"เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวช" ชื่อนี้ ยังจำไม่เคยลืมเลือน โดย อหิงสา เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวช... ยังจำไม่เคยลืมเลือน สำหรับคนเสื้อแดง รุ่นแรก ๆ.... ฝ่ายประชาชน นำโดย นปก.... ฝ่ายรัฐบาล นำโดยตำรวจ เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวช... เหตุการณ์ 22 ก.ค 2550 ล้มล้างรัฐธรรมนูญ หยุดสืบทอดเผด็จการ... เคลื่อนไป หน้าบ้านสี่เสาร์... วิมานสีม่วง ระหว่างทางก็จะเจอ ตำรวจ สกัดกั้นเป็นระยะ ๆ.. และ การชุมนุม ของ นปก ของพวกเราที่ขาดไม่ได้ ทุกครั้ง ตั้งแต่เริ่มต้นจน เดี๋ยวนี้ ก็คือ ฝน... คนที่ ขึ้นเวที แล้วจะมาพร้อมฝนเกือบทุกครั้ง ก็คือ จักรภพ เพ็ญแข และจากอดีตที่ผ่านมาจนปัจจุบัน ในการไปชุมนุมทุกครั้ง จะต้องมี ร่ม และเสื้อกันฝน อยู่ในกระเป๋าเกือบทุกคน ไม่ว่าอากาศตอนนั้น จะเป็นอย่างไร เพราะว่า มาชุมนุมทุกครั้ง อะไรที่ไม่น่าจะเกิดก็จะเกิดทุกครั้ง เช่นเรื่องของฝนตก.... ไม่ว่าฝนจะตกมากน้อยเพียงไร... ก็ไม่เป็นอุปสรรค สำหรับพวกเรา... ไม่ว่าจะเจอตำรวจ กี่ด่าน กี่ด่าน ... ก็สามารถมาถึง หน้าบ้านสี่เสาร์ วิมานสีม่วงได้... ใครเป็นคนสั่งสลายในวันนั้น และ มีคำสั่งให้จับแกนนำที่อยู่บนเวที....ให้ตำรวจปีนขึ้นรถโมบาย ของแกนนำที่กำลังปราศรัย และ ได้มีการฉีดแก๊สน้ำตา เข้าใส่ผู้ชุมนุมผู้บริสุทธิ์.. เหตุการณ์ ที่ผู้ร่วมชุมนุม ไม่ลืม และคงไม่ลืม ว่าเป็นฝีมือใคร...เป็นคนมาสั่งให้ทำ และ เข้ามาควบคุมในเหตุการณ์สลายครั้งนี้ด้วย... โดยแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) 15 คน และกลุ่มผู้ชุมนุม จำนวน 20,000 คน เคลื่อนขบวนจากท้องสนามหลวง ไปปิดล้อมบริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพักรับรองสำหรับผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพบกไทย ซึ่ง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ใช้พักอาศัยในกรุงเทพมหานคร เพื่อกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมเชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารในประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ระหว่างเส้นทางการเคลื่อนขบวน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านสกัดในหลายจุด โดยใช้แผงเหล็กวางกั้น และจอดรถบรรทุกของกรุงเทพมหานครขวางถนน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ฝ่าผ่านไปได้[1] เมื่อขบวนเคลื่อนไปถึงหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ แกนนำ นปก.ใช้เครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่บนรถบรรทุก ปราศรัยโจมตีผู้เกี่ยวข้อง กับการทำรัฐประหารทั้งหมด ในขณะที่ผู้ชุมนุมกำลังอยู่ระหว่างพักรับประทานอาหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามฝ่าฝูงชนเข้าไปจับตัวแกนนำ แต่ไม่สำเร็จ และถูกกลุ่มผู้ชุมนุมผลักดัน จนต้องล่าถอยออกไป สักครู่ใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับมาอีกครั้ง พร้อมสเปรย์พริกไทย เพื่อเปิดทางเข้าไป จับตัวแกนนำบนรถปราศรัย แต่ก็ถูกผู้ชุมนุมผลักดันออกไปได้อีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ล่าถอยไปได้ไม่นาน ก็กลับมาพร้อมกับการยิงแก๊สน้ำตา จนทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมแตกฮือ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถสลายกลุ่มผู้ชุมนุมได้ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องล่าถอยออกไปอีก และกลับมาระดมยิงแก๊สน้ำตาอีกชุดใหญ่ พร้อมกับเสริมกำลังเข้ามามากขึ้น ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด เพราะมีการตอบโต้จากฝ่ายผู้ชุมนุม หลายคนหยิบฉวยอะไรได้ ก็นำขึ้นมาใช้ตอบโต้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นท่อนไม้ คันธง ขวดน้ำ อิฐตัวหนอนปูถนน แผงเหล็กกั้น และอุปกรณ์อื่นๆ รวมถึงการขับรถพุ่งเข้าชน[2]โดยภายหลังจับกุมตัวได้ ทราบชื่อคือนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006[3] เมื่อไม่สามารถต้านทานกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระดมกันมาได้ แกนนำจึงพากลุ่มผู้ชุมนุม ถอยออกจากหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เพื่อกลับไปยังท้องสนามหลวงตามเดิม ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ ทั้งในส่วนของผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงแม้จะไม่มีผู้สูญเสียชีวิต หรืออวัยวะจากการสลายการชุมนุม แต่เหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อทรัพย์สินต่างๆ ในบริเวณโดยรอบที่ชุมนุม อาทิ ป้อมยามตำรวจ, ร้านค้าสมาคม แม่บ้านทหารบก และมูลนิธิพระดาบส ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ต่อมาในวันรุ่งขึ้น (23 กรกฎาคม) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาซ่องสุมเกินกว่า 10 คน ต่อแกนนำ นปก.[4] แกนนำทั้งหมดประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธ์, นายจักรภพ เพ็ญแข, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายแพทย์เหวง โตจิราการ, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย, พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย, นายจรัล ดิษฐาอภิชัย, นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ จึงได้ติดต่อขอเข้ามอบตัว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวไว้ทั้งหมด ทั้งนี้ แกนนำทุกคนไม่ได้ยื่นขอประกันตัวแต่อย่างใด และหลังจากนั้น นปก.ก็แต่งตั้งแกนนำรุ่น 2 ขึ้นมาทำหน้าที่แทน คณะทำงานอัยการได้พิจารณาสำนวนคดีและสั่งไม่ฟ้องแกนนำ นปช. เนื่องจากมีการยื่นหลักฐาน เอกสารร้องขอความเป็นธรรม ที่ผู้ต้องหายื่นเข้ามาให้อัยการพิจารณา ประกอบกับความเคลื่อนไหว ของกลุ่ม นปช.ยังไม่ถึงขั้นก่อความวุ่นวาย จึงถือว่าเป็นสิทธิเพื่อเรียกร้องตามรัฐธรรมนูญ จึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง และส่งเรื่องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพิจารณาแล้ว แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความเห็นแย้งให้ฟ้องผู้ต้องหา และส่งความเห็นแย้ง ให้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด พิจารณาชี้ขาด โดยอัยการสูงสุด มีความเห็นชี้ขาดสั่งฟ้อง ผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือก่อความวุ่นวาย ในบ้านเมือง และข้อหาอื่น ตามความเห็นแย้งของ ผบ.ตร. [5] พนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องแกนนำ นปช.10 คน ในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก และร่วมกันเดินแถว เดินเป็นขบวนใดๆ ในลักษณะที่เป็น การกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร และร่วมกันกระทำการโฆษณา โดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นพ.เหวง โตจิราการ พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล จาก http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E...8%A8._2550 และผู้ที่เข้ามาควบคุมดูแลการสลายคือ เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวช |
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.