บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


27 มิถุนายน 2554

<<< ข้อเท็จจริงที่ควรรู้ เรื่อง เบื้องหลังการถอนตัวจากภาคีมรดกโลกของไทย >>>

สื่อนอกตีข่าว ไทยถอนตัวภาคีมรดกโลก หลังยูเนสโกรับพิจารณาแผน 'พระวิหาร'

สื่อต่างประเทศตีข่าว ไทยถอนตัวจากการเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลก เพื่อประท้วงคณะกรรมการมรดกโลกที่ตัดสินใจรับพิจารณาแผนบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหารของฝ่ายกัมพูชา...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ว่า ประเทศไทยได้ถอนตัวออกจากการเป็นภาคีในอนุสัญญามรดกโลกอย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อเป็นการประท้วงการตัดสินใจของคณะกรรมการมรดกโลก (World Heritage Committee : WHC) ที่มีมติรับพิจารณาแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารของรัฐบาลกัมพูชา

รายงานข่าวระบุว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของไทยได้ยืนยันเมื่อคืนวันเสาร์ (25) ว่า เขาได้แจ้งต่อคณะกรรมการมรดกโลกแล้วถึงการตัดสินใจของฝ่ายไทยที่จะขอลาออกจากการเป็นภาคีในสนธิสัญญาดังกล่าว หลังจากที่ทางคณะกรรมการมรดกโลกเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของฝ่ายไทยที่เสนอให้เลื่อนการพิจารณาแผนบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหารของกัมพูชาออกไป จนกว่าการแก้ปัญหาข้อพิพาทเรื่องพรมแดนระหว่างไทย-กัมพูชาจะได้ข้อยุติ

"พวกเขาเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของเรา ทางคณะกรรมการมรดกโลกไม่ใส่ใจประเด็นเรื่องอำนาจอธิปไตยหรือพรมแดนของไทยแม้แต่น้อย พวกเขาสนใจแต่เรื่องการอนุรักษ์ปราสาทพระวิหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น" นายสุวิทย์กล่าวกับสื่อต่างประเทศ

ทั้งนี้ การถอนตัวของฝ่ายไทยในครั้งนี้ส่งผลให้นับจากนี้ทางคณะกรรมการมรดกโลกจะไม่มีอำนาจบังคับให้ไทยยอมรับและปฏิบัติตามมติใดๆได้อีกต่อไป.

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
26 มิถุนายน 2554, 10:18 น.

http://www.thairath.co.th/content/oversea/181820

--------------------------------------------------------------

ถอนตัวมรดกโลก ป้องเขมรอ้างมติ ฮุบดินแดนไทย

สุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยัน เหตุถอนตัวจากคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อป้องกันกัมพูชา อ้างมติไปใช้ในศาลโลกฮุบดินแดนไทย...

นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจากรรมการมรดกโลกฝ่ายไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้นำประเทศไทยถอนตัวออกจากการเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญาการคุ้มครองมรดกโลก เนื่องจากร่างมติกลางที่ศูนย์มรดกโลกนำเข้าสู่การพิจารณา มีการตัดเรื่องแผนบริหารจัดการรอบพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ในข้อ 6 ซึ่งยังไม่มีข้อยุติออกไป

หากยังมีการพิจารณาร่างนี้ ก็เท่ากับไทยยอมรับแผนบริหารจัดการดังกล่าวแล้ว ทั้งที่ไทยไม่ยอมรับแผนดังกล่าวของกัมพูชา เพราะมีการรุกล้ำอธิปไตยไทยอย่างชัดเจน แม้ไทยพยายามขอให้เลื่อนวาระเรื่องดังกล่าวออกไป แต่คณะกรรมการศูนย์มรดกโลกไม่ยอม และพยายามผลักดันเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการมรดกโลก โดยไม่พิจารณาความอ่อนไหวเรื่องเขตแดน มุ่งแต่ดูแลรักษาเรื่องวัฒนธรรม แสดงให้เห็นเจตนาไม่ดี ทำให้เราเป็นห่วงปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา เพราะไม่รู้ว่ามติคณะกรรมการมรดกโลกจะออกมาอย่างไร จึงได้ถอนตัวออกมาก่อน เพื่อไม่ให้มติของที่ประชุมมีผลผูกพันต่อประเทศไทย

นายสุวิทย์กล่าวว่า การที่เราวอล์กเอาท์ ออกมาหมายถึง การไม่ยอมรับการดำเนินการใดๆของคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งคณะทำงานฝ่ายไทยได้หารือกันอย่างรอบคอบแล้ว จึงตัดสินใจถอนตัวออกมา และได้บอกกับทางยูเนสโกว่า การกระทำใดๆในตัวปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องของกัมพูชา หากกัมพูชาจะไปขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว ก็ทำได้เฉพาะภายในดินแดนกัมพูชา จะมาล่วงล้ำอธิปไตยไทยไม่ได้ ไม่มีสิทธิจะมากระทบกับอำนาจอธิปไตยและเขตแดนไทย ยืนยันว่า การถอนตัวออกจากภาคีสมาชิกอนุสัญญาการคุ้มครองมรดกโลกนั้น ไม่มีข้อเสีย มีแต่ข้อดี เพราะทำให้ไทยไม่ต้องผูกพันกับข้อมติของคณะกรรมการมรดกโลก ถ้าเรายอมรับตามแผนบริหารจัดการดังกล่าว เท่ากับว่ายินยอมเห็นชอบ ทำให้กัมพูชาหยิบยกเป็นข้ออ้างเป็นหลักฐานไปสู้คดีในศาลโลกได้ ไม่ถือว่าการเดินทางไปครั้งนี้ปฏิบัติหน้าที่ล้มเหลว เราทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยไทยอย่างเต็มที่

นายสุวิทย์ กล่าวว่า ส่วนการถอนตัวจากสมาชิกภาคีอนุสัญญาการคุ้มครองมรดกโลกนั้น ไม่มีผลต่อมรดกโลกของไทยที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง หรือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่จะมีผลกับสิ่งที่ขอขึ้นทะเบียนใหม่เท่านั้น ทั้งนี้แหล่งมรดกโลกจะถูกถอดถอน หากไม่ดูแลรักษาตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ทุกอย่างอยู่แล้ว แม้ไม่มีคณะกรรมการมรดกโลกเราก็ดูแลพื้นที่ของเราอย่างดี

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวการเมือง
26 มิถุนายน 2554, 14:00 น.

http://www.thairath.co.th/content/pol/181887

--------------------------------------------------------------

มาร์ค ให้รัฐบาลใหม่ชี้ชะตาพระวิหาร

มาร์ค แจง เหตุถอนตัวจากภาคีมรดกโลก เหตุแผนเขมรกำกวม หวั่น ทำไทยเสียดินแดน ขั้นต่อไปให้รัฐบาลใหม่ตัดสินใจ...

เมื่อเวลา 14.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกรัฐมนตรีได้เรียกนายกษิต ภิรมย์ รักษาการ รมว.ต่างประเทศ เข้าพบที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นเวลา 10 นาทีก่อนที่นายอภิสิทธิ์ จะแถลงถึงกรณีที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาฝ่ายไทยประกาศถอนตัวประเทศไทย ออกจากการเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญามรดกโลก หลังจากที่ไปเจรจากับที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อให้เลื่อนวาระการพิจารณาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารออกไปไม่สำเร็จว่า การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกเมื่อคืนที่ผ่านมา(25มิ.ย.) นายสุวิทย์เดินออกจากที่ประชุมและแสดงเจตนาการถอนตัวออกจากการเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลกการดำเนินการทั้งหมดอยู่ในกรอบมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)และผ่านการปรึกษาหารือ เมื่อคืนที่ผ่านมาตนได้คุยกับนายสุวิทย์ ทางโทรศัพท์หลายครั้งและประสานกับนายกษิต ด้วย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าสาเหตุหลักนั้นประเทศไทยแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ที่ประชุมพิจารณาแผนบริหารจัดการที่กัมพูชาจะเสนอกับที่ประชุมและในช่วงที่มีการประสานกับนางอิรินา โบโกวาผู้อำนวยการใหญ่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก) และผู้แทนพิเศษจากยูเนสโกนั้นมีการยืนยันกับไทยมาตลอดว่าจะไม่มีการพิจารณาแผนดังกล่าว จนกระทั่งในช่วงของการประชุมหลายวันที่ผ่านมาร่างข้อมติชัดเจนว่าที่ประชุมตัดสินใจเลื่อนการพิจารณาแผนดังกล่าว แต่ปรากฏว่าก่อนที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมมีการนำเสนอ่างข้อมติเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งซึ่งกัมพูชาเสนอขึ้น แม้จะไม่ได้พูดแผนบริหารจัดการพื้นที่ชัดเจนแต่มีความกำกวม และเราได้ปรึกษาเเล้วและเห็นว่ายอมรับไม่ได้ที่ประชุมต้องการนำร่างมติสองฝ่ายไปพิจารณาในที่ประชุม ฝ่ายไทยเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะมีการพูดกันมาตลอดว่าต้องไม่มีการตัดสินใจในเรื่องนี้ต้องมีความชัดเจนว่าต้องเลื่อนออกไปและระบุไว้ในข้อบังคับการประชุม

รักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าขอขอบคุณผู้แทนหลายประเทศ และ ผอ.ยูเนสโกที่พยายามหาทางประนีประนอมให้ร่างข้อมติเป็นที่ยอมรับได้ก่อนที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมเช่น ออสเตรเลีย สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศสบราซิล และอียิปต์ ที่พยายามประนีประนอมและผู้แทนจากสวิสฯนั้น เมื่อวาระนี้เข้าสู่ที่ประชุมได้บอกไปว่าอยากให้วาระนี้มีการประนีประนอมและแจ้งไปว่าตนกำลังรอคุยโทรศัพท์กับ ผอ.ยูเนสโก แต่ปรากฏว่าที่ประชุมตัดสินใจเดินหน้าต่อไป ฉะนั้น นายสุวิทย์จึงตัดสินใจเจตนาเดินออกจากที่ประชุมและถอนตัวออกการเป็นภาคีฯ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สรุปว่าการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามมติ ครม.อย่างไรก็ตาม เมื่อนายสุวิทย์ เดินออกจากที่ประชุม ที่ประชุมมีมติตัดข้อความที่กัมพูชาเสนอในย่อหน้าที่เป็นปัญหาฉะนั้นในชั้นนี้ยังไม่มีการพิจารณาแผนบริหารพื้นที่ของกัมพูชาแต่ประการใด

