บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


08 มิถุนายน 2552

<<< วิกฤตการณ์การเมืองไทย ปี 2550 >>>

ลำดับเหตุการณ์ การเมืองไทย ประจำปี 2550

31 ธันวาคม 2549 – 1 มกราคม 2550
18.10-00.05 น. เกิดเหตุระเบิดในพื้นที่ กทม. รวม 8 จุด มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 33 คน ดังนี้
1. สะพานลอยคนข้ามฝั่งร้านอาหารพงหลี อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทำให้มีผู้บาด เจ็บ 13 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 คน คือ นายสงกรานต์ กาญจนะ อายุ 36 ปี บาดเจ็บสาหัส 3 คน
2. ชุมชนไผ่สิงโต ตลาดผลไม้คลองเตย ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 7 คน เสีย ชีวิต 1 คน คือ นายสุวิชัย นาคเอี่ยม อายุ 61 ปี
3. ป้อมตำรวจจราจรสี่แยกสะพานควาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน ป้อมตำรวจเสียหายเล็กน้อย
4. ป้อมตำรวจจราจรซอยสุขุมวิท 62 ไม่มีผู้บาดเจ็บ ป้อมตำรวจและรถยนต์เสียหาย 1 คัน
5. ลานจอดรถจักรยานยนต์ ห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ไม่มีผู้บาดเจ็บ
6. ป้อมตำรวจจราจร สี่แยกแคราย ไม่มีผู้บาดเจ็บ
7. ท่าเรือด่วนประตูน้ำ บริเวณสะพานเฉลิมโลก มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 คน เป็นชาวต่างชาติ 6 คน คนไทย 2 คน
8. ตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้าห้างเกษรพลาซ่า ตรงข้ามห้างเซ็ลทรัลเวิล์ด มี ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาวต่างชาติ 1 คน รถยนต์เสียหาย 1 คัน

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี แถลงเหตุระเบิดใน กทม.เป็นฝีมือกลุ่มผู้เสียประโยชน์ทางการเมือง

นายชวน หลีกภัย เห็นว่าระเบิดใน กทม.และปัญหาเผาโรงเรียน เกี่ยวโยง พ.ต.ท.ทักษิณ

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี แถลงถึงเหตุการณ์ระเบิดใน กทม.รวม 8 จุดตอบโต้รัฐบาลและ คมช. ว่า ไม่มีกลุ่มมีสีและขั้วอำนาจเก่าเกี่ยวข้อง ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ที่ปักกิ่ง ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดเสียก่อน เหตุระเบิดไม่น่าจะเป็นฝ่ายการเมืองทำ น่าจะเป็นคนที่ไม่หวังดีกับประเทศ มากกว่า ที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักการเมือง ทำงานการเมืองมาตลอด ไม่ทำเรื่องอย่างนี้ จะเคลื่อนไหวใดๆ ก็ไม่ใช้ความรุนแรง

2 มกราคม 2549
ในหลวงมีพระบรมราชโองการโปรด เกล้าฯ แต่งตั้ง ส.ส.ร. จำนวน 100 คน ตามมาตรา 23 ของ รธน. ฉบับชั่วคราว

พ.ต.ท. ทักษิณ เขียนจดหมายจากจีน ปฏิเสธเกี่ยวข้องเหตุระเบิดใน กทม.

" ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
2 มกราคม 2550
กราบเรียนพี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพรัก

วันนี้ผมมี ความจำเป็นที่ต้องออกจากความเงียบทางการเมืองหลังจากที่ถูกปฏิวัติ ที่ผมเงียบไม่ได้พูดการเมืองก็เพราะตั้งใจที่จะเห็นบ้านเมืองเกิดความปรองดองเป็น น้ำหนึ่งใจเดียวกัน หลังจากที่ผมเฝ้าดูมา 100 วันเศษ ก็พบว่ากลุ่มที่ร่วมกันล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนก็ ไม่สามารถและไม่พยายามสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นได้ ทั้งๆ ที่ผมได้โทรศัพท์พูดคุยกับบุคคลบางคนในกลุ่มนี้ ในฐานะคนเคยทำงานด้วยกัน มีความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันมา เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าผมมีน้ำใจนักกีฬาพอที่จะรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ขอให้เขาทำหน้าที่ให้เต็มที่ไม่ต้องพะวงผม ผมจะยังไม่กลับไป เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์โดยเร็ว แต่พฤติกรรมกลับตรงกันข้าม มีความอาฆาตมาดร้าย ไร้ความยุติธรรม ตอกลิ่มความแตกแยก มีการกล่าวเท็จโดยแนวร่วมอยู่ตลอดเวลา ถ้าคนเป็นอดีตนายกรัฐมนตรียังได้ รับการปฏิบัติเช่นนี้แล้ว ประเทศจะได้รับความเชื่อถือได้อย่างไร ถ้าประเทศขาดความน่าเชื่อถือ ก็อย่าหวังว่าประชาชนจะมีความสุข อยู่ดี กินดี เพราะ เราต้องอาศัยเม็ดเงินที่เป็นเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก เพื่อสร้างความเจริญ และ ความมั่งคั่งให้ประเทศ ที่เลวร้ายที่สุดคือ เหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพฯ คืนวันที่ประชาชนออกไปหาความสุขกัน คือวันที่ 31 ธันวาคม 2549 รัฐบาลนี้สามารถสรุปในเช้าวันที่ 1 มกราคม (วันรุ่งขึ้น) ได้ทันทีว่าเป็นกลุ่มการเมืองเก่าและมีสื่อที่ขายจิตวิญญาณตัวเองบางคนพยายาม ชี้มาที่ผม ข่าวคราวที่แท้จริงถูกปิดบัง ถ้าเปรียบกับระเบิดที่เกิดขึ้นหลายครั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มี ทหาร ครู พระ ประชาชนตายและบาดเจ็บจำนวนมากในช่วงรัฐบาลนี้ ก็ยังจับกุมไม่ได้ พอเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพฯ ไม่ถึง 24 ชม. รีบสรุปว่าเป็นกลุ่มการเมืองเก่า ข่าวสารถูกปิดบัง เพื่อให้ประชาชนเข้า ใจผิด นักการเมืองบางคนที่กลัวการแข่งขันก็ร่วมกล่าวหา พี่น้องครับ ถ้าปล่อยให้บ้านเมืองดำเนินไปด้วยความไม่ยุติธรรม ไร้คุณธรรมเช่นนี้ ทำลายล้างกันเอง และหนีปัญหาที่แท้จริงเช่นนี้ ต่างชาติเขาจะหัวเราะเยาะเอา ทั้งๆ ที่ทุกประเทศเขาเร่งเดินหน้าสร้างความเจริญของเราขอถอยหลังชำระแค้นกัน เองเสียก่อน จะไหวหรือครับ ผมเคยติดตามงานด้านความมั่นคงมาก่อนผมสอบถาม ตำรวจดูถึงวัสดุที่ใช้และแผนประทุษกรรมและทราบว่ามีวงจรปิด มีการจับกุมวัยรุ่นที่สงขลาที่เตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ผมก็เดาได้ว่าน่าจะมีโอกาสสูงที่จะเชื่อมโยงกับสถานการณ์ภาคใต้ดูแล้ว คล้ายกับที่ทำที่หาดใหญ่ แต่ผมก็ยังต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป แต่รัฐบาลนี้แทนที่จะตรวจสอบให้แน่นอน ซึ่งต้องใช้เวลาบ้าง กลับเอาสถานการณ์ความวิตก สะเทือนขวัญของประชาชน และความน่าเชื่อถือของประเทศมาเล่นการเมืองทันที เพราะถ้ายอมรับว่ามีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ภาคใต้ก็เท่ากับยอมรับว่า นโยบายปูผ้ากราบผิดพลาด คนเหล่านี้เขามีความมุ่งมั่นที่จะแยกดินแดน หรืออย่างน้อยขอปกครองตนเอง จึงเห็นความอ่อนแอของนโยบายเป็นช่องทางต่อ รอง จึงรุก ผมเคยประชุมเตือนผู้มีหน้าที่ระดับสูงหลายครั้งว่า ถ้าไม่สามารถสะกดให้อยู่ใน 3 จังหวัดได้ จะเข้าหาดใหญ่ ถ้ายังสะกดไม่ได้อีก จะเข้ากรุงเทพฯ แล้วจะเสียหายต่อประเทศทุกครั้งที่ มีเทศกาลในกรุงเทพฯ ที่ประชาชนจะออกมาหาความสุขจำนวนมาก ผมจะสั่งการให้หน่วยข่าวเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลเหล่านี้ล่วง หน้า และให้เจ้าหน้าที่ฝังตัวอยู่กับประชาชนในจุดที่เป็นจุดเปราะบางหรือ Soft Target พอเทศกาลผ่านไปโดยไม่มีเหตุก็จะโล่งใจกันครั้งหนึ่ง พี่น้องครับ ไม่ว่าผู้ที่ลอบวางระเบิดจะเป็นใคร ผมขอประณามการกระทำครั้งนี้โดยถ้อยคำที่รุนแรง (Condemn with strong words) และ ผมของสาบานว่า ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดทำร้าย และทำลายความสุขของประชาชน ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ เพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง ถ้าพี่น้องจำได้ จะเห็นได้ว่า ช่วงที่เกิดความขัดแย้งทางการเมือง ความพยายามล้มล้างรัฐบาลโดยกลุ่มเสียผลประโยชน์และกลุ่มที่เข้าใจรัฐบาลผิดอัน เกิดจากโกหกนั้น ผมไม่เคยใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาเลย โดยเฉพาะปีที่แล้ว เป็นปีมหามงคลยิ่งของพี่น้องชาวไทย ข้อกล่าวหาที่เลว ร้ายมากอีกเรื่องที่ผมถูกใส่ร้ายป้ายสี คือความไม่จงรักภักดี เรื่องนี้พี่น้องคงจะประจักษ์ดีแล้วว่า ตลอดเวลาในการทำหน้าที่นายก รัฐมนตรี ผมได้เทิดทูน ทุ่มเท โดยเฉพาะในปีมหามงคลที่ผ่านมาด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ทุกข้อกล่าวหาผมขอให้ใช้กระบวนการยุติธรรมที่เป็นกลางถูกต้องตามหลัก สากล ซึ่งถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอันจะนำไปสู่ความน่าเชื่อ ถือของประเทศ ผมพร้อมเผชิญและพร้อมเดินทางกลับไปรับข้อกล่าวหาเพื่อ ต่อสู้ทุกกรณี แต่ไม่ใช่มาบอกว่า ไม่อยากให้ผมกลับเข้าประเทศในช่วงนี้ แต่เล่นงานผมและครอบครัวกล่าวหาผมลับหลัง ขอให้คิดว่าคนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวนา หรืออดีตนายกรัฐมนตรี ก็ย่อมมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็น มนุษย์ และชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่ต้องรักษาเช่นกัน แต่ทั้งนี้คงไม่มีอะไรสำคัญกว่า ชาติ ที่นับวันความน่าเชื่อถือก็ลดลง หากเรายังชำระแค้นกันเอง ไม่ว่าในหมู่ข้าราชการ นักการเมืองและประชาชน ผมขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เดินหน้าประเทศของเราต่อไปเถอะครับ
เพื่อ พระเจ้าอยู่หัวของเรา ซึ่งจะเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในปีนี้ ซึ่งก็เป็นปีมหามงคลยิ่งของชาวไทยอีกปีหนึ่ง และได้โปรดอย่าแอบอ้างพระองค์ท่านเพื่อทำลายล้างกันเองอีกต่อไป ซึ่งเท่ากับเป็นการไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

