บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


08 มิถุนายน 2552

<<< พาไปชมม๊อบโต้รุ่งลานคนเมือง >>>

หลังเที่ยงวันอาทิตย์
สวมเสื้อแดงแรงฤทธิ์
เพื่อไปภารกิจ
ร่วมม๊อบโต้รุ่งที่ลานคนเมือง
เนื่องจากรู้มาหลายวันแล้วว่า
คุณพ่อพันธมิตรทั้งหลาย
มาปิดสนามบินดอนเมือง
ซึ่งก็ยังไม่เคยไปเฉียดแถวนั้น
งวดนี้กะโบกรถเมล์ไป
ต้องไปยืนรอรถเมล์
หน้าสนามบินดอนเมือง
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะไปเจอการ์ดพันธมิตร
บนสะพานลอยก่อนหรือเปล่า
แต่เด็กดอนอย่างเรา
มีสองมือสองเท้าเหมือนกัน
ถ้าเจอเป็นโขยง
ระดับวิ่ง 100 เมตรก็ไม่เคยเป็นรองใคร
เพื่อความเสียวในอารมณ์
วันนี้ต้องไปรอรถเมล์ที่หน้าดอนเมืองให้ได้
ขณะเดินบนสะพาน
ไม่เจอการ์ดพันธมิตรอย่างที่คิด
เลยถ่ายรูปหน้าสนามบิน
ที่วันนี้ถูกแปลงโฉม
คล้ายเป็นสนามบินรบ
ในสงครามไปเสียแล้ว
















ดูลวดหนามแบบนี้เสียก่อน
หาซื้อได้ที่ไหนเนี้ยะ
สมกับเป็นม๊อบเส้นใหญ่จริงๆ
สีไหนบริจาคมาหล่ะเนี้ยะ
















ยืนรอรถเมล์สักพัก
ก็เห็นตำรวจหลายนาย
และมีตากล้องคนหนึ่งวิ่งถ่ายภาพไปมา
หน้าสนามบินดอนเมือง
ด้วยวิญญาณสอดรู้สอดเห็น
และสายเลือดไทยมุงเต็มเปี่ยม
งานนี้ไม่พลาดกะรีบวิ่งเข้าไปดู
แต่ช้าก่อน
เหลือบไปเห็นการ์ดพันธมิตร
วิ่งออกมามุงหลายคน
นับแล้วก็หลายตีนพอสมควร
เห็นดังนั้นก็คิดว่า
อย่าให้เสื้อเราสีแดงไปกว่านี้เลย
ยืนดูมันห่างๆ สัก 20 ก้าว
ที่ยืนรอรถเมล์มีแดงเดียวคือเรา
แถมโลโก้สามเกลอหราแบบนี้
ไม่ต้องคิดอะไรมาก
การ์ดตัวน้อยหน้าตายังกะเด็กปวช.ยกพวกตีกัน
ใส่เหลืองอร่ามเดินตรงมายังเรา
แต่มาไม่ถึงเดินมาหยุดก่อนถึงเรานิดหน่อย
เลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ ขสมก.
ที่ยืนโบกรถตรงนั้น
ว่าเกิดอะไรขึ้น
ได้ความว่ามีคนเอาตุ๊กตาสีเหลืองมาวางไว้
เขานึกว่าเป็นระเบิดกำลังกู้กันอยู่
ดีแล้วที่ตูไม่เข้าไปดู
อยู่แค่ระยะนี้
ก็พอได้รับแรงกระแทกของระเบิดอยู่แล้ว
ถ้าขืนเข้าไปอาจโดนแรงกระทืบอีกเด้ง
















พอเอารูปที่ 1 ที่ถ่ายหน้าสนามบิน
ที่แปลงโฉมเป็นสนามบินรบไว้เป็นที่ระลึก
มาขยายจุดสีเหลืองๆ
ก็พบตุ๊กตาหน้าตาแบบนี้


















หลังยืนรอรถเมล์ไปด้วย
รอดูเจ้าหน้าที่กำลังกู้ตุ๊กตานั้นไปด้วย
ยืนอยู่นานไม่มาเสียที
โบกรถตู้ไปต่อรถที่อนุสาวรีย์ดีกว่า
