การดำเนินการต่อไปจะเป็นหน้าที่รัฐบาลใหม่ ที่จะดำเนินการถอนตัวจากกรรมการมรดกโลก แต่ระหว่างนี้ยูเนสโกสามารถปรึกษาหารือกับไทยได้เกี่ยวกับการดำเนินการต่อไปโดยไทยจะยืนยันว่าหากจะฟื้นฟูบูรณะใดๆก็ตาม ที่เกี่ยวข้องกับดินแดนไทยต้องได้รับความยินยอมจากไทยและไทยยืนยันเสมอว่ากัมพูชาต้องถอนทหารออกจากปราสาททั้งหมด มิฉะนั้นจะถือว่าขัดต่อสนธิสัญญาและเจตนารมณ์ของกรรมการมรดกโลกด้วย

นายภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้อยากเรียนที่มาที่ไปขอการถอนตัวครั้งนี้ซึ่งตนถือว่าได้ทำความเข้าใจกับต่างประเทศได้มาก เชื่อว่าต่างประเทศจะเห็นว่าไทยจำเป็นต้องเดินออกนั้น เพราะที่ผ่านมาการทำงานกับยูเนสโกมีการมีการทำความเข้าใจล่วงหน้าชัดเจนไม่มีการโอนอ่อนผ่อนปรนตามแนวทางซึ่งเสนอให้ประนีประนอมเลยแม้ว่าไทยจะเดินออกแล้วจะไม่มีการพิจารณาแผนก็ตามแต่

ขั้นตอนต่อไป กระทรวงการต่างประเทศจะพิจารณารายละเอียดและรัฐบาลใหม่จะเดินหน้าผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตนั้นแนวทางต่อสู้จะยากขึ้นหรือไม่หลังจากไทยถอนตัว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าตนคิดว่าตอนนี้ยูเนสโกและกัมพูชาต้องไปทบทวนว่าจะดำเนินการต่อในกรอบของตัวเอง อย่างไรการปรึกษากับไทยในชั้นนี้นั้น ยังทำได้เพราะกระบวนการถอนตัวอย่างเป็นทางการต้องใช้เวลาพอสมควร ตามกฎกติกา

เมื่อถามว่า ผลกระทบตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชาจะรุนแรงขึ้นหรือไม่นายภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนที่นายสุวิทย์ จะเดินออกจากห้องประชุมตนได้คุยกับ ผบ.ทบ.และ รมว.กลาโหมให้เฝ้าระวัง มีรายงานว่าตอนนี้มีความเคลื่อนไหวของกัมพูชาระยะหนึ่งแล้ว ตนแจ้งให้นายสุวิทย์ ให้พยายามสื่อสารด้วยว่าจะเห็นว่าความตึงเครียดมีมากและดูเหมือนว่ากัมพูชาอยากให้เกิดปัญหาขึ้นเพราะช่วงกลางคืนวานนี้ มีการประสานงานตลอดเวลา

เมื่อถามว่ามีปัจจัยใดที่เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะก่อนหน้านี้นายกฯมั่นใจว่าจะเป็นผลดีกับไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันมีร่างข้อมติที่เป็นทางเลือกซึ่งกัมพูชาเสนอเข้ามาในช่วงท้ายและไม่ได้พูดถึงแผนบริหารจัดการก็จริงแต่ทำให้เกิดความกำกวมขึ้นและเป็นตัวปัญหา จึงพยายามบอกว่าไม่มีผลกระทบ แต่ไทยบอกว่าไม่ควรจะเสี่ยงเพราะสิ่งที่จะพูดถึงคือเรื่องอธิปไตย

ดังนั้นก็คุยกันว่าไม่ควรเสี่ยงหากจะมีความเป็นไปได้ที่จะใส่ข้อความเหล่านั้นในมติไทย ไม่ควรมีส่วนร่วมในการพิจารณาตนคุยกับนายสุวิทย์แล้ว ก็เห็นตรงกันย้ำว่า การดำเนินการทั้งหมดอยู่ในกรอบมติครม.และหารือแล้วก่อนที่ นายสุวิทย์จะเดินทางไปดังนั้น เป็นมติที่มีการรองรับการกระทำเรียบร้อยขอบคุณนายสุวิทย์ ที่ทำงานหนักมากในช่วงก่อนหน้านี้และย้ำว่ามันเป็นไปตามมแนวทางที่ตนพูดมาตลอดว่า ต้องสู้ถึงที่สุดและการมาทั้งหมดนั้นยืนยันว่าไม่สูญเปล่าแน่นอน มิตรประเทศคือห้าประเทศข้างต้นก็ช่วยไทยจริงจัง และน่าจะเข้าใจจุดยืนของไทยมากขึ้น ตนเชื่อว่าการทำความเข้าใจมาตลอดมันเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ในที่สุดมติที่ประชุมก็ไม่ใส่ร่างข้อมติปัญหาที่กัมพูชาเสนอ

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวการเมือง
26 มิถุนายน 2554, 16:42 น.

http://www.thairath.co.th/content/pol/181924

--------------------------------------------------------------

ชายแดนไทย-กัมพูชาตึงเครียดหนัก

วันอาทิตย์ ที่ 26 มิถุนายน 2554 เวลา 21:03 น

ชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดหนัก เผยเขมรเสริมกำลังทหารเต็มอัตราศึก ชาวบ้านเชื่อเปิดศึกถล่มกันอีกครั้งเร็วๆ นี้

เมื่อเวลา 23.40 น. วันที่ 25 มิ.ย. ตามเวลาในประเทศไทย นายสุวิทย์ ได้ทวีตข้อความระบุว่า "ผมและคณะนำประเทศไทยถอนตัวจากการเป็นสมาชิกมรดกโลกแล้วครับ" โดยนายสุวิทย์ได้โพสต์ภาพถ่ายขณะกำลังยืนโชว์เอกสารซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นบันทึกการขอลาออกจากกรรมการและสมาชิกภาคีอนุสัญญา

ถัดมาเวลา00.45 น. วันที่ 26 มิ.ย. หัวหน้าคณะผู้แทนไทยยังทวีตข้อความอีกว่า “คกก.มรดกโลกนำวาระเขาพระวิหารเข้าที่ประชุม จึงเป็นที่มาของการถอนตัวของไทยออกจากกรรมการและสมาชิกภาคีอนุสัญญา”

ทั้งนี้ คณะของนายสุวิทย์จะเดินทางกลับจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในช่วงบ่ายวันที่ 26 มิ.ย. และจะถึงประเทศไทยในช่วงเช้าวันที่ 27 มิ.ย. คาดว่าจะมีการแถลงการณ์อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

วันเดียวกันนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนการเจรจามรดกโลกฝ่ายไทย ยื่นจดหมายลาออกจากการเป็นภาคีคณะกรรมการมรดกโลก ว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ประชาชนชาวไทยซึ่งเป็นเจ้าของประเทศจำเป็นต้องรู้ความจริง เพราะเกี่ยวกับสถานะของประเทศไทยในเวทีโลก ดินแดน และบูรณภาพของราชอาราจักรไทย พรรคเพื่อไทยขอถามคำถามไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี 9 ข้อ คือ การตัดสินใจของนายสุวิทย์ครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีด้วยใช่หรือไม่ เพราะนายสุวิทย์อ้างว่าโทรศัพท์หารือกับนายกรัฐมนตรีตลอดเวลา และให้สัมภาษณ์ว่านายกรัฐมนตรีเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว การถอนตัวออกจากภาคีองค์กรระหว่างประเทศได้ผ่านความเห็นชอบ ครม.แล้วหรือยัง เพราะมีเรื่องที่เกี่ยวกับดินแดนและบูรณภาพของประเทศ น่าจะเข้าข่ายมาตรา 190 จึงอยากถามว่าทำไมถึงไม่ขอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน ทำไปโดยพลการได้อย่างไร ถ้าจะอ้างว่าไม่มีสภาฯ ก็ยังมีวุฒิสภาอยู่ต้องถามว่าทำในขณะที่เป็นรัฐบาลรักษาการ และกำลังมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเหมาะสมหรือไม่ ทำไมรัฐบาลถึงรีบร้อนตัดสินใจ ไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ นายสุวิทย์และนายอภิสิทธิ์มีวาระซ่อนเร้นหรือไม่ เพราะดูแล้วชอบกล ผิดกาลเทศะ

นายปลอดประสพ กล่าวว่า การแก้ปัญหาระหว่างประเทศมีหลายขั้นตอน ทำไมรัฐบาลถึงใช้วิธีรุนแรงแก้ปัญหาโดยการถอนตัววจากมรดกโลก การทำเช่นนี้ประเทศไทยได้ประโยชน์อะไร เพราะการลาออก กรรมการมรดกโลกก็ยังประชุมต่อไปได้ ยิ่งเมื่อประเทศไทยไม่ได้เป็นสมาชิกอยู่ด้วย ก็จะยิ่งทำให้เขาตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น เพราะไม่มีใครขัดขวาง ดังนั้นประเทศไทยจึงไม่ได้อะไรเลย แค่เอามือปิดตา และรอให้เขาเขกกะบาลอย่างเดียวเหมือนที่เด็กเขาทำกัน

นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า การตัดสินใจถอนตัวครั้งนี้ นายสุวิทย์และนายกรัฐมนตรีเคยถามคนอยุธยา คนอุดรธานี คนสุโขทัย คนอุทัยธานี หรือคนโคราชที่ในจังหวัดเขามีมรดกโลกบ้างหรือไม่ รัฐบาลเอาอำนาจ นโยบายอะไรไปตัดสินใจแทนเขา รัฐบาลควรจะรู้ว่าการถอนตัวครั้งนี้กระทบกับการท่องเที่ยวของประเทศไทย และเป็นการลดระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวในเชิงวัฒนธรรม และทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวของประเทศเป็นอย่างมาก นายกฯให้สัมภาษณ์ตลอดเวลาว่าไม่มีอะไรน่าห่วง ช่วงบ่ายของวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมายังพูดเช่นนี้ จึงถามว่าทำไมต้องโกหกประชาชน และหลอกสื่อ นายสุวิทย์เบิกเงินไป 10 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการล็อบบี้ จึงขอทราบรายละเอียดการใช้เงินด้วย เพราะกลัวว่าไม่โปร่งใส ความจริงการล็อบบี้เรื่องใหญ่ ๆ แบบนี้ เขาจะให้เอกอัครราชทูตไปพูดคุยกับรมว.ต่างประเทศ และผู้นำประเทศนั้น ๆ ดังนั้นการเบิกเงินไปเลี้ยงกันเองเช่นนี้จึงไม่เหมาะสม และขณะนี้ไทยกำลังเตรียมเสนอพื้นที่อีก 2 แห่งเป็นมรดกโลก คือพื้นที่บริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในกทม.และฝั่งธนบุรี รวมทั้งหมู่เกาะสุรินทร์ สิมิลัน ตะรุเตาให้เป็นมรดกโลก อยู่ ๆ ก็ไปลาออกเช่นนี้ การขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีก 2 แห่งก็คงไม่ได้ เท่ากับเป็นการทำลายโอกาสของประเทศไทย

