บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


18 มีนาคม 2554

<<< เจ็บไม่เคยจำ กลับทำระยำซ้ำรอยเดิม กรณีพรรค ปชป. มีคนเคยโดนกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ แล้ววันนี้ก็นำมุกนี้มาใช้กับพรรคพวกอื่น >>>

เหตุการณ์ 6 ตุลา
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
...
การสังหารในวันที่ 6 ตุลาคม

เวลาราว 16 นาฬิกา กลุ่มลูกเสือชาวบ้าน นำโดย พล.ต.ท. เจริญฤทธิ์ จำรัสโรมรัน และกลุ่มแม่บ้าน นำโดย ทมยันตี ได้บุกเข้าทำเนียบรัฐบาล โดยใช้รถบรรทุกที่ทำเป็นเวทีปราศรัยบุกพังประตูเข้าไป บางคนได้ถือเชือกเข้าไปโดยจะเข้าไปแขวนคอ 3 รัฐมนตรีของรัฐบาล ได้แก่ นายชวน หลีกภัย, นายดำรง ลัทธพิพัฒน์, นายสุรินทร์ มาศดิตถ์ เนื่องจากกล่าวหาว่าบุคคลทั้ง 3 เป็นคอมมิวนิสต์ แต่ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี ได้ลงไปพบและยืนยันว่าบุคคลทั้ง 3 ไม่ได้มีพฤติกรรมดังกล่าว มีผู้ตะโกนถามว่า ท่านจะจัดการอย่างไร ม.ร.ว. เสนีย์ตอบว่า ท่านจะบอกให้รัฐมนตรีทั้ง 3 ลาออกเองเพื่อความสงบของบ้านเมือง มีผู้ถามต่อไปว่า ถ้าบุคคลทั้ง 3 ไม่ลาออกจะทำอย่างไร ม.ร.ว. เสนีย์ตอบว่า ท่านจะลาออกเอง แต่ภายหลังข้อความนี้ได้ถูกวิทยุยานเกราะนำไปตัดต่อกลายเป็นข้อความว่า ท่านไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุคคลทั้ง 3 นี้เป็นคอมมิวนิสต์ และท่านจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี[8]

http://maha-arai.blogspot.com/2010/03/blog-post_9602.html

-------------------------------------------------------------------

และมุกนี้ก็เคยนำมาใช้สมัย 14 ตุลาแบบนี้

-------------------------------------------------------------------

เหตุการณ์ 14 ตุลา
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เริ่มต้นเหตุการณ์
6 ตุลาคม มีบุคคลร่วมลงชื่อ 100 คน เพื่อเรียกร้องขอรัฐธรรมนูญ ซึ่งประกอบด้วยบุคคลหลากหลายอาชีพ หลายวงการ เช่น นักวิชาการ นักการเมือง นักคิด นักเขียน นิสิต นักศึกษา เป็นต้น จากนั้น นักศึกษา 13 คน นำโดย นายธีรยุทธ บุญมี ได้เดินแจกใบปลิวเรียกร้องรัฐธรรมนูญตามสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพ ฯ โดยอ้างถึงใจความในพระราชหัตถ์เลขาของรัชกาลที่ 7 ที่ส่งถึงรัฐบาลถึงสาเหตุที่ทรงสละราชสมบัติ แต่ทางตำรวจนครบาลจับได้เพียง 11 คน และจับขังนักศึกษาทั้ง 11 คนนี้ไว้ที่โรงเรียน ตำรวจนครบาลบางเขนและนำไปขังต่อที่เรือนจำกลางบางเขน พร้อมตั้งข้อหาร้ายแรงว่า เป็นการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ โดยห้ามเยี่ยม ห้ามประกันเด็ดขาด ซึ่งบุคคลทั้ง 13 นี้ ได้ถูกเรียกขานว่าเป็น 13 ขบถรัฐธรรมนูญ จากนั้นจึงได้มีการประกาศจับ นายก้องเกียรติ คงคา นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และตามจับ นายไขแสง สุกใส อดีต ส.ส.จ.นครพนม ขึ้นอีก รวมทั้งหมดเป็น 13 คน โดยกล่าวหาว่า นายไขแสงเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการแจกใบปลิวครั้งนี้ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้สร้างความไม่พอใจให้เกิดขึ้นครั้งใหญ่แก่มวลนักศึกษา และประชาชนอย่างมาก จนนำไปสู่การชุมนุมใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงของการสอบกลางภาคด้วย แต่ทางองค์กรนัก ศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) ได้ประกาศและติดป้ายขนาดใหญ่ไว้ว่า งด สอบ พร้อมทั้งยื่นคำขาดให้ทางรัฐบาลปล่อยตัวทั้งหมดนี้ก่อนเที่ยงวันที่ 13 ตุลาคม แต่เมื่อถึงเวลาแล้วรัฐบาลก็หาได้ยอมกระทำไม่