จากอนุสาวรีย์ชัยต่อรถเมล์ไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
เจอเสื้อแดงค่อนข้างเยอะ
ที่มาด้วยจุดประสงค์เหมือนกัน
มาแสดงพลังต่อต้านรัฐประหารทุกรูปแบบ
เห็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
หลังลงจากรถเมล์
ช่างไม่สวยเอาเสียเลย
มีอะไรมาบดบัง
ทั้งเงามืดและกฏเกณฑ์สารพัด
ที่ไม่เป็นระเบียบแบบแผน
เฮ้อ
















เมื่อไหร่ท้องฟ้าจะแจ่มใสแบบนี้ทุกวัน
ประชาธิปไตยจะได้สวยงาม
เหมือนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ในวันที่ผ่านไปพบวันนี้
















เลี้ยวซ้ายมายังถนนที่มุ่งไปยังลานคนเมือง
ก็พบร้านนี้อยู่ฝั่งตรงข้าม
อยากเข้าไปกินใจจะขาด
แต่เสียดายร้านปิดแล้ว
คงเพราะเรามันคนไม่มีเส้น
ถึงไม่มีคนเห็นหัว
จึงอยากมีเส้นกะเข้าบ้าง





















เดินเรื่อยๆ มาจนถึงหน้าจวนผู้ว่า
เห็นสองหนุ่มใจกล้า
กำลังทำหน้าที่แข็งขันและกล้าหาญ
คนมีศักดิ์ศรี
แม้มีความเสี่ยงอันตรายยังไง
เขาก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
ช่างน่าสรรเสริญยิ่งนัก
ดูไว้น่ะนายแบบเสื้อเขียว





















มาถึงลานคนเมืองแล้ว
งานแรกที่ต้องทำคือ
ช็อปปิ้ง
อุดหนุนการ์ตูนคุณเซีย
ที่แถมลายเซ็นต์คุณเซียตัวจริง
















เห็นเขากำลังล่าชื่อเพื่อถอดท่านจะรั้น
แห่งศาลเคียงเธอและอะไรหว่าลืมเลย
















เหลือบไปเห็น KBS เกาหลีแน่นอน
ช่องนี้แม่เราติดหนังเกาหลี
ซึ่งฟังไม่ออกสักคำ
แต่เล่าได้เป็นตุเป็นตะ
เกาหลีก็มางานนี้
และอีกหลายสิบประเทศแน่นอน
มีรูปยืนยันแต่เอามาลงพอสังเขป
อ้อตากล้องไทยแท้ครับผม
















บริเวณที่มีการล่าลายชื่อ
เนื่องแน่นไปด้วยผู้คน
ท่ามกลางแดดร้อนจ้าก็ไม่หวั่นไม่หลบ
เหมือนบอกว่าถ้าพบรัฐประหารที่ไหน
เป็นได้เจอกัน ฮึม
















สิ่งที่ขาดไม่ได้
สำหรับม๊อบรากหญ้าอย่างพวกเรา
ชั่วโมงละ 150 ขาดตัว
หมอนวดมืออาชีพ
เจอทุกทีตั้งแต่ม๊อบนปก.แล้ว
ช่างเป็นอาชีพคู่กับม๊อบรากหญ้าอย่างแท้จริง
















ณ เวลา 4 โมงเย็น
ยังไม่มีการปราศรัยใดๆ
ไม่มีแม้เทปโฟนอินของทักษิณ
ไม่ต้องมาแหล่เลยเจ้าสื่อนั่งทางใน
















มุมหนึ่งที่อยู่ในเต้นท์
แดดยังแรงมากๆ
คนยังไม่เต็มลานคนเมืองเท่าไหร่
















มุมด้านหลังช่วงเวลา 4 โมงเย็น
เห็นไกลๆ เป็นเวที
ด้านหลังจากตรงนี้คนยังไม่เยอะเท่าไหร่
















