บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


15 กันยายน 2553

<<< ถ้าใจสู้แม้มีแค่สองมือเปล่าก็ยังน่าเกรงขาม แต่ถ้าใจไม่สู้ต่อให้มีทั้ง 3 เหล่าทัพก็ไร้ประโยชน์ >>>

ได้เห็นสารคดีช่วงที่ ฟิเดล คาสโตร กับ เช กูวาร่า
กำลังต่อสู้เพื่อล้มรัฐบาลคิวบาตอนนั้น
ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ประชาชนเกลียด
เพราะมีการเข่นฆ่าผู้ไม่เห็นด้วยกับตนเหมือนผักปลา
ขนาดผู้หญิงออกมาชุมนุมประท้วง
ยังโดนรัฐบาลส่งพวกเจ้าหน้าที่
มาไล่ตีอย่างกะหมูกะหมา
วันที่ประชาชนลุกฮือ
ชายฉกรรจ์จำนวนหลายพันคน
มือเปล่าวิ่งเข้าใส่พวกทหารที่ถือปืน
จนพวกนั้นวิ่งหนีขึ้นรถไปแทบไม่ทัน
อารมณ์ผู้คนโกรธแค้นกันสุดๆ
ขนาดมีแค่สองมือกับสองตีนเท่านั้น

ในช่วงที่เจียง ไคเช็ก ผู้ยิ่งใหญ่ในจีนเวลานั้น
ส่งคนไปลอบฆ่าลอบทำร้ายพรรคพวกคอมมิวนิสต์
ที่หาเสียงตามปกติ และพวกที่เป็นหัวโจก
เจียงมีอำนาจมากตอนนั้นคุมทั้ง 3 เหล่าทัพ
ทหารนับล้านอาวุธทันสมัยมากมาย
แต่ เหมา เจ๋อตุง ตอนนั้นยังไม่มีกองทัพแดง
ได้รณรงค์เสนอแนวคิดจับอาวุธขึ้นสู้
แต่คนในพรรคส่วนหนึ่งคัดค้าน
เสนอให้ไปยอมจำนนกับเจียง ไคเช็ก
แต่เหมาก็สามารถโน้มน้าวให้คนในพรรค
เห็นชอบและมีมติทำสงครามกับฝ่ายเจียง ไคเช็ก

ในขณะใกล้วันเสียงปืนแตกนัดแรก อีกแค่วันสองวัน
กลุ่มที่ต้องการให้ยอมจำนนต่อเจียง ไคเช็ก
ก็ยังยื้อกับโจว เอินไหล ผู้ได้รับมอบหมายจากพรรค
ให้เป็นผู้นำในการเปิดศึกครั้งแรก
ให้เลื่อนวันเปิดศึกออกไป
จนโจว เอินไหล ต้องทุบโต๊ะยืนยันว่า
จะไม่เปลี่ยนแปลงกำหนดการเดิม
ถ้า โจว เอินไหล ยอมยืดเวลาออกไป
ทหารฝ่ายเจียงจะเสริมกำลังมาทันเวลา
จึงได้มีการเปิดฉากในปฏิบัติการสะท้านโลกในวันที่ 1 สิงหาคม
ด้วยกำลงพลที่รวบรวมมาได้แค่ 3 หมื่นคน แต่ยึดเมืองได้สำเร็จ
หลังจากนั้นก็มีการรบพุ่งกับ ฝ่ายเจียง อีกหลายสิบปี
จนคนมาร่วมรบจากไม่กี่หมื่นคนจนเพิ่มเป็นหลายล้านคน

จะเห็นได้ว่า แค่มีสองมือเปล่าในช่วงแรกๆ
แต่ใจสู้ยังประกาศสู้กองทัพอันยิ่งใหญ่ แบบไม่กลัวเกรง
แค่สองมือเปล่า ถ้ามีคนใจสู้นับแสนนับล้าน ใครก็ต้านไม่อยู่
ในขณะเดียวกัน คนที่คุม 3 เหล่าทัพ
แต่ถ้าเขาเป็นคนใจไม่สู้แล้ว
มันก็สู้คนมือเปล่าแต่ใจสู้ไม่ได้หรอก
ที่ว่ามือเปล่านี่ช่วงแรกๆ น่ะ พอสู้ไปสักพัก
เดี๋ยวก็จะพัฒนา หาอาวุธมาสู้ต่อไป
แต่ยามที่ตัดสินใจสู้ยังมีแค่มือเปล่า

การเลือกใช้คนยามที่ต้องต่อสู้กับฝ่ายผู้มีอำนาจ
ถ้าคิดว่าคนที่มีสีจะมีบารมีมาก
หรือคนที่เคยคุมทหารตำรวจ
จะน่าเกรงขามต่อฝ่ายตรงข้าม
แต่ถ้าคนๆ นั้นใจไม่สู้
ยอมหงอให้ฝ่ายตรงข้าม
ท่านว่าจะมีประโยชน์อันใด
สู้หนุนคนใจสู้
ที่ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์อะไรมาก่อนไม่ดีกว่าหรือ
เพราะยังมีโอกาสเห็นแสงสว่างปลายอโมงค์บ้าง
เพราะคนที่ยอมหงอ กลัวฝ่ายตรงข้าม
วันหนึ่งถ้าโดนฝ่ายตรงข้ามข่มขู่
เขาจะรีบหนีไม่ทัน ทิ้งเพื่อนร่วมรบไว้ข้างหลังได้เหมือนกัน
และเผลอๆ อาจโดนฝ่ายตรงข้ามบังคับให้ทำงาน ให้เขาก็เป็นได้

ดังนั้นการใช้คนสู้ศึก ต้องดูใจก่อนอันดับแรก
ถ้าใจไม่กล้า อย่าได้ตั้งมานำเชียวไม่ว่าม็อบหรือพรรค
เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร
นอกจากมารั้งความก้าวหน้า
มาถ่วงความเจริญไปวันๆ เท่านั้นเอง

โดย มาหาอะไร
FfF