บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


07 กุมภาพันธ์ 2553

<<< ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไงก็ดีกว่า ถูกข่าวลือเล่นงาน >>>

พอดีช่วงนี้มีกระทู้โต้ตอบกันไปมา
เรื่องสุดารัตน์ ว่าทำไมไม่ออกมาช่วย
และเตรียมจะตั้งพรรคใหม่อะไรแบบนั้น
ซึ่งก็มีกองเชียร์ฝ่ายสุดารัตน์มาชี้แจงว่า
ทำตามทักษิณให้ทำบ้าง
หรือทำงานอยู่เบื้องหลังเรื่องนั้นเรื่องนี้บ้าง
ซึ่งผมว่าอาจเป็นการเข้าใจผิดกัน
โดยเฉพาะกรณี สุดารัตน์
หรือศัพท์การเมืองชอบเรียก "หญิงหน่อย" นั้น
ย่อมต้องมีคนเข้าใจผิดอยู่แล้ว
ต่อให้ไม่มีใครเขียนกระทู้ขึ้นมาถามก็ตาม
คือทุกคนจะเข้าใจในสิ่งที่ตนเห็นกัน
คือไม่เห็นหญิงหน่อยกับส.ส. กทม. ส่วนหนึ่ง
ออกมาช่วยในแนวหน้า
คนก็สามารถลือและเข้าใจผิดได้ทั้งนั้น
ยิ่งไปจดพรรคใหม่ หรือช่วง ส.ส. ศุภมาส ย้ายเข้าพรรค ภท.
ก็ได้ยินข่าวลือออกมาว่า
ยังมีอีกหลายคน รวมทั้งหญิงหน่อย
พอดีไม่ได้อยู่วงในอะไร
แต่เคยเข้าไปเฉียดนิดหน่อย
เลยได้ยินข่าวนี้มาจากพวกวงใน
ก็เลยพอเดาเรื่องออกแล้วว่า
วงในมันมีหลายวง ก็อาจลือในสิ่งที่เห็น
แต่ไม่ได้สอบถามกัน ชอบใช้วิธีปล่อยข่าวลือถามกัน
ก็เลยเป็นแบบที่เห็น
ผมว่าทางที่ดี
ควรหาวิธีคุยกันหรือมีข่าวลือก็น่ามาสยบข่าวลือ

ซึ่งวิธีสยบข่าวลือที่ดีอย่างหนึ่งก็คือ
การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ฟังดูเหมือนแรง อันที่จริง ก็คือการเปิดโอกาส
ให้คนที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ชี้แจง
อย่างกรณีนี้ในหลายกระทู้
ก็ทำให้ชาวบ้านพึ่งรู้ข้อมูลหลายอย่าง
ว่าใครทำอะไรบ้าง
อย่างที่บอกถ้าทำลับมากจนชาวบ้านไม่เห็น
เวลาไปหาเสียงหรืออะไร
เขาก็สงสัยเสียเวลาชี้แจง
ก็ทำแบบเปิดเผยไปจดทะเบียนก็ไปจด
ยังไงเขาก็รู้อยู่แล้ว
โดยเฉพาะในศูนย์บัญชาการด้านต่างๆ
ทั้งเกี่ยวกับม็อบหรือเรื่องเกี่ยวกับ ส.ส.
ผมคิดว่าสายฝั่งตรงกันข้าม
คงมาฝังตัวเต็มไปหมดแล้ว

ซึ่งเราก็พึ่งดูหนังแฉองค์กรลับซีไอเอ
ขนาดเขาคัดคนเข้าขบวนการ มีพิธีกรรมหลายอย่าง
เช่นมีการบอกความลับสุดยอดของตน
โดยนอนแก้ผ้าหมดมีเพื่อนรวมขบวนการล้อมรอบ
โดยเขาบอกไว้ว่า คนที่ร่วมขบวนการของเขา
ซึ่งใช้สัญลักษณ์หัวกระโหลกและมีกระดูกไขว้กัน
มีทั้งประธานาธิบดีอเมริกา ผู้บัญชาการทหาร แม้แต่ศาลสูง
เรียกว่าครอบคลุมทุกหน่วยงานหลักๆ ของอเมริกา
แต่สุดท้ายก็มีฝ่ายตรงข้ามแอบเข้ามาฝังตัวในรูปแบบต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีแบบมาเป็นเมียอยู่กันกันหลายสิบปีจนมีลูกกัน
ลูกชายก็กลายเป็นสายให้พวกอื่น
แต่ดูแล้วยังงงๆ
ไม่รู้ว่าลูกชายเขาจริงเปล่าเพราะคลอด
ตอนที่ตัวเอกในเรื่องไปทำหน้าที่สายลับที่อังกฤษ
ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นหนังอิงประวัติศาสตร์
คือเขาสร้างหนังได้ชวนงงอาจต้องไปดูซ้ำอีกสักหลายๆ รอบ
แต่เอาเป็นว่าขนาดเขามีวิธีคัดคนมาทำงานเพื่อชาติ
มาเป็นซีไอเอที่ทำงานหาข่าวฝ่ายตรงข้ามอย่างลับๆ
และจ้างคนท้องถิ่นลงมือในเรื่องต่างๆ
เขายังมีไส้ศึกเข้าไปแฝงแบบเนียนสุดๆ
จนทำให้แผนบุกคิวบาของสหรัฐล้มเหลว