สุดท้ายนี้ ผมขอกราบเรียนพี่น้องประชาชนว่าที่ผ่านมาผมเป็นคนทำงานก็ย่อมมีจุดอ่อนจุด บกพร่องบ้าง แต่ผมขอยืนยันว่า ผมไม่เคยคิดร้าย คิดเลว ต่อชาติบ้านเมือง ต่อสถาบันเบื้องสูงที่เราเคารพศรัทธาและต่อพี่น้องประชาชนเลย ถ้ามีสิ่งใดบกพร่องไม่เป็นที่พอใจของใคร ผมก็ขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยและ ผมขอกราอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ท่านเคารพ ตลอดจนเดชะพระบารมี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ โปรดดลบันดาลประทานพร ให้พี่น้องชาวไทยทุกคน ทุกครอบครัว จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ คิดสิ่งใดสมความปรารถนาทุกประการตลอด ปี พ.ศ.2550 ครับ

ด้วยความเคารพรักและสำนึกต่อชาติ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร "

5 มกราคม 2549
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีคนใกล้ชิดเคยบอกถึงสถานการณ์การเมืองว่า กลุ่มอำนาจเก่า กำลังพยายามวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลและคมช.ไม่สามารถบริหารประเทศได้ โดยหวังดึงมวลชนและนำไปสู่การเผชิญหน้าเพื่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

สนธิ ลิ้มทองกุล จัดรายการเผยแพร่ทาง ASTV กล่าวหาว่า เป็นการกระทำของคลื่นใต้น้ำในระบอบทักษิณ และเรียกร้องให้ปลด ผบ.ตร.เพราะไม่แสดงความรับผิดชอบบกพร่องในหน้าที่

นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญกล่าวถึงการวิจัยว่า จากการสอบถามว่าเชื่อหรือไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำของ กลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์ทางการเมือง พบว่า ร้อยละ 46.4 เชื่อ ร้อยละ 38.6 ไม่มีความคิดเห็น และร้อยละ 15 ไม่เชื่อ

6 มกราคม 2549
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ปธ.องคมนตรี และรัฐบุรุษ กล่าวเมื่อ 6 ม.ค. 50 ที่บ้านพัก ซ.สืบศิริ 32
อ.เมือง จ.นครราชสีมา ในโอกาสที่ ขรก.ผู้ใหญ่ภาคอิสานเข้าอวยพรปีใหม่ ว่า

“ขอขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 2 ที่จัดให้มีการพบปะกันวันนี้ โดยทางแม่ทัพฯ ไปเกณฑ์ผู้ว่าฯ มาได้ทั้ง 19 จังหวัด
และปลัดกระทรวงฯ มาด้วย ซึ่งทุกปีทุกคนคงจำได้ว่าเวลาเราอวยพรปีใหม่กันที่โคราช ก็จะขอร้องทุกคนให้ ช่วยดูแลราษฎรในเรื่องความยากจนให้ดี แต่ปีนี้คงต้องเปลี่ยนระเบียบวาระใหม่แล้ว เพราะปีนี้ค่อนข้างจะไม่ค่อย ปกติ และความไม่ปกติของทางภาคใต้ เราพอเข้าใจว่าเขามีเหตุผลที่จะมาแบ่ง แยกดินแดนของเรา และสิ่งที่เขาทำเราก็เข้าใจ แต่ความไม่ปกติในกรุงเทพมหานคร จะ ว่าไม่เข้าใจก็ไม่เชิง แต่เหตุผลนี้บางฝ่ายว่าไม่ชัดเจน บางฝ่ายว่าชัดเจน ตรงนี้จะพูดให้ทุกคนฟังว่าเหตุการณ์ที่เกิดที่กรุงเทพฯ เมื่อวันปีใหม่ที่ผ่านมา ผมคิดว่าคนที่จะทำมีอยู่สองประเภทเท่านั้น
1. ก็คนบ้า ซึ่งคนดีๆ ไม่ทำให้เกิดความวุ่นวายในชาติบ้านเมืองของเรา คนบ้าคงไม่ทำเก่งถึงขนาดวางระเบิดพร้อมกันได้ 8 แห่ง ฉะนั้นคนที่ทำไม่บ้า มีสติ และตั้งใจที่จะทำ คนไทยที่รักชาติบ้านเมืองอย่าง พวกเรา ไม่ทำให้เกิดความวุ่นวาย แตกตื่นกันอย่างนี้ และเขาก็รักชาติบ้านเมือง และเป็นวันขึ้นปีใหม่และก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ จะทำ และคนที่ทำต้องมีเหตุผลของเขาว่าเขามุ่งหมายที่จะทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอะไรหรือ ให้รัฐบาลให้ คมช. ให้พวกเราเสียอะไร ซึ่งเหตุผลโจทย์ข้อนี้ง่ายมาก เพราะคนทำไม่ได้เป็นคนบ้าแต่เป็นคนปกติอย่างเรา แล้วทำไมเขาถึงมาทำให้เกิดความไม่สงบ ความตื่นตระหนกในชาติบ้านเมืองของเรา พวกเราคงตอบได้ทุกคน เพราะเป็นโจทย์ที่ง่ายมาก ฉะนั้นการที่พวกเราที่ผู้ใหญ่ในชาติบ้านเมืองพูด แม้แต่เป็นการวิเคราะห์ แม้แต่มาจากมูลฐานข้อมูล และข้อมูลฐานข่าวที่ไม่ค่อยมากนัก แต่ผมมั่นใจว่าถูกว่าเขาต้องการอะไร เราจะทำอย่างไรกับเรื่องพรรค์อย่างนี้ นายกรัฐมนตรีออกมารับว่าเป็นการ ยากมากที่จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ก็ถูกและก็จริง และผมยังมั่นใจโดยไม่มีข้อสงสัยเลยว่า คนไทยรักชาติบ้านเมือง จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และไม่มีใครนอกจากพวกเขาที่จะ ทำเรื่องพรรค์อย่างนี้ขึ้นมาได้ เมื่อวานนี้มีอาจารย์จากหลายมหาวิทยาลัยไปอวยพรที่บ้าน ผมก็ได้พูดกันไป พูดกันมาหลายเรื่อง และที่นี่ปลัดกระทรวงมหาดไทยก็อยู่ตรงนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็อยู่ตรงนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 3 ก็รับผิดชอบ 8 จังหวัดภาคอีสานตอนล่างก็อยู่ และพวกเรามีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบความสงบสุขของชาติบ้านเมืองของเรา ไม่ใช่รับผิดชอบต่อการกระทำครั้งนี้ เราจะทำอย่างไรถึงจะเกิดความสงบ คำตอบนี้มีคำตอบเดียวคือ ต้องทำให้คนไทยเข้าใจว่า ที่เขาทำไม่ใช่เพื่อชาติบ้านเมืองแน่นอน ไม่ใช่เพื่อความสงบของชาติบ้าน เมืองของเรา ไม่ใช่เพื่อความผาสุกของคนไทยในประเทศของเรา ไม่ใช่เพื่อพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขาทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เพื่อประโยชน์ของพวกเขา ฉะนั้นสิ่งที่ปลัดกระทรวงฯ แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้ว่าฯทั้ง 19 จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผมขอแนะนำ ก็คือพูด ให้คนเข้าใจ พูดบ่อยๆ พูดเสมอๆ พูดให้เขารู้ว่า คนที่ทำต้องการอะไร และมันเป็นสิ่งเลวร้ายมาก สำหรับประเทศของเรา พูดให้เขารู้ แม่ทัพฯต้องพูดดังๆ ผู้ว่าฯก็พูดดังๆ ว่า เราจะทำทุกอย่างเพื่อจะปกป้อง ชาติบ้านเมืองของเราไม่ให้เกิดความตระหนกตกใจ ซึ่งจะทำอย่างนั้นได้ ก็ ต่อเมื่อประชาชนเขาเข้าใจและเชื่อผู้ว่าฯ เชื่อแม่ทัพฯ เชื่อข้าราชการ เชื่อพวกเราทุกคนที่มีหน้าที่ดูแล ผมยังพูดกับเพื่อนๆ ที่มาเมื่อวานนี้เรื่องจริง มีคนอยู่สองส่วนด้วยกันที่พูดแล้วคนเชื่อมากที่สุด
1.ก็คือพระ
2.ครู เมื่อวานนี้เพื่อนผมคนหนึ่งได้ยินผมพูดเรื่องนี้ก็บอกผมว่า รู้ไหมลูกฉันเชื่อครูมากกว่าเชื่อฉันอีก ทั้งๆ ที่ฉันเป็นอาจารย์ของครูของแก ฉะนั้นนี่คือเครื่องมือเราที่จะนำไปใช้ประโยชน์ได้ พระคนก็เชื่อ
กำนัน ผู้ใหญ่บ้านคนก็เชื่อ ผู้ว่าฯยิ่งคนเชื่อใหญ่ ฉะนั้นถ้าผู้ว่าฯไปพูดให้เขาเข้าใจว่าที่มันเกิดขึ้นเพราะอะไร
เขาต้อง การอะไร ทำไมเขาถึงทำ เป็นคนไทยแท้ๆ ทำไมถึงจะต้องทำให้คนไทยเดือดร้อน อย่างที่ผมเรียนเบื้องต้น ว่าภาคใต้เราพอเข้าใจว่า เขาทำทำไม แต่ทางนี้เราไม่เข้าใจจริงๆ และเราก็ไม่ทราบว่าทำไมเขาถึง เลวทรามต่ำช้า ถึงขนาดนั้น อยู่ดีๆ ก็มาฆ่าคนที่เขาไม่เคยรู้จักเลย ที่ไม่เคยทำอะไรให้เขาเลย ไม่เคยไปเบียดเบียน ไม่เคยไปรังแก ไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้กับเขา ไม่เคยเป็นคู่อาฆาตกันเลย แต่ต้องตายไป 3 คน บาดเจ็บไปอีกจำนวนมาก เฮ่อ…

ปีใหม่ปีนี้ค่อนข้างจะพูดดุเดือดหน่อย แต่จริงๆ มันก็น่าดุเดือด เพราะมันเป็นเรื่องที่เราไม่เคยคาดฝันมาก่อน เป็นเรื่องที่พวกเราทั้ง หลายเคยคิดหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ใครเคยคิดบ้าง ใช่ไม่เคยคิดว่าเขาจะถึงขนาดนี้ ถ้าเขาไม่ชอบรัฐบาลก็ไปเล่นงานรัฐบาล เขาไม่ชอบ คมช.ก็ไปเล่นงาน คมช.สิ เขาไม่ชอบแม่ทัพฯ เขาไม่ชอบผมก็มาเล่น งานผม เขาไม่ควรจะไปเล่นงานคนซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย แต่นั่นคือกลยุทธ์ของเขาเป็นกลยุทธ์ที่ค่อนข้างจะเลวทรามต่ำช้ามากที่ไป ทำให้เกิดความวุ่นวายในชาติบ้านเมืองของเรา ผมอยากจะพูดให้ฟังและอยากจะ ขอร้องผู้ว่าฯ ทั้ง 19 จังหวัด ว่า ผู้ว่าฯ ทั้งหลายมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการที่จะไปพูดกับชาวบ้านให้เข้าใจว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรสมควร อะไรไม่สมควร ผมเชื่อในพระสยามเทวาธิราช และพูดเสมอว่าบ้านเมืองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าใครคิดร้ายต่อชาติบ้าน เมือง พระสยามเทวาธิราชจะลงโทษ ถ้าใครจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง พระสยามเทวาธิราช จะคุ้มครอง ผมเชื่ออย่างนั้น และหวังว่าทุกคนก็เชื่ออย่างนั้น ในโอกาสปีใหม่ขอให้พระสยามเทวาธิราชช่วยคุ้มครองชาติบ้านเมืองของเรา และขอให้คุ้มครองพวกเรา และคนในภาคอีสาน ข้าราชการในภาคอีสาน รวมทั้งผู้ว่าฯ รวมทั้งปลัดกระทรวงฯด้วย ช่วยคุ้มครองให้ทุกคนปลอดพ้นจากอันตรายและมีความสุขความเจริญโดยถ้วนกัน ขอให้ทุกคนมีความมั่นคงในเรื่องการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน เรื่องความจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง ขอให้มีความสำเร็จในการปฏิบัติ หน้าที่เป็นที่รักใคร่ของผู้ใต้บังคับบัญชา และของประชาชน”

10 มกราคม 2550
พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการ คมช. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.ได้เชิญผู้บริหารสื่อซึ่งมีทั้งสื่อโทรทัศน์และวิทยุ จำนวนประมาณ 50 คน จากสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง และผู้บริหารสถาวิทยุของรัฐรวมทั้งสถานีวิทยุชุมชน มาร่วมหารือที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยสั่งให้สถานีโทรทัศน์ทุกช่อง วิทยุทุกสถานี ไม่แพร่ภาพกระจายเสียงข้อความหรือแถลงการณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรี และแกนนำของพรรคไทยรักไทย มีการสั่งบล็อกเว็บ CNN และรายการ CNN ทางโทรทัศน์ ที่มีการถ่ายทอดการสัมภาษณ์ของทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 15 มกราคม 2550 เพื่อไม่ให้ประชาชนไทยได้รับรู้ข่าวสารของทักษิณ สนองนโยบายล่าสุดของทหารที่ไม่ให้เสนอข่าวและความคิดเห็นของทักษิณ ชินวัตร , สถานีวิทยุชุมชนประมาณ 300 คลื่น ปิดตัวลง

15 มกราคม 2550
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่าน ทาง CNN โดยปฏิเสธเกี่ยวข้องกับระเบิด 8 จุด ใน กทม.ช่วงสิ้นปี 2549 และการแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมทั้งระบุว่ามีการตัดสัญญาณ UBC ระหว่างการออกอากาศการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ

20 มกราคม 2550
12:42 น. เหตุการณ์กำลังตำรวจคอมมานโด กองปราบปราม เข้าตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์การลอบวางระเบิดในกทม. เกิดขึ้นเมื่อเวลา 06.00 น. ที่กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม (กก.ปพ.บก.ป.) หรือหน่วยคอมมานโด ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีระเบิด 9 จุดในพื้นที่กรุงเทพฯ และ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา นำโดย พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวน ได้สั่งระดมกำลังชุดสืบสวนที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนและแบ่งหน้าที่รับผิดชอบในการเข้าตรวจค้นสถานที่พักของผู้ต้องสงสัย รวมทั้งจุดต้องสงสัยที่เชื่อว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับคดีดังกล่าวทั้งในกรุงเทพฯและอีกหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง เช่น นนทบุรี ลพบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี จำนวนทั้งสิ้น 18 จุด สำหรับการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ชุดสืบสวนซึ่งสนธิกำลังระหว่างตำรวจและทหารได้นำ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 มาตรา 8 เกี่ยวอำนาจการตรวจค้น มาตรา 12 การยึด และมาตรา 15 ทวิ ให้อำนาจกักตัวได้ 7 วันและประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ฉบับที่ 1 มาใช้เพื่อเชิญตัวผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดมาสอบปากคำ โดยชุดสืบสวนได้กำหนดประเด็นข้อซักถามที่จะใช้ในการสอบปากคำทหารและพลเรือนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยไว้ด้วยกันหลายประเด็น ซึ่งนอกจากประวัติส่วนตัวเรื่องที่อยู่ อาชีพการงาน หรือสังกัดแล้วยังได้กำหนดประเด็นหลัก และประเด็นเชื่อมโยงในการสอบปากคำด้วย ด้านการตรวจค้นจุดต้องสงสัยนั้นมีรายงานว่า เกือบทุกจุดที่เข้าตรวจค้นนั้นชุดสืบสวนได้พบตัวผู้ต้องสงสัยซึ่งมีทั้งนายทหารและพลเรือนจำนวนประมาณ15 คนมาสอบปากคำ พร้อมกันนั้นได้ยึดโทรศัพท์มือถือ และสมุดบัญชีธนาคารมาตรวจสอบด้วย โดยในจำนวนนั้นมี นายพิภพ จึงเหลืองอ่อน อายุ 50 ปี เจ้าของวินรถตู้สายบางบอน-หมอชิต อยู่บ้านเลขที่ 108/18 หมู่ 6 แขวงและเขตบางบอน ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือ เสธ ตี๋ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิด พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้ยังได้เชิญตัว พ.ท.สุชาติ คัดสูงเนิน จากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี มาสอบปากคำด้วย"

23 มกราคม 2550
08.30 น. ที่สำนักงานเลขานุการกองทัพบก พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ได้เสนอรายงานผลการสืบสวนสอบสำนวนคดีการลอบวางระเบิดพื้นที่กรุงเทพมหานครและนนทบุรี 9 จุดที่ผ่านมา ต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.

ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า ผลจากการตรวจและเก็บหลักฐานจากที่พักของกลุ่มผู้ต้องสงสัย 19 ราย ที่ตำรวจ-ทหาร ควบคุมตัวไว้พบว่า สามารถเก็บหลักฐานเป็นแก็ประเบิดต่อสายไฟสำหรับต่อชนวนระเบิด ซึ่งมีรอยสายไฟถูกตัดออกไปจากแก๊ป ได้ที่บ้านทหารชั้นประทวนใน จ. ลพบุรี หนึ่งในทหารซึ่งถูกจับกุม ภายหลังนำมาตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบพบ ว่าชนิดและสีของสายไฟที่มีรอยถูกตัดออกไป ตรงกับหลักฐานสายไฟที่พบใน เหตุระเบิดที่ปากซอยสุขุมวิท 62 กทม.เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม

"ทั้งนี้แก๊ประเบิดที่พบที่บ้านของนาย ทหารผู้นี้เป็นแก๊ประเบิดที่ใช้ในกิจการพลเรือน ซึ่งไม่มีการใช้
ใน กิจการของทหาร แม้ว่าทหารผู้นั้นจะทำงานคลุกคลีกับระเบิดก็ไม่น่าจะมีแก๊ประเบิดนี้ ขณะที่สายไฟที่ใช้
ในกิจการระเบิดของพลเรือนก็มีเป็นร้อยสี จึงเป็นไปได้ยากที่สีและชนิดของสายไฟจะตรงกันโดยบังเอิญ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลักฐานชิ้นนี้เป็นหลักฐานหนึ่งที่ พล.ต.อ.โกวิท เสนอต่อที่ประชุม คมช.วันนี้(23ม.ค.)" แหล่งข่าวคนเดิม กล่าว
...
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่า ช่วงเช้าวันนี้ ทีมสืบสวนได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยร่วมขบวนการวางระเบิดเป็นทหารอากาศมาให้ข้อมูลอีก 1 นาย รวมผู้ต้องสงสัยขณะนี้มีจำนวน 19 คน ทั้งทหารบก ทหารอากาศ และพลเรือน จากการสอบสวนเบื้องต้นทุกคนให้การปฏิเสธ แต่เชื่อว่าหลายคนให้การเท็จ
...
ล่าสุดมีรายงานแจ้งว่า ตำรวจกองปราบได้นำกำลังเดินทางไปที่ จ.ลพบุรี เพื่อควบคุมตัวนายทหารชั้นประทวนสังกัดกองทัพอากาศ มาสอบปากคำที่กองปราบปราม เนื่องจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลอบวางระเบิด 9 จุด ใน กทม. หลังจากมีหลักฐานการใช้โทรศัพท์

25 มกราคม 2550
13.30 น. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และประธานคณะมนตรี ความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณี ที่มีทหารตกเป็นผู้ต้องสงสัยใน คดีลอบวางระเบิดพื้นที่กรุงเทพมหานครและนนทุบรี 9 จุดว่า ตอนนี้เป็น เพียงการพิสูจน์คนที่ยังไม่ชัดเจน ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ต้องหา เพียงแต่มีข้อสงสัย แต่ยังไม่มีใครเป็นผู้ต้องหา

เมื่อถามว่า เบื้องต้นกองทัพตกเป็นจำเลยของสังคมไปแล้ว พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จำเลยตรงนี้แก้ไขได้ เดี๋ยวผู้บัญชาการทหารบกจะแก้ เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจว่าทหารที่ถูกควบคุมตัวไม่ใช่ผู้ต้องหาที่แท้จริง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า “ผมมั่นใจอย่างนั้น เพราะยังไม่มีใครรับสารภาพ เพียงแต่ ยุทโธปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ คนที่มีอาชีพนี้เขาก็มีอยู่ ไปที่บ้านผมก็มีกระสุนปืนอยู่”

เมื่อถามว่า หากเป็นการจับแพะ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ต้องรับผิดชอบ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า “ยังเป็นไปตามที่พูดไว้” เมื่อถามว่า ผบ.ตร.ระบุว่าไม่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เอง ว่าใครดีหรือใครไม่ดี ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น

1 กุมภาพันธ์ 2550
กลุ่มเวทีประชาธิปไตยภาคประชาชน นำโดยนายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร ผู้ประสานงานเวทีประชาธิปไตยประชาชน (วปช.) แถลงข่าวและร่วมเดินรณรงค์เปิดกิจกรรมเวทีประชาธิปไตยประชาชน ที่ป้ายรถเมล์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พร้อมกับเปิดตัวเวบไซต์ ‘ไทยพูดดอทคอม’ www.thaiPOOD.com เพื่อเรียกร้องให้การร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ที่กำลังร่างมีกระบวนการมีส่วนร่วมจากประชาชนอย่างแท้จริง โดยยืนยันการนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 2540 มาเป็นร่างในการแก้ไข และย้ำว่าปีนี้ต้องมีเลือกตั้ง

5 กุมภาพันธ์ 2550
16.00 น. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 25/2550 เรื่องให้ข้าราชการมาปฎิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยในคำสั่งระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(4) แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2538 และมาตรา 72(1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.มาปฎิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้ รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน และให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่ปรึกษา(สบ.10) เป็นผู้รักษาการแทน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
(คดีวางระเบิดป่วนกรุงช่วงต้นปีก็เริ่มเงียบหายไปนับตั้งแต่บัดนั้น)

18 กุมภาพันธ์ 2550
22:02 น. ขณะนี้ได้รับรายงานว่าเกิดเหตุระเบิดที่ยะลา 14 จุด, นราธิวาส 6 จุด, ปัตตานี 2 จุด และสงขลา 2 จุด รวม 24 จุด
ส่วนเหตุเผาโรงเรียนและบ้านเรือนมีรวม 18 จุด แยกเป็นปัตตานี 11 จุด, นราธิวาส 5 จุด, สงขลา 2 จุด
สำหรับเหตุยิงเจ้าหน้าที่และประชาชน เกิดเหตุที่ปัตตานี 2 จุด, ยะลา 1 จุด และนราธิวาส 1 จุด รวม 4 จุด
ทั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา 22 ราย ด้านโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ มีผู้บาดเจ็บ 20 คน และเสียชีวิต 1 คน

