บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


03 พฤษภาคม 2552

<<< สื่อจี้ >>>

ซือหม่าเชียนผู้แต่งหนังสือชื่อ "สื่อจี้"
ซึ่งต่อมากลายเป็นหนังสือประวัติศาสตร์เล่มแรกของจีน
เป็นหนังสือที่บันทึกเรื่องราว
ตั้งแต่ยุคฮว๋างตี้ จนมาถึง ยุคของฮั่นอู่ตี้
โดยเขาใช้รูปแบบการเล่าเรื่องอย่างหลากหลาย
แม้บางครั้งเขาต้องประสบชะตากรรม
ที่ทำให้กษัตริย์ ฮั่นอู่ตี้ ไม่พอใจ
เพราะไปทักท้วงกษัตริย์
จนโดนสั่งประหาร
ซึ่งในยุคนั้นสามารถตัดอวัยวะเพศ
เพื่อไถ่โทษประหารได้
ทำให้เขาต้องเลือกทางนี้
เพื่อรักษาชีวิตไว้
แม้ว่าจะต้องทนเจ็บทนอับอายชาวบ้านในยุคนั้น
แต่เขาก็ยังคงทำงานบันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่อไป
ซึ่งเป็นไปตามอุดมการณ์ที่พ่อของเขาสั่งเสียไว้ก่อนตาย
เพราะตระกูลของเขารับราชการ
ดูแลงานด้านประวัติศาสตร์มาหลายชั่วอายุคนแล้ว
พ่อของเขาสั่งเสียไว้ให้บันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไว้
เพื่อเป็นมรดกของคนรุ่นต่อๆ ไป
ซือหม่าเชียนไม่ได้เป็นเพียงนักบันทึกประวัติศาสตร์อย่างเดียว
เขายังเป็นนักคิดที่ยึดมั่นอุดมการณ์
แม้แนวความคิดของเขา
จะยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับทางการสมัยฮั่นเสมอ
เขาไม่ได้เขียน "สื่อจี้" เพื่อลาภยศชื่อเสียง
หากแต่เป็นอุดมการณ์แห่งชีวิต
เขาจึงบันทึกเหตุการณ์ไปตามความเป็นจริง
แม้จะอยู่ภายใต้การปกครองเบ็ดเสร็จในยุคสมัยของเขา
แต่ผลงานที่เขาเขียน
ไม่มีโอกาสเผยแพร่ให้คนร่วมสมัยของเขาอ่าน
แต่มาเผยแพร่หลังเขาตายไปแล้วหลายสิบปี
ด้วยฝีมือของหลานของเขา
และนับแต่นั้นมาสื่อจี้ก็แพร่หลาย
จนกลายเป็นชนชาติจีน และ มรดกโลก
เรื่องราวของสื่อจี้และสือหม่าเชียนนี้
ย่อมาจากหนังสือเปิดบันทึกประวัติศาสตร์ อ่านกลยุทธ์
จากประวัติของ ซือหม่าเชียน
ผมว่าเขาน่านับถือน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดี
ของผู้ที่ต้องการจะเป็นนักบันทึกประวัติศาสตร์
ซึ่งอาจดูไม่มีค่าในสายตาเพื่อนร่วมสมัย
แต่ผลงานเรื่องราวที่บันทึกไว้ต่างหาก
ที่จะมีค่ามากเมื่อกาลเวลาผ่านไป
ยิ่งนานยิ่งมีค่า
นี่แหละคือคุณค่าของคำว่าประวัติศาสตร์
ถ้าไม่มีผู้บันทึกเหตุการณ์เรื่องราวช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ไว้
คนรุ่นหลังก็ไม่อาจทราบว่า
เกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองนั้นๆ ในอดีตบ้าง
หรืออาจรับรู้จากประวัติศาสตร์ที่พึ่งนั่งเทียนเขียน
เพื่อบิดเบือนประวัติศาสตร์ในยุคนั้นๆ
ในยุคสมัยนี้ก็มีผู้ร่วมบันทึกประวัติศาสตร์จำนวนมาก
โดยที่เขาจะรู้ตัวหรือไม่
เช่นชาว Blog ทั้งหลายทั้งในและต่างประเทศ
ที่นั่งบันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ที่เขาสนใจ
ซึ่งวันที่บันทึกไว้อาจดูไม่มีค่าอะไร
แต่นานวันไปอาจมีค่ามหาศาล
ในการอ้างอิงถึงเหตุการณ์ในยุคนั้น
ซึ่งผมก็อยากเลียนแบบซือหม่าเชียน
ที่อยากบันทึกเรื่องราวด้านเศรษฐกิจการเมืองและสังคม
ในยุคสมัยนี้ไว้
เพื่อวันหนึ่งอาจเป็นประวัติศาสตร์เป็นประโยชน์
ต่อรุ่นลูกรุ่นหลานใช้อ้างอิง
ไม่แน่ถ้ายุคนั้นเขามีเสรีภาพที่แท้จริง
เขาอาจมาร่วมกันชำระล้างประวัติศาสตร์
ให้ถูกต้องตรงไปตรงมา
มากกว่าปัจจุบันก็เป็นได้
อยากเห็นเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบการเขียน
ร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ในมุมมองของท่าน
เก็บบันทึกไว้สักวันหนึ่ง
ใครจะรู้ว่าสิ่งที่ท่านทำไว้
มันจะมีค่ามากมายขนาดไหน
เหมือนดังเช่นหนังสือ "สื่อจี้"

โดย มาหาอะไร