คือยังไงผมก็เชื่อว่า
ในพท. และนปช. กลุ่มเสื้อแดงอะไร
มีสายเต็มไปหมด
จนป่านนี้ถ้าไม่มีถือว่าผิดปกติ
และควรยุบหน่วยงานความมั่นคงประเทศนี้ทิ้งให้หมด
แต่เชื่อเหอะว่ามีมานานแล้ว
ผมถึงได้เคยเขียนไว้เรื่อง 13 อย่า
"...
อย่าลืมว่ามีสายอยู่ทุกที่
อย่าคิดว่าคนภักดีจะไม่เปลี่ยนไป"

ดังนั้นผมถึงบอกให้ออกมาเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผย
ให้ทำอะไรตรงไปตรงมาสำหรับพวกเล่นบนดินทั้งหลาย
กรณีแรงๆ ถ้าไม่ถนัดก็มาช่วยหาเสียง
หรือโจมตีผลงานรัฐบาลเหมือนการหาเสียงปกติ
อย่างน้อยก็ช่วยปลุกคนในพื้นที่ของตนและหาเสียงไปด้วย
และอาจยังไม่ต้องไปต่อต้านอะไรถ้าไม่ถนัด
มีมือเท้ามากมายก็ให้ไปทำแทน
ยังงี้ประชาชนเขาก็รู้ว่าออกมาเหมือนกัน
ส่วนคนที่มาร่วมม็อบของนักการเมืองหาเสียง
ก็พาเขาขยับไปร่วมม็อบเสื้อแดงอีกต่อ
ทำแบบนี้น่าจะเหมาะ
กับหลักวางคนให้ถูกตำแหน่ง
บางคนร้องเพลงไม่เก่ง
จะให้ไปร้องเพลง สู้ให้ไปทำอย่างอื่นที่เขาถนัดจะดีกว่า
แต่ก็ควรออกมาให้เห็น
บางคนปราศรัยไม่เก่งหรือยังกลัวพวกอำมาตย์
ก็ไม่ต้องไปแตะ ก็แค่พูดโจมตีผลงานรัฐบาล
เหมือนหาเสียงตามปกติก็พอ
แล้วทีมงานนปช. ก็ไปรับช่วงต่อพาคนมาร่วมม็อบเสื้อแดง
ในการพาคน ส.ส.ในพื้นที่ก็ช่วยพามาก็จะดี
อย่างนี้น่าจะโอเคดีกว่าเงียบกริบทำกันลึกลับ
จนพวกเดียวกันเข้าใจผิด
เล่นการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
ยืดหน้าออกมาได้อย่างผ่าเผย
ไม่จำเป็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ
ระหว่างหลบๆ ซ่อนๆ แต่ฝ่ายตรงข้ามก็รู้เหมือนกัน
กับออกมาตรงๆ ก็รู้เหมือนกัน
สู้ออกมาตรงๆ ดีกว่าสำหรับพวกเล่นบนดิน
เพราะว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ส.ส.ต้องหาเสียงเป็นประจำอยู่แล้ว

ปล. บางทีมันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง
เพราะอยู่กันคนละวง
และไม่ได้คุยกันตรงๆ
เมื่อนำเหตุผลมาชี้แจง
ก็ไม่จำเป็นต้องกระทืบให้จมดินกันไปข้างหนึ่งก็ได้
เพราะมันก็พอมีเหตุให้เชื่อได้ว่า
แต่ถ้าสามารถชี้แจงได้ก็จบ
กรณีนี้มันก็เหมือนการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ไม่ว่าจะพวกเดียวกันหรือต่างพวกก็เหมือนกัน
คนไม่ไว้วางใจก็จะปราศรัยโจมตี ตามข้อมูลที่เขามี
แล้วฝั่งผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
สามารถอธิบายแก้ต่างได้ทุกเรื่อง ก็โอเค
ถ้าไม่ได้ก็จะได้รู้กันว่าเป็นเรื่องจริง
การอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ก็เหมือนกับการเปิดโอกาสให้คนถูกอภิปรายได้ชี้แจง
ไม่เช่นนั้นจะโดนข่าวลือเล่นงานหนัก
โดยที่ไม่มีโอกาสได้ชี้แจง
หรือชี้แจงได้ไม่ทั่วถึง
สู้ถูกเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
คนถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เพราะชาวบ้านเขาสงสัย จนต้องเปิดอภิปราย
ก็อยู่ที่ว่าจะชี้แจงได้เคลียร์ไหม
ถ้าเคลียร์ก็จบ
ไม่ควรไปถล่มคนเปิดอภิปรายกลับ
หรือดิสเครดิตคนอภิปรายกลับ
เพราะมันไม่ได้ช่วยแก้ต่างให้ว่า
ข้อมูลที่เขานำมาอภิปรายจริงหรือไม่
ควรชี้แจงเรื่องที่ถูกอภิปรายให้ชัดแจง
ใครฟังใครเห็นข้อมูลทั้งสองข้างแล้ว
เขาสามารถรู้ได้ว่าเรื่องที่ถูกอภิปรายจริงหรือไม่จริง

ผมสรุปว่า
ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไงก็ดีกว่า ถูกข่าวลือเล่นงาน

ปล. แนะนำอ่านเรื่องนี้เพิ่มเติม
<<< หลักสูตรแนวทางปฏิบัติ ในการงัดข้อกับเผด็จการ >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/09/blog-post_14.html
โดยเฉพาะเรื่อง 13 อย่า

โดย มาหาอะไร
FfF