บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


08 มิถุนายน 2552

<<< เล่าสู่กันฟัง ความหลังครั้งไปม็อบครั้งแรกในชีวิต >>>

เป็นม็อบการปราศรัยหาเสียงของทักษิณ
ที่ท้องสนามหลวง

ถือเป็นการไปร่วมม็อบครั้งแรกในชีวิตผม
ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
จำได้ว่ากำลังเรียนอยู่มหาลัย
แล้วปิดเทอมกลับไปอยู่บ้านที่ประจวบฯ
พอเกิดเรื่องม็อบช่วงพฤษภาทมิฬ
พ่อแม่ไม่ให้ขึ้นมากรุงเทพฯ ในช่วงนั้น
ซึ่งในที่สุดแล้ว
กาลเวลาก็ได้พิสูจน์คนเป็นแกนนำช่วงนั้น
อย่างจำลอง และอีกหลายๆ คน
ที่ไปเรียกร้องในครั้งนั้น
เพื่อให้มีนายกมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
แต่วันเวลาผ่านไปไม่นาน
ก็กลับมาเรียกร้องให้มีนายกมาจากการแต่งตั้งบ้าง
เชียร์การทำรัฐประหารบ้าง
ทำให้ไม่รู้สึกเสียใจที่ไม่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้น

และไม่นึกไม่ฝันว่าการไปม็อบครั้งแรกในชีวิต
คือการไปฟังปราศรัยครั้งใหญ่ของทักษิณที่ท้องสนามหลวง
หลังจากดูม็อบพันธมิตรเคลื่อนไหวมาหลายเดือน
และครั้งนั้นฝ่ายค้านนำโดย ปชป. ก็บอยคอตการเลือกตั้ง
ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย

วันนั้นที่ตัดสินใจไป
ก็คงเหมือนใครหลายๆ คนที่ไปในวันนั้น
มันอึดอัดทนไม่ไหวอยากไปแสดงออก
แต่ก็
รู้สึก กลัวๆ กล้าๆ
เลิกงานไปคนเดียว
เจอรถติดแถวถนนหลานหลวง
ก็ยอมลงเดินไปจนถึงสนามหลวง
ระหว่างทางเจอคนที่มาร่วมม็อบครั้งนี้
ได้ยินได้เห็นการแสดงออก
อารมณ์ไม่ต่างจากเราตอนนั้นเหมือนกัน
ยังได้ยินเสียงของคนขับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง
ที่ขับผ่านมาเป็นขบวนใหญ่
ตะโกนว่า เห็นพลังประชาชนซะบ้าง
อะไรทำนองนั้น
น่าเสียดายที่ไม่ได้บันทึก
ทั้งเรื่องราวและภาพถ่ายเอาไว้
มาเล่าย้อนหลังตั้ง 3 ปีกว่า
เลยไม่สามารถจดจำรายละเอียดอะไรได้มากมาย
จำได้ว่าไปถึงที่นั่นประมาณเกือบ 6 โมงเย็น
สนามหลวงก็เต็มไปหมดแล้ว
รู้สึกว่าสนามหลวงทำไมมันเล็กจัง
พอสักทุ่มก็ล้นไปตามฟุตบาท
จากหน้ากองสลากไปจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ซึ่งก็เห็นมีรถบัสขนคนมาจากจังหวัดใกล้เคียงค่อนข้างเยอะ
แต่ผู้คนมาด้วยอารมณ์ที่เหมือนอยากหาที่แสดงออก
อยากระบายอารมณ์
เราก็ไปโห่ร้องเต็มที่เหมือนกันในวันนั้น
รู้สึกตื่นเต้นในการไปม็อบครั้งนี้
แต่ยังกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าไปแถวๆ หน้าเวทีเท่าไหร่
ได้แต่ยืนและหาที่นั่งด้านข้างๆ ของสนามหลวง
อยากเห็นภาพผู้คนมามากมายแบบนั้นในวันข้างหน้านี้
ครั้งที่เห็นผู้คนใกล้เคียงที่สุดก็คือที่สนามกีฬาราชมังคลา
หวังว่าวันหนึ่งจะเห็นภาพผู้คนมามากมายจนสนามหลวงแตก
เหมือนครั้งแรกที่ผมไปร่วมม็อบในครั้งนี้

โดย มาหาอะไร

---------------------------------------------

ภาพมุมสูง ม็อบวันที่ 3 มีนาคม 2549
ไม่ทราบฝีมือใครถ่ายขออนุญาตินำมาลงไว้
เพื่อให้คนรุ่นหลังเห็นภาพในวันนั้น
จากรูปน่าจะถ่ายในช่วงที่ยังไม่ดึก














http://www.sameskybooks.org/board/lofiversion/index.php?t29269.html

-------------------------------------------------




'ทักษิณ' ลั่นถอย 2ก้าว! โหวตไม่ถึงครึ่งขอไม่เป็น 'นายกฯ'

คนเรือนแสนแห่ฟังปราศรัยล้นสนามหลวง



ม็อบ เชียร์ “ทักษิณ” โชว์พลังนับแสน บุกเมืองกรุง มาจากทั่วสารทิศตั้งแต่เหนืออีสานกลางใต้ ขนกันมาเป็นรถบัสขบวนใหญ่ โบกธงชาติไทยปลิวไสวเต็มแน่นท้องสนามหลวง โดยมีกลุ่มจยย.รับจ้างเมืองกรุงโผล่แจมด้วย ตำรวจบช.น.ระดมกำลังรับมือเต็มพิกัด ส่วนทหารยังนิ่งขอวางตัวเป็นกลาง ลั่นมิติใหม่กองทัพเลิกคิดปฏิวัติ ล่าสุดสั่งทำสติ๊กเกอร์ “เรารักในหลวง” กว่า 3 แสนใบ แจกจ่ายกำลังพลทุกคนนำไปติดไว้เตือนใจ "ชิดชัย"เชื่อไม่มีม็อบชนม็อบ วอนสื่ออย่าเสี้ยมให้ชนกัน กำชับฟังปราศรัยนายกฯเสร็จ สั่งเดินทางกลับบ้านใครบ้านมัน “ธีรยุทธ บุญมี” ออกโรงหนุนพันธมิตรกู้ชาติ เตรียมแถลงการณ์ที่ม.ธรรมศาสตร์ ด้านกลุ่มอาจารย์รัฐศาสตร์ แฉสื่อของรัฐปิดหูตาประชาชน ล่าสุด “ฮิวโก้” แต่งเพลงการเมืองยังไม่ยอมให้เปิดออกอากาศ ขณะที่มือดีหอบโซ่-พวงหรีด มอบให้ “ร.ต.ฉลาด”

ความเคลื่อนไหวของบรรดาสารพัดม็อบจากหลาย จังหวัดทั่วประเทศ ที่เริ่มทยอยเข้าสู่เมืองกรุง หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศปราศรัยในหัวค่ำวันที่ 3 มี.ค. บริเวณท้องสนามหลวง เพื่อเปิดใจถึงเรื่องปัญหาที่กำลังโดนมรสุมทางการเมืองเล่นงานอ่วม ขณะเดียวกันบรรดาแกนนำพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย ยังคงยืนยันเจตนารมณ์เช่นเดิมว่าจะปักหลักชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง ตามปกติ เพื่อเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออก ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

“ชิดชัย”วอนสื่ออย่าเสี้ยม
เกี่ยว กับเรื่องนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.50น. วันที่ 3 มี.ค. พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าจะเกิดปัญหาม็อบชนม็อบว่า ได้เตรียมมาตรการอย่างดีที่สุดเหมือนทุกครั้ง ยืนยันว่าจะไม่มีการจัดม็อบชนม็อบ ประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดส่วนใหญ่ก็เป็นสมาชิกพรรค เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรี ปราศรัยเสร็จก็จะเดินทางกลับทันทีจะไม่ให้มีการนอนค้างคืน ทุกคนรักบ้านเมือง อยากเห็นความสงบสุขมีแต่สื่อชอบจับเสี้ยมกัน ส่วนที่มีข่าวว่าวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะมีเหตุร้ายเกิด ขึ้นนั้นก็เป็นข่าวลือ และกองทัพไม่ได้วิตก พวกสื่อไปใส่สีเอง เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ได้คุยกับพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ก็ธรรมดา แต่ที่เรียก ผบ.เหล่าทัพเข้าหารือเพื่อซักซ้อมความเข้าใจ เป็นการเตรียมให้ดีที่สุด

