บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


14 กุมภาพันธ์ 2554

<<< วิเคราะห์ทิศทางของม็อบ นปช. หลังทักษิณพูดเมื่อคืนนี้ >>>

เมื่อคืนได้ฟังทักษิณพูด โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ เกี่ยวกับว่า
จะยอมเลือกตั้งแม้จะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแก้รัฐธรรมนูญ
ที่พรรค พท. เสียเปรียบ อะไรทำนองนี้จำไม่ทุกคำแต่แนวๆ นี้
ทำให้ผมเห็นภาพม็อบ นปช. หรือม็อบเสื้อแดง ทันทีเลยว่า
ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น มีการทำรัฐประหาร
หรือจตุพรโดนจับ หรืออะไรแนวๆ ไม่คาดฝัน
ม็อบเสื้อแดงจะเป็นแบบทุกวันนี้จนถึงช่วงเลือกตั้งจะหยุดเพื่อเลือกตั้ง
เช่นเดียวกับการโดนโกงเรื่องทำประชามติ รธน.50

<<< ข้อเท็จจริงที่ควรรู้ เรื่อง ที่มาของรัฐธรรมนูญ ปี 2550 >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/05/blog-post_31.html

พบว่าโดนพวก คมช. โกงมีการร้องเรียน
มีความพยายามให้นับคะแนนใหม่ แต่แล้วทุกอย่างก็หยุด
และม็อบ นปช. ก็หยุดยาวรอเลือกตั้งเสร็จได้ป็นรัฐบาล
มาจัดม็อบอีกทีคือหลังโดนเขาถีบตกเก้าอี้มาทั้ง 2 นายก พท.
งวดนี้ก็จะเป็นแบบนั้นแหล่ะ อีกอย่างแทนที่จะขู่เขาบ้าง
จะบอยคอตเพื่อไม่ให้มันได้ใจแก้ รธน. แบบไม่เห็นหัว
นี่ปล่าวประกาศยอมรับสภาพทุกอย่างขอเลือกตั้งอย่างเดียว
คราวนี้เขาก็กระทืบไม่ยั้งแก้เข้าทางเขาสนุกอ่ะซิ ทั้งๆ ที่เขาเริ่มลังเลแล้ว

อีกอย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องที่นักการเมืองจะตกลงกันเอง
โดยไม่สนใจประชาชนเลย ว่าเห็นดีเห็นงามด้วยหรือเปล่า
เพราะว่าประชาชนตอนนี้ อนาคตอาจไปเป็นนักการเมือง
หรือตั้งพรรคการเมืองก็ได้ ถ้าเห็นว่าไม่มีพรรคที่ตรงอุดมการณ์ของตน
ดังนั้นการแก้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนักการเมืองก็จริง
แต่ประชาชนต้องเกี่ยวข้องด้วยไม่ใช่เฉพาะนักการเมืองเท่านั้นที่เกี่ยว
เช่น ถ้าเขาจะร่างกฏหมายไม่ให้ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่อีก
ให้มีเฉพาะที่มีอยู่แล้ว นักการเมืองอาจชอบเพราะไม่มีพรรคคู่แข่งเพิ่ม
อาจเห็นดีเห็นงามด้วยทั้งหมดทุกคนที่เป็นนักการเมืองแล้วตอนนี้
แต่ประชาชนตอนนี้อาจยังไม่อยากเล่นการเมือง
แต่ถ้าเห็นการเมืองเละเทะอยากเล่นบ้างทำยังไงหล่ะ
ในเมื่อไม่มีพรรคที่มีอุดมการณ์ที่ต้องการ จะตั้งพรรคใหม่ก็ไม่ได้
นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่ากฏหมายเกี่ยวกับนักการเมือง
ประชาชนย่อมเกี่ยวด้วยไม่ใช่เฉพาะนักการเมืองช่วงนั้นๆ เกี่ยวข้องเท่านั้น