“นายอภิสิทธิ์มีคำตอบหรือไม่ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือคิดเพียงสั้น ๆ ที่จะเอาใจกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เพราะคิดว่าจะใช้กลุ่ม พธม.หลังแพ้เราในการเลือกตั้งอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้า ขอให้นายอภิสิทธิ์ตอบคำถามทั้งหมดโดยด่วนด้วย พรรคเพื่อไทยจะถามอย่างนี้ทุกวันจนถึงวันเลือกตั้ง ความจริงแนวทางต่อสู้ควรจะใช้วิธีการประท้วงไปเรื่อยๆ จนวินาทีสุดท้าย ไม่ใช่สะบัดก้นหนีแบบนี้”นายปลอดประสพ กล่าว เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะกลับเข้าไปเป็นสมาชิกมรดกโลกอีกครั้งหรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวว่า เราอยู่ในเวทีโลกก็ต้องทำ เพราะเราไม่ได้คบแต่เฉพาะพธม.กลุ่มเดียว พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าการตัดสินใจของรัฐบาลครั้งนี้ หวังที่จะเรียกคะแนนให้ชนะการเลือกตั้ง แต่เป็นการประเมินที่ผิดพลาด ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งแพ้กราวรูดแน่ เพราะคนไม่เห็นด้วยอีกมาก

ขณะที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจากรรมการมรดกโลกฝ่ายไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้นำประเทศไทยถอนตัวออกจากการเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญาการคุ้มครองมรดกโลก เนื่องจากร่างมติกลางที่ศูนย์มรดกโลกนำเข้าสู่การพิจารณา มีการตัดเรื่องแผนบริหารจัดการรอบพื้นที่ปราสาทพระวิหารในข้อ 6 ซึ่งยังไม่มีข้อยุติออกไป ซึ่งหากยังพิจารณาร่างนี้จะเท่ากับไทยยอมรับแผนฯ แล้ว ยืนยันว่าไทยไม่ยอมรับแผนฯ ของกัมพูชาที่รุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน และพยายามขอให้เลื่อนวาระเรื่องดังกล่าวออกไป แต่คณะกรรมการศูนย์มรดกโลกไม่ยอม และพยายามผลักดันเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม โดยไม่พิจารณาความอ่อนไหวเรื่องเขตแดน มุ่งแต่ดูแลรักษาเรื่องวัฒนธรรม แสดงให้เห็นเจตนาไม่ดี ทำให้เราเป็นห่วงปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา เพราะไม่รู้ว่ามติคณะกรรมการมรดกโลกจะออกมาอย่างไร จึงได้ถอนตัวออกมาก่อน เพื่อไม่ให้มติของที่ประชุมมีผลผูกพันต่อประเทศไทย

นายสุวิทย์ กล่าวว่า ทั้งนี้จะไม่มีการพิจารณาเรื่องแผนฯ ดังกล่าวในปีหน้าอีกแล้ว หากครั้งนี้คณะกรรมการมรดกโลกยังจะพิจารณาแผนฯ ของกัมพูชาต่อก็พิจารณาไป แต่การที่เราวอล์กเอาท์ออกมาหมายถึงเราไม่ยอมรับการดำเนินการใดๆ ของคณะกรรมการมรดกโลก คณะทำงานของไทยได้หารือกันอย่างรอบคอบและตัดสินใจถอนตัวออกมา แต่ได้บอกกับทางยูเนสโกว่าการกระทำใดๆในตัวปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องของกัมพูชา หากกัมพูชาจะไปขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว ก็ทำได้เฉพาะภายดินแดนกัมพูชา จะมาล่วงล้ำดินแดนไทยไม่ได้ ไม่มีสิทธิมากระทบกับอำนาจอธิปไตยและเขตแดนไทย

นายสุวิทย์กล่าวยืนยันว่า การถอนตัวออกจากภาคีสมาชิกอนุสัญญาการคุ้มครองมรดกโลกนั้น ไม่มีข้อเสีย มีแต่ข้อดี เพราะทำให้ไทยไม่ต้องผูกพันกับข้อมติของคณะกรรมการมรดกโลก ถ้าเรายอมรับตามแผนบริหารจัดการดังกล่าว ก็เท่ากับว่ายินยอมเห็นชอบ ทำให้กัมพูชาหยิบยกเป็นข้ออ้างเป็นหลักฐานไปสู้คดีในศาลโลกได้ ไม่ถือว่าการเดินทางไปครั้งนี้ปฏิบัติหน้าที่ล้มเหลว เราทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยไทยอย่างเต็มที่

นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามการถอนตัวจากสมาชิกภาคีอนุสัญญาฯ ไม่มีผลต่อมรดกโลกของไทยที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งหรืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่จะมีผลกับสิ่งที่ขอขึ้นทะเบียนใหม่เท่านั้น ทั้งนี้แหล่งมรดกโลกจะถูกถอดถอนหากไม่ดูแลรักษาตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ทุกอย่างอยู่แล้ว ถึงแม้ไม่มีคณะกรรมการมรดกโลกเราก็ดูแลพื้นที่ของเราอย่างดี

ด้านนายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ ในฐานะที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ในหัวข้อ "สุวิทย์ ทำอะไรลงไปที่ปารีส" ว่า เมื่อปีที่แล้ว 2553 นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าทีมเจรจามรดกโลก คุยนักคุยหนาว่า เลื่อนวาระแผนบริหารและจัดการปราสาทพระวิหาร มาปี 2554 ผมพูดในตอนนั้นว่า อยากให้รัฐบาลประชาธิปัตย์ อยู่ถึงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในปีนี้ และเป็นไปตามคาดนายสุวิทย์ไม่สามารถเลื่อนวาระการพิจารณาแผนบริหารพื้นที่รอบปราสาทออกไปได้อีก เพราะรัฐบาลนี้ไม่สามารถลอบบี้ประเทศอื่นที่เป็นกรรมการมรดกโลกให้ช่วยประเทศไทยได้ เพราะคุณมีเพื่อนน้อยในเวทีโลก

"การลาออกจากภาคีมรดกโลกจะสร้างความเสียหายให้ประเทศไทยอย่างมาก เพราะเราจะไม่สามารถนำโบราณสถาน และอุทยานแห่งชาติไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ การลาออกเป็นการปิ้งปลาประชดแมว นอกจากนั้น เรายังสามารถปกป้องสิทธิในเขตแดนโดยวิธีอื่นๆได้ มากกว่าการลาออกจากภาคีมรดกโลก "นายนพดล ระบุ

วันเดียวกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เข้าพบที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นเวลาสิบนาที ก่อนที่นายอภิสิทธิ์จะเปิดแถลงข่าวกรณีที่ นายสุวิทย์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาฝ่ายไทย ประกาศถอนประเทศไทยออกจากการเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญามรดกโลก หลังจากที่ไปเจรจากับที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ ประเทศฝรั่งเศส ให้เลื่อนวาระการพิจารณาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารออกไปไม่สำเร็จว่า การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกเมื่อคืนที่ผ่านมานายสุวิทย์ เดินออกจากที่ประชุมและแสดงเจตนาการถอนตัวออกจากการเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลก การดำเนินการทั้งหมดอยู่ในกรอบมติครม.และผ่านการปรึกษาหารือ เมื่อคืนที่ผ่านมาได้คุยกับนายสุวิทย์ ทางโทรศัพท์หลายครั้งและประสานกับ นายกษิตด้วย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สาเหตุหลักนั้นประเทศไทยแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ที่ประชุมพิจารณาแผนบริหารจัดการที่กัมพูชาจะเสนอกับที่ประชุมและในช่วงที่มีการประสานกับผอ.ยูเนสโกและผู้แทนพิเศษฯนั้น มีการยืนยันกับไทยมาตลอดว่าจะไม่พิจารณาแผนดังกล่าว จนกระทั่งในช่วงของการประชุมหลายวันที่ผ่านมา ร่างข้อมติชัดเจนว่าที่ประชุมตัดสินใจเลื่อนการพิจารณาแผนดังกล่าว แต่ปรากฏว่าก่อนที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมมีการนำเสนออ้างข้อมติเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง ซึ่งกัมพูชาเสนอขึ้นแม้จะไม่ได้พูดแผนบริหารจัดการพื้นที่ชัดเจน แต่มีความกำกวม และเราได้ปรึกษาเเล้วและเห็นว่ายอมรับไม่ได้ ที่ประชุมต้องการนำร่างมติสองฝ่ายไปพิจารณาในที่ประชุม ฝ่ายไทยเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องเพราะพูดกันมาตลอดว่าต้องไม่ตัดสินใจในเรื่องนี้ ต้องมีความชัดเจนว่าต้องเลื่อนออกไปและระบุไว้ในข้อบังคับการประชุม

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณผู้แทนหลายประเทศและผอ.ยูเนสโก ที่พยายามหาทางประนีประนอมให้ร่างข้อมติเป็นที่ยอมรับได้ก่อนที่จะนำเสนอต่อที่ประชุม เช่น ออสเตรเลีย สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส บราซิล อียิปต์ ที่พยายามประนีประนอม และผู้แทนจากสวิสฯนั้นเมื่อวาระนี้เข้าสู่ที่ประชุมได้บอกไปว่าอยากให้วาระนี้ประนีประนอมและแจ้งไปว่า กำลังรอคุยโทรศัพท์กับผอ.ยูเนสโก แต่ปรากฏว่าที่ประชุมตัดสินใจเดินหน้าต่อไป ฉะนั้น นายสุวิทย์ จึงตัดสินใจแถลงเจตนาเดินออกจากที่ประชุมและถอนตัวออกการเป็นภาคีฯ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สรุปว่าการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามมติครม. อย่างไรก็ตามเมื่อ นายสุวิทย์ เดินออกจากที่ประชุม ที่ประชุมมีมติตัดข้อความที่กัมพูชาเสนอในย่อหน้าที่เป็นปัญหา ฉะนั้นในชั้นนี้ยังไม่มีการพิจารณาแผนบริหารพื้นที่ของกัมพูชาแต่ประการใด การดำเนินการต่อไปจะเป็นหน้าที่รัฐบาลใหม่ที่จะถอนตัวจากกรรมการมรดกโลก แต่ระหว่างนี้ยูเนสโกสามารถปรึกษาหารือกับไทยได้เกี่ยวกับการดำเนินการต่อไป โดยไทยจะยืนยันว่าหากจะฟื้นฟูบูรณะใดๆก็ตามที่เกี่ยวข้องกับดินแดนไทย ต้องได้รับความยินยอมจากไทยและไทยยืนยันเสมอว่ากัมพูชาต้องถอนทหารออกจากปราสาททั้งหมด มิฉะนั้นจะถือว่าขัดต่อสนธิสัญญาและเจตนารมณ์ของกรรมการมรดกโลกด้วย

