บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


13 กุมภาพันธ์ 2555

<<< รูปแบบการบริหารงานแบบกองทัพ ไม่สามารถนำมาใช้กับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้ >>>

รูปแบบการบริหารงานในกองทัพ ทหารทุกระดับจะมีชั้นยศแบ่งแย่งชัดเจน
แถมต้องทำตามโปรแกรมซ้ายหันขวาหันอย่างเคร่งครัด
โดยไม่จำเป็นต้องใช้สมองไต่ตรองก่อนว่าคำสั่งถูกต้องหรือไม่
มีการปลูกฝังล้างสมองทำให้คนกลายเป็นหุ่นยนต์
มีหน้าที่ทำตามสั่งเจ้านายอย่างเดียว ห้ามหือ ห้ามโต้แย้งใดๆ
ไม่ว่าคำสั่งนั้นจะถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่
เพราะการทำรัฐประหารทุกครั้งผิดกฏหมายทั้งนั้นแหล่ะ
แต่ก็เห็นชอบทำกัน

เผลอๆ มีการปิดหูปิดตาไม่ให้รับรู้ข่าวสารจากโลกภายนอก
หรือให้รับรู้ได้เฉพาะสื่อที่คัดสรรมาแล้วว่า
ล้างสมองไปแนวเดียวกับกองทัพเท่านั้นถึงให้ดู อะไรแบบนั้น
และยังมีระบบข่มขู่คุกคามหลายรูปแบบ
ทำให้การเลือกตั้งภายใต้ระบอบทหารในกองทัพส่วนใหญ่
ถ้าไม่เกิดการแตกแยกปีนเกลียวกันหนักข้อมักไปในแนวเดียวกัน
เพราะสามารถลงโทษยกหน่วย ยกกรมกองได้
ถ้าผลไม่ตรงตามที่ต้องการ
เช่น ถ้าระดับผู้มีอำนาจในกองทัพต้องการให้โหวตหนุน
หน่วยไหน มีผลออกมาไม่หนุนในระดับที่เขากำหนด
มีสิทธิ์โดนเล่นงานยกหน่วยกลั่นแกล้งได้ทุกรูปแบบ
เพราะเหมือนหุ่นยนต์สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตามสั่งอย่างเดียว
ไม่กล้าหือไม่กล้าโต้แย้ง ถ้าจะกล้าก็กล้าเงียบๆ ในบ้านใครบ้านมันหรือแอบๆ

จะเห็นได้ว่ารูปแบบที่ใช้กับกองทัพก็อาจเหมาะสมกับการทำกองทัพ
เพื่อรับมือกับสงคราม เพราะมีหุ่นยนต์ที่มีหัวใจแต่เหมือนไม่มี
พร้อมทำตามคำสั่งได้ทุกคำสั่ง ถือเป็นกองทัพที่น่าเกรงขาม
แต่ไม่เหมาะกับการนำมาใช้ปกครองประชาชนทั่วไป
โดยเฉพาะในระบอบประชาธิปไตย
เพราะหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตย
เป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน
แสดงว่าประชาชนยิ่งใหญ่ที่สุด
ไม่ใช่ผู้มีอำนาจมาสั่งเหมือนหุ่นยนต์แล้วห้ามโต้แย้ง
เหมือนกับรูปแบบการทำกองทัพ
ในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง
ไม่ว่าจะยากดีมีจน ยศใหญ่แค่ไหน
ก็มีสิทธิมีเสียงเท่าเทียมกัน
ไม่ได้มีสองเสียง พันเสียง หมื่นแสน ล้านเสียงอยู่ในคนเดียว
ทุกคนเสียงเดียวเท่ากันไม่มีใครใหญ่กว่ากัน

จึงไม่ต้องแปลกใจถ้าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
หัวหน้าข้าราชการหรือผู้มีอำนาจของประเทศ ถ้าไปทำไม่ดีได้
ทั้งในรูปตัวแทนผ่านฝ่ายค้าน หรือในรูปสื่อสารมวลชน
ที่เป็นพวกไม่มีตำแหน่งอะไร
แต่ก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์การทำงานรัฐบาลได้
รวมไปถึงประชาชนทั่วไปที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้เหมือนกัน
แต่ที่ไม่มีคนสนใจเพราะคนวิพากษ์วิจารณ์อาจไม่ดังพอ
หรือไม่มีสื่อในมือ หรือไม่มีเพาเวอร์มากเช่นมีคนหนุนด้วยมากๆ

จะเห็นได้ว่าขนาดมีอำนาจมากกว่าพวกข้าราชการประจำ
ยังโดนตรวจสอบจากประชาชนได้
ดังนั้นคนมีตำแหน่งที่มีอำนาจหรือตำแหน่งน้อยกว่า
ยิ่งต้องโดนตรวจสอบได้มากขึ้นไปอีก
ไม่ใช่ทำตัวใหญ่กว่านายกหรือรมต. ตรวจสอบไม่ได้
ไม่ใช่แน่นอนในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

สรุปก็คือรูปแบบการปกครองที่ใช้สำหรับทำกองทัพ
ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้กับการปกครองประชาชน
ในประเทศประชาธิปไตยที่แท้จริงแน่นอน

โดย มาหาอะไร
FfF