ลำดับเหตุการณ์ 14 ตุลา วันมหาวิปโยค
6 ตุลาคม 2516
10.00 น. กลุ่มผู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญ ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐธรรมนูญ พร้อมกันนั้น สมาชิกประมาณ 20 คน เดินแจกใบปลิว

14.00 น. ตำรวจสันติบาลเข้าจับกุมผู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญ 11 คน ซึ่งได้แก่ ธีรยุทธ บุญมี, ประพันธ์ศักดิ์ กมลเพชร, นพพร สุวรรณพานิช, ทวี หมื่นนิกร, มนตรี จึงศิริอารักษ์, ปรีดี บุญซื่อ, ชัยวัฒน์ สุรวิชัย, บุญส่ง ชเลธร, วิสา คัญทัพ, บัณฑิต เองนิลรัตน์ และ ธัญญา ชุนชฎาธาร ขณะเดินแจกใบปลิวแถวประตูน้ำ

http://maha-arai.blogspot.com/2010/03/blog-post_7867.html

-------------------------------------------------------------------

พ.ศ. นี้แล้ว ยังมีบางคนคิดจะปลุกผีคอมมิวนิสต์ขึ้นมาอีก
ทั้งๆ ที่ ทั้งโลกเหลือแค่ 5 ประเทศ คือ
จีน, เวียตนาม, ลาว, คิวบา และเกาหลีเหนือ เท่านั้น

ส่วนพี่เบิ้มใหญ่คอมมิวนิสต์อย่างรัสเซียก็เป็นประชาธิปไตยไปแล้ว
และ 5 ประเทศที่ว่านี่ 3 ประเทศคือ จีน, เวียตนาม และลาว
เริ่มเป็นทุนนิยมเต็มตัวแล้ว ยังคงเหลือรูปแบบการปกครองเท่านั้น
ที่มีเฉพาะพรรคคอมมิวนิสต์ แล้วให้คนสมัครลงเลือกตั้งในนามพรรคเดียว

วันนี้ถ้าใครไปเที่ยว จีน, เวียตนาม และลาว จะรู้เองว่า
ระบบเศรษฐกิจที่ควบคู่กับลัทธิคอมมิวนิสต์ก็คือ ระบบสังคมนิยม
วันนี้แทบจะหมดไปจากสามประเทศที่ว่าแล้ว
ที่เวียตนามตอนนี้ ถนนหลายสายได้ให้ต่างชาติมาทำสัมปทาน
ลงทุนสร้างถนนแล้วเก็บค่าผ่านทาง และสัมปทานด้านสาธารณูปโภคอื่นๆ อีก
ที่จีนมีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจหลายร้อยแห่ง ขายทิ้งไปเลยก็ยังมี
แถมมีตลาดหุ้นเหมือนโลกทุนนิยมเต็มตัว และพูดได้เต็มปากแล้วว่า
จีนเป็นทุนนิยมเต็มตัวไปแล้ว