ล่าสุดเย็นวันเดียวกัน สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาตรึงเครียดขึ้นอีกครั้ง ทหารไทย และตำรวจตระเวนชายแดน ได้เข้าประจำพื้นที่ชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ทุกจุดในช่วงเช้า และบ่ายหลังไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด ที่โรงเรียนพนมดงรักวิทยาแล้วก็ได้รับคำสั่งให้กลับเข้าฐานที่ตั้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างเร่งด่วน และให้เตรียมพร้อมในที่ตั้งตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีการประเมินว่า ในช่วง 2-3 วันข้างหน้า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเข้าสู่ขั้นตรึงเครียดสูงสุดอาจเกิดการปะทะ ระลอกใหม่

ทั้งนี้ช่วงเวลา 16.00 น.ปรากฏว่า มีเครื่องบินขับไล่ แบบ เอฟ 16 จำนวน 2 ลำบินเหนือพื้นที่ บริเวณ อ.ปราสาท ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา ราว 20 กิโลเมตร เสียงดังกระหึ่ม ในระดับที่สายตาประชาชนมองเห็นได้ชัดเจน ชาวบ้านต่างแหงนมองขึ้นท้องฟ้ามองดูด้วยความสนใจ และต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การปะทะกันของทหารไทยกับทหารกัมพูชาเกิดขึ้นอีกครั้งแน่

ขณะที่ความเคลื่อนไหว ของทหารกัมพูชา ด้านตรงข้ามกับพื้นที่ อ.กาบเชิง อ.พนมดงรัก โดยเฉพาะบริเวณใกล้กับปราสาทตาควาย ซึ่งทหารช่างของไทยที่ทำการก่อสร้างถนน เข้าไปยังพื้นที่ปราสาทตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบว่าทหารกัมพูชาจำนวนมาก คาดว่าน่าจะมีกำลังกว่า 300 นาย พากันเร่งขุดหลุมบังเกอร์ และ ตั้งฐานปืนใหญ่ หันกระบอกปืนมาฝั่งไทย ทหารกัมพูชาได้ตะโกนสั่งห้ามทหารไทยไปยืนดูการสร้างหลุมหลบภัย ส่วนตรงข้ามช่องกร่าง บ้านหนองตาเลิฟ ต.บักได และที่ตั้งทหารกัมพูชา ตรงข้าม ปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีการเคลื่อนไหวและนำกำลังพลเข้าเสริมจำนวนมากเช่นกัน ขณะที่ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ อ.พนมดงรัก อ.กาบเชิง อ.สังขละ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ทหารและกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้แจ้งเตือนให้ประชาชน ได้รับทราบสถานการณ์ชายแดนอย่างต่อเนื่อง พร้อมระบุว่า สถานการณ์ชายแดนขณะนี้ ยังไม่มีเหตุรุนแรง แต่ก็ขอให้ประชาชนเตรียมพร้อม เก็บสิ่งของที่มีค่า ติดตัวออกจากบ้าน หากมีเหตุการณ์รุนแรงขึ้น พร้อมทั้ง เข้าจุดนับพบ ประจำหมู่บ้าน และเดินทางไปยังศูนย์อพยพ ที่ทางอำเภอ ทุกแห่งได้จัดเตรียมไว้รองรับ แต่ขณะนี้ประชาชนยังสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติ

ด้านด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง ด่านผ่านแดนเปิดให้ประชาชนชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางเข้ามาค้าขายในตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ตลอดทั้งวันชาวกัมพูชา และนักท่องเที่ยวชาวไทยก็ยังคงเดินทางมาซื้อสินค้าตามปกติ เนื่องจากเป็นวันหยุด อย่างไรก็ตามชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดนที่ทราบข่าวการถอนตัวของไทยดังกล่าว ต่างก็รู้สึกวิตกกังวลกับท่าทีที่เกิดขึ้น และหวั่นเกิดความขัดแย้งก่อให้เกิดสงครามตามมา

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=561&contentId=147402

--------------------------------------------------------------

'สุวิทย์'เผยถ้าไม่ถอนตัว ไทยเสี่ยงเสียดินแดน


"สุวิทย์" ระบุได้ทำความเข้าใจกับที่ประชุมมรดกโลกแล้วแต่ไม่เป็นผล มีความเสี่ยงเสียอธิปไตยจึงตัดสินใจถอนตัว ยืนยันหากจะดำเนินการใดๆ ในพื้นที่เกี่ยวข้องต้องถามไทยก่อน ดักเขมรไม่มีสิทธิ์เอามติของคณะกรรมการมรดกโลก ไปอ้างต่อศาลโลกได้...

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กล่าวชี้แจงกรณีที่ไทยถอนตัวจากการเป็นภาคี คณะกรรมการมรดกโลกว่า ที่ผ่านมา ไทยมีความพยายามทำความเข้าใจกับคณะกรรมการมรดกโลก ในเรื่องแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารมาโดยตลอด เพื่อให้มีการเลื่อนพิจารณาออกไป แต่เมื่อกัมพูชา มีการเสนอแผนบริหารฉบับใหม่ โดยมีรายละเอียดที่ระบุให้ประธานคณะกรรมการมรดกโลก และคณะกรรมการฝ่ายกัมพูชา ฟื้นฟู ซ่อมแซม อนุรักษ์ ส่งเจ้าหน้าที่ เข้าไปในพื้นที่ปราสาท ซึ่งไทยเห็นว่าเรื่องดังกล่าว มีความอ่อนไหว และสุ่มเสี่ยงในการเข้าไปมีส่วนร่วม หรือ ยอมรับ หรือ มีส่วนร่วมในแผนดังกล่าว รวมทั้งสุ่มเสี่ยงในการเสียอธิปไตย

ทั้งนี้ รมว.ทส. กล่าวอีกว่า คณะกรรมการมรดกโลก ไม่เล็งเห็นถึงความละเอียดอ่อนถึงปัญหาระหว่างไทย และกัมพูชา ไทยจึงตัดสินใจถอนตัว และเชื่อว่า การถอนตัวจะส่งผลดีต่อไทย เนื่องจาก กัมพูชา ไม่สามารถนำเอามติของคณะกรรมการมรดกโลก ไปอ้างต่อศาลโลกได้ ขณะที่การดำเนินการต่อจากนี้ทางกัมพูชา และคณะกรรมการมรดกโลก จะดำเนินการอะไรที่เกี่ยวข้องกับตัวปราสาท และพื้นที่โดยรอบไม่ได้ หากไม่ได้รับความยินยอม จากฝ่ายไทย.

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
27 มิถุนายน 2554, 10:00 น.

http://www.thairath.co.th/content/pol/182045

--------------------------------------------------------------

ถอนตัวภาคีมรดกโลก ไม่สำคัญเท่าไทยเสียดินแดน

มาร์ค ย้ำ ผลกระทบที่จะเกิดจากการถอนตัวจากภาคีมรดกโลก ไม่สำคัญเท่ากับที่ประเทศไทยจะเสียดินแดน...

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากพักค้างคืนที่วัดศรีธาตุ จ.ยโสธร และร่วมใส่บาตรกับชาวบ้านในพื้นที่ โดยให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการหลังจากไทยถอนตัวจากภาคีมรดกโลกว่า นายสุวิทย์​ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้แทนฝ่ายไทย ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาในวันนี้ วันพรุ่งนี้ จะรายงานถึงเรื่องของการสรุปร่วมประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ในที่ประชุม ครม. ซึ่งมีประเด็นที่ต้องให้หน่วยงานเข้าไปดูข้อมติของมรดกโลก หลังจากที่ไทยได้ถอนตัว ที่ประชุมแล้ว ว่า จะมีผลมีความหมายอย่างไร และขั้นตอนในการดำเนินการต่อจากนี้ หลังจากที่นายสุวิทย์ แสดงเจตนารมย์ นั้น เป็นอย่างไร ซึ่งเข้าใจว่า คงต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ที่จะต้องเข้ามาดำเนินการต่อ แต่อยากให้เจ้าหน้าที่เตรียมข้อมูลเอาไว้ให้พร้อม

อย่างไรก็ตาม หลังจากถอนตัวแล้ว ก็ยังไม่มีผลกระทบต่อการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในทันที เพราะยังมีหลายขั้นตอน จึงได้ให้หลายหน่วยงานไปศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่สิ่งสำคัญก็คือผลกระทบอะไรก็ไม่รุนแรงเท่ากับว่าประเทศไทยจะต้องเสียดินแดน ดังนั้น จึงขอยืนยันว่า จะต้องดูแลในส่วนนี้

ส่วนการดูแลป้องกันการรุกล้ำ บริเวณชายแดนนั้น นายอภิสิทธิ์​กล่าวว่า ได้พูดคุยกับทางกองทัพ ตั้งแต่ที่จะมีการถอนตัวจากภาคีมรดกโลก ประมาณ​1 - 2 ชั่วโมง ซึ่งสอบถามว่ามีการเฝ้าระวังแค่ไหน แต่ทางกองทัพก็ได้มีการยืนยันว่า ได้มีการเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา และรายงานให้ตนเองทราบว่า เริ่มมีความเคลื่อนไหว

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
27 มิถุนายน 2554, 10:55 น.

http://www.thairath.co.th/content/pol/182056

--------------------------------------------------------------

'สุเทพ'ย้ำจำเป็นไทยถอนตัวมรดกโลก ลั่นไม่ยอมเสียแผ่นดินให้ใคร


“สุเทพ” ย้ำจำเป็นอย่างยิ่งไทยถอนตัวมรดกโลก ลั่นไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงไทย ชี้ “ปลอดประสพ” ระแวงเกิน ยันไม่กระทบท่องเที่ยว ตอกถ้าไม่เผาอีก มีคนมาเที่ยวไทยแน่ ...

