ตอนนี้เริ่มมีข่าวจากเหล่านักวิชาการ
เสนอให้รัฐบาลแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
ซึ่งบางพวกก็เคยคิดคัดค้าน
สมัยรัฐบาลชวนและรัฐบาลทักษิณ
โดยส่วนตัวสนับสนุนการแปรรูป
แต่วิธีการบังคับแปรอาจมีปัญหา
แต่ถ้าเปิดเสรีให้เอกชนแข่งได้
แล้วรัฐวิสาหกิจนั้นๆ สู้ได้ ก็ไม่ต้องแปร
แต่ถ้าคิดว่าสู้ไม่ได้ กำลังจะเจ๊งเดี๋ยวก็แปรกันเอง
คือสนับสนุนแปรรูปแบบเต็มใจ
ถ้าแปรรูปแล้วเป็นการเปลี่ยนการผูกขาด
จากรัฐมาเป็นเอกชนแทน
ก็ไม่รู้ว่าจะแปรรูปไปทำไม
แถมแปรรูปตอนเศรษฐกิจไม่ดี
ก็ไม่ได้ราคาเวลาจะขายหุ้นในตลาด
ก็จะขาดทุนผลประโยชน์ที่จะได้รับมากกว่านั้น
การที่รัฐบาลคิดจะแปรรูปในช่วงนี้
คงเป็นการแปรรูปเพื่อลดหนี้สาธารณะลงมากกว่าเรื่องอื่น
เพื่อที่รัฐบาลจะได้ก่อหนี้สาธารณะได้เพิ่มขึ้นอีก
เนื่องจากหนี้รัฐวิสาหกิจมักมีรัฐค้ำประกัน
จึงรวมเป็นหนี้สาธารณะ
เมื่อแปรรูปเป็นเอกชน
รัฐเลิกค้ำประกัน
ก็ไม่นับรวมเป็นหนี้สาธารณะ
เท่ากับว่ามีวงเงินให้ก่อหนี้เพิ่มขึ้นดีๆ นี่เอง
สมมุติรัฐมีเพดานก่อหนี้สาธารณะได้ 60%
ตามที่ขอขยายจาก 50%
พอกู้รอบล่าสุดคาดว่าอีกไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านล้านบาท
ตัวเลขหนี้สาธารณะจากปัจจุบันประมาณ 40%
อาจพุ่งเป็นเฉียด 60% ได้ในไม่ช้า
ยิ่งถ้าเศรษฐกิจไม่ดีทำ GDP ลดลงอีก
ยอดหนี้สาธารณะต่อ GDP
ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
นั่นหมายความว่า
จำนวนเพดานหนี้สาธารณะต่อ GDP 60%
สามารถเกิดได้ 2 อย่างคือ
ก่อหนี้มากขึ้นจำนวน % ก็ยิ่งสูงขึ้น
กับเศรษฐกิจไม่ดี GDP ลดลง
% หนี้สาธารณะก็เพิ่มขึ้นได้อีกเหมือนกัน
ถ้ารัฐก่อหนี้ไปถึง 60%
แล้วแปรรูปรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่สัก 2-3 แห่งออกไป
หนี้สาธารณะอาจลดลงได้ 10-20% เลยทีเดียว
นั่นแสดงว่ารัฐสามารถก่อหนี้ได้อีก 10-20%
จากยอดที่ลดลง
เป็นเสมือนการแต่งบัญชีให้ดูดี
หนี้จริงๆ ก็มีอยู่แต่ตัดออกไป
ก็เลยดูเหมือนไม่มีหนี้
อันที่จริงก็ยังใช้คืนทุกบาททุกสตางค์
ถ้าคิดจะใช้วิธีนี้
จะทำให้รัฐก่อหนี้เพิ่มขึ้นได้ก็จริง
แต่ก็เพิ่มภาระหาเงินมาใช้คืนมากขึ้นด้วย
เพราะหนี้ของรัฐวิสาหกิจ
รัฐวิสาหกิจนั้นๆ ก็พยายามหามาใช้คืนกันเอง
แต่ถ้าเมื่อไหร่เป็นหนี้รัฐตรงๆ
โอกาสที่จะต้องไปรีดภาษีต่างๆ จากประชาชน
สูงขึ้นกว่าปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน
ขนาดปัจจุบันนี้บอกว่าหนี้สาธารณะมีแค่ประมาณ 40%
แถมรวมหนี้ของรัฐวิสาหกิจไว้แล้วด้วย
ซึ่งรัฐวิสาหกิจอาจผ่อนหนี้กันเอง
รัฐอาจแบกภาระแค่ 20%
แต่ถ้ารัฐมีหนี้เพียวๆ 40% - 60%
ก็คิดเอาเองแล้วกันว่า
รัฐจะหาเงินมาใช้หนี้ยังไง
นอกจากมารีดภาษีเพิ่มอีก 1-2 เท่าตัวจากปัจจุบัน
วิธีหาเงินง่ายๆ แบบไม่ต้องใช้สมองคิดเท่าไหร่คือการกู้เงิน
ใครก็คิดได้ไม่เห็นจะยากอะไร
แต่วิธีหาเงินมาใช้หนี้ทีหลังซิครับ
ยากกว่าหลายเท่า
เพราะคิดได้แต่อาจทำไม่ได้
หรือถ้าทำก็อยู่ไม่ได้
เช่น ไปขึ้นภาษีทุกชนิดอีกเท่าตัว
คิดได้ แต่ลองทำดูซิแล้วจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ไม่แน่อาจต้องแปรรูปแบบขายรัฐวิสาหกิจ
เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ก็เป็นได้
การจะขอกู้เงินทุกครั้ง
ควรมีแผนการใช้เงินคืนประกอบมาด้วยทุกครั้ง
และการแปรรูปทุกครั้ง
ควรเป็นการแปรรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
เพื่อการแข่งขันที่เสรียิ่งขึ้น
ไม่ใช่แปรรูปเพื่อจะก่อหนี้ได้เพิ่มขึ้น
หรือเพื่อเอาเงินไปชำระหนี้คืนในอนาคต
หรือเพียงเพื่อเปลี่ยนการผูกขาด
จากรัฐไปเป็นเอกชนแทน
โดย มาหาอะไร
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.