20 กุมภาพันธ์ 2550
สำนักข่าวรอยเตอร์ตีแผ่บทวิเคราะห์ว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองเมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว กองทัพไทยวุ่นอยู่กับเรื่องการเมืองและกำลังละเลยปัญหาทางภาคใต้ที่เมื่อ 3 ปีก่อนมีผู้สังเวยชีวิตให้เหตุการณ์ความไม่สงบไปราว 2,000 คน “เวลานี้ใจพวกเขาไม่ได้แน่วแน่อยู่ที่การแก้ปัญหาภาคใต้ มัวยุ่งกับเรื่องการเมืองจนละเลยปัญหาภาคใต้ ใจพวกเขาอยู่ที่อื่น” ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงในกรุงเทพฯกล่าว ทั้งนี้ รายงานข่าว ระบุว่า แม้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเยือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่บ่อยครั้ง ตลอดระยะเวลาที่เข้ามาบริหารประเทศ ทว่าทหาร ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐบาลในพื้นที่กลับพากันเป็นกังวลถึงการโยกย้ายตำแหน่งกันมาก อีกทั้งนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในรัฐบาลชุดคณะปฏิวัติก็ยังอุปทานถึงภัยคุกคามจากอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจนต้องมีการเคลื่อนย้ายวิทยุอุปกรณ์ดักฟังโทรศัพท์จากภาคใต้มาสู่กรุงเทพฯ ส่งผลให้พลาดต่อการเตือนภัยระเบิดดังที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อค่ำวันอาทิตย์ ราว 50 ลูกจนมีผู้เสียชีวิต 8 ศพ บาดเจ็บกว่า 50 คน

25 กุมภาพันธ์ 2550
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปในการพระราชทานเพลิงศพ ฯพณฯ จอมพล ถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพ ศิรินทราวาส

8 มีนาคม 2550
สถานีโทรทัศน์ไอทีวีเปลี่ยนเป็นทีไอทีวี เปลี่ยนฐานะของสถานีโทรทัศน์จากเอกชนเป็นสถานีของรัฐบาล

3 เมษายน 2550
สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายก รัฐมนตรีไทยและญี่ปุ่น ลงนามในความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กรุงโตเกียว ขณะที่มีการชุมนุมคัดค้านเอฟทีเอ หน้าสถานเอกอัคร ราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย

30 เมษายน 2550
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพระราชพิธีปล่อยเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ต.991 ณ กรมอู่ทหารเรือ กองทัพเรือ

24 พฤษภาคม 2550

วันนี้เวลา 16.40 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด พร้อมคณะตุลาการศาลปกครองและข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง จำนวน 20 คน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าฯ ถวายเสื้อครุยตุลาการศาลปกครอง เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

ในการนี้ได้พระราชทานพระราชดำรัส แก่คณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ความว่า

" ขอขอบใจที่ท่านเอาครุยของผู้พิพากษาศาลปกครองมาให้ ซึ่งนับได้ว่าท่านได้ให้ความเดือดร้อนเพิ่มเติมแก่ข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าถ้าเป็นผู้พิพากษาศาลปกครองก็มีอำนาจที่จะปฏิบัติในกฏเกณฑ์ของศาล เฉพาะศาลปกครองและในรัฐธรรมนูญฉบับที่ท่านกล่าวถึง คือรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งได้ตั้งศาลปกครองและศาลอื่น ๆ หลายศาล ซึ่งแต่ก่อนมีเพียงศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูงสุด แต่เดี๋ยวนี้ศาลอื่น ๆ ก็เป็นศาลสูงสุดทั้งนั้น และถ้าปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของศาล โดยเฉพาะศาลปกครองซึ่งเป็นศาลสูงสุดอย่างหนึ่ง ก็ต้องถือว่าเป็นศาลสูงสุดอย่างหนึ่งที่มีอำนาจที่กำหนดไว้สำหรับศาลปกครอง

เดี๋ยวนี้ เวลานี้ อีกไม่กี่วันจะมีการตัดสินเกี่ยวข้องกับศาลอย่างอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ศาลปกครอง กล่าวคือศาลรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยเรื่องของอำนาจ เรื่องของการที่จะเป็นพรรคการเมือง ท่านก็พูดไม่ได้เพราะท่านไม่เกี่ยว แต่ว่าพรรคการเมืองเกี่ยวข้องกับการปกครองโดยตรงเหมือนกัน แต่ท่านไม่มีอำนาจ แต่ว่าข้าพเจ้าจะพูดถึงพรรคการเมืองที่จะมีหรือไม่มี ที่จะตั้งหรือไม่ตั้ง ที่จะล้มหรือไม่ล้มนั้น ก็พูดไม่ได้ แต่ว่าถึงบอกว่าเดือดร้อน ที่ข้าพเจ้าได้ทราบว่าท่านเอาเสื้อครุยของศาลปกครองมาให้ก็ไม่มีอำนาจอะไร เลย ตามที่จะใส่เสื้อครุยหรือไม่ใส่เสื้อครุยก็ไม่มีอำนาจ ก็ไม่มีอำนาจ เช่นเดียวกับท่านเองก็ไม่มีอำนาจ

แต่ว่าถ้านึกถึงว่าจะมีการ ตัดสินเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง จะเป็นการตัดสินที่สำคัญมาก และท่านเองก็จะเดือดร้อน เพราะว่าถ้าจะมีพรรคการเมือง ถ้าไม่มีพรรคการเมืองก็ตาม ท่านเดือดร้อน เพราะว่าพรรคการเมืองต้องมี และก็ถ้าบอกว่ามีพรรคการเมือง ไม่ได้อยู่ในอำนาจของท่าน ท่านเดือดร้อน ข้าพเจ้ายิ่งเดือดร้อนใหญ่ ฉะนั้นก็คล้ายๆ ว่า ถ้าใครต่อว่าท่าน ว่าทำไมท่านต้องมาวันนี้ ซึ่งอีกไม่กี่วันจะมีปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ท่านเป็นผู้ใหญ่ ถ้าท่านเป็นตุลาการมาหลายปีแล้ว แล้วท่านต้องมีความรับผิดชอบ ที่จะตัดสิน ไม่ใช่ตัดสินบนบัลลังก์ แต่ตัดสินในใจว่า ผู้ที่เป็นศาลรัฐธรรมนูญ ท่านได้ปฏิบัติ หรือ ตัดสินถูกต้องหรือไม่

ท่านเองท่านก็รับผิดชอบ และท่านก็มีหน้าที่ที่จะวิจารณ์ว่าเขาทำถูกหรือไม่ถูก ข้าพเจ้าเองไม่มีสิทธิ์ใดๆ ที่จะบอกว่าเขาทำถูก หรือไม่ถูก แต่ในใจก็ต้องรู้ได้ว่า เขาทำถูกหรือไม่ถูก ถ้าเขาทำไม่ถูก ตัดสินว่าจะเป็นพรรคการเมือง จะมีอยู่หรือไม่มี ก็เดือดร้อนทั้งนั้น ข้าพเจ้าเองว่าในใจมีคำตัดสินอยู่ แต่บอกท่านไม่ได้ เพราะไม่มีสิทธิ์ที่จะบอก ท่านเองก็ไม่มีสิทธิ์ ท่านเองก็ไม่มีสิทธิ์ แต่ท่านต้องมีการตัดสินในใจ ว่าที่เพื่อนของศาลรัฐธรรมนูญเขาจะตัดสินถูกหรือไม่ ตรงนี้อยู่ในใจ แต่เขาจะตัดสินอย่างไรเดือดร้อนทั้งนั้น เสียหายทั้งนั้น คำตัดสินของเขาเดือดร้อน และเสียหาย สำหรับท่านเองทั้งนั้น ข้าพเจ้าก็เดือดร้อน ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาบอกว่าเดือดร้อน ไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกว่าเขาทำถูกหรือไม่ถูก แต่รู้ในใจว่าเขาจะตัดสินอย่างไรก็ตาม รู้ในใจว่าเขาทำถูกหรือผิด ส่วนใหญ่ก็นึกว่าเขาต้องทำผิดแน่

