บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


22 มีนาคม 2553

<<< สองมาตรฐาน เรื่อง กรณีแจกเงิน แจกผ้าห่ม >>>

“บุญจง”รอดกกต.ยกคำร้องแจกผ้าห่ม

boonjong

เมื่อ วันที่ 6 พ.ค.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงภายหลังการประชุม กกต. ว่า ที่ประชุมได้มีมติเอกฉันท์เห็นตามที่อนุกรรมการไต่สวนเสนอให้ยกคำร้องกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา และนายคารม พลทะกลาง ร้องขอสอบนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กระทำการมอบเงินสงเคราะห์ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และผ้าห่มให้กับ ประชากรที่มีรายได้น้อย โดยใช้บ้านพักเป็นสถานที่จัดมอบ และเห็นว่าไม่ปรากฏหลักฐานเหตุผลเพียงที่นายบุญจงใช้ตำแหน่ง ส.ส. และตำแหน่ง รมช.มหาดไทย เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่อประโยชน์ ของตน ของผู้อื่น ของพรรคการเมืองไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม อันเป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ

การที่นายบุญ จงต้องไปแจกเงินที่บ้านพักก็เพราะว่าหอประชุมที่ว่าการอำเภอโชค ชัยไม่ว่าง เนื่องจากกลุ่มแม่บ้านได้ขอเพื่อใช้ซ้อมรำบวงสรวงท้าวสุรนารี คาดว่าวันดังกล่าวประชาชนจะเดินทางมาแสดงความยินดีกับนายบุญจงที่เพิ่งรับ ตำแหน่ง รมช.มหาดไทย จำนวนมาก ทำให้นายอำเภอโชคชัย ซึ่งเป็นพยานชี้แจงว่า ทำให้ต้องจัดหาสถานที่ใหม่ และที่เลือกบ้านพักของนายบุญจงนั้น เป็นการตัดสินใจของตนเอง นายบุญจงจึงไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือสั่งการ อีกทั้งระเบียบว่าด้วยการสงเคราะห์ของกรมประชาสงเคราะห์ไม่ได้กำหนดสถานที่ การจ่ายเงินเป็นการเฉพาะ โดยให้เป็นความสะดวกของเจ้าหน้าที่และประชาชน เพียงแต่ให้การจ่ายจะต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล

เลขาธิการ กกต. กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการแนบนามบัตรนั้นเห็นว่าไม่อาจฟังได้ ว่านายบุญจงแนบนามบัตรของตนไปพร้อม กับผ้าห่มและเงิน และไม่อาจฟังได้ว่าทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเงินดังกล่าวเป็นของนายบุญจง หรือใช้อำนาจหน้าที่จัดสรรเงินมาให้ประชาชน ซึ่งผ้าห่มที่แจกที่ นายจุมพฏ บุญ ใหญ่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย อ้างว่าเป็นของราชการ เพราะได้มีรถปิกอัพขนผ้าห่มดังกล่าวเข้ามา ในบ้านพักนายบุญจงนั้น จากการสอบสวนนายบุญจงชี้แจงว่า ผ้าห่มดังกล่าวได้จัดซื้อจากราษฎร ต.บ้านหนองยาลัด โดยอ้างภาพถ่าย ข้อเท็จจริง

จึงน่าเชื่อว่าผ้าห่ม ดังกล่าวนายบุญจงใช้เงินส่วนตัวจัดหามา ไม่ได้เป็นผ้าห่มของราชการตามที่มีการกล่าวอ้าง ซึ่งกรณีนี้ยังไม่อาจถือว่าเป็นการแจกทรัพย์สินที่เข้าข่ายจูงใจเพื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้ ตนตามมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. เพราะขณะนั้นการเลือกตั้งเพิ่งจะเสร็จสิ้นไปและยังไม่มีการประกาศให้มีการ เลือกตั้งใหม่ นอกจากนี้วันเวลาที่มีการมอบเงินก็ยังไม่มีการประกาศของ กกต. ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. หรือการเลือกตั้งใด ๆ การให้สิ่งของของนายบุญจงจึงไม่เข้าข่ายความผิดดังกล่าว

