กินข้าวเที่ยงเสร็จก็ขับรถไปที่วัดสวนแก้ว
เพื่อไปร่วมม๊อบเสื้อแดง
แม้จะรู้ว่ามีคนไปเยอะแล้ว
แต่ก็ต้องไปแสดงพลัง
หนึ่งเสียงที่ต้านรัฐประหารสุดชีวิต
ต้านพันธมิตรสุดกำลังให้ได้
ยิ่งช่วงนี้มีข่าวจะมาจัดงานวัดเด็ก
ก็ต้องยิ่งออกไปแสดงพลังเพื่อให้รู้ว่า
มีคนไทยกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย
และไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยแน่นอน
ที่ไม่เห็นด้วยกับทำรัฐประหาร
เลยดั่งด้นไปที่วัด
เพื่อเก็บบรรยากาศในงาน
มาฝากเพื่อนๆ
ที่ไม่มีโอกาสได้ไปในวันนี้
ขับไปตามที่มีเพื่อนในเว็บบอกไป
ปรากฏว่าขับเลยไปถึงบางใหญ่
ต้องขับไปเลี้ยวกลับมา
จนเลี้ยวเข้าถนนที่ไปวัดสวนแก้วได้
ที่จริงเกือบขับข้ามสะพานไปแล้ว
ไม่ยังงั้นขับเลยไปก็เลยมาอยู่ยังงั้นแน่ๆ
พอเลี้ยวเข้าถนนที่จะมุ่งไปสู่วัดก็เจอรถติดตลอด
ตั้งแต่แยกที่เลี้ยวมาเลย
และมีรถที่รอเลี้ยวซ้ายติดเป็นจำนวนมาก
สองข้างทางกลายเป็นที่จอดรถ
ซึ่งดูแล้วยาวหลายกิโล
เพราะเห็นจอดทั้งสองข้างทาง
ตั้งแต่แยกไฟแดงไปจนเลยหน้าวัดไปจนถึงอีกสามแยกหนึ่ง
ซึ่งระยะทางจากแยกไฟแดงวิ่งไปยังหน้าวัด
ใช้เวลาเป็นชั่วโมงรถขยับแทบไม่ได้
จากรูปแรกเห็นตึกห้องแถวใกล้ๆ
ขับมาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงตึกห้องแถวที่เห็น
พอถึงบริเวณห้องแถวดูรูปนี้จะเห็นรถข้างหน้า
ที่จะต้องฝ่าไปอีก เห็นแล้ว เฮ้อ
กว่าจะมาถึงหน้าวัดมีรถจอดตลอดทาง
ช่วงใกล้ถึงหน้าวัดมีร้านขายของสองข้างทาง
รูปนี้เป็นทางเข้าหน้าวัด
เข้าไม่ได้และรถข้างหน้ายังติดอยู่
และเห็นมีรถจอดเสียอยู่คัน
ถึงตรงนี้ได้วิ่งเกินเกียร์สองเสียที
ความร้อนรถเราขึ้นเลยครึ่งมาแล้ว
ต้องดับแอร์อากาศข้างนอกก็ร้อนมากๆ
จนเหงื่อท่วมแล้ว
แต่ก็หาที่จอดรถไม่ได้
สองข้างทางจอดกันยาวจนมาเจอสามแยก
ก็เลยเลี้ยวซ้ายกะไปสนามกีฬา
ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน
เจอป้ายว่ามีที่จอดรถก็เลี้ยวเข้าไปจอดที่วัดแห่งหนึ่ง
ซึ่งมีสนามกีฬาเล็กๆ อยู่ด้านหน้า
จากจุดนี้ต้องยืนรถสองแถวอย่างในรูปเพื่อไปยังวัดสวนแก้ว