ดังนั้นร่าง รธน. อะไรที่มันไม่เป็นประชาธิปไตย ย่อมต้องต่อต้านต่อไป
ไม่ใช่เพื่อใคร หรือเพื่อพรรคใด แต่เพื่อลูกหลานของไทย
จะได้ไม่ต้องออกมาชุมนุมเรียกร้องเหมือนที่พวกเราทำกันอยู่ช่วงนี้
ทำให้เสร็จๆ ไปเลยไหนๆ แก้แล้วต้องดี
ไม่ใช่แก้แค่เฉพาะเลือกตั้งครั้งนี้ไปวันๆ ไม่สนใจอนาคต
หวังเป็นแค่นักเลือกตั้งกันเท่านั้น ไม่สนใจอนาคตลูกหลาน
ที่จะต้องอยู่ภายใต้กฏระเบียบที่ปัญญาอ่อน ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
หรือเป็นเครื่องมือกำกับการปกครองของผู้มีอำนาจแบบนี้

อันที่จริงไม่ต้องรอเลือกตั้ง ผมยังรู้วิธีทำให้เพื่อไทยแพ้เลย
ทำไมฝ่ายตรงข้ามจะไม่รู้ และก็เห็นทำกันหลายอย่างแล้วด้วย
อย่าคิดว่าเศรษฐกิจไม่ดี แล้วเสียงจะดีขึ้น
แค่ตอนนี้เสียงยังไม่ถึงครึ่งในสภา วันเลือกตั้งจะโดนดูดไปอีกหลายคน
ยังไงก็ชนะมาไม่ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ไม่ได้ระบุว่า
เสียงข้างมากเท่านั้นมีสิทธิ์ตั้งรัฐบาล งวดหน้าก็แก๊งส์เดิมนี่แหล่ะที่ได้เป็นรัฐบาล
ต่อให้เสียงได้เกินกึ่งหนึ่งนิดหน่อยก็โดนสอยอีก โดนยุบพรรคอีก
คดียุบพรรค พท. ยังรออยู่ในศาล เขายังไม่เอามาเล่นตอนนี้
คดีมันก็เลยไม่คืบหน้า จะรอดไปได้กี่น้ำ
อีกอย่างถ้างวดที่แล้วเขาสามารถใช้เวทมนต์ คาถา ปลายกระบอกปืน
เงินทอง ลาภยศอะไรก็แล้วแต่ ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ไม่กล้าหือ
ต้องไปชูอภิสิทธิ์เป็นนายก แล้วงวดหน้าถ้าเขาทำแบบเดิม
คิดว่าจะมีพรรคไหนกล้าหือ กล้าเสี่ยงตายไปร่วมกับ พท. ไหม
ก็แค่การซื้อเวลาด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะชนะเลือกตั้ง
แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ แก้ รธน. ก็ทำไม่ได้สักมาตราเดียว
เดี๋ยวพวกพันธมิตรก็จะออกมาเย้วๆ อีก แล้วเมื่อไหร่จะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง
ในเมื่อไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วนลูปกลับไปที่เดิม สมัยยุคปลาย คมช. ดีๆ นี่เอง

<<< ย้อนรอยความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 ครั้งที่ 1 >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2010/03/blog-post_3076.html

ดังนั้นใครคาดหวังเอาไว้ว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร
ในทางที่จะเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงอะไร ทำใจยอมรับสภาพได้
ถ้าไม่รวมกลุ่มกันเอง หวังพึ่งม็อบเสื้อแดงยามนี้
ที่ถูกแนวทางท่านผู้นำตัวจริงของม็อบ ว่าจะรอเลือกตั้งเท่านั้น
ส่วนพวกแกนนำ นปช. ทุกชุดไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบัน ยันอนาคต
รวมไปถึง 3 เกลอด้วย คือคนที่ทำตามคำสั่งอีกที ที่บางครั้งดูขึงขังก็จริง
แต่ก็ต้องทำตามคำสั่ง ไม่งั้นก็กระเด็นจากตำแหน่งแกนนำไปแล้ว
วิธีง่ายๆ ในการกระเด็นออกมาจากแกนนำ
ก็แค่กีดกันไม่ให้ขึ้นเวทีใหญ่ ง่ายๆ แค่นี้เองที่เขาใช้กัน

