ก็เหมือนกับการส่งเสริมให้ทำร้ายประเทศไทยต่อไป
ถามว่าทำไม
ด้านเศรษฐกิจก็เก่งแต่กู้
และอีกไม่นานจะมียอดหนี้
สูงเป็นเท่าตัวจากของเดิม
และจะสร้างปัญหาให้รัฐบาลในอนาคต
ที่จะมาตามชดใช้หนี้
ด้านการเมืองก็เก่งแต่หาเรื่อง
ดูได้จากการตั้งทั้งนายกษิต
ที่เพิ่งปิดสนามบินหยกๆ
มาเป็นรมว.กระทรวงต่างประเทศ
แบบนี้หมายความว่ายังไง
หมายความว่าคนของ ปชป.
ที่ไปช่วยปิดสนามบิน
ก็เลยสมนาคุณให้รับตำแหน่ง
ที่เปรียบเสมือนหน้าตาของประเทศ
โดยไม่แคร์สายตาคนทั้งประเทศและทั้งโลก
และวันๆ เห็นหาเรื่องเล่นงานทักษิณเป็นงานหลัก
ตั้งโฆษกอย่างนายเทพไท
มาเป็นโฆษกประจำตัวหรือยังไงไม่รู้
ตั้งโฆษกเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์จนจำไม่ได้
แต่จำได้ว่า
หมอนี่สัมภาษณ์แต่ละเรื่องแต่ละที
กวนโอ๊ยที่สุด คงตั้งคนมาหาเรื่องพรรคพวกอื่นโดยเฉพาะ
แค่นี้ก็น่าจะพอที่จะหยุดให้ท้ายนายมาร์คและพวก
ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้มารับตำแหน่งนี้
ไม่ว่าประเทศจะสูญเสียภาพลักษณ์ยังไง
ถามจริงๆ เหอะว่า
พรรคพวกไหนกันแน่
ที่สมควรหยุดทำร้ายประเทศ
โดยเฉพาะพวกสีเขียวนี่หยุดก่อนเลย
เที่ยวออกมาทำร้ายประเทศตั้งแต่ 19 ก.ย.
จนบัดนี้ยังกลับไปเท่าเกาไม่ได้เลย
นับวันยิ่งวุ่นยิ่งแตกแยก
แถมใช้วิธีสลายเหมือนคนละเผ่าพันธุ์
ไล่ยิงทางแนวราบด้วยกระสุนจริงแบบนั้น
คงสมานฉันท์กันได้หรอก
ไม่เชื่อก็ลองไปพูดให้คนที่ถูกไล่ยิงฟังสิ
ขนาดไม่โดนเองเห็นภาพยังเดือดแทน
แถมที่เขาล้มแล้วไปกระทบนี่ก็ทำเพื่อความสมานฉันทื
คือการพูดกับการกระทำมันสวนกันเหลือเกิน
พร่ำแต่พูดเรื่องความสมานฉันท์
ไม่ต้องการเห็นการแตกแยก
แต่พอใช้ให้ไปสลายม็อบเสื้อเหลือง
การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง
แต่พอกับเสื้อแดงว่องไวกันเชียว
ชาตินี้คงสมานฉันท์หรอก
วิธีการปฏิบัติสองมาตรฐานแบบนี้
ไปบอกเด็กอมมือเขาจะเข้าใจเลยว่า
มันสมานฉันท์กันไม่ได้เพราะอะไร
ก็เพราะความไม่ยุติธรรม
ตั้งแต่ออกมาทำรัฐประหาร 19 ก.ย. แล้ว
เหมือนออกมาตบหัวแล้วบอกว่าเราเลิกทะเลาะกัน
สมานฉันท์กันน่ะ
ถ้าพากลับไปจุดเดิมได้ก่อนรัฐประหาร
ก็คงพอสมานฉันท์กันได้
แต่พวกอื่นไม่
ชาตินี้ก็เป็นเพียงอีกคำ
ที่คนชอบพูดไม่เคยทำ
อีกอย่างใครเชื่อว่า
พวกที่อยู่ในระบอบชนชั้นตลอดเวลาอย่างพวกเสื้อเขียว
ที่แยกชนชั้นกันเอง
ขนาดต้องแยกห้องอาหารชั้นประทวน ชั้นสัญญาบัตร
และการปฏิบัติต่อกัน
เหมือนเจ้านายลูกน้องหรือไพร่ทาสอะไร
จะมาหวังดีอยากเห็นประชาธิไตยงอกงาม
อยากเห็นประชาธิปไตยเบ่งบานในประเทศ
อยากมาช่วยทำให้ทุกคนในสังคมมีสิทธิเท่าเทียมกัน
ใครเชื่อว่าคนพวกนี้เป็นแบบนั้น
ก็ฝันไปเหอะเราไม่เชื่อหรอกว่า
คนที่ใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมแบบชนชั้น
จะมาช่วยทำอะไรให้ประชาธิปไตยเติบโต
นอกจากทำให้เละเทะ
เพื่อให้เห็นว่า
พวกตัวเองมาเป็นดีกว่าพวกนักการเมือง
พวกนักการเมืองมาเป็นบ้านเมืองวุ่นวาย
แต่ถ้าพวกตนมาเป็นบ้านเมืองจะสงบสุข
เพราะเอาปืนมาเล่นการเมืองด้วย
แต่ประชาชนก็จะกลายเป็นไพร่ทาส
ในสายตาคนพวกนี้ในไม่ช้า
สั่งให้ทำอะไรต้องทำตามห้ามหือ
นั่นแหละคือสิ่งที่เขาทำกันมาเกือบตลอดชีวิต
ซึ่งขัดแย้งกับแนวทางประชาธิปไตยอย่างชัดเจน
เหมือนคล้ายๆ กับพวกซาตานที่ชอบเผด็จการ
แปลงร่างมาเป็นเทวดา
แล้วเที่ยวมาสั่งสอนชาวบ้านเรื่องประชาธิปไตย นั่นแหล่ะ
โดย มาหาอะไร
--------------------------------------------