ขอบ คุณเนื้อหาข่าวจาก เดลินิวส์

http://news.mthai.com/politics-news/28316.html

------------------------------------------------------------

กกต.มีมติเอกฉันท์ยกคำร้องคดี บุญจง แจกเงิน

กกต. 6 พ.ค. – กกต.มีมติเอกฉันท์ยกคำร้องคดี “บุญจง วงศ์ไตรรัตน์” แจกเงินพร้อมนามบัตร หลังตรวจสอบไม่พบหลักฐานเพียงพอว่าใช้สถานะ ส.ส.หรือรัฐมนตรีเข้าแทรกแซงหน่วยงานรัฐ

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงภายหลังการประชุม กกต. ว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา และนายคารม พลทะกลาง

ร้องให้ กกต.ตรวจสอบกรณีการแจกเงินพร้อมผ้าห่มและนามบัตร ของนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่บ้านพัก อ.ด่านเกวียน จ.นครราชสีมา โดยที่ประชุม กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นควรยกคำร้องตามผลการสอบสวนของคณะกรรมการไต่สวนฯ หลังจากพบว่าการมอบเงินสงเคราะห์ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ ไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าใช้สถานะ ส.ส.หรือรัฐมนตรีเข้าไปแทรกแซงหน่วยงานรัฐ การนำเงินของกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ไปแจก ซึ่งเป็นเงินที่ส่วนราชการได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ปกติ และมีการอนุมัติงบประมาณดังกล่าวก่อนที่นายบุญจงได้รับตำแหน่ง

นายสุทธิพล กล่าวด้วยว่า การเปลี่ยนสถานที่แจก จากหอประชุมอำเภอ ไปจัดที่บ้านพักนายบุญจง เนื่องจากหอประชุมไม่ว่าง ต้องใช้ซ้อมรำบวงสรวง

การ ย้ายสถานที่ไปยังบ้านพักนายบุญจงยังทำให้ระยะทางที่ชาวบ้านจะต้องเดินทางมา รับใกล้กว่าเดิม ผ้าห่มที่นำมาแจกก็เป็นการ ใช้เงินส่วนตัว ไม่ใช่งบฯ ของทางราชการ และในการสอบสวนยังพบว่าไม่ได้เป็นการจูงใจให้ลงคะแนน เพราะเพิ่งเลือกตั้งเสร็จสิ้น และ กกต.ยังไม่ได้สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ประกอบกับการแจกเงิน และสิ่งของ ไม่ได้พบว่ามีการพูดจูงใจให้ประชาชนไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และในนามบัตรไม่พบสัญลักษณ์พรรคภูมิใจไทย หรือระบุตำแหน่งรัฐมนตรี

นายสุทธิพล กล่าวอีกว่า ในการพิจารณาดังกล่าวของ กกต.ไม่ถือว่าเป็นบรรทัดฐานที่จะเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีแจกสิ่งของได้ เพราะต้องพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป ซึ่ง กกต.ดูตามกฎหมายและความเหมาะสม

เลขาธิการ กกต. แถลงด้วยว่า ที่ประชุม กกต.เสียงข้างมาก ยังมีมติยกคำร้องกรณีนายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน ร้องเรียนว่า 22 ส.ว.แทรกแซงการปฏิบัติราชการ หรือการดำเนินงานตำแหน่งประจำของข้าราชการ

ในกรณีมี หนังสือขอให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ห้ามการถ่ายทอดรายการความจริงวันนี้ โดยที่ประชุมเห็นควรให้ยกคำร้อง เพราะการดำเนินการดังกล่าวของ 22 ส.ว.ไม่ถือว่าเป็นความผิด หรือขัดต่อรัฐธรรมนูญ นาย สุทธิพล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ ประชุม กกต.ยังได้อนุมัติขยายเวลากรณีที่คณะอนุกรรมการไต่สวนขอขยายเวลาการสอบสวนคำ ร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากผู้ร้องได้ยื่นเอกสารเพิ่ม โดยให้ขยายเวลาออกไป 15 วันนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2552 ซึ่งจะครบในวันที่ 15 พฤษภาคม 2552.-สำนักข่าวไทย

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง" MCOT.NET
http://tnews.teenee.com/politic/35706.html


---------------------------------------------------------------


จับพิรุธ คำชี้แจง กกต.หตุไม่แจก ใบแดง-ดองดำเนินคดีอาญา "บุญจง วงศ์ไตรรัตน์" ชัวร์หรือมั่วนิ่ม?



