บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


08 มีนาคม 2553

<<< เศรษฐกิจไทยเปราะบาง จริงหรือไม่ >>>

โครงสร้างงบประมาณ ปีงบประมาณ 2552 - 2553




















http://www.bb.go.th/bbhome/page.asp?option=content&dsc=%A7%BA%BB%C3%D0%C1%D2%B3%E2%B4%C2%CA%D1%A7%E0%A2%BB&folddsc=29001

--------------------------------------------------------------

จากข้อมูลโครงสร้างงบประมาณ ปีงบประมาณ 2552 - 2553
ของสำนักงบประมาณสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์นี้
จะเห็นภาพได้ชัดเจนดีว่า
เศรษฐกิจไทยเปราะบาง จริงหรือไม่

จากข้อมูลโครงสร้างงบประมาณด้านบน
เราลองมาไล่ดูทีละตัวเพื่อให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น

รายจ่ายประจำ








รายจ่ายประจำในปี 2552 = 72.3 %
รายจ่ายประจำในปี 2553 = 84.5 %
เทียบกับจำนวนงบประมาณทั้งหมด
หมายความว่ามีงบประมาณ 100 บาท
ต้องจ่ายเป็นค่าเงินเดือนข้าราชการ
ค่านั่นนี่ ที่เป็นลักษณะรายจ่ายประจำ 84.5 บาท
เพิ่มมากขึ้นจากปีก่อน
แทนที่จะนำเงินไปลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศได้เยอะขึ้น
ก็จะเหลือน้อยลง
ลักษณะแบบนี้ เป็นบริษัทก็เตรียมตัวเจ๊งได้แล้ว

รายจ่ายลงทุน








ปีงบประมาณ 2552 = 22 %
ปีงบประมาณ 2553 = 12.5 %
เทียบกับจำนวนงบประมาณทั้งหมด
จะเห็นได้ว่ามันสัมพันธ์กับรายจ่ายประจำ
เมื่อรายจ่ายประจำมาก
รายจ่ายลงทุนก็น้อยลง
เมื่อรายจ่ายเงินลงทุนน้อยลง
ก็มีเงินไปพัฒนาประเทศน้อยลง
ไปสร้างงานได้น้อยลง
แล้วอนาคตต่อไปจะไม่มืดมนได้ยังไง
ถ้าเป็นลักษณะแบบนี้


รายได้








ปีงบประมาณ 2552 = 1,604,639.5 ล้านบาท
ปีงบประมาณ 2553 = 1,350,000.0 ล้านบาท
จะเห็นได้ชัดว่า
มีแนวโน้มจัดเก็บรายได้ลดลง
หลายแสนล้านบาทในปีนี้
แต่งบประมาณยังคงเพิ่มขึ้น
หมายความว่าจะต้องกู้เงินมาอีกหลายแสนล้านบาทต่อไป

การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ




















แล้วเศรษฐกิจประเทศจะไม่เปราะบางได้ยังไง
ในเมื่อรายได้หาได้น้อย
แถมหามาได้กลายเป็นรายจ่ายประจำเกือบหมด
และรายจ่ายประจำยังจะมากกว่ารายได้ที่คาดว่าจะหาได้อีก
ลองนึกสภาพเป็นคนธรรมดา
หาเงินไม่พอใช้ในแต่ละเดือน
ต้องกู้มาใช้เพื่อให้พอประทังชีวิตไปในแต่ละวัน
และหามาได้ก็หนักไปทางใช้จ่ายส่วนตัว
ไม่ได้นำไปลงทุนอะไรเพิ่มเท่าไหร่
สภาพเหมือนคนหาเช้ากินค่ำไหมแบบนี้
รายได้ก็น้อยและต้องคอยกู้เงินมาประทังชีวิตไปเรื่อยๆ
แล้วจะกู้ไปได้นานซักเท่าไหร่
แล้วถ้าเกิดหารายได้ไม่ได้ในวันนั้น
ก็ต้องอดมื้อกินมื้อในที่สุด
สภาพตอนนี้ของประเทศนี้ก็เหมือนกัน
จึงไม่ต้องแปลกใจ
ถ้าจะได้ยินข่าวรีดภาษีนั่นนี่บ่อยขึ้น
และอนาคตก็จะได้ยินการตัดค่านั่นนี่ลง
ยกเว้นเรื่องซื้ออาวุธ
ทั้งๆ ที่ควรตัดที่สุด
เพราะทดแทนบุญคุณกันยังไม่หมด
ที่อุตส่าห์มาช่วยตั้งรัฐบาลนี้จนได้


GDP






คราวนี้มาดูตัวเลข GDP
ที่รัฐบาลนี้ชอบนำมาอวดอ้างบ่อยๆ
จากที่เห็นว่ามันเพิ่มขึ้น 3.0 %
จากที่ติดลบไป 3.0 %
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหารายได้ไม่พอจะใช้
ต้องกู้มาใช้และรายจ่ายก็ไม่ได้เอาไปพัฒนาประเทศ
หนักไปทางรายจ่ายประจำเสียเกือบหมดไหม
เหมือนคนที่ไม่ค่อยมีเงินในกระเป๋า
แต่ชอบไปคุยว่าตัวเองรวยขึ้น
แต่เบื้องหลัง เป็นหนี้มากขึ้น
หาเงินแทบไม่พอประทังชีวิต
GDP สูงขึ้นมันมีประโยชน์อะไรขึ้นมาหรือ

โดย มาหาอะไร
FfF