ถ้ารู้สึกว่าเขาทำผิด เรามีหน้าที่จะวิจารณ์ วิจารณ์ในใจ แต่ละท่านต้องวิจารณ์ที่เพื่อนศาลอื่นทำถูกหรือผิด ต้องมี ต้องวิจารณ์อย่างน้อยในใจของท่าน หรือนอกจากนั้นก็อาจจะนอกใจของท่าน ไม่ใช่พิพากษา มีความเห็นบ้าง เพราะว่า ถ้าหากว่าเขาตัดสินมาอย่างไร จะเสื่อมเสียแก่บ้านเมืองทั้งนั้น จะตัดสินทางไหนก็เป็นคำตัดสินที่จะผิดพลาดทั้งนั้น ฉะนั้นต้องมีการวิจารณ์ และท่านวิจารณ์เป็นทางการไม่ได้ ท่านต้องวิจารณ์เป็นส่วนตัว อาจจะไม่เปล่งออกมา

วันนี้ถึงบอกท่านว่าท่านเอาเสื้อครุยมาให้ แล้ว เอาความเดือดร้อนมาให้ เพราะว่าเอาเสื้อครุยมาให้ก็หมายความว่าข้าพเจ้าก็มีหน้าที่ผู้พิพากษาศาล ปกครองเหมือนกัน แต่ตัดสินอะไรพิพากษาอะไรไม่ได้ ท่านเองก็ตัดสินอะไรไม่ได้ เพราะท่านเองไม่ได้เป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีสิทธิที่จะพิจารณาอะไร แต่ว่าโดยที่ได้ชื่อว่าเป็นศาลรัฐธรรมนูญ เขาก็มีสิทธิ์ยุ่งหมด ถ้าฟังวิทยุ ถ้าท่านก็คงต้องฟังวิทยุทั้งวันทั้งคืน 2 วัน 2 คืนนี้ มีการวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวข้องกับศาล ท่านต้องคิดวิธีที่จะป้องกันตัวแทนเพื่อนผู้พิพากษาศาลต่าง ๆ ทั้งหมดแล้วทั้งหมดก็บอกแล้วว่าศาลฎีกาไม่มีสิทธิ์ศาลฎีกาซึ่งท่านก็เคยได้ ดำรงหน้าที่ศาลฎีกาบ้าง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาบอกว่าศาลฎีกาไม่มีสิทธิ์

ขอพูดอย่างนี้ ท่านไปตีความเอาเอง ผู้พิพากษาศาลอะไรก็ตาม ต้องตีความแล้วต้องตีความให้ถูก ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองพัง

ก็เคยบอกกับท่านประธานว่า ครั้งก่อนที่มีเรื่องเกิดขึ้น ตอนที่ข้าพเจ้าพูดที่หัวหินเป็นเวลาปีกว่าแล้ว ก็เป็นความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น แล้วท่านก็เอาความรับผิดชอบใส่ในตัว แล้วความรับผิดชอบนั้นก็ทำให้คนเอะเอะขึ้นมา จนกระทั่งเกิดเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเรื่องราวต่างๆ ก็มีเหตุมีผล ก็มีเหตุแล้ว ก็มีผลขึ้นมา ยุ่งหมด อีกไม่กี่วันก็ยุ่งต่อไป ท่านเตรียมตัวดีๆ ที่จะให้พร้อมที่จะมีการวิจารณ์บ้าง ไม่ใช่ในฐานะศาล ในฐานะส่วนตัว หรือในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ในฐานะผู้มีความรู้ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้บ้านเมืองล่มจมอย่างทุกครั้ง แล้วบอกว่าเราไม่ทำอะไร เราไม่พยายามแก้ไข จะล่มจม เราก็เกือบล่มจม ตอนนี้ก็เกือบจะล่มจมต่อไป

ฉะนั้น ท่านมีความรับผิดชอบที่จะทำให้บ้านเมืองไม่ล่มจม หรือตักเตือนประชาชนที่มีความรู้ให้มีความรู้มากขึ้น และแม้แต่ประชาชนที่ไม่มีความรู้ให้เกิดความรู้ขึ้นมาว่าบ้านเมืองควรจะไป ทางไหน ท่านทำได้ ท่านพูดได้ ท่านคิดได้ เพราะท่านมีความรู้ จึงขอร้องให้ท่านพยายามที่จะแก้ไขสถานการณ์ต่อไป เพราะว่าสถานการณ์ปีนี้ไม่ดีเลย ฟังวิทยุเขาก็พูดมีเหตุผล มีผู้ที่มีความรู้ออกวิทยุ อาจจะไม่ถูกต้องบ้าง เพราะว่าเขาเป็นนักการเมืองที่พูดทางวิทยุ เราในฐานะ พูดคำว่าเรา เพราะว่าท่านให้ครุยแล้ว ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนผู้พิพากษาคนหนึ่ง มีสิทธิ์และมีหน้าที่ที่จะทำให้คนเข้าใจถึงหน้าที่ของประชาชน หน้าที่ของข้าราชการ ตุลาการที่จะทำเพื่อให้บ้านเมืองรอดพ้นจากความยุ่งยาก ยากเข็ญ ก็จะขอขอบใจท่านทั้งหลายที่จะพยายามคิดให้ทำให้บ้านเมืองไปรอดจากวิกฤตการณ์ ปัจจุบันนี้

เพื่อการนี้ ก็ขอให้พรให้ทุกท่านมีความสามารถ ถ้ามีความสามารถ แต่สามารถที่จะแสดงว่าท่านมีความสามารถ เชื่อว่าท่านทุกคนมีความสามารถ ต้องแสดงว่าท่านมีความสามารถที่จะตัดสินใจและตัดสินใจแทนตุลาการทั้งหลาย ทั้งศาลปกครอง ศาลอื่นๆ สูงสุดบ้าง ไม่สูงสุดบ้าง ให้ตัดสินอะไร พูดอะไร ให้มีความคิดดี ความคิดที่สูงสุด ที่สามารถที่จะแก้ปัญหาต่างๆ การนี้ ท่านต้องรักษาความความซื่อตรงที่มีอยู่และขอให้ท่าน แสดงว่าท่านมีความซื่อตรง ให้ทุกคน ประชาชน ทั้งคนที่ไม่มีความรู้ในทางกฎหมาย แม้แต่คนที่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลย แต่คนทุกคน โดยที่เป็นคนต้องสามารถที่จะคิด เพราะว่าก็หวงแหนบ้านเมือง ไม่อยากให้ล่มจม ก็ขอบใจท่านที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ และขอให้ท่านมีกำลัง โดยเฉพาะกำลังใจ ที่จะปฏิบัติหน้าที่กล้าหาญ และต้องกล้าที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อตรง เพื่อให้ส่วนรวมได้อยู่เย็น ได้อยู่เป็นสุข

ขอให้ทำโดยปลอดภัยและโดยตรงไปตรงมา เข้าใจว่า เชื่อว่าท่านตั้งใจที่จะทำงานเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติ และขอให้ท่านมีกำลังใจ กำลังกายสมบูรณ์ เพื่อที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ และขอขอบใจท่านที่ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลปกครอง และขอให้สามารถตักเตือนคนอื่นให้เขาทำหน้าที่ให้ดี โดยเฉพาะทางฝ่ายตุลาการ ขอให้มีร่างกายและจิตใจแข็งแกร่ง เพื่อให้ทำหน้าที่มีความสำเร็จ เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ”

30 พฤษภาคม 2550
ตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสินคดียุบพรรค 5 พรรคการเมือง โดยมีมติยุบพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย

5 มิถุนายน 2550
คณะรัฐมนตรีมีมติให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้

9 มิถุนายน 2550
เวลา 9.00 น. สถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์ ร่วมใจกันเปิดเพลงพ่อแห่งแผ่นดินอย่างพร้อมเพรียงกัน หวังจะช่วยสร้างความรัก ความสามัคคีของชาวไทย เพื่อถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

11 มิถุนายน 2550
คตส. มีคำสั่งอายัดทรัพย์สิน บัญชีเงินฝากจำนวน 21 บัญชีที่ได้จากกรณี ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ขายหุ้นกลุ่มบริษัทชินคอร์ป และบัญชีเงินฝากที่ใช้ชื่อทักษิณ ชินวัตรและพจมาน ชินวัตร เป็นการชั่วคราว โดยเปิดโอกาสให้เจ้าของทรัพย์สินสามารถยื่นคัดค้านเพื่อพิสูจน์การได้มา ภายใน 60 วัน