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 27 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในคณะหัวหน้าคณะผู้แทนการเจรจาไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ได้ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นสมาชิกภาคีคณะกรรมการมรดกโลกว่า เป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งความจริงจุดยืนของรัฐบาลไทยต้องการที่จะร่วมมือกับฝ่ายต่างๆในเวทีโลกอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องอธิปไตยของชาติ พื้นแผ่นดินของเราตารางนิ้วเดียวเราก็ยอมไม่ได้ จึงถือเป็นหน้าที่ของเราที่จะปกป้องอธิปไตยของเรา

“คณะกรรมการมรดกโลกเมื่อไม่ฟังเหตุผลของเรา ทั้งๆที่เรื่องการปักกันเขตแดนกำลังดำเนินการอยู่ และยังจะมาพิจารณาอะไรที่เป็นการข่มเหงเรา เราก็รับไม่ได้” นายสุเทพ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การตัดสินใจเช่นนี้ จะส่งผลไปถึงปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงตามแนวชายแดนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ทหารได้มีการส่งกำลังดูแลอยู่อย่างแข็งแรงและมั่นคง ซึ่งมั่นใจว่ากองทัพไทยของเราจะรักษาอธิปไตยของเราได้อย่างสมภาคภูมิ ไม่ต้องให้ประชาชนต้องกังวลใจ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ตนเชื่อว่าหลังเลือกตั้งทุกอย่างก็จะคลี่คลาย ขณะนี้มันสอดรับกันอยู่ ซึ่งเมื่อเลือกตั้งแล้ว ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยได้ เมื่อถามว่า ขั้นตอนหลังจากถอนการเป็นสมาชิกภาคีคณะกรรมการมรดกโลกแล้วจะเป็นอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า เราก็จะทำหนังสือยืนยันอย่างเป็นทางการ

ต่อข้อถาม นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยที่ไทยถอนตัวจากคณะกรรมการมรดกโลก โดยอ้างเหตุผลว่าจะไม่สามารถนำโบราณสถานอื่นๆขึ้นเป็นมรดกโลกได้ และจะมีผลกับนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวในประเทศไทย นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจที่นายปลอดประสพไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล เพราะไม่เห็นด้วยทุกเรื่องอยู่แล้ว

“เรื่องของนักท่องเที่ยวไม่ต้องกังวล เพราะประเทศไทยยังเป็นประเทศที่คนให้ความสนใจมาเที่ยวติดอันดับโลกอยู่ เมื่อวานก็เห็นข่าวไทยติดอันดับ 3 ของโลกที่น่าเที่ยว ขออย่างเดียวว่าอย่าให้มีพวกมาเผาบ้านเผาเมือง หรืออย่ามาก่อเหตุจลาจลอย่างที่เคยทำมาอีก คนเขาก็มาเที่ยวแล้ว” นายสุเทพ กล่าว.

ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวการเมือง
27 มิถุนายน 2554, 11:00 น.

http://www.thairath.co.th/content/pol/182050

--------------------------------------------------------------

ทหารไทยตรึงกำลังเข้ม หลัง“ฮุน เซน”ลั่นไม่ถอนกำลัง
วันจันทร์ 9 พฤษภาคม 2554 15:40

วันนี้(9พ.ค.2554) “ฮุน เซน”ยันไม่ถอนกำลังพ้นเขาพระวิหาร ทำชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหารตึงเครียด ทหาร 2 ฝ่ายตรึงกำลังเข้มเตรียมพร้อมฐานที่มั่น ขณะชาวบ้าน “ภูมิซรอล” ผวาพร้อมอพยพตลอดเวลาหากมีการปะทะเกิดขึ้น

มีรายงานว่า ที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทหารพรานจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ ได้ตั้งด่านตรวจเข้มโดยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขึ้นไปที่ บริเวณเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย ขณะที่ทหารไทยและทหารกัมพูชายังคงตรึงกำลังเข้มในฐานที่มั่นของตัวเอง

ทั้งนี้ ผลจากการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาที่อินโดนีเซียล้มเหลว โดย สมเด็จฯ ฮุน เซน ผู้นำของกัมพูชายืนยันไม่ถอนกำลังทหารออกจากบริเวณเขาพระวิหารตามข้อเสนอของ รัฐบาลไทย ซึ่งอ้างว่าบริเวณที่ทหารกัมพูชาตรึงกำลังอยู่นั้นเป็นเขตแดนของกัมพูชา ทำให้บรรยากาศบริเวณเขาพระวิหารตึงเครียดมากกว่าเดิม ทหารไทยทุกนายได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อรับมือการโจมตี จากรัฐบาลกัมพูชาที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

นายประสิทธิ์ กลิ่นอ้ม อายุ 45 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ผลจากการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาที่ประเทศอินโดนีเซียล้มเหลว ทำให้ชาวบ้านภูมิซรอลพากันหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ว่าการสู้รบจะเกิดขึ้นอีกเช่นเดียวกับการปะทะกันครั้งใหญ่ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา

ดังนั้น ชาวบ้านภูมิซรอลจึงได้พากันจัดเตรียมสิ่งของมีค่าเอาไว้ เพื่อเตรียมอพยพทันทีหากมีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเกิดขึ้น ที่บริเวณชายแดนเขาพระวิหาร เพราะการที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาปฏิเสธถอนกำลังทหารออกจากบริเวณเขาพระวิหาร นั้น เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทหารกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าโจมตีหรือเกิด การสู้รบกับทหารไทยที่ตรึงกำลังรอบบริเวณเขาพระวิหารได้ตลอดเวลา

ขณะเดียวกันชาวบ้านที่อาศัยตามหมู่บ้านแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่เข้าไปทำไร่นาติดกับแนวชายแดนหลังจากทำไร่นาเสร็จแล้วต้องรีบพากันกลับมา บ้านเรือนของตัวเอง เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย

http://www.chaoprayanews.com/2011/05/09/ทหารไทยตึงกำลังเข้ม-หลั/

--------------------------------------------------------------

เขมรประดับยศทหารระดับสูงพื้นที่พระวิหารกว่า ๕๐ นาย

กุน กีม ประดับยศนายทหารชั้น พ.ท.ถึงพล.ต. กว่า ๕๐ นาย ที่ฐาน ๕ มกรา พื้นที่พระวิหาร

ฟิฟทีนมูฟ — เขมรประดับยศนายทหารแนวหน้าพื้นที่ปราสาทพระวิหารชุดใหญ่กว่า ๕๐ นาย ระดับพันโท-พลตรี ซึ่งเป็นผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการกองพลน้อย ณ ฐานบัญชาการ ๕ มกราคม พื้นที่พระวิหาร มี พล.อ.กุน กีม เป็นประธานพร้อมด้วย พล.อ.เจีย ดารา และนายทหารระดับสูงเข้าร่วม เจียดารา ไม่วายปากพล่อยเล่านิทานผลักอก ขณะกุน กีม กำชับเร่งป้องกันที่ตั้ง และพัฒนาที่ดินที่จัดสรรให้ครอบครัวทหาร ทั้งการเพาะปลูกและสร้างบ้านใหม่
ตามรายงานของศูนย์ข่าวนครวัต ที่ฐานบัญชาการสันติภาพจุด ๕ มกรา1 ในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ได้มีพิธีประดับยศนายทหารระดับสูง ซึ่งเป็นผู้บัญชาการ และรองผู้บัญชาการระดับกองพลน้อยแนวหน้า กว่า ๕๐ นาย โดยมี พล.อ.กุน กีม หัวหน้าคณะที่ปรึกษาฮุน เซน เป็นรองผู้บัญชาการ เสนาธิการร่วม และเป็นรองประธานคนที่ ๑ ในคณะบัญชาการหน่วยสมรภูมิพรมแดนกัมพูชา-ไทย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการ และเป็นประธานคณะบัญชาการหน่วยสมรภูมิแนวหน้าภูมิภาคที่ ๔ และคณะบัญชาการหน่วยสมรภูมิแนวหน้า ผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการหน่วยสมรภูมิแนวหน้า เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ในพิธี พล.อ.เจีย ดารา กล่าวว่า นับจากวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๑ ที่ทหารสยามเข้ามารุกรานบนดินแดนกัมพูชา ในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ทั้งจ้วงจาบอุกอาจ ที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ระยะเวลา ๓ ปีมานี้ ภายใต้การนำของสมเด็จฯ นายกรัฐมนตรี ได้วางแนวทางและบทบัญชาการที่มีประสิทธิภาพ ให้กองทัพนำไปปฏิบัติในการป้องกันดินแดน มีความแข็งแกร่งและมีสมรรถภาพในการรบ ทำให้กองทัพมีความมั่นคง เสริมสร้างจิตใจสู้รบ กล้าสละชีวิต เพื่อยืนหยัดป้องกันบูรณภาพดินแดนของมาตุภูมิ ปัจจัยนี้นำมาซึ่งชัยชนะ รวมถึงการบัญชาการรบที่องอาจกล้าหาญของผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ และนักรบผู้กล้าของเรา ชัยชนะที่ได้รับนำมาซึ่งการประดับยศในวันนี้ พิธีประดับยศเวลานี้ มีระดับพลตรีจำนวน ๓๖ นาย ระดับ พ.อ.พิเศษ (พลจัตวา) จำนวน ๑๖ นาย และพันโท ๑ นาย
พล.อ.กุน กีม ในฐานะประธานพิธีได้กล่าวยกย่องความอุตสาหะของนายทหารแนวหน้า ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม ในการต่อต้านการล่วงละเมิดรุกรานของทหารสยามบนบูรณภาพดินแดนกัมพูชา พร้อมกันนั้น พล.อ.กุน กีม ได้กำชับนายทหารให้เอาใจใส่ต่อภารกิจสำคัญ เช่น เสริมสร้างการป้องกันพื้นที่ของตน เร่งคัดเลือกทหารไปทำหน้าที่ตามแผนการณ์ที่ได้วางไว้ เอาใจใส่ต่องานการพัฒนาครอบครัวทหารตามแนวพรมแดน โดยต้องเร่งเพาะปลูกในที่ดินที่ได้รับแจกให้หมด และเร่งงานเตรียมที่ดินปลูกบ้านใหม่ ๆ สำหรับครอบครัวทหารให้ทันเวลา
เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผู้บัญชาการระดับกองพันน้อยป้องกันดินแดนทางบกในพื้นที่ปราสาทพระ วิหาร บนฐานที่ตั้งทหารกัมพูชาบนภูมะเขือของไทย ซึ่งถูกกัมพูชายึดครอง
http://www.15thmove.net/news/khmer-decorated-military-rank-5-january/
-----------------------------------------------------
เขมรโวยไทยไม่มีสิทธิ์ค้านแผนบริหารจัดการปราสาทฯ
โพสต์เมื่อ - 23:57 น. โดย n/e - 23:57 น.
นายติต โซะเทีย โฆษกหน่วยข่าวและตอบโต้เร็ว
ฟิฟทีนมูฟ — โฆษกหน่วยข่าวและตอบโต้เร็วเขมร โวยไทยไม่มีสิทธิ์คัดค้านแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร เพราะตั้งอยู่ในอธิปไตยของเขมร ระบุมาร์คพูดให้การประชุมมรดกโลกร้าวฉาน แต่ไม่มีผลอะไร เพราะแผนของเขมรทำถูกต้องตามคำแนะนำของยูเนสโก มั่วไทยคัดค้านเพราะไม่ต้องการรับผิดเรื่องยิงใส่ปราสาทฯ
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ ฉบับภาษาเขมร (๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๔) โฆษกหน่วยข่าวและตอบโต้เร็วของกัมพูชากล่าวตอบโต้ กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เตือนไปถึงคณะกรรมการมรดกโลกให้เลื่อนการอนุมัติแผนบริหารจัดการปราสาท พระวิหารออกไป ก่อนที่คณะกรรมการฯ จะทำการพิจารณาแผนดังกล่าว ในวันที่ ๒๓ มิถุนายน โดยสื่อกัมพูชาอ้างคำกล่าวของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งระบุว่าปรากฏในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ว่า “ผมได้คุยกับองค์การยูเนสโก ถ้าหากพวกเขาไม่เลื่อน พวกเขาควรทราบว่าเราอาจยุติการทำงานร่วมกับพวกเขา”
นายติต โซะเทีย1 โฆษกหน่วยข่าวและตอบโต้เร็ว ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้แถลงว่า ประเทศไทยไม่มีหน้าที่อะไรมาคัดค้านกัมพูชา ในเรื่องแผนการบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร เพราะตั้งอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา พร้อมกล่าวตอบโต้นายอภิสิทธิ์ว่า “การแสดงความเห็นคล้าย ๆ กันนี้ เพียงเพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้กับสาธารณะ แล้วไทยมีความต้องการสร้างภาพแตกแยกในการประชุมนี้ แม้เป็นอย่างนั้นก็ตาม ผมคิดว่าการกระทำแบบนั้นไม่ได้ผลอะไร เนื่องจากแผนการณ์ของกัมพูชาทำถูกต้องตามการแนะนำขององค์การยูเนสโก”
โฆษกหน่วยข่าวฯ กล่าวต่อว่า การที่ไทยพยายามคัดค้านแผนการบริหารจัดการและอนุรักษ์ของกัมพูชา ก็เพื่อให้พ้นจากการรับผิดต่อการยิงโจมตีปราสาทพระวิหาร เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
http://www.15thmove.net/news/thai-have-no-right-oppose-management-plan/