พล.ต.อ.ชิดชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่โฆษกรัฐบาลระบุอาจมีการนำมาตรา65 ของรัฐธรรมนูญที่ให้ประชาชนสามารถประท้วงอย่างสันติได้มาใช้ ว่า ยังไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้น ไม่มีการให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหว ตนไม่เคยได้ยิน เมื่อถามว่าเป็นการให้“พลังเงียบ”ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยด้วยการเปิดไฟ หน้ารถ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าแสดงความเห็นในลักษณะนั้น ก็เป็นการทำโดยสันติวิธีซึ่งทำได้อยู่แล้วเพื่อเป็นการเตือนสติกัน ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดความแตกแยก

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะคุมม็อบได้หรือ ไม่ พล.ต.อ.ชิดชัย ตอบว่า เราจะทำให้ดีที่สุด เมื่อถามว่ามั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะอยู่ได้หรือไม่เพราะฝ่ายผู้ชุมนุมก็กด ดันให้ลาออก พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า ตามกติกาเป็นอย่างนั้นก็ต้องอยู่ทำหน้าที่

อยากให้รู้ข้อเท็จจริง
น. พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการขึ้นเวทีปราศรัยของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า สิ่งที่สำคัญคือเป็นการเชิญชวนประชาชนที่อยากฟังข้อเท็จจริง และเวลานี้จะเข้าสู่ช่วงของการเลือกตั้งแล้วก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องสื่อสาร ชี้แจงในเรื่องต่างๆ ซึ่งหลักการใหญ่ผู้ฟังจะอยู่ในความสงบ ไม่มีการปลุกเร้าแน่นอน เพราะรัฐบาลยึดถือในเรื่องการดำเนินการตามกติกาทั้งกติกาของสังคมและรัฐ ธรรมนูญ หลักใหญ่รัฐบาลดำเนินการตามกติกาตามสังคม ตามรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ หน้าที่ในส่วนนี้คือการทำให้เกิดความเข้าใจการยุบสภา ถือเป็นการคืนอำนาจให้กับประชาชนแล้ว ตามรัฐธรรมนูญคณะรัฐมนตรีถือว่าสิ้นสุด แต่ภารกิจของประเทศหยุดยั้งไม่ได้ ครม.ก็ต้องทำหน้าที่ต่อจนกว่าจะมีการมอบให้กับครม.ชุดใหม่ ผมเชื่อว่า ท่านนายกฯจะได้ประกาศภารกิจว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งเพื่ออะไร ถ้าบ้านเมืองมีข้อที่เป็นปมของสังคมอย่างนี้ จะคลี่คลายกันอย่างไร อย่างสงบ อย่างสันติ

ประชาชนคือเสียงสวรรค์
ผู้สื่อ ข่าวถามว่า ได้มีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคนออกมาเสนอให้ลาออก ได้มีการพิจารณาอย่างไรบ้าง น.พ.พรหมินทร์ ตอบว่า วันนี้สถานะครม.หมดลง ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เสียงประชาชนเป็นเสียงสวรรค์ ประชาชนเท่านั้นที่จะบอกว่าให้ใครดำเนินการต่ออย่างไร วันนี้คืนอำนาจให้กับประชาชนสาระใหญ่เป็นอย่างนี้ ส่วนเรื่องชอบกันไม่ชอบกันเป็นเรื่องของการลงคะแนน ส่วนที่หลายฝ่ายวิตกกันว่า การปราศรัยของนายกรัฐมนตรีจะเป็นการสร้างความขัดแย้งมากขั้นนั้น ตนคิดว่าเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในการเป็นผู้นำประเทศ ซึ่งหน้าที่นั้นจะต้องนำไปสู่การทำตามกรอบกติกา สู่สันติสุข และจะทำอย่างไรที่จะให้ประเทศคลี่คลายไปสู่สันติสุข

“หมอมิ้ง”ยันนายกฯไม่ออก
เมื่อ ถามอีกว่าทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุว่า นายกรัฐมนตรีอาจใช้เวทีนี้ในการทำสัญญาประชาคมว่า หลังการเลือกตั้งแล้วจะมีการปฏิรูปการเมืองแล้วก็จะมีการยุบสภาอีกครั้ง หนึ่ง น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรพูดไปเรื่อย วันนี้เราอยู่ในกรอบและกลุ่มพันธมิตรก็เริ่มการชุมนุมอยู่ในกรอบ ตราบใดที่อยู่ในกรอบ การแสดงความเห็นที่อยู่ในกรอบของกฎหมายก็ว่ากันไป ทุกคนมีความเห็นได้ แต่ในฐานะของพรรคการเมืองก็ต้องทำหน้าที่ในการเสนอนโยบาย นั้นคือเจตนารมณ์หลัก เราเสนอเชิญชวนประชาชนเพื่อนำไปสู่ความคลี่คลายความขัดแย้งนำไปสู่ความแตก ต่างทางความคิด แล้วไปอย่างสงบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าโดยไม่สนใจเสียงทักท้วงใดๆ ทั้งสิ้น น.พ.พรหมินทร์ ย้อนผู้สื่อข่าวว่า คุณพูดเองนะ รัฐบาลจะเดินหน้าไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้ง เปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องความแตกต่างทางความคิด และมีกระบวนการตามกรอบของรัฐธรรมนูญ ให้ไปสู่ข้อสรุปของสังคมอย่างสันติสุข เมื่อถามว่า การปราศรัยวันนี้นายกฯจะไม่ประกาศลาออกกลางเวที น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่า นายกฯ จะไม่ประกาศลาออกแน่นอน

“รักทักษิณ”ทยอยเข้ากรุง
ด้าน บรรยากาศความเคลื่อนไหวบริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งทางพรรคไทยรักไทยได้มีการมาตั้งเวทีใหญ่ปราศรัย ฝั่งวัดพระแก้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงบ่ายเริ่มมีประชาชนเดินทางมาจากทั่วสารทิศเข้ามาที่ท้องสนามหลวง มีทั้งเดินทางมากับรถส่วนตัว รถตู้ และรถบัสคันใหญ่จะมากันเป็นขบวนยาวหลายสิบคันทำให้การจราจรบริเวณถนนราช ดำเนินกลาง สะพานผ่านฟ้า และสะพานปิ่นเกล้ารถราติดขัดยาวเหยียด สำหรับรถบัสที่เดินทางมานั้นมีทั้งจากภาคเหนือ อีสาน ตะวันออก และภาคกลาง บางขบวนจะนำรถไปจอดไว้ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าแล้วปล่อยให้ประชาชนเดิน เท้ามาที่สนามหลวง เดินกันมาเป็นกลุ่มๆถือธงชาติ โพกหัว”รักทักษิณ” พลังเงียบรักแผ่นดิน นอกจากนี้ยังมีการถือป้ายชื่อจังหวัดกันคึกคัก อาทิ จ.แพร่ อุทัยธานี ลพบุรี นครปฐม สมุทรสาคร กาญจนบุรี นนทบุรี ขอนแก่น หนองคาย อุดรธานี นครพนม สกลนคร บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ชลบุรี ระยอง ไม่เว้นแม้กระทั่งพังงา และภูเก็ต ฯลฯ ประชาชนที่เดินทางมานั้นส่วนใหญ่จะเป็นจังหวัดที่มีกลุ่มส.ส.ไทยรักไทย สังกัดอยู่แทบทั้งสิ้น

ม็อบจยย.โผล่สนามหลวง
ต่อมาเวลา ประมาณ 15.00 น. บรรยากาศค่อนข้างเต็มไปด้วยความคึกคัก ประชาชนนับหมื่นคนเริ่มจับจองที่นั่งกันอย่างเป็นระเบียบกลุ่มใครกลุ่มมัน เนื่องจากมีป้ายจังหวัดชัดเจนจนเกือบเต็มครึ่งสนามหลวง และทุกคนได้รับแจกธงชาติผืนเล็กไว้ถือโบกกันถ้วนหน้า นอกจากประชาชนแล้วยังมีกองทัพสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเกือบทุกแขนง ทั้งหนังสือพิมพ์ และโทรทัศน์หอบข้าวของอุปกรณ์ต่างๆรวมทั้งรถโมบายถ่ายทอดสด มาเกาะติดรายงานข่าวกันอย่างใกล้ชิดจึงทำให้บริเวณท้องสนามหลวงเนืองแน่นไป ด้วยประชาชนฝ่ายที่เชียร์พ.ต.ท.ทักษิณ บางกลุ่มก็พากันตะโกนร้องเรารักทักษิณๆกันอยู่ตลอดเป็นระยะ ส่วนบริเวณรอบๆสนามหลวง ยังมีกลุ่มจยย.รับจ้างหลายวินในเมืองกรุง ไม่ต่ำกว่าพันคันขี่จยย.เดินทางมาร่วมชุมนุมโบธงกันคึกคักด้วยเช่นกัน