17 กรกฎาคม 2550
มีการโพสต์ข้อความที่อ้างว่ามาจาก อ.บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์ อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร เพื่อแสดงให้เห็นการคุกคามเสรีภาพการเกรียนารสอนในมหาวิทยาลัย โดยอ้างถึง บันทึกจากรักษาราชการแทนคณบดีคณะอักษรศาสตร์ ที่ศธ 0520. 202/ ลงวันที่ 16 ก.ค. 2550 เรื่อง ขอเอกสารกระดาษคำตอบและคะแนนรายวิชาอารยธรรมไทย
โดยมีเนื้อหาว่า "ด้วยพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ได้ขอให้คณะอักษรศาสตร์ส่งเอกสารกระดาษคำตอบรายวิชาอารยธรรมไทยพร้อมคะแนน ที่ให้แก่นักศึกษาในการตอบคำถามแต่ละข้อ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2548 ถึงปัจจุบัน เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ คณะฯ จึงขอเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอให้ท่านส่งเอกสารดังกล่าวให้คณะฯภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2550 เพื่อจะได้ส่งมอบให้พนักงานสอบสวนต่อไป"

18 กรกฎาคม 2550
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เริ่มมีผลบังคับใช้ (30 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา)

22 กรกฎาคม 2550
แกนนำกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ 15 คน และกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหลายพันคน เคลื่อนขบวนจากท้องสนามหลวง ไปปิดล้อมบริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพักรับรองสำหรับผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพบกไทย ซึ่ง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ใช้พักอาศัยในกรุงเทพมหานคร เพื่อกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมเชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารในประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ระหว่างเส้นทางการเคลื่อนขบวน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านสกัดในหลายจุด โดยใช้แผงเหล็กวางกั้น และจอดรถบรรทุกของกรุงเทพมหานครขวางถนน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ฝ่าผ่านไปได้ เมื่อขบวนเคลื่อนไปถึงหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ แกนนำ นปก.ใช้เครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่บนรถบรรทุก ปราศรัยโจมตีผู้เกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหารทั้งหมด ในขณะที่ผู้ชุมนุมกำลังอยู่ระหว่างพักรับประทานอาหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามฝ่าฝูงชนเข้าไปจับตัวแกนนำ แต่ไม่สำเร็จ และถูกกลุ่มผู้ชุมนุมผลักดัน จนต้องล่าถอยออกไป สักครู่ใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับมาอีกครั้ง พร้อมสเปรย์พริกไทย เพื่อเปิดทางเข้าไปจับตัวแกนนำบนรถปราศรัย แต่ก็ถูกผู้ชุมนุมผลักดันออกไปได้อีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจล่าถอยไปได้ไม่นาน ก็กลับมาพร้อมกับการยิงแก๊สน้ำตา จนทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมแตกฮือ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถสลายกลุ่มผู้ชุมนุมได้ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องล่าถอยออกไปอีก และกลับมาระดมยิงแก๊สน้ำตาอีกชุดใหญ่ พร้อมกับเสริมกำลังเข้ามามากขึ้น ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด เพราะมีการตอบโต้จากฝ่ายผู้ชุมนุม หลายคนหยิบฉวยอะไรได้ ก็นำขึ้นมาใช้ตอบโต้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นท่อนไม้ คันธง ขวดน้ำ อิฐตัวหนอนปูถนน แผงเหล็กกั้น และอุปกรณ์อื่นๆ รวมถึงการขับรถพุ่งเข้าชน โดยภายหลังจับกุมตัวได้ ทราบชื่อคือนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 เมื่อไม่สามารถต้านทานกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระดมกันมาได้ แกนนำจึงพากลุ่มผู้ชุมนุมถอยออกจากหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เพื่อกลับไปยังท้องสนามหลวงตามเดิม ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ ทั้งในส่วนของผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงแม้จะไม่มีผู้สูญเสียชีวิตหรืออวัยวะจากการสลายการชุมนุม แต่เหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินต่างๆ ในบริเวณโดยรอบที่ชุมนุม อาทิ ป้อมยามตำรวจ, ร้านค้าสมาคมแม่บ้านทหารบก และมูลนิธิพระดาบส ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง

23 กรกฎาคม 2550
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาซ่องสุมเกินกว่า 10 คน ต่อแกนนำ นปก. แกนนำทั้งหมดประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธ์, นายจักรภพ เพ็ญแข, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายแพทย์เหวง โตจิราการ, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย, พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย, นายจรัล ดิษฐาอภิชัย, นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ จึงได้ติดต่อขอเข้ามอบตัว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวไว้ทั้งหมด ทั้งนี้ แกนนำทุกคนไม่ได้ยื่นขอประกันตัวแต่อย่างใด และหลังจากนั้น นปก.ก็แต่งตั้งแกนนำรุ่น 2 ขึ้นมาทำหน้าที่แทน คณะทำงานอัยการได้พิจารณาสำนวนคดีและสั่งไม่ฟ้องแกนนำ นปช. เนื่องจากมีการยื่นหลักฐาน เอกสารร้องขอความเป็นธรรม ที่ผู้ต้องหายื่นเข้ามาให้อัยการพิจารณา ประกอบกับความเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.ยังไม่ถึงขั้นก่อความวุ่นวาย จึงถือว่าเป็นสิทธิเพื่อเรียกร้องตามรัฐธรรมนูญ จึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง และส่งเรื่องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพิจารณาแล้ว แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความเห็นแย้งให้ฟ้องผู้ต้องหา และส่งความเห็นแย้งให้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด พิจารณาชี้ขาด โดยอัยการสูงสุด มีความเห็นชี้ขาดสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหาอื่น ตามความเห็นแย้งของ ผบ.ตร. พนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องแกนนำ นปช.10 คน ในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก และร่วมกันเดินแถว เดินเป็นขบวนใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร และร่วมกันกระทำการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้า พนักงานประกอบด้วย
1. นายวีระ มุสิกพงศ์
2. นายจตุพร พรหมพันธุ์
3. นายจักรภพ เพ็ญแข
4. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
5. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย
6. นพ.เหวง โตจิราการ
7. พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย
8. นายจรัล ดิษฐาอภิชัย
9. นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ
10. นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล
และส่งฟ้องผู้ร่วมชุมนุมก่อความวุ่นวายอีก 5 คน ในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ประกอบด้วย
1. นายบรรธง สมคำ
2. หม่อมหลวงวีระยุทธ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา
3. นายศราวุธ หลงเส็ง
4. นายวีระศักดิ์ เหมธุริน
5. นายวันชัย นาพุทธา

19 สิงหาคม 2550
จัดให้มีการออกเสียงประชามติ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2550
ผลการลงประชามติ
จากจำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง(eligible voters) 45,092,955 คน
มีผู้มาใช้สิทธิ์ลงประชามติ(voter turnout) 25,978,954 คน คิดเป็นร้อยละ 57.61 จากจำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง
มีผู้เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ 14,727,306 คน คิดเป็นร้อยละ 56.69
มีผู้ไม่เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ 10,747,441 คน คิดเป็นร้อยละ 41.37
มีบัตรที่ไม่นับคะแนน (บัตรเสีย+คืนบัตร/อื่นๆ) จำนวน 504,207 บัตร คิดเป็นร้อยละ 1.94

24 สิงหาคม 2550
ผู้ใช้นามแฝงว่า 'พระยาพิชัย’ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุมตัว ด้วยความผิดตามมาตรา 14 (1) และ (2) ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และได้รับการประกันตัวเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ ‘ท่อนจัน’ ถูก บุกจับกุมตัวในวันเดียวกัน ได้รับการประกันตัวเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยศาลอาญามีคำสั่งให้ทั้งสองมารายงานตัวที่ศาลอีกครั้งในวันนี้ (12 ต.ค.)

1 ตุลาคม 2550
สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ความว่า เวลาเช้าวันที่ 13 ตุลาคม 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระอาการพระวรกายด้านขวาอ่อนแรง แพทย์ประจำพระองค์จึงได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ไปยังโรงพยาบาลศิริราช

15 ตุลาคม 2550
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค แถลงถึงกรณีที่คณะกรรมการตรวจพิจารณาการโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ (กกช.) ไม่อนุญาตให้พรรคพลังประชาชนส่งภาพยนตร์โฆษณาชุด “ความสุข” ที่มีความยาว 60 วินาที ออกอากาศทางวิทยุโทรทัศน์ว่า หลังจากที่โฆษณาชุดความสุขของพรรคพลังประชาชนไม่ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศจาก คณะกรรมการชุดดังกล่าว วันนี้ทางพรรคได้รับทราบอีกว่า โฆษณาชุด “30 บาทต่อชีวิต” และโฆษณาชุด “ลูกพ่อ” ทั้ง 2 ชุด มีความยาวประมาณ 30 วินาที ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศด้วยเช่นกัน โดยให้เหตุผลแบบเดียวกันคือ ให้หารือกับคณะกรรมการการเลือก (กกต.) ก่อน ดัง นั้น พรรคจึงได้ทำหนังสือขออนุญาตส่งภาพยนตร์โฆษณาทั้ง 3 ชุด เพื่อออกอากาศทางวิทยุโทรทัศน์ถึงคณะกรรมการชุดดังกล่าว ลงวันที่ 15 ต.ค. 2550 ลงนามโดย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรค เพื่อชี้แจงเหตุผลว่าพรรคตรวจสอบโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างละเอียดแล้วและเห็น ว่าไม่ขัดต่อกฎหมาย และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ดังนั้น การอ้างว่าจะต้องหารือกับ กกต.ก่อนนั้น เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง อีกทั้งนายประพันธ์ นัยโกวิท คณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็พูดผ่านสื่อชัดเจนแล้วว่า กกต.จะไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้ในขณะนี้ จนกว่าจะมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่คณะกรรมการฯจะไม่อนุญาตให้ออกอากาศ