พอรถมาเกือบถึงวัด
ลงเดินดีกว่าเร็วกว่ากันเยอะเลย
นี่เป็นบรรยากาศทางไปวัด
ปากทางเข้าวัดฝั่งหนึ่ง
จะมีเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องตรวจอาวุธแบบนี้
พอเข้ามาถึงวัดก็เดินไปตามทางเพื่อไปยังเวที
สภาพทางที่จะเดินไปยังเวที
ใช้เวลาพอๆ กลับขับรถจากแยกไฟแดงมาถึงหน้าวัดเลย
กว่าจะดั้งด้นเข้าไปถึงเวที
ถึงตอนนี้แล้ว
ระหว่างหันหลังกลับกับเดินต่อไป
เหนื่อยพอๆกัน
ซึ่งก็เห็นคนพยายามเดินสวนทางเพื่อจะกลับก็มี
ซึ่งก็เห็นเดินกลับตั้งแต่ที่ขับรถมาแล้ว
ขนาดมีบางคนที่นั่งรถสองแถวมาด้วยกัน
ถามว่าเขาเลิกกันแล้วหรือ
เราว่าเขาบอกเลิก 5 โมงเย็นนี่หน่า
แต่ก็เห็นมีคนทยอยเข้าทยอยออกตลอดเวลา
มองไปด้านข้างก็เห็นคนที่นั่งดูจอโปรเจกเตอร์
ไม่อยากเดินไปยังเวที
ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าทำไม
หลังจากยืนนานอยู่หลายนาที
ขยับไม่ได้เดินหน้าก็ไม่ได้ถอยหลังก็ไม่ได้
ได้ยินเสียงแม่สาวน้อยคนหนึ่งมากับพ่อ
บอกกับพ่อของเขาว่า
ทำไมไม่พาไปยังเวที
คราวหน้าไม่มาด้วยแล้ว
พ่อเขาบอกว่าจะพยายามพาไปให้ถึงหน้าเวที
แต่ตอนนี้ไปต่อไม่ได้
เพราะคนไม่ขยับนิ่งอยู่นานหลายนาที
ซึ่งจะเดินแล้วก็นิ่งแบบนี้เป็นระยะๆ
ตลอดทาง 100 เมตรที่จะไปยังหน้าเวที
ซึ่งไม่รู้จะถึง 100 เมตรรึเปล่า
แต่ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงทีเดียว
เลยขอถ่ายรูปแม่สาวน้อยคนนี้ซึ่งกำลังทำหน้ามุยทีเดียว
มาถึงแล้วบริเวณเวทีรายการความจริงวันนี้
จัดที่ไหนที่นั่นแตกคับแคบไปหมด
นั่นไงเวที
เบียดสุดชีวิตเพื่อไปให้ใกล้เวทีให้ได้
ให้ตายเหอะหมดปัญญาจริงๆ
อะไรไม่อะไรเสียวตกคลองด้านหลัง
เพราะไม่มีที่กั้น
มองไปอีกฟากของคลองยังเห้นเสื้อแดงแวบๆ
เดี๋ยวถอยกลับจากตรงนี้เพื่ออ้อมไปดูพี่น้องเสื้อแดง
ฝั่งฟากกระนู้นหน่อย
พอเดินอ้อมถอยกลับจากเวที
เพื่อไปยังอีกฟากหนึ่งของคลอง
ก็เห็นรถถ่ายทอดของสารพัดสถานี
เลยถ่ายมาเพื่อยืนยันว่า
มีสื่อทีวีหลายช่องมาทำข่าว
และตั้งกล้องถ่ายทอดตลอดเวลาเก็บเอาไว้
เพื่อดักคอเจ้าพ่อสื่อ
ที่จะแต่งนิยายปุโรหิตภาคสอง
มาใส่ร้ายม๊อบเสื้อแดง
