วันนี้ตั้งใจจะไปเดินดูบรรยากาศรอบๆ สนามหลวง
ว่ายังมีม็อบเคลื่อนไหวอยู่ไหม
พอดีเห็นทางเว็บว่า
มีการเสวนาของนักศึกษาที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา
เวลาประมาณบ่ายโมงเป็นต้นไป
ปกติเสาร์อาทิตย์ไม่อยากตื่นสาย
มักตื่นบ่ายหรือเที่ยงเลยตามที่เคยบอกไว้แล้ว
แต่งานนี้สนใจพยายามตื่นไปให้ทันให้ได้
แต่ก็ตื่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้าหลายครั้ง
ไม่ใช่เพราะตื่นเต้นอะไร
แต่ท้องเสียเข้าส้วมหลายครั้ง
แถมยังต้องแวะเข้าตลอดทางจนกระทั่งกลับ
ไม่ว่าแถวอนุสาวรีย์และแถวอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา
ด้วยความไม่รู้ว่าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลาอยู่แถวไหน
แต่พอลงจากรถเมล์แถวหน้า รร. รัตนโกสินทร์
เหลือบไปเห็นป้ายเล็กๆ เขียนว่า 14 ตุลาอะไร
ที่สถานที่ที่ดูเหมือนเดินผ่านหลายหน
แต่ไม่ได้สนใจ เพราะสร้างได้มิดชิดดีมาก
ทั้งๆ ที่ติดถนน แต่สร้างแบบไม่เปิดโล่ง
เหมือนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
เหมือนกลัวใครเห็นก็ไม่รู้
เดินผ่านไปมาถ้าไม่อ่านป้าย
อาจเข้าใจว่าเป็นอาคารสำนักงานอะไร
พอดีเห็นป้ายไปห้องน้ำก็เดินตามป้ายไป
เป็นห้องน้ำเอกชน
แล้วไปเจอข้อเขียนนี้อยู่ที่ประตูห้องน้ำ
ไม่รู้เขียนฝากถึงใคร ใครคิดว่ามีเอี่ยวก็รับไป
เก็บเอามาฝากเพราะอาจไม่มีโอกาสเห็นอยู่ซะมิดชิดเชียว
หลังทำธุระเสร็จก็เดินถ่ายรูปรอบๆ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา
(ไม่รู้เรียกชื่อผิดหรือเปล่า)
ซึ่งชั้นใต้ดินมีห้องประชุมและด้านหลังก็มีแต่น่าจะใหม่กว่า
และมีห้องน้ำด้วย บอกไว้เผื่อคนไปที่หลัง
จะได้ไม่ต้องไปหาห้องน้ำที่ไหน
เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน
ก็ขอจบเรื่องห้องน้ำไว้แค่นี้
เดี๋ยวคนมาอ่านไม่รู้ว่า
พามาที่ยวชมห้องน้ำหรือยังไงถึงเล่าซะเยอะ อิอิ
วันนี้มีการจัดนิทรรศการ
เกี่ยวกับเหตุการณ์สมัย 14 ตุลาให้ชม
แบบนี้
นี่ด้วย
นี่ก็ใช่
บทกวี
รูปวีรชนที่ตายในเหตุการณ์ครั้งนั้น
อันที่จริงมีภาพอีกมากมายที่ไม่ได้ถ่ายมาให้ชม
เพราะแบตฟ้องกำลังจะหมด
ต้องปิดแล้วเปิดใหม่เรื่อยๆ
เพราะชาร์จไว้หลายสัปดาห์แล้วพึ่งนำมาใช้
กลัวไม่ได้ไปถ่ายบรรยากาศที่สนามหลวง
เลย Save พลังงานแบตอย่างเต็มที่
สัญลักษณ์อนุสรณ์แ่ห่งนี้
น่าจะเป็นรูปทรงกรวยที่เห็นเด่นๆ อยู่นี่
ซึ่งบริเวณฐานรากแต่ละด้านจะแกะสลักแบบนี้
ผู้คนมาร่วมเสวนาและมาฟังก็ประมาณราว 40-50 คน
เดินเข้าๆ ออกๆ และมีบางส่วนกลับก่อน
แรกๆ ยังไม่เท่าไหร่
พอใกล้เลิกเริ่มมีแอบแรง นิดๆ
ก็พอได้ลุ้นสไตล์เด็กๆ
