บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


23 กันยายน 2553

<<< การทำอะไรควรมีเป้าหมาย การทำม็อบก็เหมือนกัน >>>

การทำงานทำการอะไรมันต้องมีเป้าหมาย
ไม่ใช่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ
ทำเรื่อยๆ เปื่อยๆ ไปวันๆ
หรือ สนุกๆ ขำๆ ไปวันๆ
ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่มีอะไรเดือดร้อน
ก็ทำได้ประเภททำอะไรโดยไม่มีเป้าหมาย
แต่ถ้าคิดทำงานใหญ่ ต้องมีเป้าหมาย
ที่ต้องการทำให้ได้ตามนั้น

ในการทำม็อบก็เหมือนกัน
ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน
ผมใช้คำว่า ต้องมี
ไม่ใช้คำว่า ควรจะ
เนื่องจากว่าการทำม็อบ
มันเกี่ยวพันถึงชีวิตผู้คนจำนวนมากมาย
และความคาดหวังจำนวนมหาศาลของมวลชน
ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของใคร คนใด คนหนึ่ง
หรือเรื่องงานเล็กๆ น้อยๆ
แต่นี่เป็นงานใหญ่ ใหญ่มากๆ
เนื่องจากไม่ใช่ม็อบเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
แต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของทุกคนในสังคม
นี่จึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง
กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอาชีพใดอาชีพหนึ่งแล้ว
แต่มันเป็นเรื่องของทุกๆ กลุ่ม ทุกๆ อาชีพ
ทุกๆ วัย หรือทุกๆ คน

แต่การทำม็อบเรียกร้องอำนาจคืนจากผู้มีอำนาจ
มิใช่เรื่องง่าย เนื่องจากผู้มีอำนาจคงสู้ตาย
เพื่อรักษาอำนาจของตนไว้สุดชีวิต
ทำได้ทุกวิถีทางอย่างที่เห็น
ตายกี่ร้อยเจ็บกี่พัน จะเกิดอีกกี่ครั้งแบบนี้
เขาก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
สนใจอย่างเดียวว่าขอให้อำนาจเขาอยู่ได้ก็พอ

จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาพอจะมองกันออกหรือไม่ว่า
สุดท้ายปลายทางของม็อบจะต้องไปเจอเหตุการณ์อะไรยังไง
ก็เห็นกันอยู่ว่า ปลายทางคือ
ต้องประจันหน้ากับกองกำลังติดอาวุธทุกครั้ง
เมื่อรู้แล้วว่าปลายทางต้องไปเจอแบบนั้น
การทำม็อบก็ควรจะพัฒนา
ให้รองรับเหตุการณ์สถานการณ์แบบนั้นได้ด้วย
ไม่ใช่ไม่พัฒนาทำกันไปเรื่อยๆ ไม่มีเป้าหมายเหมือนเดิม
แค่เปลี่ยนหน้าคนมานำแค่นั้น หรือเปลี่ยนกิจกรรมเท่านั้น
แต่ไม่ได้ทำให้มวลชนพร้อมสู้ทุกคน
เพื่อรองรับการประจันหน้า
ยามหน้าสิ่วหน้าขวาน
ถ้าเป็นแบบนั้น ผมว่ายังเป็นม็อบที่ยังไม่ได้พัฒนา

และตอนจบไม่ว่าใครมานำ ก็จบแบบเดิมคือ
มีกองกำลังติดอาวุธมาปราบปราม
มีการแบ่งให้คนกลุ่มหนึ่งไปเผชิญหน้า
อีกกลุ่มหนึ่งไปหลบในที่ปลอดภัย
แกนนำถูกควบคุมตัวหรือมอบตัว
พวกที่ไม่ได้หลบในที่ปลอดภัย
ก็เอาตัวรอดกันไปเพราะมันยิงแบบไม่เลือกหน้าแล้ว
เห็นไหวๆ มันก็ยิงแล้ว ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า
เพราะว่าแยกเก้งกับกวางออกจากกันแล้ว
ที่เหลือเหมาเป็นพวกเก้งหมดเลยก็ยังได้
ดังนั้นหลับหูหลับตายิงใส่อย่างเดียวได้เลยไม่ต้องแยก
กลัวจะไปโดนกวางอะไรแบบนี้ เป็นต้น

ถ้ามีม็อบเป็นแสนเป้นล้าน
แต่แบ่งไปสู้แค่ระดับร้อยระดับพัน

ก็ไม่ต่างอะไรกับมีม็อบแค่ระดับร้อยระดับพันเท่านั้นเอง
ไม่ได้มีเป็นแสนเป็นล้านแน่นอน ถ้าทำแบบนี้
ถ้ามีเป็นแสนเป็นล้าน ก็ต้องออกไปสู้ด้วยกันได้เป็นแสนเป็นล้าน
พร้อมออกไปลุยด้วยกันพร้อมกันทั้งหมดได้
แบบนี้ไม่มีใครกล้ายิงกล้าลุยกล้าสู้หรอกครับ
และพูดได้เต็มปากว่ามีม็อบเป็นแสนเป็นล้านจริงๆ
ไม่ใช่มีแค่ระดับร้อยระดับพันเท่านั้น
ที่เหลือนอกนั้นเป็นแค่ภาพลวงตา

ม็อบในหลายๆ ประเทศ
เขาออกมาเป็นแสนเป็นล้าน
เวลาเจอสลายการชุมนุม
ก็คนจำนวนนี้แหล่ะที่ลุย
แรกๆ ไม่ทันตั้งตัวไม่ได้มีอาวุธอะไร
พอโดนไล่ยิงงวดหน้ามาใหม่
พร้อมเครื่องทุ่นแรง
มาหลายๆ วันจนเป็นเดือนถึงชนะได้
และไม่ต้องมีใครมาคอยควบคุม
แค่ทุกเห็นเส้นชัยว่าอยู่ตรงนั้น
ทำยังไงก็ได้ฝ่าไปให้ถึงก็พอ

