บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


04 พฤษภาคม 2552

<<< คนดีโลกไม่ต้องการ >>>

เมื่อวานซืนไปซื้อหนัง VCD มา 30 เรื่อง
เพื่อนั่งดูแทนการดูทีวี
ซึ่งทำแบบนี้
มาตั้งแต่ช่วง คมช. ครองเมืองแล้ว
ช่วงนี้หนังราคา 19 บาทมีจำนวนมาก
และหลายเรื่องดูแล้วมีสาระกว่าหนังเกรดดีๆ เสียอีก
ใครเบื่อๆ ไม่อยากดูทีวีน่าจะลองซื้อมาดูแก้เซ็ง

เรื่องที่จะนำมาเล่าวันนี้
คือเรื่อง คนดีโลกไม่ต้องการ
เป็นเรื่องหญิงสาวอาสาสมัครชาวญี่ปุ่น
ที่ไปทำงานที่ตะวันออกกลาง
แล้วโดนจับไปเป็นตัวประกัน
จนรัฐบาลญี่ปุ่นต้องไปเจรจา
เพื่อช่วยนำตัวกลับมาประเทศ
หลังกลับมาแล้ว
เธอต้องพบกับกระแสต่อต้านรังเกียจเธอ
ทั้งโดนต่อว่าตามสื่อ ตามเน็ต
รวมทั้งมีคนโทรมาด่าทุกวัน
ประมาณว่าเธอเอาแต่ใจตัวเอง
หรือเป็นพวกอยากดังหรือยังไง
ที่ทำให้คนญี่ป่นต้องเสียหน้าเสียเกียรติ
เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นต้องไปเจรจากับพวกก่อการร้าย
ที่จับตัวเธอไปเป็นตัวประกัน
จนทำให้เธอต้องโดนไล่ออกจากงาน
แถมพ่อเธอก็โดนบริษัทบีบให้ออก
เพราะกระแสต่อต้านเธอ
ลามไปต่อต้านบริษัทที่พ่อเธอทำงานด้วย
สุดท้ายพ่อเธอรับไม่ได้ก็ต้องจบชีวิตลง
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจบินไปต่างประเทศ
เพื่อไปเป็นอาสาสมัครอีกครั้ง
โดยเธอบอกกับแม่เลี้ยงเธอว่า
เธอเรียนหนังสือไม่เก่งเอ็นท์ก็ไม่ติด
ไปเรียนอะไรก็ไม่ได้เรื่อง
ทำงานอะไรก็ไม่ได้ความอะไรประมาณนั้น
แต่การที่เธอไปเป็นอาสาสมัครนานาชาติ
เพื่อไปช่วยผู้คนในประเทศต่างๆ
โดยเฉพาะประเทศที่มีสงคราม
ช่วยแจกของช่วยนั่นนี่
เธอดูมีคุณค่า
ในขณะที่เธออยู่ประเทศนี้
เธอดูไม่มีคุณค่า และยังโดนต่อต้านอีก
เธอเลยเลือกกลับไปเป็นอาสาสมัครตามเดิม

หนังเรื่องนี้ทำให้เห็นว่า
ควรเลือกอยู่ในที่ที่คนเห็นคุณค่าเรา
หรือเรามีคุณค่าสำหรับที่นั่นดีกว่า
เปรียบเหมือนเทียนเล่มน้อยในหมู่บ้านที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
กับเทียนเล่มเดียวกันในเมืองที่มีไฟฟ้าแทบทุกบ้าน
จะเห็นว่าเทียนเล่มเดียวกัน
แต่มีคุณค่าต่างกันเมื่ออยู่ต่างสถานที่กัน

ถ้าเรามองโลกนี้เป็นประเทศ
มองประเทศต่างๆ เป็นจังหวัด
อเมริกา จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น ไทย ...
เป็นจังหวัดหนึ่ง
เราจะพบว่า
ไม่ว่าเราจะไปอยู่จังหวัดไหน
จะไปทำอะไรที่จังหวัดใด
ก็เป็นเรื่องปกติ
ถ้าเลือกได้ก็เลือกอยู่ในที่
ที่เห็นคุณค่าเรา
หรือเรารู้สึกว่ามีคุณค่าสำหรับที่นั้นๆ
จะรู้สึกดี และมีความสุข

โดย มาหาอะไร