ซึ่งวันนี้เรายังได้ไปถกเถียงกับอาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่ง
ซึ่งก็เหตุผลเยอะดีจริงๆ โต้กลับมาให้คิดได้ทุกดอก
แต่เราก็ฝากให้คิดหลายเรื่องเหมือนกัน
ก่อนหน้านั้นเห็นยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ่งเราดูก็รู้ว่าเป็นพวกชอบแนวจักรๆ วงศ์ๆ
เห็นพูดแต่แนวนี้ และยังจะเอา CD
เรื่องน่าเข้าคุกมาฝากอีก
แต่เราไม่รับ เพราะเห็นชื่อเรื่อง
ก็คงเคยผ่านตามาแล้วไม่ใช่อะไร
รับไปซวยเปล่าๆ เดี๋ยวเดินไปมามีตำรวจมาตรวจยุ่งเลย
แต่แกบอกแนวขำขำไม่ใช่อย่างเข้าใจ
และก็อาจารย์ท่านนั้นเขาก็สู้แนวเปิดเผยชื่อแซ่
และชอบแนวสังคมนิยม
แต่พอเราได้คุยแล้วแกชอบแนวทุนนิยมแบบน่ารัก
คงพวกรัฐสวัสดิการหรือพวกประชานิยมอะไรทำนองนั้น
ซึ่งมันก็คือสังคมนิยมดีๆ นี่เอง
เพียงแต่ถ้าพูดคำว่าสังคมนิยมในบ้านเมืองเรา
บางคนอาจมองในแง่ไม่ดี
เลยใช้คำว่าประชานิยมแทน แต่ก็คือๆ กันนั่นเอง
พวกเรียนฟรีนั่นนี่ฟรี แนวสังคมนิยมทั้งนั้น
รัฐบาลหลังๆ นี่ก็แนวนี้ทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่รัฐบาลนี้
เพียงแต่บางเรื่องยังไม่ได้รับการสนใจ
เช่นปัญหาเกี่ยวกับกลุ่มแรงงาน คนตกงาน
และประชาธิปไตยเต็มใบ
สรุปว่าผู้หญิงสองคนระหว่างอาจารย์และผู้หญิงอีกคน
ไม่รู้ใครถูกผิดแต่ทำให้อาจารย์ของขึ้น
ไปคว้าไมค์มาพูดถึงผู้หญิงคนนี้
เราเป็นคนกลางอยู่ในเหตุการณ์ก็เลยบอกพี่กลับไปก่อน
เดี๋ยววุ่นใหญ่ ก็เลยไม่มีอะไรมาก
แต่จริงๆ แล้วมีบางพวกจ้องเล่น
กลุ่มคนที่สู้แบบเปิดเผยเหล่านี้อยู่แล้ว
เขาจึงต้องระวังไว้
ล่าสุดที่ญี่ปุ่นก็แนวคิดคล้ายๆ แบบนี้แหล่ะที่ชนะเลือกตั้ง
เคยได้อ่านคำให้สัมภาษณ์คนที่ชอบแนวสังคมนิยมในญี่ปุ่น
ก็ได้คำตอบทำนองว่า
พรรคสังคมนิยมนั้นมีนโยบายเห็นหัวพวกเขามากกว่าอะไรประมาณนั้นแหล่ะ
จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมชนะในยุคเศรษฐกิจตกต่ำคนตกงานมากๆ แบบนี้
เอาเป็นว่าเด็กๆ เหล่านี้เขาจะจัดเสวนากันทุกวันเสาร์แรกของเดือน
ใครว่างก็แวะมาฟังได้หลายเรื่องคิดได้ดีกว่าผู้ใหญ่บางคนอีก
แต่ขอความกรุณาอย่าเอาเผือกร้อนมาฝาก
สงสารเด็กๆ และคนที่กล้าสู้แบบเปิดเผยตัวตน
ซึ่งก็มีทั้งพวกชอบแนวประชาธิปไตยแบบทุนนิยม
และสังคมนิยมแล้วแต่อุดมการณ์ของละกลุ่ม
ซึ่งเขาก็มีการลงทะเบียนก่อนเข้าด้วยน่ะ
แต่บางคนก็ไม่ลงมีเยอะเหมือนกันเขาไม่ได้ซีเรียสอะไร
แล้วงานนี้ก็มีถ่ายทอดทางเว็บไซด์ www.sanamluang.in.th
และทางห้องแคมฟร็อก Sanamluang_info ด้วย
พอดีเราเห็นเขาทำการถ่ายทอดเลยถามดู
รู้สึกเป็นทีมงานของคุณม้าเร็วซึ่งเราก็ไม่รู้จักหรอก