ผบช.น.ระดมสีกากีรับมือ
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ประมาณเวลา 17.00 น. โฆษกฯบนเวทีก็ประกาศว่า ประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัยใหญ่ของพรรคไทยรักไทย ขณะนี้มีไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน กระจายกันจนเกือบเต็มท้องสนามหลวง ทุกคนโบกธงชาติไทยและริบบิ้นกันเต็มพรึ่บไปหมด ด้านพล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. เปิดเผยว่าจะมีประชาชนเดินทางมาฟังการปราศรัยของนายกรัฐมนตรีกว่า 2 แสนคน ซึ่งตำรวจได้เตรียมแผนการรักษาความปลอดภัยไว้พร้อมแล้ว ส่วนเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอื่นๆ จะเดินทางมาฟังการปราศรัยของนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่นั้นยังไม่สามารถตอบได้ อย่างไรก็ตามตำรวจขอความร่วมมือจากประชาชนที่ทราบข่าวความเคลื่อนไหวให้แจ้ง ข้อมูลต่อตำรวจด้วย เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานดูแลความปลอดภัย

“สิ่ง ที่ตำรวจเป็นห่วงมากที่สุดคือ เรื่องการทำลายทรัพย์สินของชาติ เพราะประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่ามักมีพวกก่อกวนคอยฉวยโอกาสก่อเหตุในช่วงที่บ้านเมืองกำลัง สับสนวุ่นวาย จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่มีความคิดเห็นแตกต่างควรใช้วิธีพูดจากัน ไม่ควรใช้วิธีรุนแรงทำลายทรัพย์สินของส่วนรวม” ผบช.น.กล่าว

ทั้ง นี้มีรายงานว่า ตำรวจนครบาลได้เพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยทั้งในและนอกเครื่องแบบ บริเวณท้องสนามหลวง จากผลัดละ 1,500 นาย เป็น 2,000 นาย โดยหากมีกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเข้ามาเคลื่อนไหวก็จะจัดให้อยู่ในพื้นที่ที่แยก จากกัน โดยเน้นใช้วิธีขอความร่วมมือเป็นหลัก

กำชับตร.ห้ามประมาท
ด้าน พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือผู้ชุมนุมว่า แผนทั้งหมดเราจะปรับไปตามเหตุการณ์ อย่างไรก็ตามในวันที่ 5 มี.ค.คิดว่าการชุมนุมไม่น่ายืดเยื้อ เราประมาณในเชิงบวกเพราะวันรุ่งขึ้นต้องไปทำงาน ส่วนแผนกรกฎ48-พิทักษ์เมือง ที่ทางตำรวจนครบาลได้เตรียมไว้และจะเสริมด้วยตำรวจภูธรที่อยู่ใกล้เคียงน่า จะรองรับเหตุการณ์ได้ แต่ถ้ามีปัญหาก็ยังมีแผนอีกเป็นชั้นๆจนถึงชั้นสุดท้ายในเรื่องของแผนรักษา พระนคร ตอนนั้นฝ่ายทหารก็จะมีบทบาท แต่ขอให้สบายใจได้ อย่างไรก็ดีขอให้พี่น้องประชาชนชุมนุมด้วยความสงบและเปิดเผยเชื่อฟังเจ้า หน้าที่ เหมือนอย่างที่เคลื่อนขบวนวันก่อนก็ขอขอบคุณเพราะอยู่ในกรอบ ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือความร่วมมือระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่

ต่อ ข้อถามว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาฟังนายกฯอยู่ยืดเยื้อไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 5 มี.ค.อาจจะทำให้เกิดม็อบชนม็อบหหรือไม่ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราต้องแก้ปัญหาวันต่อวัน ยังคาดคะเนไม่ได้ แต่ตำรวจจะดำเนินการตามแผนและไม่ประมาท โดยทางพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.เน้นยำให้ทำด้วยความเป็นกลางกับกลุ่มผู้ชุมนุม

กองทัพวางตัวเป็นกลาง
ที่ กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ได้เป็นประธานการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก(ผบ.นขต.ทบ.) ระดับชั้นยศนายพล ประจำเดือน มี.ค.โดยมีนายทหารนายทหารระดับฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายคุมกำลังของกองทัพบก ทุกนายตั้งแต่นายทหารในกองทัพภาคที่ 1 – 4 หน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ(นสศ.) หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ(นปอ.)กองพลทหารม้า เข้าร่วมประชุมกว่า 2 ชม.

รายงานข่าว ทบ. เผยว่า ในที่ประชุม พล.อ.สนธิ ได้เน้นย้ำ และกำชับกับ ผบ.นขต.ทบ. โดยเฉพาะสถานการณ์บ้านเมืองต่อกรณีที่มีการจัดชุมนุมของกลุ่มองค์กรต่างๆ ในวันที่ 3 และ 5 มี.ค. โดยขอให้ทุกคนวางตัวเป็นกลาง และให้ไปชี้แจงกับผู้ใต้บังคับบัญชาของแต่ละหน่วย ให้ดำรงตนเองด้วยความเป็นกลาง เพราะสถานการณ์ขณะนี้อาจมีการสร้างข่าวเพื่อให้เกิดความไขว้เขว่ เพราะข่าวในช่วงที่ออกมาได้สร้างความรู้สึกให้ทหารมีความแตกแยก โดยบางข่าวเราไม่สามารถที่จะสืบเสาะหาต้นตอได้ว่าออกมาจากแหล่งไหน ทั้งเรื่องจริงและไม่จริง ฉะนั้นขอให้ผบ.นขต.ทบ.ทุกคนหนักแน่น

กำชับให้ระวังข่าวลือ
แหล่ง ข่าว เปิดเผยว่า พล.อ.สนธิ ผบ.ทบ.กล่าวกับกำลังพลว่า ตนรู้สึกห่วงทหารในต่างจังหวัดที่อาจจะสับสนกับข่าวสารเพราะขณะนี้เกิด กระบวนการสร้างข่าวลือถึงความแตกแยกระหว่างสถาบัน ระหว่างรุ่น โดยเฉพาะ ตท.6 กับ ตท.10 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับนายกฯ รวมทั้งกล่าวว่าตนไปบีบนายกฯให้ลาออก ทั้งที่ตนเป็นทหารอาชีพ จะไม่ทำเช่นนั้นเด็ดขาด และไม่เคยพูด และขอยืนยันว่าจะวางตัวเป็นกลาง เพราะไม่เคยคิดให้ประเทศชาติเกิดความวุ่นวาย

นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ยังได้ให้ความสนใจต่อข่าวที่เกิดขึ้นว่าเป็นสิ่งที่ล่อแหลม โดยเฉพาะการเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์ ที่ออกข่าวสร้างความแตกแยกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผบ.ทบ.ได้มองไปยังรุ่นที่เคยเสียประโยชน์จากการเติบโตของ“ตท.10”ที่ ในช่วงนายกฯเข้ามาบริหารประเทศชาติ ทำให้ ตท.10 โตอย่างต่อเนื่อง แต่อีกรุ่นตามไม่ทัน

มิติใหม่ไม่มีปฏิวัติ
ด้านพ.อ.ธนา ธิป สว่างแสง รองโฆษกกองทัพบก ได้แถลงภายหลังการประชุมผบ.นขต.ทบ. ว่าในที่ประชุม พล.อ.สนธิ ผบ.ทบ. ได้สั่งให้ทุกหน่วย ทบ. วางตัวเป็นกลาง ต่อการชุมนุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 และ 5 มี.ค.นี้ ตามที่พล.อ. ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหมให้นโยบายไว้ โดยกองทัพบกจะติดตามสถานการณ์ตลอด และจัดนายทหารรักษาความปลอดภัยตามปกติในหน่วยที่ตั้ง และในพื้นที่บริเวณรอบที่จะมีการชุมนุมยืนยันว่าไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง จากกองทัพบกไปยังอีกที่หนึ่ง หากจะเคลื่อนย้ายได้ต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉินเท่านั้น และขั้นตอนจะดำเนินยุทธวิธีจากเบาไปหาหนัก ชี้แจงทำความเข้าใจก่อน และจะใช้โล่และกระบองโดยไม่มีการใช้อาวุธ

