บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


25 พฤศจิกายน 2553

<<< เทศกาลราษฎร์ดำเนิน และ เทศกาลราษฎร์ประสงค์ ช่วงนี้ น่าจะทำกิจกรรมอยู่กับที่ไปก่อนจะดีกว่า >>>

แค่ทำกิจกรรมอยู่กับที่ พวกนั้นก็ออกอากาศกันน่าดูแล้ว
โดยเฉพาะที่เริ่มเห็นแรงสุดก็วันที่ 10 ที่ผ่านมา
มีทั้งข่าวลือแรงๆ และล้อมจริงขึงขัง
ดูเหตุการณ์วันนั้นได้ที่นี่
<<< ครบรอบ 6 เดือนย้ำเตือนความทรงจำ เสื้อแดงถูกกระทำที่แยกคอกวัวและแถวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2010/10/blog-post_11.html


และที่ราชประสงค์ก็ป่วนช่วงต้นๆ ทุกครั้ง
จะเห็นได้ว่าแค่มาชุมนุมเฉยๆ แล้วกลับ
ยังออกอาการแบบนี้ ถ้าเพิ่มกิจกรรมที่ไม่ผิดกฏหมายเข้าไปอีกนิด
เช่น หาทางจับกลุ่มเพื่อสื่อสารกัน หรือเล่นละคร ร้องเพลงเหมือนปกติ
และถ้าจะให้ดีน่าจะมีกิจกรรมจูงใจให้เห็นคุณค่าสู้เพื่อประชาธิปไตย
คือทำยังไงก็ได้ที่จะจุดประกายให้คนที่ไปม็อบ
อยากจะสู้เพื่อประชาธิปไตยหรือสู้จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง
ส่วนคนที่บรรลุแล้วก็ไปสังสรร หาเพื่อนคุยชมบรรยากาศไป ก็อิ่มใจแล้ว

การเดินไปที่รัฐสภาในวันที่ 10 นอกจากไม่ได้อะไรแล้ว
ยังจะทำให้มวลชนที่ยังไม่กล้ามา ไม่กล้ามากันใหญ่
แต่ถ้ายังจัดกิจกรรมแถวๆ อนุสาวรีย์ทำเป็นเทศกาลทุกๆ เดือน
ใครมีกิจกรรมใหม่ๆ ไม่ผิดกฏหมายก็มานำเสนอกัน
ผู้คนอาจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้

แถมวันที่ 11 พวกพธม. จองพื้นที่แถวรัฐสภาไว้แล้ว
และคิดว่าน่าจะมีการจองไว้ทุกคราวที่มีการประชุมเรื่องสำคัญ
เพื่อกันคนเสื้อแดงไปเย้วๆ แถวๆ สภา
แต่ฉากหน้าอาจดูเหมือนมาต่อต้านรัฐบาล
ซึ่งหมากเกมนี้ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

พวกนั้นเขาคงมาตั้งเต้นท์ยึดพื้นที่แถวๆ นั้น
ในช่วงวันที่ 10 แล้ว การไปแถวนั้น
อาจมีการสร้างสถานการณ์ปะทะกันได้
เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
เพราะสถานที่ไม่ห่างกันมากนัก
ถ้ามีคนไปปั่นหัวว่าพวกเสื้อแดงจะมาลุยที่รัฐสภา
อาจมีการออกมาสกัดแทนเจ้าหน้าที่
ก่อนที่จะเลี้ยวไปทำเนียบได้
จะทำให้พวกนั่งบนภูของจริงหัวเราะชอบใจ
และอาจเป็นเงื่อนไขให้หาเรื่องต่อ พรก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก
ซึ่งปกติจะมีระเบิดช่วงใกล้ครบกำหนดต่อ พรก.ฉุกเฉิน

ส่วนประเด็นที่ว่าไปร่วมกับเสื้อเหลืองต่อต้านรัฐบาล
ถ้าทำได้ ผมว่าเป็นเรื่องปกติรัฐบาลจะได้ไปไวขึ้นอีก
ซึ่งผมไม่ห่วงเรื่องนั้น ห่วงแต่พวกจะสร้างสถานการณ์
ไปชนกับเสื้อเหลืองมากกว่า
ส่วนพวกจะมาอ้างอะไรเพื่อทำรัฐประหาร ก็ไม่น่าห่วง
เรื่องรัฐประหารแม้ไม่อยากให้เกิด
แต่ถ้าอยากให้เกิดก็ต่อต้านแบบตื่นเต้นไปอีกแบบ
และอาจมีโอกาสดีๆ น็อคพวกนั้นได้เหมือนกัน