ส่วนระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม ไม่ใช่มีเฉพาะประเทศคอมมิวนิสต์
ประเทศประชาธิปไตยหลายประเทศวันนี้ที่เจริญแล้วอีกต่างหาก
ที่จะใช้ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมอยู่ เช่น แถวยุโรป
ทั้งฝรั่งเศสเอย ประเทศแถบสแกนดิเนเวียเอย และอีกหลายประเทศ
สวิตกับเยอรมันก็น่าจะใช่ด้วย เพราะเก็บภาษีมากมาย
เพื่อนำมาทำรัฐสวัสดิการตามแนวสังคมนิยม

ดังนั้นใครมากล่าวหาว่า เป็นคอมมิวนิสต์ใน พ.ศ. นี้
เป็นอะไรที่หลุดโลกมากๆ แม้จะมีบางคนชื่นชอบสัญลักษณ์
เช่น หมวกดาวแดงหรืออะไร แต่จริงๆ แล้วคนเหล่านี้
ก็แค่ต้องการระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
หรือพวกนิยมประชาธิปไตยเลี่ยงใช้คำว่า ประชานิยม
ส่วนโครงสร้างนั้นไม่เกี่ยวว่าจะชอบแนวเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมหรือทุนนิยม
อาจมีจุดประสงค์คล้ายกันสำหรับบางพวกคือ
เปลี่ยนแปลงโครงสร้างให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเหมือนกันได้

สังคมนิยม กับ ประชานิยม เหมือนกันอย่างมาก
เพราะ พ.ศ. นี้ไม่มีสังคมนิยม100%
แค่แปลความหมายคำว่า สังคม กับ ประชาชน ผลก็เหมือนกัน
แปลง่ายๆ ก็คือคนในประเทศ เพราะคำว่าสังคมไม่มีชีวิต
สังคมก็คือคนจำนวนมากๆ ในหน่วยนับนั้นๆ
เช่นถ้าหน่วยนับคือชั้นเรียนสังคมก็คือคนในชั้นเรียน
ถ้าหน่วยนับคือจังหวัด สังคมที่ว่าก็คือคนในจังหวัด
ถ้าระดับประเทศ สังคมที่ว่าก็คือคนทั้งประเทศ
ส่วนประชา หรือประชาชน ก็คือคนในสังคม
ไม่ได้หมายถึงคนแค่คนใดคนหนึ่งเท่านั้นในกรณีนี้
ดังนั้นไม่ว่าจะสังคมนิยมหรือประชานิยม
ก็หมายถึง คนในประเทศนิยม นั่นเอง

แนวแจกนั่นแจกนี่ ลดนั่นลดนี้
หรือเอื้ออาทรนั่นนี่ อะไรเทือกนี้
ไม่ว่าพรรค พท. หรือ ปชป.
หรือสารพัดพรรคทั้งในอดีตและปัจจุบัน
ก็ผลักดันนโยบายคล้ายๆ กันเหมือนกัน
มีแนวสังคมนิยมหรือประชานิยมร่วมอยู่ด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือประเทศมีระบบเศรษฐกิจแบบผสม
ระหว่างทุนนิยมกับสังคมนิยมนั่นเอง
วันนี้ประเทศที่แยกสังคมนิยมกับทุนนิยมเพียวๆ
ชักหายากแล้วในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่เป็นระบบผสม
อเมริกาเองก็มีประชานิยมเหมือนกัน
ประเทศประชาธิปไตยไม่มีประชานิยม
ก็คงเป็นรัฐบาลไปได้ไม่นานหรอก
เพราะถ้ามีแต่นโยบายประชาไม่นิยม
คงอยู่ไม่ได้นานแน่ๆ หรือไม่มีโอกาส
ได้รับเลือกกลับมาอีกครั้งแน่ๆ
ปัจจุบันเป็นแบบผสมกันจนแทบแยกไม่ออกแล้ว
เพียงแต่ประเทศไหนจะมีส่วนผสมของระบบไหนมากกว่ากันเท่านั้นเอง

