บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


04 กุมภาพันธ์ 2553

<<< เจ้าของบ้าน VS เจ้าของบริษัทยาม >>>

ถ้าท่านเป็นเจ้าของบ้าน
มีลูกน้องสักหลายสิบคน
และมียามอยู่ในบ้านสัก 5 คน
วันดีคืนดีท่านเกิดไปทะเลาะกับเจ้าของบริษัทยาม
ที่มีลูกน้องเป็นร้อยๆ คน
ซึ่งยามพวกนี้ก็มีอาวุธกันทุกคน
รวมทั้งยามที่มาเฝ้าบ้านท่านด้วย
และยาม 5 คนนั้น
ก็เป็นลูกน้องของเจ้าของบริษัทยามนั้นด้วย
ถามว่าท่านจะมั่นใจได้ยังไงว่า
ถ้าเกิดศึกตะลุมบอลกันกับเจ้าของบริษัทยาม
ท่านจะสู้ฝ่ายตรงข้ามได้
ยามที่มาทำหน้าที่เฝ้ายามที่บ้านท่าน
ก็กินเงินเดือนจากเจ้าของยาม
ไม่ได้กินเงินเดือนจากท่านโดยตรง
แถมมีหน้าที่เป็นยาม
ก็เพราะเจ้าของยามช่วยให้เป็น
เวลาเกิดเรื่อง
ท่านว่ายามพวกนี้จะเข้าข้างใคร
ถ้าเจ้าของยามบอกให้ยาม 5 คนนั้นเลือกข้าง
และที่สำคัญแม้แต่ลูกน้องของท่านเอง
ก็เคยเป็นอดีตยามที่เคยนับถือเจ้าของบริษัทยามอีก
ซึ่งก็ไม่รู้เท่าไหร่
ถ้าเป็นแบบนี้ท่านสามารถเปิดศึก
กับเจ้าของบริษัทยามได้อย่างมั่นใจไหม

ในการรู้เรานั้น
ต้องพยายามตัดสิ่งที่มองไม่เห็นออกไปก่อน
พยายามคิดเฉพาะที่มองเห็น
แบบว่าถ้าเกิดกรณีเลวร้ายที่สุด
จะเหลือคนกี่คน
ถึงจะวิเคราะห์ต่อไปได้ว่า
จะสามารถนำไปเคลื่อนไหวทำอะไร
หรือใช้แผนไหนให้เหมาะกับจำนวนคนดี
ที่ให้คิดเฉพาะที่มองเห็น
ก็เพราะว่าคนเรามีแรงโม้เยอะ
รวมทั้งอาจเป็นแผนทำให้ตายใจก็ได้
ว่าจะมีคนมาช่วยเยอะแยะ
ผมมีพวกอยู่ในมือเท่านั้นเท่านี้
จะมาช่วยแน่ๆ ถ้าเกิดเรื่องอะไร
ถ้าท่านไม่เคยเห็นหัวในยามปกติเลย
ยามไม่ปกติท่านไม่สามารถคิดเข้าข้างตนเองได้ว่า
พวกนั้นจะมาช่วยอะไรจริงๆ
ให้ตัดทิ้งไปได้เลย
โม้ทั้งนั้น หรือทำให้ฮึกเหิมเกินสถานการณ์จะเป็น

ซึ่งจะทำให้เกิดการผิดพลาดในการวางแผนกลยุทธ์
และอาจเกิดกรณีแบบบทเรียนจากกรือแซะได้
เช่นถ้าท่านมั่นใจว่ามีคนเป็นแสน
แต่เอาเข้าจริงมาไม่ถึงหมื่น
แล้วท่านกำหนดแผนงานไว้เพียบ
1 หมื่นคนไปที่นั่น
5 หมื่นคนไปที่นี่
4 หมื่นคนอยู่ตรงนี้
ถ้าของจริงเหลือแค่ระดับพันในแต่ละที่
มิผิดแผนกันหมดหรือ
แล้วจะทำงานทำการอะไรสำเร็จได้

โดย มาหาอะไร
FfF