นายชูศักดิ์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้โฆษณาของพรรคการเมืองอื่นได้ออกอากาศเผยแพร่ทางโทรทัศน์ไปนานแล้ว โดยไม่ได้รับการท้วงติง เห็นว่าเรื่องนี้ เป็นการเลือกปฏิบัติ และไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงต้องทำหนังสือเพื่อที่จะขอเวลาเพียงช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง เพื่อขอเผยแพร่ผลงานและแนวนโยบายของพรรคออกทางโทรทัศน์ดังเช่นพรรคการเมือง อื่น และเนื้อหาโฆษณานั้น ยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไข เพราะไม่ได้ ไปขัดหรือโจมตีใคร ถ้าหากมีความพยายามที่จะถ่วงเวลา จำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเท่าที่จำเป็น และหากเกิดความเสียหายจากการที่เราได้จองเวลาออกอากาศ เอาไว้ และทำให้เราถูกปรับ คณะกรรมการชุดดังกล่าวก็ต้องรับผิดชอบด้วย

ด้านนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่จะห้ามสปอตโฆษณาของ พรรคพลังประชาชน เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) บอกแล้วว่าไม่เกี่ยวข้อง และเมื่อพรรคตรวจดูแล้วไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดกฎหมาย ถ้าหากไม่อนุมัติก็จะเอาไปศาล จะเอาไปศาลไทย ไม่เอาไปศาลโลก

28 ตุลาคม 2550
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน (พปช.) แถลงว่า มีรายงานจากผู้สมัครของพรรคในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดศรีสะเกษ ว่ามีการส่งทหารไปประจำในพื้นที่ อำเภอละ 5 นาย เพื่อเกาะติดผู้สมัครและหาข้อมูลผู้สนับสนุนผู้สมัครพรรคพลังประชาชน และขอไม่ให้สนับสนุนผู้สมัคร พรรคเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวขัดต่อนโยบายนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ข้าราชการเป็นกลางในการเลือกตั้ง จึงขอตั้งคำถามถึงนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับกรณีที่เกิดขึ้น หาก กกต. หรือรัฐบาลต้องการพยานหลักฐานตามที่กล่าวอ้าง พรรคพร้อมนำประชาชนที่มาให้ข้อมูลมาเป็นพยานที่ กกต.

นายศุภชัย กล่าวว่า จังหวัดนครพนม และหลายพื้นที่ในภาคอีสาน มีการแบ่งเขตหลายพื้นที่ที่มีปัญหา อาทิ การแบ่งพื้นที่ตามแนวยาวของแม่น้ำโขง และเขตเมืองที่แตกต่าง จากที่มีการแบ่งพื้นที่ ก่อนที่จะมีรัฐธรรมนูญ 2550 การแบ่งพื้นที่ดังกล่าวมุ่งประโยชน์เพื่อตัดฐานอำนาจเก่าของอดีต ส.ส. และทำให้การเลือกตั้งมีปัญหา ทั้งนี้ ทั้งจังหวัดฉะเชิงเทรา และนครพนม ทางผู้สมัครของพรรคได้ทำหนังสือขอความชัดเจนไปยัง กกต.แล้ว แต่ยังไม่มีคำตอบ

29 ตุลาคม 2550
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ในนามของสมาพันธ์ประชาธิปไตย กลุ่ม24มิถุนาประชาธิปไตย กลุ่มสตรีเพื่อประชาธิปไตยทำจดหมายเรื่อง ขอให้นำอัฐิของนวมทอง ไพรวัลย์ ไว้ที่อนุสรณ์14ตุลาและจัดทำชีวประวัติเชิดชูในฐานะเป็นวีรชนประชาธิปไตย เพื่อระลึกถึงครบรอบ 1 ปีการจากไปของ นวมทอง ไพรวัลย์

8 พฤศจิกายน 2550
สนธิ ลิ้มทองกุล เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ที่วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี ได้ฉายา “สันตจิตโต” แปลว่าผู้มีจิตสงบ

12 พฤศจิกายน 2550
วันรับสมัครผู้สมัครในระบบเขตวันแรก การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550 และพรรคประชาธิปัตย์ปราศรัยใหญ่ครั้งแรกที่วงเวียนใหญ่

26 พฤศจิกายน 2550
นิธิ เอียวศรีวงศ์ เขียนบทความ "นายกฯ ของวิกฤตการเมือง" สนับสนุนให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลอย่างน้อย 3 ข้อคือ
...คุณอภิสิทธิ์เสนอให้ยกเลิกกฎอัยการศึกเสีย เมื่อจะจัดให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม,คุณอภิสิทธิ์คัดค้านร่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงและสัญญาว่าจะแก้ไขเมื่อได้เป็นรัฐบาล และไม่กี่วันมานี้ คุณอภิสิทธิ์แสดงความไม่เห็นด้วยกับ กกต.ที่แนะนำมิให้นักการเมืองใช้ 111 อดีตผู้บริหาร ทรท.เป็นสื่อในการหาเสียง...

21 ธันวาคม 2550
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550 : พรรคพลังประชาชนปราศรัยใหญ่เป็นครั้งสุดท้ายที่สนามหลวง ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ปราศรัยที่อุทยานเบญจสิริ และพรรคชาติไทยปราศรัยที่จังหวัดนครปฐม

23 ธันวาคม 2550
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550
ผลการเลือกตั้งพรรค แบ่งเขต สัดส่วน
พรรคพลังประชาชน 199 34 233
พรรคประชาธิปัตย์ 132 33 165
พรรคชาติไทย 33 4 37
พรรคเพื่อแผ่นดิน 17 7 24
พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 8 1 9
พรรคมัชฌิมาธิปไตย 7 0 7
พรรคประชาราช 4 1 5
รวม 400 80 480

อ้างอิง :

http://th.wikipedia.org /wiki/เหตุการณ์ชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์_22_กรกฎาคม_พ.ศ._2550
http://th.wikipedia.org/wiki/พ.ศ._2550
ประชาไทออนไลน์. "เวทีประชาธิปไตยประชาชน ชวนสวมบท ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ในรธน." http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php? mod=mod_ptcms&ContentID=6800&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai (2 กุมภาพันธ์ 2550)
เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ ฯพณฯ จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี ใน แนวหน้า http://www.naewna.com/news.asp?ID=51304 (8 มีนาคม 2550)
เว็บบอร์ดมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน. "คุกคามเสรีภาพ อ.บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์ - ม.ศิลปากร (copy)" http://www.midnightuniv.org/forum/index.ph...mp;topic=4244.0 (17 กรกฎาคม 2550)
ผลการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 อย่างเป็นทางการ โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง เผยแพร่โดย ศูนย์ศึกษาวิจัยการเมืองไทย คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดาวน์โหลดจาก http://www.thprc.org/summary_of_referendum50 (30 สิงหาคม 2550)
ประชาไทออนไลน์ "‘พระยาพิชัย’ – ‘ท่อนจัน’ รายงานตัวที่ศาล คดีเงียบ อัยการยังไม่ยื่นฟ้อง" http://www.prachatai.com/05web/th/home/pag...n_Language=Thai (13 ตุลาคม 2550)
ประชาไทออนไลน์ "ในหลวงประชวร เหตุผิวพระสมองด้านซ้ายขาดเลือด" http://www.prachatai.com/05web/th/home/pag...emLanguage=Thai (14 ตุลาคม 2550)
เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน "ร่วมกันเรียกร้องมูลนิธิ14ตค.นำกระดูกนวมทองไพรวัลย์มาไว้ที่อนุสรณ์ สถาน14ตค." http://www.sameskybooks.org/board/index.php?showtopic=2274 (1 พฤศจิกายน 2550)
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.asp...D=9500000132569
"นายกฯ ของวิกฤตการเมือง" มติชน (26 พฤศจิกายน 2550)
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=43831

---------------------------------------------------------------

FfF