บ้านเราอาจไม่ถึงขนาดนั้นก็ได้
แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือแบบนั้น
จึงต้องมีเป้าหมายทำยังไงก็ได้
ให้ม็อบกล้าสู้ทุกคน พร้อมลุยทุกคน
นี่เป็นช่วงเวลาในการฝึกฝน ให้เป็นแบบนั้น
ยังมีเวลา แต่ถ้าไม่คิดฝึกไว้
ก็คงเห็นตอนจบเหมือนเดิมทุกครั้ง
ไม่ว่าใครจะมานำ

การฝึกคนให้กล้าสู้กล้าลุย
ต้องทำให้เขามีความกล้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
การมาอยู่ในกลุ่มคนเยอะๆ
เขาจะมีความมั่นใจกล้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่ต้องไม่ใช่ให้เขามานั่งฟังปราศรัยอย่างเดียว
ใครอยากปราศรัยผมว่าไปจัดรายการทีวี วิทยุ
หรือออกทางอินเตอร์เน็ตดีกว่าครับ
ให้ความรู้ให้เต็มที่ อยากปราศรัยอะไรก็ว่าไป
แต่ช่วงที่คนออกมาเยอะๆ ขนาดนั้น
มันเป็นช่วงเวลาไม่มาก ที่ใช้ฝึกคนให้กล้ามากขึ้น
การไม่มีคนคอยควบคุมก็ทำให้เขามั่นใจเพิ่มขึ้น
ว่าต่อให้ไม่มีแกนนำเขาก็ทำอะไรได้ มาร่วมม็อบได้
ถ้ามีแกนนำ เขาก็จะคอยมองหาแต่แกนนำว่าจะทำยังไงต่อไป
ยามหน้าสิ่วหน้าขวานแกนนำไม่มีใครกล้านำทัพไปอยู่แนวหน้าหรอกครับ
บางคนก็หลบไปก่อน บางคนก็มอบตัวไป
ที่เหลือก็ว่ากันไปไม่มีใครมาบัญชาเกมรบให้หรอกครับ
ก็มีตัวอย่างให้เห็นๆ กันอยู่
สู้ฝึกให้กล้า ให้รู้ทันเกม แล้วไม่ต้องคอยชะเง้อรอคำสั่งใคร
เป็นเสรีชนทำอะไรได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว
เมื่อรวมกลุ่มกันมากๆ ก็สามารถสู้กันได้อิสระเต็มที่
แทบไม่ต้องมีใครไปนั่งบัญชาการรบแถวแนวหน้าเลยด้วยซ้ำ

ซึ่งการมีแกนนำคือจุดอ่อน อย่างมากของม็อบ
ยกเว้นจะมีแกนนำที่กล้าประกาศชนกับผู้มีอำนาจจริงๆ
นอกนั้นถ้าไม่กล้าก็จะทำให้มวลชนไปไม่ถึงไหน
และแกนนำอาจจะถูกข่มขู่ควบคุมหนักจนกลัวหงอยอมในที่สุด
เขาสามารถหาวิธีคุมแกนนำ ด้วยคดีบ้าง ด้วยการข่มขู่บ้าง
คุกคามญาติพี่น้องลูกเมียเขาบ้าง รวมไปถึงเรื่องการซื้อตัวก็อาจมีได้

หรือแกนนำ กลัวว่าจะบานปลาย กลัวเสียชื่อ กลัวนั่น กลัวนี่
จนต้องหาทางไปคอยควบคุมม็อบให้เป็นม็อบเรียบร้อยให้ได้

ดังนั้นควรฝึกให้เขาเป็นเสรีชนเป็นแกนนำได้ด้วยตนเองทุกๆ คนดีกว่าครับ
ใครอยากไปเช็คเร็ตติ้งตัวเองก็ไปเดินเล่นในม็อบได้
ไปแจกลายเซ็นต์ไปให้คำแนะนำอะไรก็ว่าไป
มันมีที่แนะนำมากมายหลายที่
แนวสร้างคนให้เป็นเสรีชน ผมว่าใช้ชนกับตอนจบที่เคยเจอได้ทุกครั้ง
ขอให้มีเสรีชนเยอะๆ มากๆ ระดับหลายๆ หมื่นเป็นแสนเป็นล้านได้ยิ่งดี
ถึงวันนั้นแทบไม่ต้องออกแรง เสียเลือดเนื้อด้วยซ้ำ
เพราะว่าถ้าคนมากและมีพลังแข็งแกร่ง
การย้ายข้างจากผู้ถืออาวุธอาจจะมีมากขึ้น
จนแทบจะปะทะกันไม่มากแค่เช็คกำลังก็รู้แล้ว
หรือถ้ามีปะทะก็ไม่เสียเปรียบแถมได้ระยะยาว
และไม่จำเป็นต้องอยู่ค้างคืน
ให้เขากักให้เขาข่มขวัญ ไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน
แยกย้ายไปพัก พรุ่งนี้มาใหม่
เหนื่อยพัก หายเหนื่อยมาใหม่
คนมากมายมหาศาลแบบนั้น
มันเอาไม่อยู่หรอกครับ

ขอแค่ทำให้คนเป็นเสรีชน
คนที่กล้าสู้ทุกๆ สถานการณ์
และ กล้าสู้ทุกๆ คน เท่านั้นก็พอ

โดย มาหาอะไร
FfF