เรียบเรียงคำชี้แจงของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ปัดอุ้มนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา เขต 6 และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเพราะไม่ยอมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

หลังจากนำเสนอเอกสารหลักฐานบางส่วนว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)มีพฤติการณ์ที่อาจทำให้เชื่อ ได้ว่า ต้องการอุ้มนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา เขต 6 และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเพราะไม่ยอมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ให้ ใบแดง) นายบุญจง และยังดำเนินคดีอาญาล่าช้า ทั้งที่ กกต.มีมติเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551 ว่า นายบุญจง กระทำฝ่าฝืน (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่ง สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 53(5) หลอกลวง ใส่ร้ายด้วยความเท็จจริงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือ พรรคการเมืองเพื่อจูงใจฯนั้น

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ได้ออกมาชี้แจงกล่าวชี้แจง ดังนี้

1.สำนักเลขาธิการ กกต. ได้มอบหมายให้ฝ่ายกิจการสืบสวนส่งเรื่องให้สำนักวินิจฉัยคดีดำเนินการต่อ แต่เหตุที่ล่าช้าเพราะสำนักดังกล่าวเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นใหม่ ขณะที่เรื่องร้องเรียนมีเข้ามามาก เฉพาะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2551 ก็มีสำนวนกว่า 700 เรื่องแล้ว ซึ่งกกต. ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นหมดแล้ว

ล่าสุดทราบว่า การยกร่างคำวินิจฉัยและ สำนวนในคดีนายบุญจงเสร็จแล้ว และเสนอให้กกต. ชุดใหญ่ลงนามแล้ว ดังนั้นจะเร่งดำเนินคดีอาญาต่อไปแน่ ซึ่งคดีอาญามีอายุความถึง 10 ปี

2.ยืนยันว่า กกต. ไม่เคยคิดช่วยเหลือคุณบุญจง เพราะเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 นายบุญจงได้ลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรคพลังประชาชน(พปช.) กกต. ถูกวิจารณ์มากว่าจ้องแจกใบแดงเฉพาะผู้สมัครจาก พปช. ดังนั้นจึงไม่มีมูลเหตุจูงใจให้กกต. ต้องเข้าไปโอบอุ้มนายญจงเลย กกต. ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณบุญจงเป็นใคร และจะได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบัน

3.การมีความผิดตาม มาตรา 53 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก ตั้งฯไม่ได้หมายความว่า ต้องถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งทุกกรณีไป แต่ ขึ้นอยู่กับการใช้ดุลพินิจของ กกต. ถ้าเห็นว่า มีระดับความร้ายแรงฯ

ตัวอย่างคดีที่นายสุทธิพลยกเทียบเคียง กรณีที่ กกต. มีมติว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ไม่ได้รับเลือก มีความผิดตามมาตรา 53 แต่ไม่ได้ยื่นคำร้องให้ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง อาทิ

-การประ ชุมกกต. ครั้งที่ 61/2551 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2551 กกต. ให้ยกคำร้องคัดค้าน แต่ให้ดำเนินดคีอาญากับผู้สมัคร ส.ส. สุรินทร์ พรรคเพื่อแผ่นดิน 3 คน

-การประชุมกกต. ครั้งที่ 81/2551 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2551 กกต. ให้ยกคำร้องคัดค้านผู้สมัครส.ส. พะเยา พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และผู้สมัครส.ส. ศีรษะเกษ พรรคประชาราช แต่ให้ดำเนินดคีอาญา

-การประชุมกกต. ครั้งที่ 139/2551 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2551 กกต. ให้ยกคำร้องคัดค้านผู้สมัครส.ส. ประชาราช แต่ให้ดำเนินคดีอาญา

4. มติกกต. เมื่อ วันที่ 3 เมษายน 2551 พบว่า กกต. 4 คนมีมติให้ดำเนินคดีอาญากับคุณบุญจงเพราะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 53 แต่มีเพียง 1 คนที่เห็นควรสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งฯ

จากคำชี้แจงของนายสุทธิพลมีข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งดังนี้

หนึ่ง กกต.มีมติให้ดำเนินคดีอาญาเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551 แต่มีคำสั่งตั้งสำนักงานสำนักคดีและวินิจฉัยขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2551 หรือ ประมาณ 4 เดือนหลังจาก กกต.ลงมติ คำ ถามคือ เวลา 4 เดือนนั้นสำนวนดังกล่าวถูกดองอยู่ที่ไหน ในฝ่ายกิจการสืบสวนฯ