พ.อ.ธนาธิป กล่าวต่อว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยภายใน บก.ทบ.วันที่ 5 มี.ค.นี้ ยังเป็นกำลังพลของกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน(พล.ปตอ.) เช่นเดิม รวมทั้งกำลังจากหน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ(นสศ.)ที่คอยรักษาความปลอดภัย ให้แก่ ผบ.ทบ.โดย กองทัพเตรียมจัดชุดประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมหากมีการเดิน ทางมาอยู่รอบบริเวณสถานที่ราชการสำคัญ ทั้งนี้พล.อ.สนธิ ได้ยืนยันอย่างหนักแน่นต่อที่ประชุม ว่ากองทัพเป็นกองทัพมิติใหม่จะไม่มีการปฎิวัติแต่อย่างใด ส่วนข่าวที่แพร่กระจายเป็นแค่ข่าวลือและได้เน้นย้ำกำลังพลให้มีวิจารณญาณใน การรับฟังข่าวสารโดยทั่วไปอย่างรอบคอบ

สติ๊กเกอร์“เรารักในหลวง”
นอก จากนี้ผบ.ทบ.ได้แสดงความเป็นห่วงประชาชนในชาติ จึงได้จัดทำสติ๊กเกอร์ “เรารักในหลวง”โดยมีโลโก้ของกองทัพบก สำหรับแจกจ่ายให้กับหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกเพื่อนำไปติดยานพาหนะของหน่วย ทุกคัน และกำลังพลทุกคนจำนวน 3 แสนแผ่น โดยเร่งแจกจ่ายให้กับหน่วยขึ้นตรงพร้อมกับเน้นย้ำให้หน่วยที่ได้รับแจก สติ๊กเกอร์แล้วนำไปติดยานพาหนะของหน่วยทุกคัน หรือสถานที่ราชการ หรือในสถานที่เหมาะสม รองโฆษกกองทัพบก กล่าวทิ้งท้าย

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า สำหรับการอภิปรายเพื่อชี้แจงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ในเย็นวันที่ 3 มี.ค. ที่ท้องสนามหลวง ในส่วนครอบครัวและกำลังพลส่วนหนึ่งของ กองทัพบก ได้ถูกเกณฑ์ให้ไปนั่งฟังการชี้แจงในครั้งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหน่วยที่มีผู้บังคับหน่วยเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 กับนายกฯ

ศสศ.นัดรวมตัวลานโพธิ์
ขณะเดียวกันความ เคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตย ที่อนุสรณ์สถาน14 ตุลา ศูนย์ประสานงานนักเรียนนิสิตนักศึกษา(ศนศ.)นำโดยนายพลีธรรม ตริยะเกษมได้ออกแถลงการณ์ศนศ.ฉบับที่1 โดยระบุถึงสาเหตุการตั้งศูนย์ประสานงานฯขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์กลางในการ ติดต่อสื่อสารระหว่างกลุ่มและองค์กรต่างๆให้มีความเข้าใจและปฏิบัติงานร่วม กันอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งในอนาคตจะส่งเสริมการจัดกิจกรรมระหว่างองค์กรร่วม กันเพื่อสร้างความสามัคคีและกระตุ้นให้นักเรียนนักศึกษามีความตื่นตัวต่อ สถานการณ์ในสังคมมากขึ้นซึ่งจากการชุมนุมที่ผ่านมาพบว่า มีนักเรียน นิสิต นักศึกษา ให้ความสนใจมาร่วมชุมนุมอย่างมากดังนั้นคณะกรรมการศนศ.มีมติจะตั้งศูนย์ ประสานงานเฉพาะกิจขึ้นในวันที่ 5 มี.ค.นี้ บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งตรงข้าม ม.ธรรมศาสตร์ เป็นกองอำนวยการ เพื่อให้นักศึกษามีศูนย์กลางในการประสานงานของกลุ่มและองค์กรต่างๆ

“ธีรยุทธ”ร่วมพันธมิตร
แถลงการณ์ ระบุด้วยว่าศนศ.ขอเชิญชวน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่จะเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมในวันที่ 5 มี.ค.นี้ ร่วมแสดงพลังบริสุทธิ์ โดยนัดรวมพล เวลา 14.00น. ที่ลานโพธิ์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ก่อนเคลื่อนขบวนเพื่อเคลื่อนขบวนเข้าสู่สถานที่ชุมนุมกันอย่างพร้อมเพรียงใน เวลา 16.00 น. และขอความร่วมมือให้ใส่ชุดนักศึกษา หรือเสื้อสีขาว เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทั้งนี้“ศนศ.”มาจากตัวแทนนักศึกษา จากหลายสถาบัน เช่น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ม.รามคำแหง ม.ธรรมศาสตร์ ม.กรุงเทพ ม.รังสิต เป็นต้น

ล่าสุดมีแฟกซ์ส่งเข้ามา ตามสำนักพิมพ์ต่างๆระบุว่า เชิญร่วมงานแถลงข่าว อาจารย์ธีรยุทธ บุญมี เรื่อง “วิเคราะห์วิกฤตทักษิณ และข้อเสนอแนะต่อการเคลื่อนไหวของพันธมิตร ประชาชนประชาธิปไตย” ในวันเสาร์ที่ 4 มี.ค.เวลา 10.00 น. ที่ห้องวรรณทยากร ตึกโดม ม.ธรรมศาสตร์

กลุ่มอจ.ไม่เลิกต้านAIS
ช่วงเย็น วันเดียวกัน ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เครือข่ายวิชาการเพื่อประชาธิปไตย ( ควป.) ได้ร่วมกันแถลงถึงจุดยืนต่อต้านสินค้า AIS โดยได้ทำพิธีทิ้งป้าย AIS ลงถังขยะ ผศ.ทวี สุรนิธิกุล คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มสธ.กล่าวว่า การรณรงค์ครั้งนี้มิได้ต้องการต่อต้านการลงทุนจากต่างประเทศ แต่ในกรณีการซื้อขายชินคอร์ปมีเหตุอันเชื่อว่า มีการดำเนินการซื้อขายจงใจหลีกเลี่ยงกฎหมาย และควรหรือไม่ ที่สิงคโปร์จะแลกผลประโยชน์ทางธุรกิจกับความร้าวฉานและการหมดความน่าเชื่อใน สังคมไทยเพราะกิจการดังกล่าวมีความละเอียดอ่อนต่อความมั่นคงของประเทศ และขอให้ดูการปราศรัยของพ.ต.ท.ทักษิณ คืนนี้ว่า หากยังมีการท้าทาย แบ่งแยกคนไทยเป็นคนรักทักษิณกับไม่รัก ก็จะเป็นจุดยืนแล้ว ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รักประเทศไทยหรือไม่

“ฮิวโก้”แต่งเพลงเงินๆ ทอง
รศ. ดร.ไชยยันต์ ไชยพร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ขณะนี้ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ( นิด้า) ได้มีการเริ่มรณรงคคว่ำบาตรในหมู่นักศึกษาแล้ว จุฬาฯ ก็ค่อยๆ รณรงค์ อย่างตน และคณบดี ก็กำลังจะเปลี่ยนเบอร์ เราจะใช้วิธีกระจายการรณรงค์เป็นจุดๆ ไม่เน้นการรวมตัวแสดงพลัง และร่วมรณรงค์ในเวทีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 5 มี.ค.ด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เราพบว่า มีปัญหาเรื่อง “สื่อ” ที่เราไม่สามารถส่งผ่านสื่อของรัฐได้เลย เช่น ศิลปินเพลงมล.จุลจักร จักรพงษ์ หรือฮิวโก้ นักร้องวงสิบล้อ ได้ทำอัลบั้มสื่อถึงสถานการณ์การเมือง 2 เพลง คือ เพลง เงินๆ ทอง ๆ และความจริงในจอ แต่ตนพยายามติดต่อไปยังสถานีวิทยุต่างๆเพื่อขอให้เปิดเพลงแต่ก็ได้รับการ ปฏิเสธ โดยสื่อวิทยุถูกสั่งห้ามเปิดเพลงเกี่ยวกับการเมือง แม้กระทั่งรถติดในที่ชุมนุมก็ห้ามพูด