สัก 5 โมงกว่าๆ ก็เริ่มมีการตั้งวงดนตรีด้านบน
ก็กลุ่มที่นั่งฟังที่ห้องใต้ดินนั่นแหล่ะขึ้นมาฟังดนตรีกันต่อ
ก็เป็นกลุ่มเด็กๆ นั่นแหล่ะ
ผลัดกันมาร้องเพลงนวเพื่อชีวิต
หลายเพลงเราก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
เสียงร้องใช้ได้ทีเดียว
เรานั่งฟังพอสักหกโมงกว่าๆ
ก็เดินไปดูบรรยากาศที่สนามหลวง
อันที่จริงกะว่าดึกๆ จะเดินแถวตรอกข้าวสาร
เผื่อได้คุยกับฝรั่ง
ซึ่งระหว่างนั่งฟังก็พอได้คุยกับสาวชาวสเปนคนหนึ่ง
ซึ่งเราก็พยายามอธิบายว่าที่นี่เป็นอนุสรร์สถานวีรชน
และผู้คนเหล่านี้ก็็เป็นกลุ่มเคลื่อนไหว
เกี่ยวกับประชาธิปไตยอะไรพวกนี้แหล่ะ
แต่ที่อยากไปสนามหลวงก็ต้องการไปดูบรรยากาศที่นั่น
ไปถึงหกโมงครึ่งพึ่งจะเริ่มปราศรัย
คนมากันไม่เยอะส่วนใหญ่นั่งกันกระจัดกระจาย
โดยเฉพาะนั่งจับกลุ่มดูทีวีของคนเสื้อแดง
นี่เป็นกลุ่มหนึ่งด้านซ้ายมือของเวทีปราศรัย
เมื่อมองเข้าหาเวที
นี่อีกกลุ่มอยู่ทางขวามือ
ใครบ้านอยู่แถวนั้นไม่มีทีวีดาวเทียมดู
แวะมาที่สนามหลวงได้ มีทุกวัน
ส่วนนี่ก็ม็อบที่โลกลืม
อย่าว่าแต่สื่อพวกตรงข้ามเลย
สื่อพวกเดียวกันยังไม่ค่อยเห็นโปรโมท
หรือรายงานข่าวให้คนก็ไม่ค่อยรู้
ที่จริงเขาจัดทุกวันไม่เว้นวันหยุด
ศุกร์เสาร์อาทิตย์จะมีคนมากกว่าวันปกติ
แต่ก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่
เพราะคนไม่ค่อยรู้
แถม SMS วันนี้ยังบอกว่า
วันนี้ไม่มีเวทีคนเสื้อแดงที่สนามหลวง
กลัวคนไปเก้อ อะไรประมาณนั้น
ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ ว่าก็มีม็อบเล็กๆ อยู่ทุกวัน
ถ้าจะรายการเผื่อด้วยว่ามีม็อบเล็ก ๆ
ของแนวร่วมคนเสื้อแดงจัดอยู่
ก็น่าจะดีกว่ารายงานแบบนั้นน่ะ
หรือคนละกลุ่มไม่อยากโปรโมทให้
แล้วยังจะมากันคนมาร่วมอีก
ดูแล้วใจไม่กว้างเท่าไหร่เลย
วันหนึ่งเวลาโดนพวกนั้นไม่เสนอข่าวบ้าง
จะไปว่าพวกอื่นได้ยังไง
พวกเดียวกันเองแท้ๆ
แต่ไม่ได้ขึ้นตรงยังไม่สนใจออกข่าวให้เลย
แต่ไม่เป็นไรเราเอามาเผยแพร่ให้แล้ว
ถ้าคนที่ดูสื่อทั้งหลายแล้วไม่มีข่าวอะไร
ก็น่าจะเข้าใจได้ว่ากำลังโดน ปิดหูปิดตา อยู่
แค่มีข่าวว่าเขามีชุมนุมรวมกลุ่มกันทุกวันก็พอ
ไม่ต้องไปถ่ายทำเพราะคนน้อย
ขอแค่โปรโมทให้คนสนามหลวงหน่อยก็ไม่ได้ เฮ้อ
เอาเป็นว่าม็อบเล็กๆ ที่โลกลืม
แห่งท้องทุ่งสนามหลวงเขามีทุกวัน
ถ้ามีม็อบใหญ่เขาก็จะไปร่วมกับม็อบใหญ่
เช่นวันที่ 19 กันยาที่จะถึงนี้ เป็นต้น
เขาประกาศแล้วจะไปร่วมด้วย
แต่ถ้าไม่มีม็อบอะไรที่ไหนเขาจะชุมนุมที่สนามหลวงทุกวัน
ใครว่างก็แวะไปชมได้
คนปราศรัยบางคน
ก็พูดได้น่าฟังเหมือนกัน
โดย มาหาอะไร
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.