บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


18 มีนาคม 2554

<<< ถ้าเราไม่มีมาตรฐานที่ดีแล้ว เราไม่สามารถทำให้คนอื่นเชื่อได้ว่า สิ่งที่เราเรียกร้องไม่ใช่เรื่องสองมาตรฐาน >>>

ยกตัวอย่าง การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ซึ่งก็คือความพยายามเปลี่ยนแปลงตัวฝ่ายบริหาร
เพราะอาจเห็นว่าบริหารไม่ได้ บริหารไม่ดี
ก็เลยอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรี
ถ้ายังไว้วางใจอยู่ ก็คงไม่มาอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ดังนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็คือ
ความพยายามเปลี่ยนแปลงตัวผู้บริหาร
ที่บริหารไม่ได้เรื่อง บริหารไม่ดี
ซึ่งก็เป็นการกระทำที่ถูกต้อง
ตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

ซึ่งทุกคนคงเข้าใจตรงกันตามนี้
ในทางกลับกันพอนำเรื่องแบบนี้
มาใช้ในองค์กรต่างๆ เช่น องค์กรม็อบ
พอมีคนมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ
กองเชียร์บางคนออกอาการรับไม่ได้
บางคนถึงกับบอกว่าเกลียดพวกที่มาโจมตี
เพื่อมาเป็นแกนนำแทน
ผมไม่รู้หมายถึงใคร
แต่คงไม่ใช่ผมมั้ง
เพราะผมเน้นแนวไม่มีแกนนำมาตลอด
คงไม่ได้อยากไปเป็นแทนหรอก
คงอาจหมายถึงคนอื่น
แต่ความคิดแบบนี้แหล่ะ
ที่ทำให้ประเทศชาติไม่เจริญ องค์กรไม่เจริญ
และไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเสียที

ก็ในเมื่อบริหารไม่ได้ บริหารไม่ดี
แล้วจะให้เป็นต่อไปทำไม
อย่างน้อยก็ต้องมีการปรับปรุงตัว
เพื่อจะได้ซื้อเวลา
แล้วสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อไป
หรือไม่ถ้าเห็นว่าไม่ไหวจริงๆ
ก็ต้องยอมลงให้คนอื่นมาเป็นแทน
หรือให้มีการคัดสรรหาผู้นำคนใหม่
ซึ่งก็เหมือนกับการที่เราไม่พอใจรัฐบาลนี้
เราก็อยากจะเปลี่ยน อยากให้มีการเลือกตั้ง
เพื่อให้โอกาสคนที่เราคิดว่า
ทำหน้าที่ได้ดีกว่ามาเป็นแทน ใช่หรือไม่
แบบนี้แหล่ะ องค์กรถึงจะเจริญ
ประเทศถึงจะได้ก้าวหน้าไปได้ไวๆ
ถ้าไม่คิดยึดติดพร้อมเปลี่ยนแปลงปรับปรุง
ฝ่ายบริหารอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้องค์กรดีขึ้น

ขอยกตัวอย่างบริษัท
ถ้าผู้บริหารทำบริษัทจะเจ๊ง
จะให้เก็บไว้ทำไมก็ปลดออกหรือเปลี่ยนตำแหน่ง
หาคนใหม่ที่คิดว่าจะดีกว่ามาทำหน้าที่แทน
จะต้องรอให้เจ๊งล่มจมไปก่อน
เพราะจงรักภักดีต่อผู้บริหารคนนั้นคนนี้หรือยังไง
แนวคิดแบบจงรักภักดี
เล่นพรรคเล่นพวกนี่แหล่ะ
คือรากเหง้าที่ฉุดรั้งความเจริญก้าวหน้า
ทั้งในระดับองค์กร และระดับประเทศ

อันที่จริง ควรจะยึดหลักการที่ว่า
ส่งเสริมคนที่ทำงานได้ดีกว่า
ไปทำหน้าที่แทนคนที่คิดว่าทำต่อไม่ได้แล้ว
เพื่อจะได้เจริญก้าวหน้าไปเรื่อยๆ
ไม่ใช่เจริญไม่เจริญไม่รู้
หรือจะล่มจมหรือไม่ไม่สนใจ
ขอจงรักภักดีต่อผู้บริหารคนนั้นคนนี้ไปจนตาย
ห้ามใครมาเปลี่ยน แม้จะบริหารไม่ได้เรื่อง
บริหารไม่ได้ หรือบริหารไม่ประสบผลสำเร็จยังไงก็ตาม
รูปแบบหลังนี่ เท่าที่เห็นส่วนใหญ่เป็นประเทศที่ยังไม่เจริญ
แถมยังเป็นประเทศเผด็จการอีกต่างหาก

