บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


14 กุมภาพันธ์ 2554

<<< จากศาลอาญาสู่อนุสาวรีย์ ครั้งนี้เราขับรถร่วมขบวนด้วย >>>

ปกติเคยร่วมขบวนลักษณะชาวเกาะ
เจอกระบะก็ขอขึ้น เจอมอเตอร์ไซด์ก็ขอซ้อน
ครั้งนี้ขับรถร่วมขบวนไปด้วย
อยากรู้ความรู้สึกคนขับรถเป็นยังไง
ไปถึงแถวรัชดาลงจากสะพาน
ถ้าตรงไปรถติดมาก เราเลยขับรถเลี้ยวขวา
มาจอดแถวๆ ฝั่งขวาในภาพด้านล่างนี้
พึ่งรู้ว่านี่เป็นแถวๆ ต้นขบวน
ต้นขบวนจะเริ่มจากแถวๆ สี่แยกใต้สะพานนี้
ซึ่งตอนนั้นเกือบบ่ายโมงแล้ว
บริเวณนี้รถยังไม่เยอะเท่าไหร่












หลังจากรถก็ลองเดินไปทางศาลอาญารัชดา

เลยแวะขึ้นสะพานลอยเพื่อถ่ายภาพมุมสูง
ซึ่งก็เห็นรถจอดเป็นแถวยาวเหยียดแบบนี้













ไกลๆ ริบๆ จะเห็นคนยืนอยู่เต็มถนน

ล้นไปอีกฝั่งด้วยทำให้การจราจรเคลื่อนตัวลำบาก
เพราะเหลือฟากและเลน แต่ช่วง บ่ายโมงครึ่ง
อีกฝั่งก็เห็นมีรถเสื้อแดงจอดเยอะแยะเต็มไปหมด
และรถเริ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆ


















บรรยากาศแถวๆ หน้าศาลอาญารัชดา
มีเวทีปราศรัยบนรถ ผู้คนแน่นมากแถวนี้













สีสรรวันนี้เห้นชายคนหนึ่งแต่งตัวแปลกๆ
ไอเดียบรรเจิดจริงๆ
ตัวเลข 91 ที่เห็นนั่น
คงไม่ใช่หลักกิโล แต่คงเป็นจำนวนศพ
















พอช่วงจตุพรมา เข้าใจว่าอีกไม่นานขบวนจะเริ่มเคลื่อนแล้ว
เราเลยเดินย้อนกลับไปที่รถเพื่อเตรียมตัว
ปรากฏว่ารถเยอะมากขึ้นจนตาลายเดินเลยรถ
หารถไม่เจอนึกว่ารถหาย ตกใจหมดเลย
พอถามคนแถวๆ หัวขบวนที่มีมอเตอร์ไซด์เจอเยอะๆ
ก็บอกว่าไม่เห็นรถลักษณะแปลกๆ ของเราผ่านมา
เราก็เลยเดินย้อนกลับมาดูอีกทีว่ามันหายไปจริงหรือเปล่า
เดินสำรวจมาเรื่อยๆ ก็มาเจอรถเราแบบว่า
ตอนจอดก็ลืมจำไปว่าจอดอยู่ช่วงไหน
เดินเลยจุดที่จอดไว้ อิอิ เป็นแบบนี้ประจำเลย
ไปจอดห้างยังลืมบ่อยๆ ว่าไปจอดชั้นไหน
ต้องเดินหาตามชั้นจอดรถต่างๆ หลายหนเหมือนกัน อิอิ













ช่วงเวลาบ่ายสอง เริ่มออกเดินทาง













ภาพบรรยากาศระหว่างเดินทาง
ซึ่งเราต้องขับรถไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย
เสียวพวกมอเตอร์ไซด์ ปาดหน้าปาดหลัง มองไม่ค่อยเห็น
กับกลัวจะเผลอไปชนรถคันหน้า เลยถ่ายรูปไม่ได้มาก

























