บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


21 พฤษภาคม 2552

<<< จะแปรรูปเพื่อกู้เพิ่ม ระวังจะซ้ำเติมประเทศในภายหลัง >>>

ตอนนี้เริ่มมีข่าวจากเหล่านักวิชาการ
เสนอให้รัฐบาลแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
ซึ่งบางพวกก็เคยคิดคัดค้าน
สมัยรัฐบาลชวนและรัฐบาลทักษิณ
โดยส่วนตัวสนับสนุนการแปรรูป
แต่วิธีการบังคับแปรอาจมีปัญหา
แต่ถ้าเปิดเสรีให้เอกชนแข่งได้
แล้วรัฐวิสาหกิจนั้นๆ สู้ได้ ก็ไม่ต้องแปร
แต่ถ้าคิดว่าสู้ไม่ได้ กำลังจะเจ๊งเดี๋ยวก็แปรกันเอง
คือสนับสนุนแปรรูปแบบเต็มใจ
ถ้าแปรรูปแล้วเป็นการเปลี่ยนการผูกขาด
จากรัฐมาเป็นเอกชนแทน
ก็ไม่รู้ว่าจะแปรรูปไปทำไม
แถมแปรรูปตอนเศรษฐกิจไม่ดี
ก็ไม่ได้ราคาเวลาจะขายหุ้นในตลาด
ก็จะขาดทุนผลประโยชน์ที่จะได้รับมากกว่านั้น

การที่รัฐบาลคิดจะแปรรูปในช่วงนี้
คงเป็นการแปรรูปเพื่อลดหนี้สาธารณะลงมากกว่าเรื่องอื่น
เพื่อที่รัฐบาลจะได้ก่อหนี้สาธารณะได้เพิ่มขึ้นอีก
เนื่องจากหนี้รัฐวิสาหกิจมักมีรัฐค้ำประกัน
จึงรวมเป็นหนี้สาธารณะ
เมื่อแปรรูปเป็นเอกชน
รัฐเลิกค้ำประกัน
ก็ไม่นับรวมเป็นหนี้สาธารณะ
เท่ากับว่ามีวงเงินให้ก่อหนี้เพิ่มขึ้นดีๆ นี่เอง

สมมุติรัฐมีเพดานก่อหนี้สาธารณะได้ 60%
ตามที่ขอขยายจาก 50%
พอกู้รอบล่าสุดคาดว่าอีกไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านล้านบาท
ตัวเลขหนี้สาธารณะจากปัจจุบันประมาณ 40%
อาจพุ่งเป็นเฉียด 60% ได้ในไม่ช้า
ยิ่งถ้าเศรษฐกิจไม่ดีทำ GDP ลดลงอีก
ยอดหนี้สาธารณะต่อ GDP
ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
นั่นหมายความว่า
จำนวนเพดานหนี้สาธารณะต่อ GDP 60%
สามารถเกิดได้ 2 อย่างคือ
ก่อหนี้มากขึ้นจำนวน % ก็ยิ่งสูงขึ้น
กับเศรษฐกิจไม่ดี GDP ลดลง
% หนี้สาธารณะก็เพิ่มขึ้นได้อีกเหมือนกัน

ถ้ารัฐก่อหนี้ไปถึง 60%
แล้วแปรรูปรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่สัก 2-3 แห่งออกไป
หนี้สาธารณะอาจลดลงได้ 10-20% เลยทีเดียว
นั่นแสดงว่ารัฐสามารถก่อหนี้ได้อีก 10-20%
จากยอดที่ลดลง
เป็นเสมือนการแต่งบัญชีให้ดูดี
หนี้จริงๆ ก็มีอยู่แต่ตัดออกไป
ก็เลยดูเหมือนไม่มีหนี้
อันที่จริงก็ยังใช้คืนทุกบาททุกสตางค์

ถ้าคิดจะใช้วิธีนี้
จะทำให้รัฐก่อหนี้เพิ่มขึ้นได้ก็จริง
แต่ก็เพิ่มภาระหาเงินมาใช้คืนมากขึ้นด้วย
เพราะหนี้ของรัฐวิสาหกิจ
รัฐวิสาหกิจนั้นๆ ก็พยายามหามาใช้คืนกันเอง
แต่ถ้าเมื่อไหร่เป็นหนี้รัฐตรงๆ
โอกาสที่จะต้องไปรีดภาษีต่างๆ จากประชาชน
สูงขึ้นกว่าปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน
ขนาดปัจจุบันนี้บอกว่าหนี้สาธารณะมีแค่ประมาณ 40%
แถมรวมหนี้ของรัฐวิสาหกิจไว้แล้วด้วย
ซึ่งรัฐวิสาหกิจอาจผ่อนหนี้กันเอง
รัฐอาจแบกภาระแค่ 20%
แต่ถ้ารัฐมีหนี้เพียวๆ 40% - 60%
ก็คิดเอาเองแล้วกันว่า
รัฐจะหาเงินมาใช้หนี้ยังไง
นอกจากมารีดภาษีเพิ่มอีก 1-2 เท่าตัวจากปัจจุบัน
วิธีหาเงินง่ายๆ แบบไม่ต้องใช้สมองคิดเท่าไหร่คือการกู้เงิน
ใครก็คิดได้ไม่เห็นจะยากอะไร
แต่วิธีหาเงินมาใช้หนี้ทีหลังซิครับ
ยากกว่าหลายเท่า
เพราะคิดได้แต่อาจทำไม่ได้
หรือถ้าทำก็อยู่ไม่ได้
เช่น ไปขึ้นภาษีทุกชนิดอีกเท่าตัว
คิดได้ แต่ลองทำดูซิแล้วจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ไม่แน่อาจต้องแปรรูปแบบขายรัฐวิสาหกิจ
เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ก็เป็นได้

การจะขอกู้เงินทุกครั้ง
ควรมีแผนการใช้เงินคืนประกอบมาด้วยทุกครั้ง
และการแปรรูปทุกครั้ง
ควรเป็นการแปรรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
เพื่อการแข่งขันที่เสรียิ่งขึ้น
ไม่ใช่แปรรูปเพื่อจะก่อหนี้ได้เพิ่มขึ้น
หรือเพื่อเอาเงินไปชำระหนี้คืนในอนาคต
หรือเพียงเพื่อเปลี่ยนการผูกขาด
จากรัฐไปเป็นเอกชนแทน

โดย มาหาอะไร