เดินไปสะดุดป้ายนี้
คิดไปคิดมา
ขอสนับสนุน
จ่ากองร้อยด้วยคน
















ช่วง 5 โมงเย็นจากอีกฝั่ง
















มุมติดๆ กัน
















ต่อเนื่องกันจากเมื่อกี้
















นักข่าวช่อง 3 กำลังรายงานข่าว
















จะเห็นคนไทยให้สัมภาษณ์ฝรั่งเป็นระยะๆ
ซึ่งเราก็มีโอกาสได้ให้สัมภาษณ์ฝรั่งเหมือนกัน
ในเวลาเกือบเที่ยงคืน
หลังจากเห็นฝรั่งชอบไปถามว่ามาจากไหน
ด้วยความอยากรู้
ปรากฏว่าฝรั่งเขาอยากรู้ว่าบนเวทีกำลังพูดเรื่องอะไร
ไม่ทันคิดว่าจะโดนสัมภาษณ์
ศัพท์การเมืองไม่รู้เรื่องสักคำ
ไม่ว่าจะคำว่า ยุบสภา ยุบพรรค ศาลรัฐธรรมนูญ
หรือคำว่า เร่งรีบตัดสิน อะไรพวกเนี้ยะ
โอ๊ยแย่ตายแน่ๆ ตู
แต่มั่วแบบ Broken English เห็นฝรั่งพยักหน้า
ไม่รู้เข้าใจเรื่องเดียวกันไหม
พี่แกเล่นมาทำข่าวเมืองไทย
พูดและฟังภาษาไทยไม่ได้สักคำแบบนี้
ขอแรงพ่อแม่พี่น้องที่อยู่ต่างแดน
ช่วยแปลบทความทางการเมืองไปแปะแถวเว็บฝรั่งด้วย
เพื่อเขาจะได้เข้าใจมากกว่านี้
เท่าที่ดูเหมือนไม่รู้อะไรเลย
นี่ถ้าสัมภาษณ์เป็นภาษาไทย
รับรองได้คืนนั้นต้องอยู่สัมภาษณ์จนโต้รุ่งแน่ๆ
แต่เป็นภาษาอังกฤษ
ตูพอเอาตัวรอดไปวันๆ เวลาไปเที่ยวเท่านั้น
เลยคุยกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ส่วนใหญ่หมดไปกับการใบ้คำศัพท์ อิอิ
















เวลาประมาณหกโมงเย็น
เริ่มลามไป 2 ช่องทางจราจรทางด้านซ้ายมือของเวทีแล้ว
















เริ่มมืดด้านหลังหน้าจวนผู้ว่า
ที่เห็นว่างๆ เริ่มเดินลำบาก
วันนั้นเราเดินวนเป็นวงกลมประมาณ 3 รอบ
แรกๆ เดินเหินสบาย
ช่วงทุ่มกว่าๆ ถึง สองทุ่มคนเยอะสุด
ยิ่งเข้าใกล้เวทีลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ
















หันไปทางเวทีแน่นเอียดเริ่มมีเบียด
















ปากเท้าเข้าตรงสี่แยก
ถึงตอนนี้ปิดการจราจรทั้ง 4 เลนแล้ว
















ลองเดินไปสำรวจทางที่มุ่งหน้าไปอนุสาวรีย์ชัยอีกที
โอ้แม่เจ้า
















กลับหลังหันถ่ายถนนที่มุ่งไปยังวัด
















ตรงปากทางเข้า
เห็นกลุ่มคนปิดถนนอยู่กลุ่มหนึ่ง
เป็นพวกเดียวกันนั่นแหละ
มายืนเชียร์แขกอยู่หน้าปากทางเข้าแหงๆ อิอิ
















รูปนี้ถ่ายด้านหน้ามองจากฝั่งอนุสาวรีย์เข้าไป
















ลองเดินสำรวจไปตามทางที่จะไปสนามหลวง
พบรถจอดซ้อนสองยาวจนถึงแยกคอกวัว
และเรียงหนึ่งไปจนถึงสุดโรงแรม
เดินเข้าไปวนในสนามหลวง
มีรถมาจอดเยอะ
มีคนเสื้อดำพอสมควร
และมีแม่ค้านับร้อย
เลยเดินกลับมาที่งานอีกครั้ง
















หลังเดินกลับเข้างานช่วงประมาณ 2ทุ่มครึ่ง
พบคนเดินทยอยออกอย่างหนาตา
คิดว่าเขาเลิกกันแล้วหรือ
พอไปก็เจอภาพนี้
