มาถึงที่หมายแล้ว แถวถนนราชดำเนิน













ฝั่งหนึ่งของอนุสาวรีย์ ช่วงที่ไปถึง
แดดค่อนข้างร้อนมากๆ
ผู้คนยังหลบตามร่มค่อนข้างเยอะ
ตอนแรกคิดว่าวันนี้อาจมีเปียกฝน
เพราะเล่นตกหนักมาช่วงเช้าแถวๆ ดอนเมือง
ที่อื่นไม่รู้ว่าตกหรือเปล่า
เป็นฝนหลงฤดู
หรือของพวกหลงยุคทำก็ไม่รู้













มีเอกสารขนาด A3 แจกเกี่ยวกับเรื่องการต้านรัฐประหาร

ทั้งเนื้อหาและวิธีการถือว่าใช้ได้
เพราะว่าบางทีโพสตามเน็ต คนรับรู้มีไม่เท่าไหร่
แถมไม่แน่ใจว่าที่มาอ่านเจอจะเป็นคนที่ไปร่วมม็อบด้วยหรือเปล่า
การเสนอแนะอะไรด้วยเอกสารในม็อบแบบนี้
เหมือนยิงตรงถึงกลุ่มเป้าหมายตรงๆ ชัวร์เลย
เป็นวิธีการที่ใช้ได้ วันไหนมีทุนหน่อย
ผมจะพิมพ์สิ่งที่ผมเขียนๆ หลายเรื่องไปแจกบ้าง
















ระหว่างรอให้แดดร่มลมตก ก็ไปให้เขานวดหลังฆ่าเวลา
เสร็จแล้วไปเจอพี่ป้าน้าอาแถวเต้นท์ Fared
ก็เลยคุยนั่นนี่สักพักใหญ่ๆ ถึงเริ่มออกมาถ่ายรูป
แต่ถ่ายช่วงแสงน้อยๆ ทีไรมีปัญหาเรื่องมือสั่นภาพเบลอ
และลืมปรับเป็นโหมดกลางคืน
ภาพออกมาใช้ไม่ได้หลายสิบภาพ
เลยคัดมาเฉพาะที่พอทนดูได้หน่อย

ข้างล่างนี้เป็นภาพจากแยกคอกวัวไปทางฝั่งสนามหลวง
กลายสภาพเป็นที่จอดรถไปแล้ว
งวดนี้สังเกตุเห็นรถคนเสื้อแดงเยอะมากๆ












หันไปทางฝั่งอนุสารย์ ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ
เห็นจากทีวี มุมจากบนเวทีถ่ายลงมาจะดูสวยกว่านี้มาก












แถวๆ อนุสรย์สถาน มีคอนเสร์ตของนักศึกษา
เสียงไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่
เพราะเสียงลำโพงของเวทีใหญ่ดังกระหึ่มไปหมด












ภาพนี้เป็นบริเวณด้านหลังเวที ช่วงจตุพรกำลังพูด


































หลังทักษิณพูดจบเราก็กลับ
เพราะวันพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน
อันที่จริงน่าจะจัดตรงกับวันเสาร์จะดีกว่า
เพราะคนทำงานวันเสาร์ก็สามารถมาช่วงค่ำๆ ได้
ซึ่งปกติที่มากันเยอะก็ช่วงนี้อยู่แล้ว
เพราะไม่ร้อนเท่าช่วงกลางวัน
แถมคนมาจากต่างจังหวัดไกลๆ
ก็มีเวลากลับทั้งวันในวันอาทิตย์
ไม่ต้องลางานกันมาด้วย
หรือถ้าจะติดลมจัดติดกันสองวันก็ทำได้
เลยไม่รู้ว่าทำไมชอบล็อคให้ตรงกับวันอาทิตย์
ถ้าเน้นว่ามันเป็นวันอาทิตย์สีแดง
ซึ่งมันก็แดงตามธรรมชาติอยู่แล้วถ้าคนใส่เสื้อตามสี
แต่ถ้าวันเสาร์สีแดงนี่สิไม่ใช่ธรรมชาติ
แต่เราว่ายังไงวันเสาร์ก็สะดวกกว่า
จะอยู่ดึกๆ ดื่นๆ นอนค้างคืนก็สะดวกกว่าวันอาทิตย์
ที่ต้องรีบไปทำงานในวันรุ่งขึ้นอยู่ดี












