บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


21 พฤษภาคม 2552

<<< ผลของการเป็นหนี้เยอะๆ >>>

เครดิตทางการเงินก็จะหดหาย
เหมือนคุณมีหนี้เยอะๆ
เพื่อนฝูงบางคนยังไม่อยากเข้าใกล้
กลัวถูกยืมเงิน
เจ้าหนี้ก็ทวงหนี้ถี่ขึ้นกลัวโดนเจ้าหนี้อื่นทวงตัดหน้า
เรียกว่าไม่มีดีเลยการเป็นหนี้เยอะๆ
ซึ่งการเป็นหนี้เยอะไม่เยอะไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงิน
เปรียบเหมือนทักษิณเป็นหนี้พันล้านบาท
กับเราเป็นหนี้ล้านหนึ่ง
ความรู้สึกมันจะต่างกัน
เพราะคนทั่วไปอาจมองว่า
เรามีหนี้น้อยกว่า
แต่หนี้ล้านหนึ่งสำหรับเรามันดูเยอะ
เพราะเทียบกับรายได้แล้ว
มันมากกว่าหลายสิบเท่า
ในขณะที่หนี้ของทักษิณ
ทักษิณอาจมองว่าไม่เยอะ
เพราะมีรายได้หรือทรัพย์สินเยอะกว่า
เรียกว่าเครดิตการเงินไม่เท่ากัน
และความสามารถในการหาเงินมาใช้หนี้ก็ต่างกัน

ดังนั้นจะมามองว่า
ประเทศอื่นก็หนี้มาก
เราก็มีหนี้มากตามได้
มันไม่ใช่
เพราะเครดิตต่างกัน
และความสามารถในการใช้หนี้ก็ต่างกัน
ตอนนี้ประเทศที่เรามองว่าใหญ่ๆ รวยๆ ทั่วโลก
แต่รัฐบาลจนสุดๆ
ไม่ว่าจะอเมริกา อังกฤษ หรือ ญี่ปุ่น
หนี้สินล้นพ้นตัวทั้งนั้น
สร้างหนี้สินกันขึ้นไปประมาณ 100% ต่อ GDP แล้ว
ไม่จนได้ไงต้องกู้เงินมาใช้ไปตลอด
ยิ่งเศรษฐกิจแย่ยิ่งแก้ตามตำรา
ก็ยิ่งต้องใช้เงิน
ไม่มีเงินก็กู้
ยิ่งนาน หนี้ยิ่งบานตะไท
แบบนี้จะเรียกว่าแก้ปัญหาถูกวิธีหรือไม่
และน่าทำตามที่ประเทศพวกนี้
เรียกร้องให้ทำตามมาตราการที่เขาว่าไหม
ประเภททำงบขาดดุลมากๆ เพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจ
วิธียิ่งมีหนี้ ยิ่งต้องกู้มาก
ใช้กับประเทศได้
เพราะว่าเจ๊งก็รับกันทั้งประเทศไม่โดนคนเดียว
แต่ถ้าใช้กับคนธรรมดา
อาจเห็นข่าวการหนีหนี้ด้วยการฆ่าตัวตายทางหน้าหนึ่ง

นอกจากเครดิตและความสามารถในการชำระหนี้แล้ว
สิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาให้มากสำหรับประเทศไทย
ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ
ไม่ว่าการทำรัฐประหารหรืออื่นๆ
ที่อาจทำให้เกิดปัญหาในการชำระหนี้ในอนาคตได้
ดังนั้นการก่อหนี้มากๆ ไม่ใช่เรื่องสนุก หรือ เรื่องง่ายๆ
เหมือนที่รัฐบาลชุดนี้คิดและกำลังทำอยู่

โดย มาหาอะไร

-----------------------------------------------

S&P ลดอันดับแนวโน้มความน่าเชื่อถืออังกฤษสู่เชิงลบ เหตุหนี้สินเพิ่มขึ้น
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 3 ชั่วโมง 15 นาทีที่แล้ว

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ของอังกฤษลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" เนื่องจากภาระหนี้สินของประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยนายอลิสแตร์ ดาร์ลิง รัฐมนตรีคลังอังกฤษกล่าวก่อนหน้านี้ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลปีนี้จะอยู่ที่ 1.75 แสนล้านปอนด์ (2.73 แสนล้านดอลลาร์) หรือคิดเป็น 12.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
การลดอันดับแนวโน้มดังกล่าวอาจจะทำให้อังกฤษเป็นประเทศที่ 5 ในบรรดาประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่ถูกลดอันดับเครดิตในปีนี้ต่อจาก ไอร์แลนด์ กรีก โปรตุเกส และสเปนซึ่งล้วนแต่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ โดยอังกฤษวางแผนขายพันธบัตรมูลค่าถึง 2.20 แสนล้านปอนด์ในปีงบประมาณ 2552 หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้รายได้ลดลง และยังบีบให้รัฐบาลต้องเพิ่มงบใช้จ่าย
นักวิเคราะห์ของ S&P กล่าวว่า เราได้ทบทวนแนวโน้มของอังกฤษเป็นลบ จากมุมมองที่ว่าภาระหนี้สินของรัฐบาลที่อาจจะสูงถึง 100% ของจีดีพี และภาระหนี้สินดังกล่าวก็มีแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่ใกล้ระดับดังกล่าวในระยะ กลาง
เศรษฐกิจอังกฤษหดตัวลง 1.9% ในไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นสถิติที่หดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2522 ซึ่งเป็นสมัยที่นางมาร์กาเร็ต แธตเชอร์ เป็นนายกฯ ขณะที่นายดาร์ลิงกล่าวว่า เศรษฐกิจปีนี้จะติดลบประมาณ 3.5% ก่อนที่จะกลับมาขยายตัวในปีหน้า

http://www.ryt9.com/s/iq03/577632/

---------------------------------------------