นอกจากนั้นตามขั้นตอนปฏิบัติสำนักวงาน กกต.ปฏิบัติอยู่ เมื่อ กกต.มีมติให้ดำเนินคดีอาญาแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งโดยไม่ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไม่ต้องมีการทำคำวินิจฉัย แต่เป็นหน้าที่ของสำนักงานกฎหมายและคดีจะทำเรื่องบันทึกถึงประธาน กกต.ให้มอบอำนาจให้แก่ กกต.จังหวัดหรือ กกต.เขตเพื่อแจ้งความแก่พนักงานสอบสวนในพื้นที่ แต่ทำไมกรณีนายบุญจง ไม่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน แต่อ้างว่า คำวินิจฉัยยังร่างไม่เสร็จ

สอง ในเรื่องแจงจูงใจในการอุ้มนายบุญจงหรือไม่ ไม่มีใครพิสูจน์ได้ แต่การจะลงมติให้ใบแดงนายบุญจงนั่นต้องใช้เสียง 3 ใน 5 ซึ่ง ในกกต.นั้นมีอย่างน้อย 1-2 เสียงแต่แกว่งอยู่เสมอในการวินิจฉัยคดีต่างๆ ดังนั้น ถ้ามีการล็อบบี้หรือวิ่งเต้นอีกเพียงเสียง เดียวก็จะรอดจากการถูกให้ใบแดงได้

ส่วนคดีอาญาที่ต้อง ผ่านพนักงานสอบสวนนั้น การวิ่งเต้นสามารถทำได้ง่ายโดยเแพาะพนักงานสอบสวนในพื้นที่ที่เป็นเขต อิทธิพลของ ส.ส.

สาม การที่อ้างว่า มีการที่ กกต.มีมติว่า ผู้ สมัครผิดตามมาตรา 53 ไม่จำเป็นต้องให้ใบแดงเสมอไปขึ้นอยู่กับดุพินิจเห็นว่า มีความผิดร้ายแรงหรือไม่ นายสุทธิพลอ้างการประชุม กกต. 3 ครั้งมาเป็นตัวอย่างเทียบเคียงคือ ครั้งที่ 61/2551, 81/2551และ 139/2551

ผู้สื่อข่าวพยายามตรสวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ของ กกต.พบว่า การเผยแพร่ข้อมูลไม่เป็นระบบ ไม่มีการเผยแพร่ผลการประชุมมติ กกต.ทุกครั้ง นอกจากนั้นยังไม่เรียงลำดับชัดเจน การสืบค้นจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก

แต่ในที่สุดก็พบเอกสารการแถลงข่าวตามมติ กกต.ครั้งที่ 61/2551 (ข่าวที่ 69/2551)ซึ่งมีมติดำเนินคดีอาญาผู้สมัคร ส.ส.สุรินทร์เขต 3 พรรคเพื่อแผ่นดินเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้ให้ใบแดงซึ่งนายสุทธิพลอ้างว่า เป็นความผิดตามมาตรา 53(เกี่ยวกับการทุจริตเรื่องตั้ง)

แต่จากเอกสารการแถลงข่าวดังกล่าวระบุว่า เป็นความผิดตามมาตรา 59 มาตรา 60 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการติดแผ่นป้ายโฆษณาหาเสียงไม่เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องทุจริตเลือกตั้งตามมาตรา 53 ซึ่งข้อความในเอกสารแถลงข่าวมีดังนี้

"1. กกต.มีมติโดยคะแนนเสียงข้างมากในการเลือกตั้ง ส.ส. จังหวัดสุรินทร์ เขต 3

1.1 นายศุภรักษ์ ควรหา ผู้สมัคร ส.ส. หมายเลข 4 เขต 3 พรรคเพื่อแผ่นดิน (ไม่ได้รับเลือกตั้ง)
1.2 นายสินชัย ตันติรัตนานนท์ ผู้สมัคร ส.ส. หมายเลข 5 เขต 3 พรรคเพื่อแผ่นดิน (ไม่ได้รับเลือกตั้ง)
1.3 นายสมบัติ ศรีสุรินทร์ ผู้สมัคร ส.ส. หมายเลข 6 เขต 3 พรรคเพื่อแผ่นดิน (ไม่ได้รับเลือกตั้ง)
ในข้อกล่าวหาว่า ติดแผ่นป้ายโฆษณาหาเสียงในเขตเลือกตั้งที่ 3 โดยไม่ระบุชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่ของผู้ว่าจ้างอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศ กกต. โดย กกต.ให้ยกคำร้องคัดค้านและดำเนินคดีอาญาแก่ผู้ถูกคัดค้านทั้ง 3 ตามมาตรา 59 มาตรา 60 ประกอบมาตรา 147แห่ง พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550"