"ผบ.ทบ."สั่งผบ.หน่วยลงพื้นที่ทั่วประเทศแจงเหตุ"ม็อบเสื้อแดง"
15:51 น.
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก ประจำเดือนพฤษภาคม โดยมีผู้บัญชาการหน่วยและผู้บังคับกองพันทั่วประเทศร่วมประชุม จากนั้น พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงผลการประชุมว่า ในที่ประชุม พล.อ.อนุพงษ์ ได้กล่าวถึงบทบาทกองทัพบกในการดูแลสถานการณ์บ้านเมืองให้เกิดความเรียบร้อย ว่าปัญหาเร่งด่วนในสังคมไทยขณะนี้คือความแตกแยก ซึ่งกองทัพบกเป็นสถาบันหลักที่มีศักยภาพจะช่วยคลี่คลายปัญหาได้ ด้วยการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในสังคม จึงได้สั่งการให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับจนถึงผู้บังคับกองพัน ต้องให้ความสำคัญกับการช่วยลดความแตกแยกของคนในสังคม และสร้างสังคมให้มีความสมานสามัคคีในทุกวิถีทาง โดยให้ผู้บังคับหน่วยลงไปกำกับดูแลด้วยตนเอง และใช้ชุดวิทยากรจากโครงการสู้วิกฤตเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ เข้าไปรับรู้ปัญหาประชาชนขณะนี้ เสริมด้วยการจัดคณะชี้แจงสถานการณ์จากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราช อาณาจักร (กอ.รมน.) ลงพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่เฉพาะภาคอีสานหรือภาคเหนือ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนถึงข้อเท็จจริงตั้งแต่การชุมนุม การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจและทหารในการรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อลดความแตกแยก รวมชี้แจงบทบาทกองทัพในการประคับประคองสถานการณ์ของประเทศให้มั่นคง
ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ให้แนวทางชี้แจงกับประชาชน โดยยืนยันจุดยืนกองทัพบกว่าเป็นทหารของชาติ เป็นทหารในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การดำเนินการทุกอย่างของกองทัพบกเพื่อประชาชนและความมั่นคงของชาติเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง นอกจากนี้คณะทำงานจะรับฟังความเห็นของประชาชนชี้แจงผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อประเมินและปรับข้อมูลให้สอดคล้อง พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวด้วยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการสู้วิกฤตจากการลงพื้นที่พบว่ามีกว่า 100 เรื่องที่ดำเนินการไปแล้ว ส่วนเรื่องที่ยังไม่สามารถแก้ไขในพื้นที่ก็จะประสานเรื่องจากกองทัพภาคมาที่ กองทัพ ประสานไปยัง กอ.รมน. เพื่อพิจารณาของบประมาณรัฐบาลช่วยเหลือต่อไป ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องการบุกรุกที่ดิน ปัญหาเกษตร ปัญหาการศึกษา ปัญหาความยากจน
---------------------------------------
หยุดทำร้ายประเทศไทย
วันที่ 4 พฤษภาคม 2552 จะเป็นวันที่มีความสำคัญของประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของประเทศไทยโดย รัฐบาลได้ขอให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนทุกจังหวัด จัดกิจกรรมหยุดทำร้ายประเทศไทย โดยให้ประดับธงชาติหรือมีป้ายข้อความ "4 พฤษภาคม หยุดทำร้ายประเทศไทย ทุกฝ่ายหยุดใช้ความรุนแรง" ไว้หน้าหน่วยงาน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และนัดหมายชุมนุมโดยสงบ สันติ หน้าหน่วยงาน โดยขอให้ทุกคนถือธงชาติ แสดงความเป็นชาติไทยที่สีเดียว คือสีธงชาติ ในเวลา 08.30-09.30 น.