“ร.ต.ฉลาด”รณรงค์เลือกตั้ง
ส่วน ที่บริเวณด้านหน้ารัฐสภา ความเคลื่อนไหวของ ร.ต. ฉลาด วรฉัตร ในการปักหลักประท้วงปกป้องรัฐธรรมนูญ ร.ต.ฉลาด ยังปักหลักประท้วงเป็นวันที่ 3 โดยมีประชาชนเข้ามาแวะเยี่ยมเยียนพูดคุยเป็นระยะ ซึ่งร.ต.ฉลาด ให้สัมภาษณ์ว่า ตนจะไม่ไปร่วมฟังการปราศรัยของนายกฯที่ท้องสนามหลวง เพราะตนเป็นกลางและมองว่าเป็นเพียงการปราศรัยหาเสียงของพรรคทรท.เท่านั้น ขอบอกว่าในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาตนก็ไม่ได้เลือกพรรค ทรท.ด้วย อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนกำลังตกแต่งรถเพื่อเดินสายเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้ สิทธิ์เลือกตั้งอยู่ หากเสร็จสิ้นก็จะเริ่มดำเนินการโดยจะออกเดินสายรณรงค์ในช่วงเช้า พอตกเย็นก็จะกลับมาปักหลักนอนอยู่ที่หน้ารัฐสภาเหมือนเดิม จะทำอย่างนี้จนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง 2 เม.ย.นี้

“ก่อนหน้านี้นาย ปรีชา เพชรติ้น เพื่อนร่วมอุดมการณ์ ได้เคยออกค่าใช้จ่ายให้ตนเตรียมตัวลงสมัครรับเลือกตั้งส.ว.อยู่ ซึ่งตนก็ทำได้ระยะหนึ่งแต่เห็นว่าไม่ใช่แนวทางของตน จึงได้เลิกดำเนินการดังกล่าว และมาปกป้องรัฐธรรมนูญอยู่ในขณะนี้ และหลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว ตนก็จะไปทำธุรกิจเคเบิลทีวีของตน ซึ่งถ้าได้กำไรระดับหนึ่ง จะนำเงินบางส่วนมาตั้งพรรคการเมืองเป็นทางเลือกของประชาชนต่อไป” ร.ต.ฉลาด กล่าวทิ้งท้าย

มือดีมอบโซ่-พวงหรีด
ผู้สื่อข่าวรายงาน ด้วยว่า วันนี้ได้มีชมรมต่อต้านการคอร์รัปชั่นภาคเอกชน จังหวัดชลบุรี เรียกร้องให้ ร.ต. ฉลาด หยุดการกระทำดังกล่าวโดยให้เหตุผลว่า ร.ต. ฉลาด หมดอุดมการณ์ และ หลงผิดที่ออกมาเรียกร้อง ก่อนหน้านี้บุตรสาว ร.ต.ฉลาด เคยลงสมัครส.ส.ในพรรคที่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหัวหน้าพรรค พร้อมกันนี้ทางชมรมยังได้เตรียมพวงหรีด และโซ่มาให้ร.ต. ฉลาดไว้แขวนคอแทนเชือกเพราะเกรงว่าเชือกจะขาดเสียก่อน ปรากฎว่าเมื่อร.ต.ฉลาด รับพวงหรีดและโซ่เอาไว้พร้อมกับเตรียมจะกล่าวชี้แจง แต่ชมรมดังกล่าวกลับล่าถอยออกไปโดยไม่ฟังคำชี้แจง

ร.ต. ฉลาด กล่าวว่า ทุกครั้งที่ออกมาเคลื่อนไหวก็เจอเรื่องทำนองนี้ตลอด จึงไม่รู้สึกโกรธอะไร เพราะคนเหล่านั้นไม่มีความเข้าใจในประชาธิปไตย รวมไปถึงพวกพันธมิตรฯด้วย คนพวกนี้เป็นลัทธิเผด็จการทั้งนั้น

ไปรษณีย์บัตรทะลุ 1.3 ล้าน
ผู้ สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทย ว่า ในช่วงบ่ายได้การสั่งด้วยวาจาของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย เรียก ผอ.กอง ประจำกระทรวงมหาดไทย ขึ้นไปรับไปรษณีย์บัตรปึ๊กใหญ่ เพื่อให้ข้าราชการในกอง ได้เขียนไปรณียบัตร ไปที่ ตู้ ป.ณ. 888 เพื่อให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรี ซึ่งทำให้ตลอดทั้งช่วงบ่ายบรรดาข้าราชการกระทรวงมหาดไทยไม่ต้องทำอะไร นอกจากนั่งเขียนไปรษณียบัตรตามคำสั่งของผู้บริหาร โดยจะรวบรวมในเวลา 16.00 น.ทั้งนี้ข้าราชการคนหนึ่ง เปิดเผยว่า ตนทราบมาว่าขณะนี้ข้าราชการทุกกระทรวงก็กำลังนั่งเขียนไปรษณียบัตรเช่นเดียว กัน ไม่ใช่เฉพาะที่กระทรวงมหาดไทยเท่านั้น

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าว ก็ได้รับการร้องเรียนจากพนักงาน ที่ทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งว่า ได้มีคำสั่งของรัฐมนตรีคนหนึ่งในรัฐบาลชุดนี้ได้สั่งให้ พนักงานร่วมเขียนไปรษณียบัตร มาให้กำลังใจนายกฯ คนละ 10 ใบ เป็นอย่างต่ำ และให้รีบส่งมาโดยเร็ว ล่าสุดยอดไปรษณียบัตรที่ส่งเข้ามา มีประมาณ 1.3 ล้านใบ

ครูขอนแก่นหนุนเลือกตั้ง
ที่ห้องประชุมภูเวียง โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล จ.ขอนแก่น นายรังสรรค์ เถื่อนนาดี ผอ.บ้านไผ่ศึกษา จ.ขอนแก่น ในฐานะนายกสมาคมผู้ประกอบการวิชาชีพครูจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสมาคมฯ ได้ร่วมกันแถลงข่าว เรื่อง “สนับสนุนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 2 เม.ย. 2549” ทั้งนี้นายรังสรรค์ กล่าวว่า สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครู จ.ขอนแก่น มีสมาชิกที่ประกอบวิชาชีพครูประมาณ 5 พันคน ขอประกาศจุดยืนว่า พวกเรายังคงร่วมเป็นกรรมการกับ กกต.ในการเลือกตั้งทุกระดับ โดยเฉพาะการเลือกตั้งส.ส.ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 2 เม.ย.นี้ พวกครูขอนแก่นในสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครูจ.ขอนแก่น ยินดีที่จะเข้าร่วมเป็นกรรมการ ถ้าครูไม่เข้าร่วมเป็นกรรมการเหตุการณ์ข้างหน้าไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ในความเป็นธรรมให้กับประชาชน

ม็อบรถอีแต๋นถึงพะเยา
ผู้ สื่อข่าว จ.พะเยา รายงานว่า บรรดาขบวนรถอีแต๋นและรถปิกอัพกว่า 300 คัน ซึ่งเดินทางมาจาก อ.แม่จัน จ.เชียงราย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มี.ค. เพิ่งจะเดินทางมาถึง จ.พะเยา โดยทั้งหมดได้แวะพักค้างที่ โรงเรียนเทศบาล 3 อ.เมืองพะเยา โดยตามรอบรถแต่ละคัน จะมีป้ายผ้าติดเขียนข้อความว่า กองทัพประชาชนชาวเชียงรายเรารัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งนี้ทั้งหมดจะเคลื่อนขบวนต่อในวันที่ 4 มี.ค.เพื่อไปให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ในกรุงเทพฯ และจะมีมีขบวนรถอีแต๋นของ จ.พะเยา มาร่วมสมทบอีก 100 คัน คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางรวมสมทบไปด้วยไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคน

ส่วนที่จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวบ้าน 16 ตำบล 213 หมู่บ้าน ในอ.ลำปลายมาศ กว่า 2000 คน มารวมตัวแสดงพลังเปิดเวทีปราศรัยสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เวทีด้านหน้าศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอ.ลำปลายมาศ

ปราศรัยไม่เกินสี่ทุ่มจบ
นาย สุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการปราศรัยว่าทางพรรคเริ่มเปิดเวทีในเวลา 17.00 น.นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา ขึ้นเวทีคนแรก ตอด้วยนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย จะขึ้นพูดในเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องขั้นตอนการปฏิรูปการเมืองและความรับ ผิดชอบของด้านการเมืองที่มีต่อภาครัฐ ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค และนายอดิศร เพียงเกษ รมช.เกษตรฯ จะพูดหัวข้อภาวะปัจจุบันทำไมถึงต้องมีการเลือกตั้ง นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองหัวหน้าพรรค พูดเรื่อง 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างไรบ้างและการทำงานของรัฐบาลประชาชน ได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง

จากนั้นเวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ พ.ต.ท.ทักษิณ จะขึ้นพูดเปิดใจในเรื่องที่ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกฯตั้งใจจะพูดในการประชุมร่วม2สภา รวมถึงนโยบายสำคัญและเจตนารมณ์การปฏิรูปการเมือง อย่างไรก็ตามในการขึ้นเวทีของนายกฯต้องการให้การปราศรัยจบภายในเวลา 22.00 น. เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางกลับได้อย่างปลอดภัย

“ปุ้ม”ชี้ทุกคนมาบริสุทธิ์ใจ
นาย สุรนันทน์ กล่าวต่อว่า เชื่อว่าการปราศรัยครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการเอาม็อบมาชนม็อบหรือแสดงพลังข่มขวัญ ผู้มาชุมนุมในวันที่ 5 มี.ค.เป็นการปราศรัยตามปกติภายในกรอบการหาเสียงเลือกตั้ง ที่อยู่ภายใต้กติกา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าประชาชนจะมาเยอะเป็นแสน เพราะฉะนั้นบริเวณใกล้เคียงมีคนมามากจึงขอความเห็นใจและขออภัยหากจะมีการ จราจรติดขัดบ้าง และการติดตั้งและการติดตั้งเครื่องเสียงเพราะกลัวไม่ได้ยินและอาจเกิดมือที่ สามสร้างความวุ่นวายก่อให้เกิดความสับสน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผู้ที่มาฟังปราศรัยมาด้วยความบริสุทธิ์ ส่วนหนึ่งเป็นผู้สนับสนุนพรรค และส่วนหนึ่งสงสัยอยากฟังการชี้แจงข้อเท็จจริง

ส่วนเวทีย่อยได้มี การเตรียมไว้แบบเคลื่อนที่บริเวณแยกคอกวัว ซึ่งจะนำมาใช้ในกรณีที่ประชาชนมาฟังล้นสนามหลวงมาบริเวณราชดำเนิน แต่ถ้ามีจำนวนไม่ถึงก็อาจจะไม่มีเวทีดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อป้องกันผู้ที่มาก่อกวนซึ่งอาจจะไม่เข้าใจโดยจะมีอดีต ส.ส.กทม.เป็นหลัก อาทิ นายยุรนันท์ ภมรมนตรี นายดนุพร ปุณณกัณต์ และรัฐมนตรีของพรรค

"แม้ว"ถึงสนามหลวงร่ายยาวปัญหาหุ้นชินคอร์ปฯ
หลัง เดินทางมาถึงสนามหลวง นายกฯได้ขึ้นเวทีร่ายยาว เริ่มตั้งแต่เรื่องรถไฟฟ้าใต้ดิน 10 สายจะเริ่มก่อสร้างปลายปีนี้ รวมทั้งตั้งแต่ปี 50 จะให้ลูกชั้นประถมถือได้คอมพิวเตอร์ไปโรงเรียน ชั้นปวส. มหาวิทยาลัย ไม่มีเงินเรียนก่อนผ่อนที่หลังก็เริ่มแล้ว การแก้ปัญหาความยากจนต้องเดินต่อ (ระหว่างพูดพ.ต.ท.ทักษิณ ได้หันไปทางวัดพระแก้ว ยกมือไหว้ศาลหลักเมือง พระบรมมหาราชวัง)จากนั้นกล่าวว่า สิ่งที่พูดต่อไปนี้เป็นความจริงหลังจากที่ถูกบิดเบือนมาตลอด วันนี้ขอบอกกฎหมายป.ป.ช.ออกเมื่อปี42เขาไม่ให้นักการเมืองถือหุ้น พอผมเข้าเล่นการเมืองก็โอนให้ลูกชายที่บรรลุนิติภาวะ ตั้งแต่ 1 ธ.ค.43 จึงไม่มีหุ้นในกลุ่มชินฯเลยแม้แต่หุ้นเดียว โดนเล่นงานก่อนจะมาเป็นนายกฯ ป.ป.ช.สอบตั้งแต่สมัยเป็นรองนายกฯ ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้วยังขุดเรื่องเก่ามาเล่นงานใหม่ การขายหุ้นจึงเป็นของครอบครัวไม่ใช่ตัวผมตามกฎหมาย

การขายหุ้นชินฯ ทำไมต้องเสียภาษี เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวจำนวนเงินมากหรือน้อย แต่กฎหมายออกมาสมัยปี 2517 อจ.สัญญา ธรรมศักดิ์ บอกว่าหลักทรัพย์ซื้อขายในตลาดหุ้นไม่ต้องเสียภาษีแม้แต่บาทกเดียวถึงจะเสีย สรรพากรก็ไม่รับ เพราะกฎหมายบอกไม่ให้เสีย เนื่องจากถือว่าตลาดหลักทรัพย์เป็นที่ออมเงินแห่งหนึ่ง แต่การออมไม่มีการค้ำประกันหลักทรัพย์ ถ้าหุ้นตกก็รับผิดชอบกันเอง ที่ผ่านมากลุ่มชินฯเสียภาษีไปแล้วไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้าน จ่ายค่าตอบแทนรัฐบาล 1 แสนล้านบาท และครอบครัวผมเสียภาษีไปแล้วกว่า 3 พันล้านบาท เมื่อขายหุ้นไปฝากธนาคารก็ต้องเสียดอกเบี้ย ปีละกว่า 300 ล้านบาท ส่วนปัญหาเรื่องบ.แอมเพิลริช ที่ไปจดทะเบียนต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องปกติ แม้แต่พีทีไอก็จดทะเบียนที่เกาะเคแมน ยืนยันว่าครอบครัวทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง การที่ครอบครัวขายทรัพย์สินของตนเอง ไม่ได้เอาของคนอื่นมาขายแล้วผิดด้วยหรือ

สำหรับการแก้ไขกฎหมายการ ประกอบกิจการโทรคมนาคม ให้สิทธิ์ต่างชาติถือหุ้นจาก25 % เป็น 49 นั้น ไม่ได้เกิดจากการริเริ่มของตน เรื่องอะไรไม่ดีก็มาฝากให้”ทักษิณ” การขายสัมปทานดาวเทียมเป็นการขายหุ้นไม่ใช่เป็นการขายสัปทานของชาติได้ไป เพียงจำนวนหุ้นแต่ไม่ได้สัมปทาน กฎหมายฉบับนี้เริ่มในปี 47 ที่บิดาของส.ส.คนที่กล่าวหาตนขณะนี้เป็นคนดำเนินการ

ปฏิเสธไม่ได้เป็น’ฮิตเลอร์’
พ. ต.ท.ทักษิณ ระบายความอัดอั้นตันใจต่อว่า เรื่องที่กล่าวหาว่าตนเป็น”ฮิตเลอร์” ความจริงแล้วฮิตเลอร์เป็นคนฆ่าหมู่ไม่ยอมฟังใคร ของตนชาวบ้านบอกให้ตนสู้ยังไม่กล้าเลย การเป็นนายกฯยอมรับว่าเหนื่อย วันนี้ขึ้นเวทีด้วยน้ำตาคลอเบ้าซึ้งใจมาก คนที่ซึ้งใจได้ไม่มีทางเป็นเผด็จการแน่ยืนยันไม่เคยทำร้ายใคร แค่ต้องการขับเคลื่อนประเทศ ขอยืนยันว่านายกฯที่ประชาชนไว้ใจไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เสื่อมจริยธรรมเด็ดขาด ถ้าผมทำไม่ดี ผมพร้อมจะยืมห่วงผูกคอของ ร.ต.ฉลาด ที่หน้าสภามาผูกคอตัวเองดีกว่าที่จะคิดชั่ว เพื่อนผมบางคนที่อยู่ฝ่ายค้านมาบอกว่า ผมมีอำนาจ มีส.ส.มาก ยุคจอมพลสฤษดิ์ ยังไม่มีอำนาจมากมายขนาดนี้ถือเป็นความซวยของตนเพราะคนได้คาดหวังตามไปด้วย แต่ในยุคประชาธิปไตยคำว่าอำนาจมากไม่มี ได้เป็นนายกฯเพื่อนก็หาย ญาติก็โกรธ และยังถูกกล่าวหาว่า ไปแทรกแซงสื่อ แต่วันนี้ใครถูกสื่อด่ามากที่สุด วันหนึ่งๆทำแต่งานก็หาว่าไปแทรกแซงองค์กรอิสระ ถ้าเป็นความจริงเจ้าของบ้านหมอเหล็งคงไม่ได้เป็นศาลปกครอง

