ธรรมชาติของการถวายฏีกา
มักจะเป็นเรื่องที่พึ่งกฏหมายปกติไม่ได้
และชาวบ้านเขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้กฏหมาย
หรือต้องให้นักกฏหมายเขียนฏีกาให้
บางทีเขาอาจเขียนกันสดๆ แล้วถวายเลยก็มี
ด้วยข้อความตามภาษาชาวบ้านด้วยซ้ำ
แถมบางทีไม่รู้ด้วยว่า
เรื่องนั้นเรื่องนี้ที่ฏีกาไป
ผิดกฏหมายหรือไม่
และแม้บางทีจะรู้แต่ก็อาจฝืนทำ หวังฟลุ๊ค
ก็เพราะว่าเป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้ว
ต่อแต่นี้ไปก็ไม่รู้จะพึ่งใคร
ถ้าสิ่งที่เขายื่นไปไม่ว่าเรื่องอะไร
อาจไม่ถูกต้องตามหลักนิติธรรม นิติรัฐ
หรือมีปัญหาทำไม่ได้จริงๆ
ชาวบ้านได้รับทราบผล
เขาก็จะได้หาวิธีการอื่นๆ ต่อไป
เพื่อคลายทุกข์ของเขาให้ได้
เมื่อเหตุแห่งทุกข์ยังไม่ถูกแก้ไข
ก็ต้องดิ้นรนหาหนทางอื่นกันต่อไป
ดังนั้นถ้ามีใครจะขอเซ็นต์เซ่อร์ฏีกาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นฏีกาของ ตาสี ตาสา ยายมี ยายมา
หรือแม้แต่ฏีกาของ ข้าราชการ
พ่อค้า นักธุรกิจ นักการเมือง อะไร
จะทำไม่ได้และคนพวกนี้สมควรถูกตำหนิมากที่สุด
ที่พยายามทำตัวเป็นเสมือนเจ้าพ่อเจ้าแม่วงการฏีกา
ที่จะมาขอเซ็นต์เซ่อร์ก่อน
หรือห้ามยื่นเรื่องนั้นเรื่องนี้
หรือห้ามพวกนั้นพวกนี้ยื่นถวายฏีกาอะไร
ไม่งั้นฏีกาทุกเรื่องที่ชาวบ้านจะยื่นถวาย
ก็ต้องถูกพวกเจ้าพ่อเจ้าแม่พวกนี้ขอเซ็นเซ่อร์ก่อน
แล้วถ้าฏีการ้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมเจ้าพ่อเจ้าแม่
พวกที่ชอบทำตัวใหญ่เกินจริงพวกนี้
แล้วพวกนี้มีสิทธิขว้างแบบเป็นข่าวแบบนี้ด้วย
จะได้มีโอกาสฎีกากันไหม
ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหน่วยงานที่พวกคัดค้านรับผิดชอบ
จะเห็นว่ายังไงก็เชิญตามสบาย
เพราะว่าเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ที่ทำได้
เห็นแล้วประเทศนี้
ท่าจะมีนักเลงใหญ่แทบทุกวงการเลย
แม้แต่เรื่องฏีกายังไม่เว้น
แล้วอนาคตชาวบ้านเขาจะไปพึ่งใครได้หล่ะ
และถ้าเขาพึ่งไม่ได้ เขาไม่พึ่ง
หรือเขาไปพึ่งพรรคพวกอื่น
ก็อย่าไปโกรธเขาน่ะ
เพราะพวกท่านผลักเขาไปเอง
โดย มาหาอะไร
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.