กิจกรรมครั้งนี้มีจุดเริ่มจากการที่เครือข่าย "หยุดทำร้ายประเทศไทย" ซึ่งเกิดจากการรวมตัวขององค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน สถาบันทางวิชาการ องค์กรภาคธุรกิจและภาคประชาสังคม จำนวน 22 องค์กร ได้ประชุมร่วมกันและมีความเห็นว่า ความขัดแย้งในสังคมระหว่างคนเสื้อสีต่างๆ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศไทยอย่างมากมาย หากยังปล่อยความขัดแย้งลุกลามต่อไป ท้ายที่สุดก็อาจเกิดสงครามกลางเมือง นำไปสู่หายนะ ยากที่จะเยี่ยวยา จึงก่อตั้งเครือข่าย "หยุดทำร้ายประเทศไทย" และเชิญคนไทยทั้งประเทศเข้าร่วมเพื่อแสดงให้ชาวโลกและผู้ที่กำลังขัดแย้งกัน รับรู้ว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่ยอมรับความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดจากรัฐหรือประชาชนและต้องการแสดงให้เห็นว่า การเคารพกฎหมายและเสรีภาพของผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นสำหรับการดำรงอยู่ของสังคมและประเทศไทยอย่างสงบสุข
นอกจากครั้งนี้แล้วเครือข่าย "หยุดทำร้ายประเทศไทย" จะมีกิจกรรมอื่นเป็นระยะ ซึ่งจะแถลงให้ทราบต่อไป ในขณะเดียวกันก็ขอให้องค์กร บริษัท ห้างร้าน ส่วนราชการ หรือหน่วยงานจัดกิจกรรมตามความสามารถของตน เพื่อสื่อสารสาระสำคัญ ได้แก่ 1.ประชาธิปไตยเห็นแตกต่างกันได้ แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง 2.ประชาธิปไตยต้องไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น 3.สร้างความยุติธรรมและความเป็นธรรมในสังคมไทย ทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ และไม่เลือกปฏิบัติ 4.สร้างความเป็นพลเมืองไทยที่มีสำนึกประชาธิปไตย
ที่ผ่านมาเราอาจมองข้ามปัญหานี้ ปล่อยให้พัฒนาตัวจนเกือบจะควบคุมไม่ได้ แต่เมื่อได้ตระหนัก และร่วมมือกันแก้ไข ก็ถือว่ายังไม่สายเกินไป ในขณะเดียวกันบรรดาผู้แสวงหาอำนาจทางการเมืองทั้งหลายพึงสำเหนียกว่า แท้จริงปัญหาที่นำไปสู่ความไม่สงบของบ้านเมือง ส่วนใหญ่มีผลจากความพยายามเอาชนะคะคานกัน ทั้งนี้การช่วงชิงอำนาจระหว่งกันเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ควรระวังให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย หลักประชาธิปไตย และใช้เหตุผล ไม่ใช่มุ่งจะใช้กำลังและความรุนแรง--จบ--
----------------------------------------