ดังนั้นจุดประสงค์ของการปลุกลัทธิคอมมิวนิสต์ขึ้นมา
ก็คงหวังแค่ใส่ร้ายดิสเครดิตทางการเมือง
หรือหลอกพวกที่ยังเข้าใจว่าคอมมิวนิสต์
น่ากลัวเหมือนยักษ์เหมือนมารในอดีต
แล้วอนาคตจะมาปราบปรามอะไร
ก็คงไม่จบแบบก่อนแน่ เพราะเดี๋ยวนี้โลกมันไปไกลแล้ว
ขนาดพี่เบิ้มคอมมิวนิสต์ยังเป็นทุนนิยมไปหมดแล้ว
แถมพี่ไทยยังได้ติดต่อค้าขายมีสัมพันธ์ทางการทูต
กับประเทศคอมมิวนิสต์ในปัจจุบันด้วยซ้ำ
แถมยังมีบุคคลสำคัญระดับประเทศ
เยี่ยมเยือนกันไปมาเป็นประจำระหว่างประเทศพวกนี้อีกด้วย
ถ้ามันน่าขยะแขยง มันน่ากลัว แล้วไปคบค้ากับพวกคอมมิวนิสต์ทำไมไม่ทราบ
นี่คือคำอธิบายว่า คำว่าคอมมิวนสต์ เป็นแค่เครื่องมือหนึ่งเหมือน ม.112
ที่ใช้ทำร้ายล้างฝ้ายตรงข้ามอย่างชอบธรรมในอดีต
แต่ปัจจุบันและอนาคตจะเป็นเรื่องที่ล้าหลังหลุดโลกที่สุด
เมื่อทุกคนทำแบบนี้จนมีคนทั่วไปเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาในที่สุด
หรือโดนด่าโดนกล่าวหาจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาชินกันไปเองในที่สุด

<<< อะไรที่ไม่ธรรมดา ก็ทำให้ธรรมดา เดี๋ยวก็ธรรมดาในที่สุด >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2011/03/blog-post_1242.html

คนเสื้อแดงก็อย่าได้กลัวจนลนลาน จนทำอะไรเข้าทางเขา
โดยผลักไสพวกเดียวกัน เพราะกลัวว่าตนเองจะเป็นแบบที่เขากล่าวหาไปด้วย
เช่นคนเสื้อแดง นปช. บางคน ทำตัวเหมือนเกลียดพวกแดงสยาม
เพราะกลัวโดนกล่าวหาว่าล้มเจ้าบ้าง เป็นคอมมิวนิสต์บ้าง
ตามที่คนนั้นคนนี้กล่าวหาประเคนข้อหาให้ หรือเป็นพวกฮาร์ดคอร์บ้าง
ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วถ้าเคยไปร่วมม็อบแดงสยามก็จะเห็นกันเองว่า
มีแต่เด็กสตรีและคนชราเยอะแยะ ส่วนชายฉกรรจ์หน่ะ
มีน้อยมากเทียบกับแดง นปช. เพราะคนน้อยกว่า
แถมเป็นมวลชนทั้งสองแดงก็มีเยอะแยะ
แค่การปราศรัยอาจแรงกว่าหน่อยเท่านั้น
ซึ่ง แดง นปช. ก็มีแอบแรงเหมือนกัน แต่ไม่โฉ่งฉ่างกว่าเท่านั้น
เมื่อโดนกล่าวหาจนถึงวันนี้แล้ว คนเสื้อแดง นปช.
น่าจะเข้าใจความรู้สึกบ้างว่า การโดนกล่าวหาด้วยข้อหาเหมือนกัน
ทั้งล้มเจ้าเอย ทั้งคอมมิวนิสต์เอย ทั้งผู้ก่อการร้ายเอย
ซึ่งยังเยอะกว่า ที่พวกแดงสยามโดนกล่าวหาเสียอีก
แล้วยังไม่เข้าใจหัวอกคนถูกกล่าวหาข้อหาใกล้เคียงกันก็ไม่รู้จะว่ายังไง
หรือยังรังเกียจพวกอื่นเพราะมีข้อหาแรงอีกหรือไม่ในเมื่อโดนแบบเดียวกันอย่างนี้