ในสมัย ที่เป็นรัฐบาล อย่างก.ก.ต.ก็กล่าวหาว่าไปแทรกแซง หรือแม้แต่กรณีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าฯสตง.ตนก็โดนหนักมากทั้งที่ความจริงรู้จักกันมาก่อนไม่เคยมีเรื่อง บาดหมาง วันนี้รัฐบาลต้องการทำให้กลไกทุกอย่างทำงานไปได้ แต่ทุกอย่างต่อเดินตามกติกา หากวันนี้ฝ่ายค้านฟังตนแล้วยังไม่ใจอ่อน “หลังจากเลือกตั้งครั้งนี้เสร็จ การจัดซื้อจัดจ้างที่มีมูลค่าเกินกว่า 100 ล้านขึ้นไปจะให้คนนอกเข้ามาเป็นกรรมการร่วม 1 ที่ หรือให้สื่อมวลชนมาร่วมเป็นกรรมการร่วมก็ได้”

  • โหวตไม่ถึงครึ่งไม่ขอเป็นนายกฯ
    “ถ้า เกิด 3 พรรคบอกว่าจะเป็นจะตายยังไงก็ไม่ส่งลงสมัครแล้ว ผมอยากขอร้องให้ช่วยไปบอกประชาชนว่าถ้าไปใช้สิทธิขอให้ประชาชนลงคะแนนว่าไม่ ออกเสียงก็ได้ ถ้าคนออกไปใช้สิทธิเลือกผมไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แต่ไปเลือกงดออกเสียงหรือเลือกพรรคการเมืองอื่น ผมก็จะไม่เป็นนายกฯ ผมพร้อมจะถอยถ้าประชาชนไม่ต้องการ แต่ถ้าผู้ที่ออกไปใช้สิทธิเลือกผมเกินกึ่งหนึ่ง ผมคงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ และเมื่อประชาชนตัดสินอย่างไรกรุณายอมรับได้” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวท้าทาย

    นอก จากนี้พรรคไทยรักไทยประกาศชัดเจนว่าเมื่อเข้ามาแล้วจะปฏิรูปการเมืองทันที ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 313 เพื่อให้มีคณะกรรมการขึ้นมายกร่างเช่นเดียวกับสมัชชาสนามม้า ทุกอาชีพร่วมกันมาร่างได้ ไม่ว่าจะเป็นช่างตัดผมหรือ จยย.รับจ้าง และเมื่อร่างรัฐธรรมนูญและแก้ไขกฎหมายลูกเสร็จ ซึ่งเข้าใจว่าจะใช้เวลา 1 ปี บวกลบอีก 3 เดือนก็จบ จากนั้นตนพร้อมจะยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่อีกรอบ ตนถอยมา 2 ก้าวแล้วก็อยากจะขอร้องให้ทุกคนมาช่วยกันทำเพื่อบ้านเมือง


  • พร้อมจับเข่าคุย’สนธิ-จำลอง’
    ผม อยากเรียกร้องให้คนที่เป็นมิตรได้กลับมาคุยกัน ผมมีข้อเสียคือ ปากจัดคิดเร็ว ใครหวดมาก็หวดกลับไป ทำงานมากจนไม่มีเวลาให้เพื่อนฝูงเลยน้อยใจหนีหน้าไปเป็นแถว ดังนั้นต่อไปนี้ผมจะกลับตัวกลับใจเสียใหม่จะพูดจาสุภาพเรียบร้อยไม่ปากไวและ ท้าทายใครจะทำงานน้อยลงและให้คนอื่นทำงานมากขึ้น อยากให้เพื่อน “สนธิ” แวะมาคุยกันหน่อย จะให้ไปทานข้าวที่บ้านท่าพระอาทิตย์ก็ได้ ไม่สบายใจอะไรก็ช่วยกันดูช่วยกันฟังเพื่อชาติเพื่อในหลวงของเรา เมื่อก่อน”สนธิ”เคยเรียกผมว่ามหามิตร “พล.ต.จำลอง”ก็รักผมเหมือนศิษย์เอก แต่วันนี้เข้าใจผิดนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรผมพร้อมไปหา ส่วน“พี่เหนาะ”ถึงขนาดจะแขวนคอผม ใจร้ายกับผมขนาดนี้เลยหรือ ขนาดผมยังไม่ใจร้ายกับน้องพี่เหนาะ กลุ่มวังน้ำเย็นที่เคยด่าผมให้อภัยหมดแล้ว วันนี้ได้ลงสมัครส.ส.ในพรรคไทยรักไทยทั้งหมด ต่อไปจะยึดคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ “สุทธิ เมตตา ปัญญา ขันติ” ดังนั้นขอให้ลืมอดีตแล้วมาคุยกัน จะโทรหาหรือให้ผมไปพบก็ได้

    วอนฝ่ายต้านเห็นแก่บ้านเมือง
    พ. ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวฝาก 3 พรรคร่วมฝ่ายค้านให้หันมาลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อเห็นแก่บ้านเมือง เนื่องจากปีนี้เป็นปีมหามงคล และหากกกต. จะเลื่อนวันรับสมัครเลือกตั้งออกไป ก็ไม่ขัดข้อง “วันที่นายอุทัย พิมพ์ใจชน เดินขึ้นเวทีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ความจริงไม่มีอะไร เป็นเพราะไม่มีเวลาเข้าหากัน ต่อไปนี้ คงต้องมีเวลาให้กับสังคม ไม่งั้นสนามหลวงจะถูกจองอยู่เรื่อย ฝากบอกพี่บรรหาร พี่หนั่น คุณอภิสิทธิ์ ขอเถอะเห็นแก่บ้านเมือง ปีนี้เป็นปีมหามงคล ลงเลือกตั้งเถอะ ส่วนกกต. จะพิจารณาเลื่อนวันรับสมัครเลือกตั้งออก ผมก็ไม่ขัดข้อง มันเป็นอำนาจของกกต. อยากเห็นประชาชนได้ตัดสินใจ เพราะไม่มีใครคิดเหมือนกันทั้งประเทศ อย่างครอบครัวผมมี 5 คน ยังคิดไม่เหมือนกันเลย แต่เราฟังเสียส่วนใหญ่ วันนี้มีคนกลุ่มหนึ่งไม่ชอบผม อยากให้สังคมมีทางออก ไม่อุดตัน จะรักจะเกลียด ก็คือคนไทย ทำกติกาให้เป็นธรรม อยากเรียกร้องทุกฝ่ายหันมาสู่กติกาสังคม เมื่อรัฐธรรมนูญใช้อยู่ เราต้องเคารพ”

    จี้นึกถึงคำถวายสัตย์ปฏิญาณ
    นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ “วันที่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญทุกประการ วันนี้คำปฏิญาณหายไปไหน ไม่ชอบก็มาแก้ ไม่ใช่ทำตามอำเภอใจ หลายคนบ่นว่าแข่งทีไร ไทยรักไทยก็ชนะ การเมืองไม่ใช่เรื่องการแข่งขัน ใครมีนโยบายดี ก็เลือก ไทยรักไทยพร้อมลงสนามให้ประชนตัดสินใจ ผมแย่อย่างที่เขาว่าหรือไม่ เวลานี้มีการแจกใบปลิวว่าเป็นระบอบทักษิณ ต้องล้มล้าง มีด้วยหรือระบอบนี้ มันมีแต่ระบอบประชาธิปไตย ทักษิณมาจากการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้น ผมว่าถือใช้มาทำงาน ประชาชนในต่างจังหวัดอาจไม่ได้มาฟัง แต่อยากมา วันนี้ช่วยแสดงพลัง คนไทยทั้งประเทศ อยากเห็นความรักความสามัคคี อยากเห็นประชาธิปไตย ให้ช่วยส่งไปรษณียบัตร มาแสดงพลัง ให้รู้ว่าชาตินี้อยู่ในระบอบประชาธิปไตย ไม่ต้องการฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องการเห็นความขัดแย้ง ต้องการสันติ “

    สาบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่โกหก
    นายก รัฐมนตรี ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า พร้อมที่จะจับเข่าคุยกับทุกฝ่าย “ถึงเวลาเลิกทะเลาะกันแล้ว ใครข้องใจบอกมา จะไปหา ผมพร้อมจะจับเข่าคุยด้วย คนเคยเป็นเพื่อนกัน ผมยอมถอยหลัง นายกฯ ยอมถอย พรุ่งนี้ช่วยโทรศัพท์มาบอกเลยว่าจะให้ไปให้ไปพบที่ไหน แต่หากไม่ลงสมัครจริง ๆ ช่วยบอกว่าให้กาบัตรงดออกเสียง ถ้าคะแนนสูงกว่า ผมจะไม่รับตำแหน่งนายกฯ และขอย้ำว่าผมพร้อมปฏิรูปการเมืองโดยใช้คนกลาง และพร้อมเลือกตั้งใหม่ ฝากวิงวอนพรรคร่วมและเพื่อนฝูงที่เคยชอบพอกันมีอะไรไปหากัน จะได้เคลียร์ ฟังความข้างเดียวไม่ดี ไม่มีโกหก ผมสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวจบ พร้อมขอบคุณประชาชนที่ออกมาแสดงพลัง และร่วมฟังการปราศรัยเปิดใจ ที่นายกรัฐมนตรีใช้เวลาคนเดียวถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง ท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างกึกก้องจากประชาชนเรือนแสนคน พร้อมเสียงตะโกนนายกฯ สู้ๆ จากนั้นได้รับมอบดอกไม้ให้กำลังใจจากประชาชน ก่อนเดินทางไปร่วมประทานอาหารกับครอบครัวที่ร้านอาหารย่านถนนสีลม ขณะที่ประชาชนกว่า 2 แสนคน ต่างแยกย้ายทยอยกันเดินกลับ โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น

    ใช้หนี้หมดแล้วไม่ต้องกู้ชาติ
    พ. ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า 5 ปีที่ผ่านมาผมไม่มีความดีเลยหรือ ผมอาจบกพร่องบ้างเพราะความเป็นมนุษย์ แต่ไม่ได้เป็นมนุษย์ที่เลว ไม่ได้เป็นมนุษย์ที่ไร้จรรยาบรรณ ตลอด 5 ปีที่ผมเข้ามาบริหารประเทศช่วยให้ประชาชนมีรายได้ต่อหัวดีขึ้น ทุนสำรองระหว่างประเทศก็เพิ่มขึ้น ภาระหนี้ไอเอ็มเอฟก็ใช้หมดก่อนกำหนด จากเดิมฐานะของประเทศเป็นผู้กู้ แต่ตอนนี้เรามีเงินฝากมากกว่าเงินกู้ เรียกว่าเราเท่แล้ว ก็ชาติของเราไม่ได้กู้ใคร แล้วจะไปกู้ชาติทำไม เพราะผมใช้หนี้หมดแล้ว

    ปี 50 ปรับเงินเดือนครั้งใหญ่
    รักษาการ นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ก่อนเข้ามาเป็นนายกฯประเทศไทยมีหนี้เสีย 17.9% แต่ปัจจุบันลดเหลือ 8.2% ตลาดหุ้นจากเดิม 297 จุด แต่วันนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 753 จุด โดยมูลค่าของตลาดหุ้นฯเมื่อก่อนมีเพียง 1.55 ล้านล้านบาทเท่านั้น แต่ปัจจุบันขยับมาอยู่ที่ 5.3 ล้านล้านบาท เงินเดือนข้าราชการ 10 ปีไม่เคยปรับ แต่ผมมาอยู่ 5 ปี ปรับเงินเดือนไปแล้ว 2 ครั้ง และในปี 50 จะปรับเงินเดือนอีกครั้ง รวมทั้งจะปรับค่าแรงให้พี่น้องแรงงานด้วย เมื่อก่อนคนจนเวลาเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลแต่ไม่มีเงิน ต้องเข้าห้องอนาถา แต่วันนี้มี 30 บาทรักษาทุกโรคใช้ได้ 18 ล้านคน เพราะเรามีสิทธิ์ 1 เสียงเท่ากัน ทำไมต้องเข้าห้องอนาถา วันนี้เราจึงเท่เท่ากันด้วย 30 บาทรักษาทุกโรค


    แฉแผนไล่ตะเพิด“ทักษิณ”
    ทั้งนี้ ก่อนการขึ้นปราศรัยของนายกรัฐมนตรี คุณหญิงสุดารัตน์ ขึ้นกล่าวปราศรัยกับประชาชนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกรุมเร้าด้วยกระแสโจมตีต่างๆ ตีตลอดเวลา หาเรื่องไม่รู้จักจบ แต่นายกรัฐมนตรียืนอยู่ได้ เพราะมีกำลังใจ และวันนี้จะเป็นการเปิดใจครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากถูกโจมตีตลอดจากกลุ่มคนที่ไม่สมหวัง ด้วยเหตุผลต่างๆ ฉีกกติกาทุกอย่าง ทำทุกทางที่จะเอา พ.ต.ท. ทักษิณ ออกจากการเมือง แต่นายกรัฐมนตรีพยายามใช้ความอดทน อดกลั้น ทำงานให้ประชาชน เราพยายามใช้ทุกวิถีทาง จนถึงยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน การคืนอำนาจให้ประชาชนถือเป็นสิ่งสวยงามที่สุดในระบอบประชาธิปไตย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การพยายามขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้ง ทำไมไม่ให้นายกรัฐมนตรีลงเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนตัดสิน เพราะฝ่ายค้านกลัวใช่หรือไม่ วันนี้มีคนทำทุกวิถีทาง แม้กระทั่งฉีกรัฐธรรมนูญเพื่อเอาคน ๆ เดียวออกจากการเมืองไทย

    “ตอน นี้เรากลัวอะไรกับการคืนอำนาจให้ประชาชน ถ้านายกฯ ไม่ดี ก็พร้อมรับคำพิพากษาจากประชาชน แต่คนที่ไม่กล้าลงเลือกตั้ง ทำไมไม่กล้าลง นายกฯ ถอยทีละก้าว ถือเป็นความเสียสละ เพราะต้องการให้เกิดความสงบ สันติสุขในประเทศ ทำทุกอย่างเท่าที่กติกาจะเอื้ออำนวย แต่หนทางข้างหน้าเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราไม่ท้อแท้ ต้องมีกำลังใจทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบให้ได้ และจะพยายามทำให้คนที่ไม่ยอมรับกติกาฉีกรัฐธรรมนูญไล่นายกฯ กลับตัวกลับใจเห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมือง” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

    หวิดตื๊บกลุ่มประชาธิปไตย
    ทั้ง นี้ในช่วงระหว่างปราศรัย ได้มีกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ นำโดยนายสมาน ศรีงาม เลขาธิการขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ พร้อมด้วยสมาชิกประมาณ 30 คน บางคนก็ แต่งชุดขาวโกนหัว บ้างก็แต่งชุดแบบนักรบโบราณสีแดง มาตั้งโต๊ะเพื่อขอล่ารายชื่อขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน นอกจากนี้ยังขนเสื้อยืดต้นไม้ประชาธิปไตยมาเตรียมวางขายด้วย โดยมาตั้งโต๊ะใกล้หลังเวที พอกลุ่มประชาชนที่มาเชียร์นายกฯเห็นจึงได้ขับไล่พร้อมเกิดปะทะคารมกันอย่าง รุนแรงจนเกือบจะวางมวยกัน สุดท้ายต้องห้ามปรามให้กลุ่มของนายสมาน ย้ายไปที่อื่นเพราหวั่นเกิดเหตุการณ์บานปลาย

    จี้กกต.สอบขนม็อบเชียร์
    นาย การุณ ใสงาม ส.ว.บุรีรัมย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ทราบว่ามีการเกณฑ์ชาวบ้านมาฟังปราศรัยของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยให้ค่าหัวเป็นรายคนจึงอยากเรียกร้องให้กกต.ออกมาตรวจสอบเพราะอย่าลืมว่า ตอนนี้อยู่ในระหว่างพระราชกฤษฏีกาการเลือกตั้ง การปราศรัยของพ.ต.ท.ทักษิณอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่ปัญหาที่สำคัญเรื่องพยานหลักฐานที่จะเอาผิด ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นอยากให้กกต.นำไปพิจารณาว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ซึ่งส. ว.เคยเรียกร้องไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าจากกกต.แต่อย่างใด
    ------------------------------------------------------