-----------------------------------------------------
เขมรแจงละเอียดประชุมมรดกโลก เผยทุกประเทศหนุนพิจารณาแผน

การหารือระหว่างนายกีชอร์ เรา และนายซก อาน
ฟิฟทีนมูฟ – เขมรออกข่าว ๗ ข้อการดำเนินงานของตัวแทนในการประชุมมรดกโลก เผยคณะกรรมการฯ หนุนให้ปฏิบัติตามมติการประชุมครั้งที่ ๓๔ ให้พิจารณาลงมติแผนฯ เผยเขมรวิ่งล็อบบี้ทุกประเทศและหน่วยงานของยูเนสโก สาธยายการรุกรานของไทยตั้งแต่ปี ๒๕๐๕-๕๔ ระบุไทยก่ออาชญากรรมต่อมรดกโลก ศาสนาและสิทธิมนุษยชน ยั่วยุให้ทุกประเทศกล่าวโทษไทย เร่งให้ส่งผู้เชี่ยวชาญไปประเมินและซ่อมแซมปราสาท ออกมาตรการป้องกันความเสียหายในอนาคต ขณะโฆษกหน่วยข่าวฯ เขมรระบุท่าทียูเนสโกส่งนัยเขมรชนะในการประชุมครั้งนี้
วานนี้ (๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๔) หน่วยข่าวและตอบโต้เร็วในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกเอกสารประกาศข่าวรายงานการดำเนินการของนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หัวหน้าคณะตัวแทนกัมพูชา ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ ๓๕ ที่กรุงปารีส โดยอ้างการให้ข่าวของผู้แทนกัมพูชาประจำองค์การยูเนสโก ระบุ ๗ ประเด็น การดำเนินงาน โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑. คณะตัวแทนกัมพูชาได้พูดคุยล็อบบี้คณะตัวแทนของประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดก โลกทั้ง ๒๑ ประเทศ (ยกเว้นไทย) และหน่วยงานสำคัญ ๆ ขององค์การยูเนสโก ประกอบด้วยศูนย์มรดกโลก องค์การ ICCROM และ ICOMOS เป็นต้น
๒. นายกีชอร์ เรา (Kishore Rao) ประธานศูนย์มรดกโลก และนาย Mounir Bouchenaki ผู้อำนวยการ ICCROM ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้อำนวยการองค์การยูเนสโก ได้ร่วมกันประสานงานและแยกหารือกับคณะตัวแทนกัมพูชาและไทย เพื่อหาข้อสรุปที่เป็นไปได้ ส่งให้คณะตัวแทนทั้งสองฝ่ายแสดงความเห็น ในประเด็นสำคัญของร่างมติการประชุมครั้งที่ ๓๕ ของคณะกรรมการมรดกโลก กรณีปัญหาปราสาทพระวิหาร
เอกสารประกาศข่าวของหน่วยข่าวและตอบโต้เร็ว ๒๔ มิ.ย.๕๔ กรณีการประชุมมรดกโลกเอกสารประกาศข่าวของหน่วยข่าวและตอบโต้เร็ว ๒๔ มิ.ย.๕๔ กรณีการประชุมมรดกโลก
เอกสารประกาศข่าวของหน่วยข่าวและตอบโต้เร็ว ๒๔ มิ.ย.๕๔ กรณีการประชุมมรดกโลก
๓. คณะตัวแทนไทยได้พยายามอย่างเกรี้ยวกราด เพื่อสกัดกั้นแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร โดยแสดงจริตที่หยาบคายและก้าวร้าว ทั้งในขณะแยกหารือ และในบริเวณที่ทำการยูเนสโก โดยเฉพาะได้รวมตัวกันอย่างชุลมุลเข้าไปในห้องเจรจา ถึง ๒๘ คน โดยมีนักข่าวที่มีกล้องวิดีโอติดตัวอีก ๗ คนด้วย ​พวกเขาได้พูดโกหกอย่างไร้ยางอายว่า ไม่มีความเสียหายต่อปราสาทอย่างการกล่าวอ้างของกัมพูชา แล้วความเสียหายเล็กน้อยเหล่านั้น เป็นผลหลงเหลือมาจากสงครามระหว่างเขมรในอดีตเท่านั้น ไทยได้ทำแบบจำลองปราสาทพระวิหาร และใช้รูปถ่ายเมื่อ ๕๐ ปีก่อน ที่ดูแลโดยนักโบราณคดี เพื่อเปรียบเทียบ โดยพูดโกหกว่าปราสาทพระวิหารไม่มีความเสียหายแต่อย่างใด และมีสภาพเหมือนเดิม
๔. ผลอันเป็นก้าวแรกในการหารือกรณีนั้น ประเทศจำนวนมากได้สนับสนุนให้เคารพและปฏิบัติตามมติการประชุมครั้งที่ ๓๔ ของคณะกรรมการมรดกโลก ที่กรุงบราซิเลีย ทั้ง ๕ ข้อ ที่คณะกรรมการมรดกโลกได้เห็นชอบไปแล้ว โดยมีทั้งการลงนามโดยตัวแทนของกัมพูชา ไทย และประธานกรรมการอีกด้วย โดยเฉพาะตัวแทนของประเทศบราซิลที่เป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งที่ ๓๔ ก็ได้ยืนยันว่า คณะกรรมการมรดกโลกควรเคารพมติการประชุมครั้งที่ ๓๔
๕. ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คณะตัวแทนกัมพูชาได้ทำงานอย่างเร่งด่วน ในการอธิบายประวัติการรุกราน และการโจมตีปราสาทพระวิหารจากฝ่ายทหารไทย ภายหลังการตัดสินคดีของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ กรุงเฮก โดยเฉพาะระหว่าง พ.ศ.๒๕๐๕-๒๕๐๖ พ.ศ.๒๕๕๑-๒๕๕๒ และในเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน พ.ศ.๒๕๕๔ ส่งผลให้รัฐบาลกัมพูชาร้องเรียนไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยแสดงหลักฐานหนังสือและดีวีดี เป็นภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษ ที่ยืนยันความเสียหายของปราสาทพระวิหาร และการละเมิดสิทธิมนุษยชน
๖. คณะตัวแทนกัมพูชาได้ล็อบบี้กับนานาชาติ เพื่อกล่าวโทษการกระทำรุกรานของกองทัพไทย บนบูรณภาพดินแดนของกัมพูชา รวมทั้งอาชญากรรมต่อมรดก อาชญากรรมต่อศาสนา และการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการใช้ระเบิดแตกอากาศ1
๗. คณะตัวแทนกัมพูชากำลังดำเนินการเจรจาด้วยภาพที่อ่อนน้อมและหนักแน่น เพื่อปกป้องผลจากการประชุมที่ ๓๔ ของคณะกรรมการมรดกโลก ที่กรุงบราซิเลีย และผลักดันให้มีการสนับสนุนจากนานาชาติ เพื่อนำไปสู่การเร่งรัดให้ส่งผู้เชี่ยวชาญไปประเมินความเสียหาย และเตรียมการซ่อมแซมปราสาทพระวิหาร พร้อมทั้งออกมาตรการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเคารพตามอนุสัญญามรดกโลก ค.ศ.๑๙๗๒ และอนุสัญญา ค.ศ.๑๙๕๔ ว่าด้วยการป้องกันสมบัติทางวัฒนธรรมในยามขัดกันด้วยอาวุธ
วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพของกัมพูชา รายงานอ้างการให้สัมภาษณ์ของนายติต โซะเทีย โฆษกหน่วยข่าวและตอบโต้เร็ว ในปัญหาการหารือแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารของกัมพูชา ที่องค์การยูเนสโก โดยระบุว่าตนยังไม่ต้องการพูดว่าใครชนะใครแพ้ในขณะนี้ เพียงแต่ต้องการยืนยันว่า มาถึงขณะนี้ แผนการณ์ของกัมพูชากรณีปราสาทพระวิหารไม่เดินถอยหลัง
หากมองตามท่าทีที่ดีขององค์การยูโนสโกกรณีปราสาทพระวิหาร มีความหมายว่า กัมพูชาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เรียบร้อยแล้ว ต่อแผนการอนุรักษ์และพัฒนา เพราะคณะกรรมการมรดกโลกทั้ง ๒๑ คน ได้สนับสนุนการดำเนินการของกัมพูชา เนื่องจากกัมพูชามีข้อโต้แย้งและช่องทางกฎหมายครบถ้วน คณะกรรมการมรดกโลกจำนวนมากผลักดันให้เคารพและปฏิบัติตามมติการประชุมครั้ง ที่ ๓๔ ที่กรุงบราซิลเลีย เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๓
เอกสารประกาศข่าวอย่างเป็นทางการและคำให้สัมภาษณ์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของกัมพูชาครั้งนี้ เป็นผลอันเกิดจากความมั่นใจ ที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าคณะตัวแทนไทย ลงนามร่วมกับหัวหน้าคณะตัวแทนกัมพูชา และประธานการประชุมฯ ชาวบราซิล ที่มีประเด็นหลักคือ การแสดงการได้รับเอกสารแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารของกัมพูชา (WHC-10/34.COM/7B.Add.3) และเห็นชอบให้นำขึ้นหารือเพื่อลงมติในการประชุมประจำปีครั้งนี้ เป็นผลให้การเสนอขอเลื่อนการพิจารณาลงมติของไทยได้รับการสนับสนุนน้อยและมี น้ำหนักที่เบา นอกจากนี้ ข้อสังเกตจากการล็อบบี้ของกัมพูชาและร่างมติของคณะกรรมการมรดกโลก มีเนื้อหาที่เลยเถิดไกลกว่ากรอบของมรดกโลกทางวัฒนธรรม เอนเอียงเข้าข้างกัมพูชาอย่างชัดเจน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นไปได้ว่า เกิดจากการชี้แจงและโต้แย้งด้วยประเด็นที่แผ่วเบาและมิได้มุ่งด้วยแก่นหลัก ของปัญหา รวมถึงท่าที่ทีกลับไปกลับมาของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงที่ผ่านมา
http://www.15thmove.net/news/khmer-proclaim-progress-world-heritage-35/