รูปบนเป็นรถช่อง7 กับ TPBS
นี่เป็นรถช่อง 9
อันนี้ของช่อง 3
บริเวณฝั่งนี้ก็ยังมีคนนั่งอยู่แหะ
นึกว่าเดินมาจะเจอผีหลอก
คลองนี้มั่งที่มีคนตกน้ำ
เรายืนบนสะพานกำลังถ้าคนสูงวัยคนหนึ่ง
พยายามทรงตัวเดินข้ามสะพานไม้เล็กๆ
เห็นเดินออกมาสองสามก้าว
เอียงซ้ายเอียงขวา
กำลังจะถ่ายท่าตกน้ำพอดี
พี่แกถอยหลังกลับก่อน
ถ้าเดินหน้าอีกสองสามก้าว
ได้เห็นรูปคนตกน้ำมาฝากแน่ๆ
ซึ่งแสดงให้เห้นว่า
เขาเป็นคนที่มีความคิด
รู้ว่าทางข้างหน้า
จะทำให้เสื่อมเสียหรือเจ็บตัว
เขาก็ยอมถอยหลังกลับ
ดีกว่าเดินหน้าเพราะอยากเอาชนะ
ซึ่งสุดท้ายแล้ว
ก็ไม่ได้ชนะอะไร
เพราะไม่มีใครเห็นว่าเขาชนะ
ทางจะเดินออกไปยังประตูที่เราเข้ามาครั้งแรก
เป็นการเดินเป็นรอบวงกลม
เพื่อให้เห็นบรรยากาศรอบวัด
ที่จริงยังมีเห็นยืนฟังบนตึกหลายชั้น
และอาจมีที่อื่นที่ไม่ได้เดินไป
เพราะไม่รู้ว่าวัดมีอาณาเขตถึงไหนบ้าง
จะกลับบ้านแล้ว
เห็นเจ้าอาวาสวัด
เลยถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ปกติไปวัดไม่เคยนำของวัดติดตัวกลับบ้านมา
งวดนี้ไปเจอมาเห็นว่าเข้ากับสถานการณ์
เลยแอบเอาคำพูดของเจ้าอาวาสติดตัวมาฝากเพื่อนๆ ด้วย
นี่ด้วย
ใครคิดว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดีวุ่นวาย
ดูนิยามสิ่งดีๆ นี่ไว้
เพื่อเอาไปเปรียบเทียบกันเอง
อันนี้ฝากถึงคนที่รู้สึกร้อนรุ่นกลุ้มใจ
คิดว่าใครๆ ก็ไม่รัก
หรือหนีไปรักทักษิณกันหมดแล้ว
ทนไม่ได้จนประเทศจะย่อยยับ
พินาศไปต่อหน้าต่อตาอยู่ไม่กี่วันนี้แล้ว
โดนพายุไซโคลนแบบพม่า 50 ลูก
ประเทศยังไม่ย่อยยับเท่า
ใจคนคิดริษยาแค่เพียงคนๆ เดียวเลย
ขณะเดินถ่ายรูป
ก็ได้ยินเสียงปราศรัยตลอดเวลา
ฟังจนถึงพ่อเอกคนนี้พูดจบ
และจาตุรนต์พูดอีกสักพัก
เราก็รีบกลับแล้ว
เดี๋ยวก็ใกล้เลิกแล้ว
กลัวรถติดเหมือนขามา
และที่จอดรถอยู่ไกลเกือบกิโล
ถ้าคนแน่นขึ้นสองแถวไม่ได้เดินกันอาน
แต่สังเกตุทางเดิน
คนยังแน่นทั้งกำลังเดินเข้าไป
และกำลังเดินสวนออกมา
ขนาดเขาใกล้เลิกแล้ว
ยังมีคนเดินสวนเข้ามาอีกเยอะแยะเลย
นี่ไงปากทางเข้าคนยังทยอยเดินเข้ามา
ในขณะที่เรากำลังจะกลับแล้ว
