี้เป็นเพียงการอภิปรายนโยบายรัฐบาล
ไม่มีการลงมติไม่ไว้วางใจแค่อภิปรายกันเฉยๆ
ยังเล่นทุ่มเครดิตทั้งตัวทิ้งไปหมดแบบนี้
อนาคตก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กเลี้ยงแกะ
มีวิธีแก้ตัวมากมายว่าทำไมไม่ทำดีกว่านี้ไม่ยักกะพูด

เพราะถ้านักการเมืองโดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาล
พูดแล้วชาวบ้านเกิดความคลางแคลงใจว่า
ใช่เทคนิคการหาเสียงอีกหรือเปล่า
เครดิตทางคำพูดจะหมดไป
ปัญหาที่น่าจะแก้ง่ายๆ ด้วยการพูดไม่กี่คำ
ก็อาจจะยากขึ้นเพราะคำพูดเริ่มไม่น่าเชื่อถือ
เหมือนที่ว่าไว้

"ถ้าคนที่ไม่มีเครดิตทางการเงิน
คือคนที่ตายแล้วในทางธุรกิจ
คนที่ไม่มีเครดิตทางการพูด
ก็คือคนที่ตายแล้วในทางการเมือง"

สมัยทักษิณก็มีนโยบายหาเสียงต่างๆ มากมาย
เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค นั่นนี่เพียบ
ก็โดนโจมตีมากมายว่าทำไม่ได้
เราก็ไม่เชื่อหลายนโยบายน่ะ
แต่สุดท้ายก็ทำกันจนได้สำเร็จ
ก็เลยกลายเป็นเครดิตที่ทำให้การหาเสียง
ง่ายขึ้นกว่าพรรคการเมืองอื่น
คือต่อให้บอกว่าจะทำนโยบายนั่นนี่เหมือนกัน
แต่คนให้เครดิตว่าทำได้ไม่ได้ต่างกัน
เหมือนงวดที่แล้วหาเสียงมีคนโจมตีอีกว่า
จะทำได้หรือนโยบายเยอะแยะเอาเงินที่ไหนมาทำ
ไอ้เราก็อุตส่าห์แย้งไปว่าทำได้
เพราะสมัยก่อนเขาก็พูดแล้วทำได้อะไรแบบนั้น
เพราะเชื่อในเครดิตที่เคยทำมา
แต่ถ้างวดนี้มามุกว่าแค่เทคนิคการหาเสียง
เลยทำให้ผมค่อยไม่เชื่อในหลายนโยบาย
ว่าจะทำได้ตามที่หาเสียงไว้ เช่นแก้รธน. นั่นนี่
เพราะอาจเป็นแค่เพียงเทคนิคการหาเสียงก็เป็นได้

อันที่จริงในยุคทักษิณได้ทำให้นโยบายหาเสียง
ไม่ใช่แค่นโยบายหาเสียงหรือแค่เทคนิคการหาเสียง
แต่พิสูจน์แล้วว่าทำตามที่หาเสียงจริง
แต่นี่กำลังย้อนยุคสู่การเมืองน้ำเน่าอีกแล้ว
งวดหน้าคงมีนโยบายหาเสียงประหลาดๆ เช่น
เลือกพรรคเราจะแจกบ้านพร้อมที่ดิน
หรือมีตั้งพรรคเฉพาะกิจมีนโยบายแจก 1 ล้านบาททุกคน
เสร็จแล้วถ้าฟลุ๊คชนะเลือกตั้งก็บอกว่าแค่เทคนิคการหาเสียง
ถ้าเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่ออาจไม่เดือดร้อนเท่าไหร่
แต่ ส.ส. เขตมีโอกาสเดือดร้อนสูง ที่จะต้องตอบคำถามประชาชน
ถ้าการปราศรัยหาเสียงเรื่องนโยบายต่างๆ เป็นแค่เทคนิคหาเสียง
การเมืองก็จะเข้าสู่การเมืองน้ำเน่าสนิทเหมือนเดิม
ไม่ได้พัฒนาไปข้างหน้า เพราะถ้าเริ่มโกหกหลอกลวงกัน
ตั้งแต่วันหาเสียงแล้วเข้ามาทำงานจริง
จะเชื่อได้ยังไงว่าไม่โกหกหลอกลวงอีก

อันที่จริงนโยบายหาเสียงไม่จำเป็นต้องเยอะ
ควรเน้นเฉพาะที่ทำได้จริงๆ คิดรอบคอบแล้ว
ไม่ใช่นั่งเทียนว่าทำได้ เพราะมันเหมือนสัญญาประชาคม
กับเจ้าของประเทศ ส่วนนโยบายที่ไม่ได้หาเสียง
จะทำได้หรือไม่ใครก็ด่าไม่ได้ เพราะไม่ได้สัญญาไว้
แต่อยากจะนำมาทำอาจยกเลิกก็ได้ตามความเหมาะสม
แต่นโยบายหาเสียงหาเรื่องมาอ้างยกเลิกยังไงก็ไม่ชอบธรรม
นี่เป็นอุทาหรณ์สำหรับการออกนโยบายในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป

โดย มาหาอะไร
FfF