-----------------------------------------------------
ซก อาน ส่งสารแจ้งผลประชุมมรดกโลก-เนื้อหาพล่อยด่าไทยล้วน ๆ
นายซก อาน ระหว่างประชุมมรดกโลกเมื่อ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๔

ฟิฟทีนมูฟ – ซก อาน ส่งสารด่วนแจ้งผลการประชุมมรดกโลกครั้งที่ ๓๕ ระบุเขมรได้รับชัยชนะสมใจ ผ่านทั้งแผนบริหารจัดการ ได้รับผู้เชี่ยวชาญมาซ่อมแซม และยังได้เผยธาตุแท้ไทยแก่ชาวโลกที่โวเขมรว่าโกหกเขาไปทั่วว่าถูกไทยรุกราน กล่าวหาไทยสร้างความวุ่นวายและทำลายบรรยากาศการประชุม ไทยโกหกเรื่องความเสียหายปราสาทพระวิหาร โกหกว่ามารค์คุยโบโกว่าให้เลื่อนแต่ ปธ.ศูนย์มรดกโลกไม่ฟัง เดินหน้าบรรจุวาระ ไทยประท้วงตั้งข้อกล่าวหายูเนสโกและคณะกรรมการมรดกโลกพร้อมประกาศถอนตัวแล้ว เดินออกจากที่ประชุม ระบุเป็นการหยามยูเนสโก คณะกรรมการมรดกโลกและชาติสมาชิก เผยไทยไปสู้ขอขึ้นทะเบียนร่วมอีกรอบ
นายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในฐานะหัวหน้าคณะตัวแทนกัมพูชาในการประชุมมรดกโลกครั้งที่ ๓๕ เมื่อช่วงสายวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ ส่งสารถึงชาวกัมพูชา แจ้งผลการดำเนินงานของคณะตัวแทน โดยช่วงต้นของสารดังกล่าวระบุว่า กัมพูชาได้รับชัยชนะเป็นประวัติศาสตร์ ณ ที่ทำการยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในคราวการประชุมครั้งที่ ๓๕ ระหว่าง ๑๙-๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๔
อ
สารกล่าวต่อว่า ในบรรดาประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก ทั้ง ๒๑ ประเทศ มีกัมพูชาเป็นรองประธานการประชุมประจำปี ๒๕๕๔ กรณีปราสาทพระวิหารได้ถูกบรรจุในระเบียบวาระพิจารณา เพื่อตรวจประเมินสถานภาพในการดูแลรักษา และการอนุรักษ์หลังจากที่ได้รับความเสียหายจากกองทัพผู้รุกรานของไทย
การปฏิบัติภารกิจของคณะตัวแทนกัมพูชา มีความตึงเครียดนับจากวันแรกจนถึงวันออกมติกรณีปราสาทพระวิหาร เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม เนื่องจากคณะผู้แทนไทยได้กล่าวโฆษณาสร้างความวุ่นวาย ทำลายบรรยากาศในการประชุม ด้วยการพบชี้แจงทำความเข้าใจกับคณะตัวแทนนานาชาติ โดยการกล่าวโกหกและขาดความจริง คณะผู้แทนไทยได้กล่าวว่าไม่มีความเสียหายอันเกิดจากกองทัพของตนยิงเข้าใส่ แต่อย่างใด หากแต่เป็นความเสียหายจากสงครามระหว่างเขมรกับเขมรในอดีต
นายซก อาน กล่าวในสารอีกว่า ไทยได้ใช้การกล่าวด้วยจิตวิทยาทุกรูปแบบ เพื่อโกหกว่าคณะกรรมการฯ ได้สนับสนุนให้เลื่อนการพิจารณา และถอนแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร และขู่จะถอนตัวออกจากอนุสัญญา ค.ศ.๑๙๗๒ คณะผู้แทนไทยได้พยายามอย่างหนักในการขัดขวางแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร ด้วยการสร้างความวุ่นวาย ทั้งในเวลาแยกหารือ และในบริเวณที่ทำการยูเนสโก โดยเฉพาะได้รุมกันเข้าไปในที่เจรจาถึง ๒๘ คน ในนั้นมีผู้สื่อข่าวที่มีกล้องวีดีโอติดตัวอีก ๗ คน ไทยยังกล่าวหาว่าการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นการไม่เคารพตามหลักปฏิบัติของอนุสัญญา ค.ศ.๑๙๗๒ โดยเรียกร้องซ้ำ ๆ ว่า ควรทำการขึ้นบัญชีข้ามแดน (หมายถึงขึ้นทะเบียนร่วม) ซึ่งกรณีนี้ไทยได้เสนอทุกครั้งนับจากการประชุมที่เมืองไครสต์เชิร์ช พ.ศ.๒๕๕๑ แต่ถูกคณะกรรมการฯ ปฏิเสธ ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าการโกหกไม่ได้ผลก็ตาม ไทยได้พยายามทำลายบรรยากาศว่า แผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารได้ละเมิดอธิปไตยของไทย
เพื่อเอาชนะสภาพการณ์ตึงเครียดแบบนี้ คณะตัวแทนกัมพูชาได้ทำงานอย่างหนัก ในการทำความเข้าใจและชี้แจงข้อเท็จจริงกับตัวแทนประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะตัวแทนของ ๑๙ ชาติสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก รวมถึงหน่วยงานสำคัญของยูเนสโก และตัวแทนของผู้อำนวยการยูเนสโก ตัวแทนกัมพูชาได้แสดงเอกสารที่ได้เตรียมอย่างครบถ้วนและจำนวนมาก เพื่อสู้กับฝ่ายไทย ภายใต้การประสานงานของตัวแทนผู้อำนวยการยูเนสโก คณะตัวแทนกัมพูชาได้เตรียมเอกสาร การชี้แจงเกี่ยวกับช่องทางกฎหมาย และข้อเท็จจริงให้กับสมาชิกคณะกรรมการฯ ทั้ง ๑๙ ประเทศ
เป็นผลให้ไทยได้รับความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง เพราะความพยายามเลื่อนการพิจารณาในสาระสำคัญระเบียบวาระเกี่ยวกับปราสาทพระ วิหาร โดยอ้างว่านายกรัฐมนตรีไทยกำลังโทรศัพท์หารือกับผู้อำนวยการยูเนสโก เพื่อเลื่อนการพิจารณาออกไปนั้น ในทันทีได้ถูกปฏิเสธจากประธานศูนย์มรดกโลกว่าไม่มีการจัดการแบบนี้
นายซก อาน กล่าวในสารอีกว่า แม้ว่าคณะตัวแทนไทยได้เดินออกจากที่ประชุมก็ตาม คณะกรรมการมรดกโลกก็ได้อนุมัติร่างมติ โดยอ้างถึงมติการประชุมครั้งที่ ๓๑ ที่เมืองไครสต์เชิร์ช มติที่ ๓๒ เมืองควิเบก มติที่ ๓๓ เมืองเซวิญา มติที่ ๓๔ ที่กรุงบราซิเลีย ที่ข้อนี้ยืนยันการได้รับแผนบริหารจัดการที่กัมพูชาส่งเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๓ นอกจากนี้ คณะกรรมการได้รับทราบความเสียหายของปราสาทที่ผ่านมา โดยกระสุนปืนใหญ่ของไทย ซึ่งมอบหมายให้มีการส่งผู้เชี่ยวชาญไปทำการซ่อมแซมและอนุรักษ์ปราสาท โดยอนุโลมตามหลักปฏิบัติของอนุสัญญาการคุ้มครองมรดก ค.ศ.๑๙๗๒
สารของนายซก อาน กล่าวหาไทยว่า โดยไม่สามารถต่อสู้กับการสนับสนุนแผนปกป้องและอนุรักษ์ปราสาทพระวิหารของ กัมพูชาได้ คณะผู้แทนไทยได้แสดงการประท้วงโดยปราศจากมูลเหตุ และได้ตั้งข้อกล่าวหาคณะกรรมการฯ ว่าไม่มีความยุติธรรม และได้ประกาศถอนตัวออกจากอนุสัญญา ค.ศ.๑๙๗๒ การประกาศนี้ทำให้ไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อนานาชาติ โดยเฉพาะขณะที่ไทยเองเป็นสมาชิกในคณะกรรมการมรดกโลก
ที่นั่งว่างเปล่าของคณะผู้แทนไทยระหว่างการพิจารณาแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร
การกระทำรุ่มรามของคณะตัวผู้แทนไทยที่เดินออกจากที่ประชุมหลังการแถลง เป็นการดูเบาต่อสถาบันยูเนสโก และคณะกรรมการมรดกโลก รวมถึง ๑๘๖ ประเทศภาคีสมาชิกของอนุสัญญา ค.ศ.๑๙๗๒ โดยเฉพาะเป็นการกระทบอย่างหนักต่อหน้ารัฐบาลรักษาการ และพรรคผู้นำรัฐบาลที่กรุงเทพ
ในการประชุมดังกล่าว คณะตัวแทนกัมพูชาได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับทั่วโลกอย่างชัดเจน เกี่ยวกับความเลวร้ายที่ได้ก่อขึ้นโดยกองทัพไทยเหนือปราสาทพระวิหาร ที่เป็นมรดกของกัมพูชา และเป็นมรดกของมวลมนุษยชาติ
สารของนายซก อาน กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า ผลที่ได้จากการประชุม ประกอบด้วย ๑. สกัดกั้นเป้าหมายของไทยที่ต้องการขัดขวางแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารของ กัมพูชา ๒.สกัดกั้นการขัดขวางของไทยที่ไม่ให้มีการส่งผู้เชี่ยวชาญไปซ่อมแซมปราสาท พระวิหาร และ ๓.เปิดเผยเล่ห์กลกล่าวโกหกของศูนย์กลางการรุกรานไทย
http://www.15thmove.net/news/sok-an-letter-khmer-revile-thai/
-----------------------------------------------------