จึงไม่แน่ใจว่า มติ กกต.อีก 2 ครั้งตามที่นายสุทธิพลอ้างเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน

สี่ ในการประชุมา กกต.เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551 นั้น มี กกต.ถึง 2 คนที่ให้ใบแดงนายบุญจงคือ นายสุเมธ อุปนิสากร และนายประพันธ์ นัยโกวิท(เอกกสารการลงคะแนนของ กกต.) ไม่ใช่ 1 คนตามที่นายสุทธิพลอ้าง ส่วนอีก 3 คนที่ให้ดำเนินคดีอาญาอย่างเดียวคือ นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ นางสดศร สัตยธรรม และนายสมชัย จึงประเสริฐ

จากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น ถ้าต้องการให้สาธารณชนไว้วางใจ กกต.ควรเปิดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างแท้จริงโดยเฉพาะมติ กกต.ที่ต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ไม่สับสนอย่างเช่นนั้นในปัจจุบัน

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
http://tnews.teenee.com/politic/31909.html

------------------------------------------------------------------

ปธ.กกต.ลั่นคดี บุญจง แจกเงินฯให้เวลาอนุฯสอบ30วัน

นายอภิชาต สุขัคคานนท์
นายอภิชาต สุขัคคานนท์

ปธ.กก ต. ลั่นคดี บุญจง แจกเงินแนบนามบัตร ให้เวลาอนุกรรมการสอบฯแค่ 30 วันเท่านั้น เผยไม่หนักใจดำเนินคดี สุเทพ ระบุไม่คำนึงว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจและมาจากพรรคการเมืองใด ขอดูที่กม.อย่างเดียว ชี้กำลังเร่งปรับปรุงการทำงาน

(4ก.พ.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงการร้องเรียนให้ตรวจสอบนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมว.กระทรวงมหาดไทย กรณีแจกเงินพร้อมนามบัตร ว่า ได้สั่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งคงต้องรอทางคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน โดยเบื้องต้นให้เวลา 30 วัน และคงไม่ขยายเวลาอีก ตนยืนยันกรณีดังกล่าวกกต.จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่ามาจากฝ่ายไหน

นายอภิชาต ยังกล่าวถึงการดำเนินคดีอาญากับนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั้น ว่า ทางสำนักวินิจฉัยและคดีได้ยกร่างสำนวนดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกก ต.ได้ลงนามเรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งยื่นฟ้องต่อศาลภายในสัปดาห์นี้ ยืนยันไม่หนักใจในการพิจารณาสำนวนดังกล่าว เพราะกกต.ไม่ ได้คำนึงว่าเป็นผู้มีอำนาจจะมาจากพรรคการเมืองใด และกกต.ไม่ สนใจตัวบุคคล เราดูในเนื้อหาว่าถ้ากระทำอย่างนี้แล้วผลจะเป็นอย่างไร จะผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร

นายอภิชาต ยอมรับว่าการทำงานของกกต.มีขั้นตอนที่ล่าช้าไปบ้าง ซึ่งตนก็พยายามเร่งรัดการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ผ่านมาตนมักจะพูดในที่ประชุมเสมอว่าได้รับหนังสือร้องเรียนให้เร่งการทำ งานมาโดยตลอด บางทีตนก็เรียกสำนวนที่ถูกร้องเข้ามาตรวจดูก็พบว่า กกต.เคยมีมติไปหลายเดือนแล้วก็ได้แต่เร่งรัดเจ้าหน้าที่ และถ้ามีการประพฤติมิชอบก็ลงโทษตามกฎระเบียบ อย่างไรก็ตามกกต.พยายามปรับปรุงการทำงาน เช่น การเปิดเผยผลคำวินิจฉัยทางอินเตอร์เน็ตของทางราชการ