นี่
















แล้วก็นี่
คนเริ่มไม่หนาแน่นเหมือนช่วงทุ่มกว่าๆ
แต่ก็ยังอยู่กันเยอะ
















นี่ด้วย
















นี่อยู่หลังเวทีหลังห้องน้ำอยู่บริเวณหน้าวัด
พระกำลังสวดการเมือง
แบบฮากระจาย
















ด้านถนน 4 เลนอีกที
ตอนนี้มีความวุ่นวายหน่อย
เกิดจากเจ้าของตึกขว้างขวดน้ำลงมา
ซึ่งมีเรื่องกับแม่ค้าแถวนั้น
เรื่องตั้งของขายหน้าร้านแก
แต่ไปโดนคนเสื้อแดงเลือดร้อน
นึกว่ามีใครมาทำร้าย
จนเกิดการชุลมุนกันขึ้น
สุดท้ายการ์ดมาห้าม
และจตุพรออกมาประกาศว่าอย่าไปสนใจ
กลัวเสียงานใหญ่
ทุกอย่างเลยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
















ประมาณตีสองคืนนั้น
เริ่มกลับบ้านกันบ้างแล้ว
บางคนง่วงก็เริ่มนอนกันเยอะแล้ว
เราก็ง่วงจนต้องเดินไปเดินมา
ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
แก้ง่วงไปในตัว
แต่กลางคืนหนาวมาก
ใครไปอยู่ดึกมากๆ
เอาเสื้อกันหนาวไปด้วยก็ดี
















ช่วงเวลาตีสี่
คนนั่งฟังพอมีประปราย
กะรวมๆ ระดับ 2 พัน
แต่นอนก็มี
เราก็นอนไม่หลับ
หนาวขามาก
กางเกงยีนส์เอาไม่อยู่เมื่อยขาไปหมด
ตั้งแต่ตีสองถึงตีสี่
เป็นช่วงที่ยาวนานและทรมานจริงๆ สำหรับเรา
ไม่เคยไปม๊อบแบบโต้รุ่ง
ปกตินอนหัวค่ำ
ยกเว้นเสาร์อาทิตย์หรือการเมืองเดือดๆ อาจถึงตี1 ตี2
แต่ก็ทนเพราะว่า
ไหนๆ ตั้งใจจะอยู่จนโต้รุ่งสักครั้งจะเป็นยังไงก็เป็นกัน
พอพ้นตีสี่เวลาเดินรวดเร็วมากๆ
















ถ่ายจากท้ายสุดจะเห็นคนยังอยู่พอสมควร
ประมาณตีห้าแล้ว
















ภาพสุดท้ายที่บันทึกไว้
เวลาประมาณ 6 โมงเช้า
ม๊อบเลิก
เพื่อเริ่มใหม่ 4 โมงเย็นในวันรุ่งขึ้น
เพื่อให้ข้าราชการและนักเรียนแถวนั้น
ได้ทำงานและเล่าเรียนหนังสือกัน
















ต้องขอโทษผู้ที่อยู่อาศัยแถวๆ นั้น
ที่ไปรบกวน
วันที่ 6 จะไปที่สนามหลวงแล้ว
เพราะว่างแล้ว
ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่อยู่จนโต้รุ่ง
แต่รู้สึกง่วงสุดชีวิต
เมื่อเช้านั่งเท็กซี่มาถึงดอนเมือง
ก็ไปทำงานต่อ
ขับรถแค่ 5 กิโล
เกือบหลับในถึง 10 ครั้ง
เกรงว่าจะอันตรายเกินไป
ขับรถรถติดๆ ไม่ได้เลยจะหลับเอา
วันนี้เลยขอตัวพักผ่อน
รู้สึกวันนี้เขาก็ไม่ได้เดินไปไหน
น่าจะปักหลักอยู่ที่เดิม
ใครจะไปเยี่ยมชมตามสะดวก
รักษาสุขภาพเอาเสื้อกันหนาวไปด้วยถ้าอยู่ดึก
พอดีเราไม่ได้เอาไป
จะเป็นหวัดเอานั่งตากลมทั้งคืน
พรุ่งนี้กะลุยต่อโต้รุ่งอีกคืน

โดย มาหาอะไร