ก่อนกลับเจอคำคมอีกแล้ว
งานนี้สื่อถึงสื่อตรงๆ เลย
ไม่ต้องบรรยายอะไรมาก
เขียนได้คมจนคิดว่า
น่าจะกรีดหน้าสื่อในประเทศนี้ได้ดีทีเดียว
นี่เป็นบรรยากาศม๊อบที่อยู่ด้านข้างขวามือ
ของทางเดินที่มีคนเดินกันเยอะๆ
ติดช่างภาพของ TNN ด้วย
คิดว่า ASTV ก็คงมา
แต่ตามหาตัวไม่เจอ
อยากถ่ายไว้ให้เจ้านายเขาดู
เวลาแต่งละครเวทีเรื่องใหม่
มาหลอกเหล่าสาวก
ว่าลูกน้องนาย
ก็อยู่ในงานตลอดเวลาแบบนี้
เห็นละครเวทีอะไรหรือไม่
อุตส่าห์ดักคอล่วงหน้าแบบนี้
ถ้ามีข่าวละครเวทีที่วัดสวนแก้ววันนี้อีก
ก็ไม่รู้จะว่าอะไรมันแล้ว
ด้านเกินคำบรรยาย
รูปนี้ยกกล้องแอบถ่ายตัวเอง
ติดลุงที่ยืนอยู่ข้างๆ
บริเวณวิวทางซ้ายมือ
ของทางเดินที่มีคนเดินเยอะๆ นั้นแหละ
นี่บริเวณเต้นท์ขายเสื้อ
จุดรวมของสาวหน้าตาดี
จะอยู่แถวๆ นี้เยอะ
เอาอีกสักรูปก่อนกลับบ้านจริงๆ แล้ว
บริเวณทางเดินที่มีคนพลุกพล่าน
ถ่ายกี่ทีหน้าตาไม่มีซ้ำ
ถึงรูปสุดท้ายแล้ว
หลังจากออกมาจากหน้าประตู
ที่มีเจ้าหน้าที่ตรวจอาวุธ
ก็ยังพบผู้คนเดินสวนเข้ามาไม่ขาด
ถึงตรงนี้
ก็เป็นอันจบเรื่องราวที่นำมาฝาก
ไว้พบกันอีกงานหน้าที่สนามศุภ
ตอนแรกเราคิดว่ามาจัดที่วัดสวนแก้วทำไม
ไกลก็ไกลการจราจรก็ไม่สะดวก
รถเมล์หาแทบไม่มี
รากหญ้าจริงๆ ที่ใช้บริการรถเมล์จะมาได้ไง
ปรากฏว่ารากหญ้าบางส่วนไม่ง้อรถเมล์
แห่กันมาทำให้ถนนแถวนั้นเป็นอัฒพาตอีก
งานนี้คงสะดุดตาคนมีอำนาจบ้างแหละงานนี้
พวกที่คิดจัดงานวันเด็กก่อนกำหนด
คงนอนกายหน้าผากอยู่ตอนนี้
นัดหน้าสนามศุภ
จะไปเก็บบรรยากาศมาฝาก
แต่พี่ป้าน้าอา ต้องไปเป็นเข้าฉากเยอะๆ น่ะ
เดี๋ยวถ่ายมาแล้วพวกพธม.หัวเราะเยาะเอา
แต่ไม่รู้จะลืมกล้องไปหรือเปล่า
เหมือน 2 ครั้งที่ผ่านมา
ครั้งแรกขี้เกียจพกไปกับครั้งสองลืมสนิท
แต่ถ้ามีกล้องมักจะไม่นั่งกับที่
จะเดินถ่ายดะไปหมด
มันต้องมีดูดีสักรูปแหละน่า
เน้นถ่ายเยอะๆ แล้วเอามาเลือก
แต่ถ้าไม่ได้เอากล้องไปจะอยู่กะที่
ผิวปากวี๊ดๆ ตบมือลั่นๆ เวลาถูกใจ
เอากล้องไปกับไม่เอาไป
บุคลิกเราจะแตกต่างกันมาก
โดย มาหาอะไร
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.