ขากลับขับรถหลงวนไปแถวสนามหลวง
เลยเก็บภาพนี้มาเป็นหลักฐานว่า
กทม. สุมหัวกับรัฐบาลนี้แกล้งปิดสนามหลวงยังไง
ทำให้ชาวบ้านที่ขายของแถวนั้นเดือดร้อน
ทำให้คนคอยรถเมล์ไม่มีที่จะยืนต้องมายืนบนถนนยังไง
ด้วยความกลัวว่าจะมีการใช้สนามหลวงจัดม็อบ
หรือต้องการผลักให้ม็อบไปอยู่กลางถนนให้ชาวบ้านรำคาญ
หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่อ้างว่าปิดปรับปรุงทำอะไร
ก็อ้างกันไปยังงั้นแหล่ะแท้ที่จริงเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า
คาดว่าคงจะหาเรื่องปิดสร้างอะไรไปอีกนาน จะเปิดเฉพาะงานสำคัญ
เพื่อกีดกันม็อบ อย่างที่เราตั้งข้อสังเกตุ หรือกล่าวหาเลยก็ได้
ดูๆ กันไปก็แล้วกันว่าจริงหรือไม่
และถ้าวันไหนเปิดอีกครั้ง ต่อให้ไปทำมาซะดิบดียังไง
เราขอเสนอให้ช่วยมาจัดม็อบในสนามหลวงให้ขัดใจเล่นซะหน่อย
ในเมื่อกวนมาก็กวนกลับไป จะได้ไม่กล้าเปิด ปิดไปเลยอีกสิบปี
ยังไงก็ยังมีม็อบอยู่ดี เพราะบ้านเมืองมันไร้มาตรฐาน
ผู้ปกครองประเทศไร้ความเป็นธรรม
ประชาธิปไตยถูกย่ำยี ยังไงก็ยังมีม็อบไม่จบไม่สิ้นแน่นอน

"การทำให้ประชาชนอยู่ดี มีสุข บ้านเมืองสงบร่มเย็นนั้น
ไม่ใช่การสร้างภาพ หรือสร้างสิ่งปลูกสร้างอะไรให้งดงามหรือทันสมัยแต่ประการใด
แต่อยู่ที่การปกครองโดยธรรม ยึดหลักประชาธิปไตย มีหัวใจที่รักประชาชนอย่างแท้จริง"

ปล. ความรู้สึกส่วนตัวที่ได้ร่วมขับรถร่วมขบวนในครั้งนี้
รู้สึกได้ว่ามีจำนวนคนและรถเยอะ แต่ยังขาดความน่าเกรงขาม
เหมือนขับรถเงียบๆ จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเท่านั้น
ไม่มีอารมณ์ฮึกเหิมหรือว่าครึกครื้นอะไรเพราะบางช่วงก็ไม่มีเสียงดนตรีอะไร
เรียกว่าถ้าบางคนซักผ้าอยู่หลังบ้าน มีรถและคนจำนวนมากผ่านหน้าบ้าน
บางทีเขาอาจไม่รู้เรื่องเลยก็ได้ มันเหมือนรถติดที่เห็นชินตาทุกๆ วันอยู่แล้ว
ไม่เหมือนขบวนเรียกร้องอะไร หรือว่ากำลังมากดดันใครเลย

โดย มาหาอะไร
FfF