มาถึงวันนี้เราขอเพิ่มนิยามประชาธิปไตยใหม่
ว่าต้องมีประชาชนตรวจสอบการทำงานของผู้มีอำนาจได้
ถึงเรียกว่าประชาธิปไตยที่แท้จริง
เนื่องจากหลายประเทศและหลายปีมานี้ในไทย
ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
ประชาธิปไตยที่ให้ประชาชนเลือกตั้ง
แล้วมีฝ่ายค้านคอยตรวจสอบ มีสื่อคอยตรวจสอบ
พบว่าถ้าเป็นเรื่องปกติยังทำงานได้ปกติ
แต่ถ้าเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจ
นายทุนพรรค หรือคนจ้างโฆษณา
ระบบการตรวจสอบจะเพี้ยนไปทันที
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพการตรวจสอบอย่างจริงจัง
เช่นโครงการซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดในสนามบิน
เครื่อง CTX9000 มีการตรวจสอบอย่างแข็งขัน
จากสื่อจากฝ่ายค้านคือ ปชป.
เพื่อเอาผิดรัฐบาลทักษิณ
ก็ถือว่าเป็นระบบการตรวจสอบแบบปกติ
วันนั้นดูเข้มแข็งมาก โกงไม่ได้
มีค่าคอมมิชชั่นไหม ตรวจละเอียดยิบ
บางเครื่องทำงานไม่ได้นั่นนี่
ซื้อของแพง ทำงานไม่คุ้มค่า
แต่เขายกฟ้องไปแล้วสำหรับคดีนี้
แล้วพอวันหนึ่งมาเจอกรณีเครื่องตรวจวัตถุระเบิดแบบไสยศาสตร์ GT200
เป็นเครื่องลวงโลกผ่าเครื่องมาดูบัตรชิบการ์ดที่ใช้ตรวจสอบวัตถุนั้นวัตถุนี้
ไม่ได้ต่อสายเข้าวงจรอะไรแค่ใส่บัตรเข้าไปหลอกๆ เท่านั้นเอง
แล้วใช้ระบ ตรวจสอบแนวไสยศาสตร์ใช้ลวดดัดงอๆ 2 อันก็ทำได้แล้ว
ไม่ต้องเสียค่าโง่เครื่องหลายแสนจนเป็นล้านซื้อมาเป็นร้อย เป็นพันล้านบาท
จะเห็นได้ว่าอย่างหลังหลักฐานชัดเจนมาก
แล้วสื่อก็ดี ฝ่ายค้านก็ดี ตรวจสอบเพื่อจะเอาผิดคนโกง
คนซื้อของไม่ได้คุณภาพเปลืองภาษีประชาชนมาเข้าคุกไหม
ไม่มีเลยเรื่องดังจากประชาชนแล้วปล่อยเงียบไปกับสายลม
จนถึงวันนี้คงให้หมดอายุความอีกคดี
และ อีกหลายๆ เรื่อง อย่างล่าสุดงบ 5 หมื่นล้าน
ซื้อ ฮ. 10 ลำเงียบกริบทั้งสื่อทั้งฝ่ายค้าน
เป็นข่าวได้ไม่กี่วันไม่คิดเกาะติดคดี
ที่เรื่องหยุมหยิมหรือไม่เจอตอเจอเส้นเกาะติดได้ทุกวัน
บางประเทศเลี้ยงฝ่ายค้านไว้เพื่อให้ดูไม่เป็นเผด็จการก็มี
รวมๆ แล้วเราว่านิยามประชาธิปไตยที่แท้จริง
แค่การปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน
คงไม่พอแล้วหล่ะ ต้องเพิ่มประชาชนตรวจสอบได้ด้วย
ทุกกรณี ทุกงบ ทุกคนที่ใช้ภาษีประชาชน
ไม่ใช่มีฝ่ายค้านก็แปลว่ามีการตรวจสอบไม่ใช่
ต้องมีการตรวจสอบแบบไม่เห็นแก่พรรคพวกไหนต่างหาก
อย่าดูแค่รูปแบบมากกว่าความเป็นจริง
และคำว่าตรวจสอบนี่ก็ไม่ได้หมายความว่า
มีหน่วยงานตรวจสอบแล้วก็ถือว่าใช่แล้วไม่ใช่
ประเทศไทยก็มี ปปช. สตง. คตส. กสม. นั่นนี่เพียบ
แต่เน้นตรวจพรรคพวกฝ่ายตรงข้ามผู้มีอำนาจ
ส่วนกรณีผู้มีอำนาจจริงๆ ไม่กล้าไม่เคยเห็นไปตรวจ
เช่นเครื่องลวงโลกที่ว่าเรื่องไปถึงไหน
เอาคนผิดมาลงโทษได้หรือไม่
ทำไมไม่กระหือรือแบบเดียวกับตรวจเครื่องซีทีเอ็กซ์
และอีกสารพัดที่ไม่กล้าตรวจสอบ
แถมยังไปช่วยฟอกขาวให้พวกทำผิดอีก
รวมไปถึงรายละเอียดก่อน
และหลังการอนุมัติทุกเรื่องที่เข้าครม. ด้วย
ต้องเปิดเผยตาม พรบ.เปิดเผยข้อมูลทั้งหมด
ยกเว้นบางกรณีที่มีเหตุผลว่าลับ
แต่ผ่านไป 5 ปี 10 ปี ทุกอย่างที่บอกว่าลับ
โดยเฉพาะงบลับต้องตรวจสอบได้
ถือว่าผ่านช่วงปกป้องความลับไปแล้ว
พอเลยไปนานๆ ไม่จำเป็นต้องลับแล้ว
ถือว่าเป็นผลงานของผู้บริหารช่วงนั้น
จะยืดไป 20 ปีค่อยเปิดก็ได้แต่ต้องเปิดเผยสักวัน
ไม่งั้นหม่ำกันสนุกสนานผ่านคำว่าลับๆ
ถามว่าถ้าไม่มีระบบตรวจสอบที่เข้มแข็ง
ไม่ว่าในรูปภาคประชาชนหรือในรูปองค์กรต่างๆ
แล้วเป็นประชาธิปไตยไม่ได้หรือยังไง
ได้แต่เป็นประชาธิปไตยไม่กี่นาที
หรือเฉพาะช่วงเลือกตั้งหลังจากนั้นก็คือเผด็จการดีๆ นี่เอง
ถ้าไม่มีระบบตรวจสอบ คงหม่ำงบประมาณกันเละ
และถ้าแบ่งผลประโยชน์กันลงตัวระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล
ประชาชนก็คงเป็นได้แค่ควาย
ที่ถูกหลอกว่าอยู่ในระบอบประชาธิปไตย
ซึ่งคงเป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนรังเกียจในที่สุด
ทำให้คำว่าประชาธิปไตยเสื่อมเพราะกินกันแหลกราญ
ตรวจสอบไม่ได้หรือตรวจได้แต่ทำอะไรไม่ได้
เหมือนยอมให้นำคำว่าประชาธิปไตยไปใช้อ้าง
เพื่อทำมาหากินกันมากกว่า ประชาชนไม่ได้อะไร
อาจได้หน่อยหนึ่งแต่อีกส่วนถูกแบ่งเค้กไปเข้ากระเป๋าใครต่อใคร
ซึ่งถ้าระบบตรวจสอบดีๆ เงินส่วนที่ต้องแบ่งเค้ก
สามารถนำไปทำประโยชน์ได้เพิ่มขึ้นอีกมากมายหลายโครงการ
โดย มาหาอะไร
FfF