แถมยังเป็นลักษณะ 2 มาตรฐานชัดเจน
คือพวกอื่นเราเห็นว่าทำงานไม่ได้เรื่อง เราก็อยากเปลี่ยน
แต่เวลาพวกเราห้ามเปลี่ยนแม้ทำไม่ได้เรื่องเหมือนกัน
ลักษณะการเล่นพรรคเล่นพวกนี้
ถือเป็นมะเร็งร้ายในระบอบประชาธิปไตยชัดเจนเลย
ยิ่งถ้าเป็นพวกที่มีพรรคพวกหนุนมากๆ แบบเฮไหนเฮตามกัน
แล้วมาบอกว่านี่คือประชาธิปไตยแล้ว
เพราะยึดเสียงข้างมากตามหลักการประชาธิปไตย
ก็เหมือนรัฐบาลนี้และหลายๆ รัฐบาล
โหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เห็นชนะทุกที
เพราะใช้ระบบพวกมากลากไป เล่นพรรคเล่นพวก
พวกใครพวกมันแทนที่จะคำนึงถึงว่า
ข้อเท็จจริงใครผิดใครถูก ทำผิดจริงหรือไม่
ตอบข้อกล่าวหาได้ชัดเจนไหม
คนไหนตอบได้ชัดเจนก็ต้องหนุนต่อได้
แต่ถ้ายังตอบไม่ชัด หรือเลี่ยงไม่ตอบ
หนักไปทางแถอะไรยังงี้ก็ไม่ควรหนุนให้ทำงานต่อไป

แต่อย่างว่ามนุษย์ก็คือมนุษย์
ก็เลยเล่นพรรคเล่นพวกอย่างที่เห็น
วันนี้เรายังไม่มีเสรีชนมากมายพอ
ที่จะทำให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
ที่ตัดสินอยู่บนเหตุผลที่ดี
ไม่เน้นยึดผลประโยชน์พวกพ้วงเป็นหลัก
วันไหนมีเสรีชนปะปนอยู่ทั้งฝ่ายบริหาร
และฝ่ายตรวจสอบมากๆ
วันนั้นจะเห็นได้ชัดว่าจะดีกว่าวันนี้
วันนี้ก็ต้องยอมรับสภาพแบบไม่อยากให้เป็นแบบนี้
คือเล่นพรรคเล่นพวก พวกใครพวกมัน

ระดับประเทศอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล
ก็ทำไม่ได้เพราะผลประโยชน์เกาะกันแน่นสุมหัวโหวตช่วยกัน
ระดับองค์กรม็อบก็เหมือนกัน หรือไม่ต่างกันนัก
มีบางคนชอบทำแบบเกลียดตัวแต่กินไข่
คือไม่ชอบที่เห็นพวกรัฐบาลสุมหัวโหวตช่วยกัน
ทั้งๆ ที่เห็นว่าหลายเรื่องตอบไม่ได้ ทำงานไม่ดี
แต่ในทางกลับกันก็มาใช้วิธีเดียวกับรัฐบาลทำตอนนี้
คือปกป้องผู้บริหารม็อบห้ามเปลี่ยนแปลงใดๆ
ไม่ว่าจะทำไม่ดียังไงก็ตาม
ดังนั้นคนที่เป็นแบบนี้
เวลาไปโวยวายฝ่ายตรงข้าม
อาจโดนย้อนกลับแล้วจะไปไม่เป็น
เพราะตนเองก็ทำตัวเหมือนที่ไปด่าคนอื่นเหมือนกัน

สรุปผมว่าจะเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงได้
และประชาธิปไตยนี้จะดีได้
หรือจะทำให้องค์กรหรือประเทศเจริญได้
ก็ต่อเมื่อมีเสรีชน ที่พร้อมตรวจสอบ
พร้อมเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้ดีขึ้น
ไม่ยึดติดใดๆ จนกลายเป็นการถ่วงรั้งความเจริญก้าวหน้า
ไม่เช่นนั้นแล้ว จะเป็นประชาธิปไตยแบบเล่นพรรคเล่นพวก
ไม่มีประโยชนน์ใดๆ กับองค์กรและประเทศ
นอกจากพรรคพวกตนเองเท่านั้น
และจะทำให้ผู้คนเสื่อมศรัทธา
คิดว่าระบอบประชาธิปไตยมันไม่ดีจริง
แต่จริงๆ มันอยู่ที่คนปฏิบัติมากกว่า
ว่าจะพร้อมกันช่วยพยุงให้มันดี
ให้มันอยู่ในร่องในรอยที่ถูกต้องได้หรือไม่
สุดท้ายก็ต้องเริ่มที่การปฏิวัติตนเองให้เป็นนักประชาธิปไตย
ที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ให้ได้ก่อนนั่นเอง

สุดท้ายนี้อยากฝากข้อคิดไว้ว่า
"ถ้าเราไม่มีมาตรฐานที่ดีแล้ว
เราไม่สามารถทำให้คนอื่นเชื่อได้ว่า
สิ่งที่เราเรียกร้องไม่ใช่เรื่องสองมาตรฐาน"


โดย มาหาอะไร

FfF