จะนั่งรอหรือไปม็อบเคลื่อนจากนั่นไปนี่เคลื่อนจากนี่ไปนั่น
เพื่อให้ใกล้วันเลือกตั้งก็จะหยุดม็อบรอผลเลือกตั้ง ไม่งั้นอาจกระทบคะแนนเสียงได้
ตอนนี้คนเป็นแกนนำก็พาม็อบให้เข้าแนวทางที่ทักษิณว่าไว้นั่นแหล่ะ
ถึงจะปราศรัยทำท่าขึงขังเอาจริง ไม่ยอมเลิกลาอะไร
แต่เดี๋ยวเขาก็มีเทคนิคพาไปเรื่อยเปื่อยจนใกล้ถึงวันเลือกตั้งแล้วเลิกรอผลเลือกตั้ง
ถ้าไม่ถูกใจหรือโดนถีบออกมาอีกทีถึงจะออกมาสู้กันอีก หรือโดนรังแกถึงจะคิดสู้
แต่ทำไมไม่คิดจะสู้เพื่อลูกหลาน โดยไม่จำเป็นที่ตัวเองต้องโดนรังแกอะไรก่อนเลย
ผมเห็นของผมแบบนี้แหล่ะ ประสบการณ์ 4 ปีกว่าบอกว่าจะเป็นแบบที่ว่ามา
แล้วจะลากยาวไป 10 ปีก็เป็นแบบนี้ เมื่อนักการเมืองยังถูกต่อรองได้
แกนนำทำงานภายใต้นักการเมือง ก็เป็นม็อบการเมือง
มีวันจบไปพร้อมกับการต่อรองอะไรกัน ถ้าตกลงกันได้
แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตยที่แท้จริง
ว่าจะมีไม่มี ได้ไม่ได้หรือยัง อะไรเลย

งวดนี้นอกจากประคองให้ใกล้ช่วงเลือกตั้งเพื่อหยุดแล้ว
การที่แกนนำบางคนยังติดคุกอยู่
เลยยังมีข้อเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำ
ถ้าเขาปล่อยหมดแล้ว ก็เหลือแต่ประคอง
จนถึงช่วงเลือกตั้งแล้วหยุดรอผลอย่างที่บอก
แต่ถึงเขาไม่ปล่อยก็เป็นม็อบแบบที่เห็นทุกครั้งที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ก็เห็นจะปรองดองกับรัฐบาล
โดยหยุดเคลื่อนไหวเพื่อรอเลือกตั้งอย่างเดียว
แต่เป็นเพราะมีม็อบที่ไม่มีแกนนำแรงขึ้นมา
และตะโกนกันแรงขึ้น เล่นแรงขึ้น
เขาถึงต้องเข้ามาควบคุม แล้วผลก็คือ
ความแรงลดลงถนัดตา ความฮึกเหิมหายไปเรื่อยๆ
กลายเป็นม็อบคอนเสิร์ตฟังปราศรัยแล้วกลับแบบเดิมๆ

ส่วนเรื่องคนมาเยอะเพราะสนับสนุนแนวนี้หรืออะไรก็แล้วแต่
จะว่าไปแล้วที่เยอะก็เพราะพรรคหนุนคนมา
ปราศรัยหาเสียงเขาก็จัดให้มีคนเยอะๆ แบบนี้ได้
โดยไม่ต้องเรียกร้องประชาธิปไตยเลย
ไม่เชื่อไปดูแต่ละพรรคหาเสียงสิ ไม่ว่า พท. ปชป. ชท. หรือแม้แต่ภท.
ไปหาภาพข่าวเก่าๆ มาดูได้ ระดับหลายหมื่นไม่ว่าทางใต้หรืออีสาน
กองเชียร์พรรคมาฟังปราศรัยเป็นมวลชนมากที่สุดในม็อบเสื้อแดงตอนนี้
โดยเฉพาะงวดที่ม็อบมีคนเยอะๆ แต่ถ้าคนน้อยๆ ระดับไม่กี่พันคนนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง

ตอนนี้มวลชนที่ต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริงจริงๆ
ผมว่ายังมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ตามนักการเมืองคือขอแค่ยุบสภา
หวังมีโอกาสฟลุ๊คได้เปลี่ยนขั้วรัฐบาล เท่านั้น
ทั้งที่เห็นตัวอย่างหลายครั้งแล้วว่าจะโดนเล่นยังไง กีดกันยังไง
ก็ยังหวังกันแบบนั้น ข้อเรียกร้องหลังๆ ลองไล่ดูได้ว่า
มีข้อเรียกร้องไหนบ้างที่เรียกร้องเพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง
ทักษิณกลับมา ถวายฎีกา ยุบสภา ปล่อยแกนนำ ...
อันที่จริงถ้ามุ่งมั่นเรียกร้องแค่ประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้ว
สิ่งที่อยากได้มันจะได้มาเองแหล่ะ
ถ้าได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงจริงๆ วันๆไหน
วันไหนยังไม่ได้ ก็ไม่มีทางได้เห็น
นอกจากเขาจะเห็นประโยชน์ในข้อต่อรองแลกเปลี่ยนอะไร
มากกว่าจะยอมโดยสดุดีงอย่างว่าง่ายๆ
ซึ่งไอ้ข้อต่อรองทั้งหลายนั่นแหล่ะ
ที่จะทำให้ฝั่งเขาได้เปรียบเรื่อยๆ
ลดความได้เปรียบฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยลงไปเรื่อยๆ

เอาเป็นว่านั่งรอเลือกตั้งคือเป้าหมายใหญ่ในวันนี้
นอกนั้นเป็นลีลาของฝ่ายแกนนำที่จะเคลื่อนไหวไม่ให้เบื่อหน่ายไปก่อน
การเมืองไทยถึงตอนนี้ดูง่ายมาก ดูแค่คนส่งซิกทั้งสองฝ่ายก็พอ
ส่งซิกให้ทำรัฐประหารเดี๋ยวได้โอกาสก็จัดให้
ส่งซิกให้หยุดให้รอเลือกตั้งเดี๋ยวฝั่งนี้ก็ทำให้
ไม่ทำได้ยังไงในเมื่อลักษณะองค์กรเป็นลักษณะเจ้านายกับลูกน้อง
ไม่ใช่คนรักประชาธิปไตยระดับเดียวกันหมด

เคยได้ยินบางคนบอกว่า เสื้อแดงจะชนะถ้าจัดเป็นองค์กรได้สำเร็จ
ถึงผมไม่ใช่วงใน แค่เฉียดไปเฉียดมาผมก็ดูออกว่า
เสื้อแดงเขาเป็นองค์กรมาตั้งนานแล้ว
รูปแบบบริษัท ประธานกรรมการ ผู้จัดการ แผนกรักษาความปลอดภัย
ใครอยู่ตรงไหนทำอะไรผมไม่รู้ละเอียดหรอก
และอาจไม่เป๊ะตามที่ผมว่ามา แต่เป็นลักษณะองค์กรชัดเจนนานแล้วด้วย
พวกแดงที่ไม่ใช่แดง นปช. ต่างหากที่อาจยังไม่เป็นองค์กร
และการที่ตีกันไปมาเลยทำให้คนทั่วไปคิดว่าไม่ได้เป็นองค์กรเสียที
อันที่จริงเข้าใจผิด เป็นองค์กร สั่งซ้ายหันขวาหันได้ราวกดรีโมตมานานแล้ว
ก็ไม่เห็นว่าจะได้ลุ้นอะไร ในเมื่อหัวองค์กรเขาไม่สู้
ถ้าหัวสู้ แนวนี้จะดีอย่างที่หลายคนเคยอาจอ่านประวัติศาสตร์เจอ
แต่ถ้าไม่สู้ แนวนี้จะถ่วงการเติบโตแนวอื่นหมด
เพราะเล่นสามารถคุมมวลชนขนาดใหญ่ได้หมด
แล้วคนไม่สู้มีมวลชนไว้ต่อรองกันอย่างเดียว
แล้วจะหวังได้ประชาธิปไตยอะไรมากมายกันหล่ะ
คงได้แค่เลือกตั้งกับหวังได้เปลี่ยนขั้วรัฐบาลไปวันๆ เท่านั้นเองจริงๆ
ตอนนี้ไม่ต้องเชื่อที่ผมว่ามาก็ได้ ดูกันไปเองแล้วกัน
ผมจะเซฟเก็บเอาไว้ สิ้นปีมาดูกันก็ได้