"อยากฝากถึงประชาชนว่ากกต.พยายามทำงานให้รวดเร็ว และโปร่งใส ซึ่งก็ย้ำกับเจ้าหน้าที่ให้ระมัดระวังการทำงานในทุกขั้นตอน เพราะหน้าที่ตรงนี้ หากช้าเกินไปก็อาจถูกมองว่าให้ความช่วยเหลือ ทางที่ดีที่สุดคือทำให้เร็วโปร่งใส ทั้งนี้กกต.พร้อมให้ผู้ที่สงสัยในการทำหน้าที่ของ กกต. สามารถยื่นตรวจสอบได้ เพราะเรามั่นใจในการทำงานที่โปร่งใส สุจริต"ประธานกกต.กล่าว

ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินปลุกระดมในการสัมมนา ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า สิ่งที่กกต.ดำเนิน การ ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็นได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น อย่างไรก็ตามในส่วนของกกต.หาก มีการร้องเรียนเข้ามา ก็มีหน้าที่ต้องไปตรวจสอบดูว่า กรณีดังกล่าวเข้าข่ายขัดต่อพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือ ไม่ อย่างไรก็ตามทุกเรื่องเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เราก็ไม่อยากให้การเมืองใช้กกต.เป็นเครื่องมือ หรือทำให้กกต.ถูก มองว่าไปฟาดฟันกับทางการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตรงนี้กกต.ให้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง ที่จะปฏิบัติงานอย่างสุดจริตโปร่งใส

http://news.sanook.com/ปธ.กกต.ลั่นคดี-บุญจง-แจกเงินฯให้เวลาอนุฯสอบ30วัน-205612.html

-------------------------------------------------------------------------

กกต.แจกใบแดงสรชาผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 สมุทรปราการ ปชป.
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 18:48:06 น.

ที่ประชุมคณะ กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติให้จัดการเลือกตั้งใหม่ในพื้นที่เขต 1 จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมให้ใบแดง น.ส.สรชา วีรชาติวัฒนา ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ หลังสอบสวนพบแจกเงินพร้อมนามบัตรซื้อเสียง โดยเตรียมส่งสำนวนให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเห็นชอบ พร้อมประกาศรับรองอีก 6 ส.ส.

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกต.มีมติเอกฉันท์ให้งดประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1 และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง น.ส.สรชา วีรชาติวัฒนา ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากให้หัวคะแนนแจกเงินซื้อเสียง พร้อมด้วยแนบนามบัตร ซึ่งผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.มาตรา 53, 55 และ 57 รวมทั้งสั่งให้มีการเลือกตั้งในพื้นที่เลือกตั้งดังกล่าวใหม่

นอกจากนี้ ยังให้ผู้ถูกเพิกถอนสิทธิชดใช้ค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ รวมทั้งให้ดำเนินคดีอาญากับ น.ส.สรชา และ นายชินโชติ หรือประเทือง แสงสังข์

ทั้งนี้ กกต.จะส่งสำนวนให้คณะกรรมการกลั่นกรองที่มาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ซึ่งหากคณะกรรมการชุดดังกล่าวเห็นต่างกับมติของ กกต.ก็มีสิทธิที่จะยืนยันความเห็นของตนเอง แต่ต้องมีการแสดงเห็นผลประกอบ

เลขาะการ กกต.กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.ยังประกาศรับรอง 6 ว่าที่ ส.ส.เนื่องจากครบกำหนด 30 วันตามที่ระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ข้อ 194 ระบุไว้แม้บางคนจะมีเรื่องร้องคัดค้าน โดยรายชื่อของผู้ที่ กกต.ประกาศรับรอง ประกอบด้วย จ.นครพนม เขต 1 นายสุริยา พรหมดี พรรคเพื่อไทย, จ.มหาสารคาม เขต 1 นายขจิต ชัยนิคม พรรคเพื่อไทย,

จ.ร้อยเอ็ด เขต 2 นายปิยะรัช หมื่นแสน พรรคเพื่อไทย, จ.ลำปาง เขต 1 นายสมโภช สายเทพ พรรคเพื่อไทย, จ.ลำพูน เขต 1 นายขยัน วิพรหมชัย พรรคประชาธิปัตย์ และ จ.อุบลราชธานี เขต 2 นายอุดร ทองประเสริฐ พรรคเพื่อแผ่นดิน

--อินโฟเควสท์ โดย รฐฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--
http://www.ryt9.com/s/iq02/519465

---------------------------------------------------------------------

FfF