ผมว่าวันนี้เลิกแยกได้แล้วว่าแดงสยาม แดง นปช.
อาจแยกเพราะแกนนำหรือเวทีปราศรัยต่างกันเลยรวมกันไม่ได้
แต่โดยรวมๆ ข้อหาโดนเหมือนกัน ไม่มีใครดีเด่นกว่ากันแล้ว
เลิกทำตัวกลัวจนเกินเหตุได้แล้ว และควรแยกออกจากพรรคเพื่อไทยให้เด็ดขาด
เพื่อไม่ให้พรรคโดนห่วงโซ่บังทองเละไปด้วยกัน
อธิบายเหตุผลที่แยกการเคลื่อนไหว มวลชนเขาจะได้เข้าใจแนวทาง
เรื่องสนับสนุนพรรคไหน ส่วนใหญ่เขารู้อยู่แล้วไม่ต้องไปบอกเขาหรอก
ว่าต้องไปสนับสนุนพรรคไหน ยกเว้นบางคนที่ไม่ชอบพรรคนี้อยู่แล้ว
หรือต้องการอยากประชด อยากแสดงออกไม่เห็นด้วยอันนี้เรื่องปกติ
แต่พรรคควรหนุนช่วยเหมือนที่พวก ปชป. หนุนพันธมิตร ในอดีตนั่นแหล่ะ

ต่อไปนี้เสื้อแดงควรเลิกกลัวข้อหาบ้าๆ พวกนี้ได้แล้ว
ทำให้มันเป็นเรื่องปกติเดี๋ยวมันก็ปกติเอง
อย่าทำเป็นสดีดสดิ้งทำเป็นรับไม่ได้
แล้วพยายามจะถีบอีกพวกให้พ้นๆ
ทั้งๆ ที่เขากล่าวหาหมดทุกแดงแล้ว
ควรจะทำให้มันเป็นเรื่องปกติ
และกล่าวหาพวกนั้นกลับบ้าง
เรียกว่าม็อบเสื้อแดงไม่จำเป็นต้องไปสร้างภาพแล้ว
เอาเท่าที่มี 4 ปีได้แค่นี้ ก็คงไม่มีมากกว่านี้แล้วหล่ะ
ถ้าแค่ที่มีอยู่เป็นแสนทำให้กล้าแสดงออก
กล้าหาญ ไม่ก้มหัวให้ใครง่ายๆ พร้อมสู้ทุกเมื่อ
ไม่ยอมจำนนง่ายๆ แค่นี้ก็มีลุ้นบ้างแล้ว

ส่วนเรื่องกลัวเขาจะกล่าวหาเพื่อมาปราบอะไร
แล้วกลัวแพ้สู้ไม่ได้ ก็อย่าไปกังวลให้มาก
เพราะเขาต้องใช้ศรัทธาและทรัพย์มหาศาล
แลกกับคำว่าเสื้อแดงแพ้อีกครั้ง
แต่ถ้าเสื้อแดงไม่คิดยอมแพ้
จะแพ้อีกกี่สิบครั้งก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไร

ดร.ซุน ยัด เซ็น คือตัวอย่างของคนที่ไม่ยอมแพ้
ปลุกมวลชนรบแพ้ 10-11 ครั้ง กว่าจะชนะ
จนได้เป็นประธานาธิบดีจีนได้สำเร็จ
นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของการไม่ยอมแพ้
พร้อมลุกขึ้นสู้ทุกครั้งที่แพ้
ใครแพ้แค่ไม่กี่ครั้งแล้วเกิดท้อแท้
ลองคิดถึงคนที่เคยแพ้เป็นสิบครั้งกว่าจะชนะบ้าง
เผื่อมีกำลังใจให้ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

โดย มาหาอะไร

FfF