ที่พูดนี่ไม่หวังจะกดดันให้แกนนำสู้มากกว่านี้หรือกดดันให้ทักษิณสู้
ผมเลิกหวังแล้วหล่ะ ผมถึงเลิกฟังปราศรัยของทักษิณมานานแล้วด้วย
เพราะไม่เคยมีครั้งไหน ที่ผมฟังแล้วจะเกิดความฮึกเหิม
ว่าจะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงแน่ๆ
นอกจากทำให้ห่อเหี่ยวหมดหวังทุกทีสิน่า
ทุกคนอาจมีข้อจำกัด ผมก็มี
คนอื่นรวมทั้งทักษิณก็มีข้อจำกัดของตนเอง
มีขีดความสามารถของตนเอง
แถมไปทำเองก็ไม่ได้เท่าเขาทำ
ก็คล้ายกับไปร้านคาราโอเกะสมัยก่อน
ถ้าคุณไม่กล้าขึ้นไปร้องบนเวที
ก็ต้องทนฟังเขาร้องเพลงให้คุณฟังนั่นแหล่ะ
จะไม่ถูกใจ ไม่ชอบใจยังไง บ่นไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา
ยกเว้นว่าจะกล้าขึ้นไปร้องเอง
ซึ่งเรื่องกล้าไม่ยากแต่ร้องไม่เป็นเพลงนี่แหล่ะลำบาก
หลายคนก็คงเป็นแบบนี้
แล้วไม่ต้องมาด่าคนที่เขาบ่นแบบนี้เลย
เจอหลายหนคนที่เขาเริ่มเข็ด จำได้หรือดูออก เขาจะเริ่มเซ็ง
มันต้องมีสาเหตุทำให้คนเขาเซ็งมันไม่ใช่ว่า
อยู่ๆ เขาอยากมาเซ็ง หรือมาป่วนเพื่ออะไร มันทำไม่ได้หรอก
ป่วนไปก็ขำๆ ไปวันๆ สำหรับพวกป่วน
คนไม่เชื่อก็ไม่เชื่ออยู่ยังงั้นแหล่ะ
แต่มันเซ็งที่รู้อะไรมากกว่า เดี๋ยวจะมีเยอะขึ้น

เหตุผลจะเป็นตัวชี้วัด
สิ่งไหนพูดไม่มีเหตุผลจะถูกแย้งได้อยู่แล้ว
การกระทำจะบอกเจตนา ดูกันยาวๆ
อีก 5 ปี แล้วมองกลับมาวันนี้
ส่วนผมก็จะทำหน้าที่บันทึกเหตุการณ์เอาไว้เรื่อยๆ
อีก 5 ปีลองกลับมาดูอีกทีในหลายๆ เรื่อง
หลายการกระทำและคำพูดของแต่ละคน
วันนั้นฝุ่นน่าจะเริ่มจางพอเห็นอะไรเป็นอะไรบ้างแล้ว
เอาเป็นว่าผมจะนั่งบันทึกเหตุการณ์เก็บไว้เรื่อยๆ
ตามประสาคนชอบเก็บนั่นนี่ไว้ เป็นความชอบส่วนตัว
และอาจบ่นนั่นบ่นนี่ ใครจะฟังไม่ฟังผมไม่สนใจ
อ่านไม่อ่านผมก็ไม่ได้แคร์อะไร
ผมชอบเขียนเก็บความรู้สึกช่วงนั้นๆ เอาไว้
เป็นการบันทึกเรื่องราวไปในตัว

โดย มาหาอะไร
FfF