บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


30 กรกฎาคม 2552

<<< ถ้ากลัวความเย็น ต้องอาบน้ำเย็นจัดๆ >>>

เห็นหลายประเทศที่มีหิมะตก
มีอากาศหนาวเย็นจนทะเลสาปกลายเป็นน้ำแข็ง
จะมีพิธีกระโดดลงไปแช่น้ำ
ที่อุณหภูมิเย็นจัดจนติดลบมากๆ
ซึ่งดูแล้วรู้สึกหนาวแทนคนที่กระโดดลงไป
บางประเทศก็มีประเพณีที่แปลกๆ
นำเด็กแรกเกิดจุ่มลงไปในน้ำที่เย็นยะเยือก
กะว่าถ้าไม่แข็งแรงก็ตายเสียตั้งแต่แรกเกิด
จะได้ไม่เสียเวลาผจญกับความหนาวเย็นไปอีกหลายปี
แล้วไปตายเพราะร่างกายไม่แข็งแรงในภายหลัง
ด้วยความสงสัยว่า
อากาศก็หนาวเย็นจนทะเลสาปเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว
กระโดดลงไปในน้ำนั้นไม่หนาวตายหรือ
ก็เลยลองทดสอบกับตัวเองเป็นบางครั้ง
ก็ปรากฏว่า บางทีการอาบน้ำเย็น
หรือใส่กางเกงขาสั้นสวมเสื้อบางๆ
นั่งตากลมที่อุณหภูมิต่ำสิบ
จะทำให้หนาวเย็นมากในช่วงแรกๆ
หลังจากนั้นจะทนความเย็นได้ดีกว่า
การห่มผ้าหนาๆ
หรือพยายามทำให้ตัวเองอบอุ่นเช่นผิงไฟ
กับยังรู้สึกหนาวสะท้านเมื่อออกมาจากที่ผิงไฟ
หรือผ้าห่มเริ่มจะกลายเป็นผ้าเย็นไป
นั้นอาจเป็นเพราะว่า
เมื่อร่างกายเจอความเย็นจัดๆ
แล้วมาเจอความเย็นที่ต่ำลงกว่านั้น
ก็จะรู้สึกไม่หนาวไปกว่าที่เคยเจอ
ในขณะที่ค่อยๆ เจอความหนาวเพิ่มไปเรื่อยๆ
กับรู้สึกหนาวสะท้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากความหนาวแล้วยังมีเรื่องความกลัวอีก
ครั้งหนึ่งที่คิดแบกเป้ไปเที่ยวพม่าคนเดียว
ก็เพราะคิดว่าถ้ากล้าไปพม่ายามนี้คนเดียว
( หลังเกิดจราจลในพม่าจนมีคนตายไม่นาน )
ที่ไหนในโลกนี้ก็ต้องกล้าไปแม้จะกลัวบ้างก็ตาม
เป็นการทดสอบจิตใจ
และการรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันด้วย
เมื่อไปกลับมาแล้ว
ก็รู้สึกเหมือนกับกรณีการอาบน้ำเย็นจัดๆ เลย

ซึ่งทั้งสองกรณีจะคล้ายกันมากคือ
ต้องผ่านความกลัว
ต้องผ่านความกลัวหนาวก่อนลงมืออาบน้ำเย็น
ต้องผ่านความกลัวอันตรายก่อนออกเดินทางไปพม่า
เมื่อผ่านมาได้แล้วความกลัวก็หมดไป
วันหลังไปอาบน้ำเย็นจัดๆ อีกก็ไม่กลัว
วันหลังไปพม่าหรือที่น่ากลัวอีกก็ไม่กลัว
แต่จริงๆ แล้วถ้าเป็นที่ใหม่ๆ ก็ต้องกลัวกันทุกคน
แต่ถ้าเคยผ่านสิ่งที่น่ากลัวกว่ามาแล้ว
ก็จะกลัวน้อยลงไปเท่านั้นเอง
เลยรู้สึกไปเองว่าไม่กลัว
แต่ไม่ว่าจะกลัวหรือไม่กลัวก็ต้องไม่ประมาท
ก็ต้องเตรียมรับสถานการณ์เฉพาะหน้าทุกเมื่อ
เพราะความกลัว ไม่น่ากลัวเท่า ความประมาท

โดย มาหาอะไร