บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


29 มีนาคม 2554

<<< เราจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ โดยที่เราจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย >>>

สโลแกนนี้ผมนึกขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินคนพูดว่า
เราต้องการประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ภายใต้รัฐธรรมนูญ
แล้วปลุกม็อบปลุกระดมกันใหญ่ ให้ออกมาช่วยกันสู้ ให้ออกมาร่วมชุมนุม
ถ้าต้องการแค่นี้ ณ เวลานี้ ประเทศนี้ก็เป็นแบบที่ว่าอยู่แล้ว
จะปลุกคนให้ลุกขึ้นมาเต้นแร้งเต้นกาเย้วๆ กันไปทำไมกัน

ตอนนี้ประเทศนี้ มีประชาธิปไตยไหม
คนส่วนใหญ่แม้แต่เสื้อแดงส่วนใหญ่
ก็เห็นว่ามีแล้ว เนื่องจากมีการเลือกตั้ง
คือถือว่าการเลือกตั้งคือประชาธิปไตย
ลาวก็มีการเลือกตั้ง แต่ห้ามสังกัดพรรคอื่น
นอกจากพรรคคอมมิวนิสต์
พม่าก็พึ่งเลือกตั้งเขียนรัฐธรรมนูญกีดกันอองซานซูจี
นั่นนี่หมกเม็ดเพียบ แค่ได้เลือกตั้งมีประชาธิปไตยแล้วจริงหรือ
แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่ยอมรับว่ามีประชาธิปไตยแล้ว
แถมพร้อมร่วมสังฆกรรมอีก
ก็ถือว่ามีแล้วตามความเชื่อของพวกเขาก็แล้วกัน

ส่วนเงื่อนไขที่สองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
ข้อนี้ประเทศไทยปัจจุบันนี้ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว

เงื่อนไขสุดท้ายภายใต้รัฐธรรมนูญ
ฟังดูเหมือนมีโอกาสเปลี่ยนแปลงอะไร
เหมือนให้ความหวังในการต่อสู้
แต่ถ้าทุกท่านรู้ไหมว่า
ทุกวันนี้ รัฐธรรมนูญที่พรรคพวก คมช. ร่าง
คือรัฐธรรมนูญ50 นี้
ได้ให้อำนาจอะไรไว้เรียบร้อยแล้ว
แม้แต่มาตราที่ไม่ได้ให้อำนาจตรงๆ อย่าง ม.112
ก็ให้อำนาจใครก็ได้ในแผ่นดิน ยกมาฟ้องศัตรูทางการเมืองได้
อย่างที่เห็นในปัจจุบันโดยไม่จำเป็นต้องขอพระบรมราชานุญาติใดๆ
แล้วก็มีการชี้นิ้วกล่าวหาคนนั้นคนนี้ได้ง่ายๆ
และยังมีการพิจารณาลับไม่เปิดเผยคดีอีกต่างหาก
ที่จะทำให้คนที่ถูกกล่าวหาหมดสิทธิ์ปฏิเสธสู้ความ
เพราะเหมือนถูกปิดประตูตีแมวดีๆ นี่เอง
มาตรานี้ไม่เกี่ยวกับกษัตริย์โดยตรง
ในแง่ที่กษัตริย์ไม่ได้ใช้อำนาจตรงๆ
แต่มีคนเขียนหมกเม็ดอาศัยช่องโหว่เหล่านี้
ให้มีอำนาจเทียบเท่ากษัตริย์
สามารถฟ้องร้องได้เหมือนโดนกล่าวหาเอง
แบบนี้ไม่เรียกว่ามีอำนาจเทียบเท่าจะเรียกว่าอะไร
เรื่องนี้อันตรายมากๆ
แถมจะใช้มุกแกล้งเมาแกล้งบ้าพูดเฉียดไปเฉียดมา
ก็โดนเล่นได้เหมือนกันถ้าพลาด
เนื่องจากว่าไม่มีเงื่อนไขให้ยกเว้นในการต่อสู้เหมือนในอดีต
คือ รธน.50 ได้ตัดเงื่อนไขไม่ให้ยกเรื่องอะไรมาอ้างต่อสู้เลย
เรียกว่าแพ้คดีแน่ๆ อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเขาจะตัดสินหรือไม่
หรือขังโดยไม่มีคำพิพากษาคือจับขังคุกไว้ก่อน
แล้วยื้อกระบวนการยุติธรรมออกไปเรื่อยๆ

นี่เป็นเป็นกฏหมายที่ง่ายที่สุดที่จะแตะ
เพราะไม่ได้เกี่ยวกับสถานะกษัตริย์โดยตรง
เพียงแต่มีคนเขียนเพื่ออ้างสถาบัน
เพื่อให้มีใครก็ได้มาใช้สิทธิแทนกษัตริย์ได้
ถ้ายกเลิกไม่ให้มีใครมาใช้สิทธิแทน
และกันไม่ให้มีใครนำไปกลั่นแกล้งทางการเมืองได้ก็น่าจะดี
ถ้ามีปัญหาหมิ่นให้ตัวแทนกษัตริย์ที่ได้รับมอบหมายให้มาฟ้องแทน
แบบนี้น่าจะทำได้และหลายเรื่องกลุ่มนิติราษฎร์ก็กำลังนำเสนออยู่

ถ้ากฏหมายแค่นี้ยังไม่กล้าแตะ
ก็เท่ากับว่า จะไม่กล้าแตะมาตราที่หนักกว่านี้
ก็เท่ากับว่า จะไม่แตะอะไรเลยในหมวดนี้
คมช. ให้พรรคพวกเขียนไว้ยังไงก็ให้ยึดตามนั้น
ถ้าเช่นนั้นก็คือปัจจุบันนี้
ไม่ต้องออกมาม็อบเต้นแร้งเต้นกาเย้วๆ ก็ได้แบบนี้อยู่แล้ว
เหมือนกับว่า เราต้องการจะเปลี่ยนแปลงประเทศ
โดยที่เราจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ดีๆ นี่เอง

ดังนั้นสรุปได้เลยว่า
ถ้าแค่ ม.112 ยังไม่กล้าที่จะออกมาต่อต้าน
หรือเสนอเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นอะไร
การพูดว่า เราต้องการระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ภายใต้รัฐธรรมนูญ
ก็เหมือนกับพูดว่า เราพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่แล้วในตอนนี้
ยกเว้นคนที่พูดแบบนี้
แล้วกล้าเสนอเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง จริงๆ

โดย มาหาอะไร

FfF