สรุปผมเห็นว่าเน้นอยู่กับที่ให้มวลชนกล้ามาร่วมเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ต้องรีบร้อนอะไร ซึ่งช่วงนี้ก็ต้องเริ่มเผยแพร่อุดมการณ์
และหาทางทำโครงข่ายการติดต่อกันไปพลางๆ ก่อน

ส่วนกรณีอยากให้แกนนำออกมาพอมีทาง
คือทำแบบวันที่ 10 ที่ผ่านมานั่นแหล่ะมาถูกทางแล้ว
แต่วันที่ 19 ที่ผ่านมาเริ่มจะวกกลับทางเดิมอีกแล้ว
แล้วเมื่อไหร่จะกดดันให้เขาปล่อยออกมาหล่ะ

ในวันที่ 10 ไม่มีแกนนำของจริง บก.ลายจุด เข้าๆ ออกๆ ในม็อบ
แต่สั่งใครไม่ได้และไม่คิดไปสั่งด้วย
เจ้าหน้าที่ข่มขู่จะลุยหรือขอให้หลีกเพราะนั่นนี่
ก็ไม่มีใครฟัง บอกให้ไปตามแกนนำมาคุย
ก็โดนตอกกลับว่าแกนนำอยู่ในคุกปล่อยออกมาซิ อะไรประมาณนั้น
ทำให้พวกนั้นทำอะไรไม่ถูกจะลุยก็ยังไม่กล้าเงื่อนไขไม่พอ
จะพูดก็ไม่มีใครฟัง เครียดไปตามๆ กัน กดดันได้มากพอดู

ส่วนในวันที่ 19 จตุพรไปไหว้ศาลพระพรหม
เจ้าหน้าที่สบายๆ ให้จตุพรไปคุมม็อบ
จตุพรบอกเลิกก็เดินกลับกันเป็นแถว
คุมม็อบได้ค่อนข้างหมดแบบนี้
เขาจะปล่อยที่เหลือออกมาทำไม
ก็ปล่อยจตุพรมาคุมคนเดียวก็พอ
เขาไม่รู้สึกกดดันอะไรเลย
ที่มารับแรงกดดันแทนคือจตุพร
ซึ่งไม่ควรไปรับรู้ ใครไปใครจะมา
ใครจะทำอะไร ไม่ควรไปรับรู้
หรือไปพยายามควบคุมมวลชนให้ได้
เพราะ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ไม่มีแกนนำหลักสักคนเดียว
เขาก็มากันได้ และกลับกันเองได้ เมื่ออยากจะกลับ
ก็ไม่เห็นมีเรื่องอะไร ทำไมจะต้องไปเดือดร้อน
เสี่ยงโดนหาเรื่องเข้าคุกอีก
สู้ตะเวนจัดม็อบตามต่างจังหวัดหนุนคนมาร่วมเทศกาล
ยังจะเข้าท่ากว่าไปช่วยเจ้าหน้าที่คุมมวลชน

ถ้ายังคิดอยากจะคุมมวลชน แถมคุมได้ดีอีกด้วย
พวกที่ติดอยู่ก็ไม่ได้ออกหรอก
เพราะเขาไม่รู้จะปล่อยออกมาทำไม
การปล่อยคนเข้าออก ล้วนมีจุดมุ่งหมายทั้งนั้น
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญนักหรอก

ถ้ามีคนมาร่วมเทศกาลเยอะมากๆ แล้ว
และไม่มีใครคุมได้จริงๆ
วันนั้นเขาอาจตัดสินใจปล่อยออกมา
การไปอ้อนวอนว่าปรองดองอะไร
แทบจะคุกเข่าขอร้อง
เขาไม่ปล่อยออกมาหรอก
เขาจะได้อะไรในเมื่อทำตัวแบบไปคุกเข่าอ้อนวอน
แสดงว่าคนที่จะปรองดองไม่ปรองดอง
ไม่ใช่คนคุกเข่าแต่เป็นคนที่คุณไปคุกเข่าอ้อนวอน
ถ้าเช่นนั้นไม่ปรองดองแล้วจะทำไมหรือ
การเจรจาต่อรองอะไร
มันควรจะมีอำนาจในการต่อรองด้วย

โดย มาหาอะไร
FfF