เบื้องหลังอีกแง่มุมหนึ่งสำหรับกรณีที่ไทยถอนตัวจากภาคีมรดกโลก
ที่มีคนไทยน้อยคนจะได้รับทราบข้อเท็จจริงต่างๆ ตามผมรวบรวมมาให้เห็นที่นี่
แทนที่รัฐบาลอภิสิทธิ์จะขอเลื่อนการพิจารณาใดๆ ไว้หลังเลือกตั้ง
เพื่อให้รัฐบาลใหม่ได้เข้ามาทำหน้าที่เจรจา อย่างน้อยก็ยืดระยะเวลาไปได้สักระยะ
แต่กะนำกรณีนี้มาหาเสียงด้วย ถึงได้เร่งรีบถอนตัวหลังเสียงส่วนใหญ่หนุนฝ่ายกัมพูชา
แล้วนำมาหาเสียงกับคนไทยว่าเพื่อปกป้องดินแดน นั่นนี่
แต่ข้อเท็จจริง ณ เวลานี้ ตัวปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่ใกล้เคียง
ก็ตกอยู่ภายใต้การครอบครองของกัมพูชาแล้ว หรือเสียดินแดนแล้วนั่นเอง
เพียงแต่คนไทยไม่รู้จึงมีูการนำเรื่องการถอนตัวมาหาเสียงว่าเพื่อไม่ให้เสียดินแดน
จากหลักฐานทหารกัมพูชามอบเหรียญในพื้นที่ตัวปราสาท
และคงรวมถึงอาณาเขตวิถีกระสุนของฝ่ายกัมพูชาด้วยตามสภาพความเป็นจริง
แถมคำกล่าวของอภิสิทธิ์ ก็ยังระบุถึงกัมพูชาต้องถอนทหารออกจากปราสาททั้งหมดตามนี้
"นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สรุปว่าการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามมติ ครม.อย่างไรก็ตาม เมื่อนายสุวิทย์ เดินออกจากที่ประชุม ที่ประชุมมีมติตัดข้อความที่กัมพูชาเสนอในย่อหน้าที่เป็นปัญหาฉะนั้นในชั้น นี้ยังไม่มีการพิจารณาแผนบริหารพื้นที่ของกัมพูชาแต่ประการใด

การดำเนินการต่อไปจะเป็นหน้าที่รัฐบาลใหม่ ที่จะดำเนินการถอนตัวจากกรรมการมรดกโลก แต่ระหว่างนี้ยูเนสโกสามารถปรึกษาหารือกับไทยได้เกี่ยวกับการดำเนินการต่อไป โดยไทยจะยืนยันว่าหากจะฟื้นฟูบูรณะใดๆก็ตาม ที่เกี่ยวข้องกับดินแดนไทยต้องได้รับความยินยอมจากไทยและไทยยืนยันเสมอว่า กัมพูชาต้องถอนทหารออกจากปราสาททั้งหมด มิฉะนั้นจะถือว่าขัดต่อสนธิสัญญาและเจตนารมณ์ของกรรมการมรดกโลกด้วย"


ดังนั้นการพูดทำนองว่าที่ถอนตัวเพื่อปกป้องดินแดนอะไร
ก็แค่เทคนิคการหาเสียงผ่านชนวนสงคราม ดีๆ นี่เอง

อันที่จริงผมเคยเขียนเตือนหลายครั้งแล้วเรื่องอย่ายิงไปโดนโบราณสถาน
เพราะจะเข้าทางฝ่ายกัมพูชา เคยเตือนตั้งแต่เล่นที่ Pantip
ซึ่งถูกแบนมาหลายปีแล้วแถมยังเขียนซ้ำอีกเมื่อต้นปีนี้
โดยยกเรื่องพระตัดสินกรณีแม่ 2 คนกำลังแย่งลูกกันนั่นแหล่ะ
อ่านรายละเอียดได้ที่เรื่องนี้

<<< เรื่องเขาพระวิหาร กับผลงานของศาล ปชป. และพันธมิตร >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2011/02/blog-post_98.html

แต่ก็ยังทำ สุดท้ายเลยถูกนำมาใช้เพื่อความชอบธรรมของกัมพูชาจนได้
เก่งแต่ใช้กำลังอย่างเดียว สมอง ปัญญาไม่ค่อยได้ใช้ก็ยังงี้แหล่ะ
และขอยืนยันอย่างที่เขียนไว้เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขียนเรื่องนี้

<<< ข้อเท็จจริงที่ควรรู้ เรื่อง เขาพระวิหาร >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/05/blog-post_15.html

ว่ากรณีเขาพระวิหารจะมีหนังเรื่องคำพิพากษาภาค2
ต่อจากเรื่องไอ้ฟักแน่นอนในอนาคตใครผิดใครถูก
ถึงวันนั้นชาวบ้านคงหูตาสว่างกันทั้งบางแล้ว

แถมกรณีนายสุวิทย์ ที่ไปเสียท่าเห็นชอบให้นำเรื่องที่มีปัญหาอยู่นี้
มาหารือในการประชุมประจำปีนี้ เลยทำให้เลื่อนวาระนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนตามนี้

"เอกสารประกาศข่าวอย่างเป็นทางการและคำให้สัมภาษณ์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของกัมพูชาครั้งนี้ เป็นผลอันเกิดจากความมั่นใจ ที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าคณะตัวแทนไทย ลงนามร่วมกับหัวหน้าคณะตัวแทนกัมพูชา และประธานการประชุมฯ ชาวบราซิล ที่มีประเด็นหลักคือ การแสดงการได้รับเอกสารแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารของกัมพูชา (WHC-10/34.COM/7B.Add.3) และเห็นชอบให้นำขึ้นหารือเพื่อลงมติในการประชุมประจำปีครั้งนี้ เป็นผลให้การเสนอขอเลื่อนการพิจารณาลงมติของไทยได้รับการสนับสนุนน้อยและมี น้ำหนักที่เบา"

พอทำผิดทำพลาดก็มาทำวิกฤตให้เป็นโอกาส
ปลุกกระแสรักชาติ หาเสียงว่าทำเพื่อไม่ให้เสียดินแดน
ทั้งๆ ที่เสียไปแล้ว สงสัยคงคิดว่าคนไทยโง่กันหมดทั้งประเทศมั้ง
ถึงทำไปได้แบบไม่อายฟ้าดิน

แถมยังมีบางคนมาออกข่าวห้ามผ่านแดนไทยไปซ่อมแซมปราสาท
ทำอย่างกะว่าเขาสร้างกระเช้าไม่เป็นยังงั้นแหล่ะ
ว่างๆ ใครพาไปเที่ยวเขาวังที่เพชรบุรีดูบ้างน่ะโลกทรรศน์จะได้กว้างไกล

หรือที่พูดว่าต่อไปจะทำอะไรก็จะได้ไม่ต้องสนใจระเบียบมรดกโลกอะไร
ยังมีศาลโลกอีกน่ะ คิดว่าจะรบกันแบบถล่มปราสาทเขาพังหมด
แล้วจะรอดเพราะไม่ได้เป็นภาคีมรดกโลกงั้นหรือ
มรดกโลกชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่ามรดกของคนทั้งโลก
แล้วมีประเทศนักเลงโตที่ไหนไปทำลายเพื่ออะไรก็แล้วแต่
ระวังคดีระหว่างประเทศไว้ให้ดีเหอะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนอีก

บางคนเสนอให้ไทยไม่ต้องรับอำนาจศาลโลก
แล้วไปยอมรับว่าปราสาทเป็นของเขมรได้ยังไงกันหล่ะ
มันต้องของไทยทั้งหมดเลยสิ มีเลือกยอมรับบางเรื่องด้วย

บางคนที่ยังเชื่อคำพูดที่ว่า ที่ดินของไทย ปราสาทของเขมร
ก็คงคุยด้วยไม่ได้แล้ว ถึงว่าไปสู้ศาลไหนในเมืองนอก
ถึงได้แพ้เขากลับมาก็เพราะความเชื่อที่ไม่เป็นสากลแบบนี้นี่เอง

ผมว่าพวกที่พยายามยัดเยียดว่าปราสาทของเขาแต่ที่ดินของเรา
ก็คือพวกที่ต้องการหาข้ออ้างสร้างกระแสความชอบธรรม
เพื่อก่อสงครามเท่านั้นเอง เพราะมันเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
และนานาชาติเขาคงจะเห็นว่าชอบธรรมหรอก

อยากฝากข้อคิดไว้แย้งพวกนักกฏหมายบางคน
และนักวิชาการที่มาปั่นหัวจนมีคนเชื่อว่า
ศาลโลกปัญญาอ่อนตัดสินยกปราสาทให้เขมร
แต่ดินแดนเป็นของไทยว่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริง
โอกาสที่ปราสาทหินทั่วไทยจะถูกนำขึ้นศาลโลกตัดสินได้
เพราะสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ไช่ของที่ขโมยมาในดินแดนไทย
อย่างเขาพระวิหารยังถูกตัดสินยกให้เขมรได้
สิ่งปลูกสร้างทั่วไทยอาจโดนได้แบบเดียวกันถ้าเชื่อกันแบบนั้น
แต่ความเป็นจริงเขาจะยกสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ใช่ของที่ขโมยมา
ให้ประเทศใด เขาจะต้องตัดสินใจแล้วว่าที่ตรงนั้นเป็นของประเทศใด
แล้วถึงมาอ้างเรื่องยกสิ่งปลูกสร้างนั้นให้ประเทศไหน

อีกอย่างถ้าข้อแย้งของเหล่านักวิชาการที่ว่า
ที่ดินเป็นของเรา ปราสาทเป็นของเขา
เป็นเรื่องจริงและถูกต้องจริง
เห็นเขมรชวนยิกๆ ให้ขึ้นศาลโลกตัดสินทีไร
ทำไมไทยบ่ายเบี่ยงไม่กล้าขึ้นทุกที
ถ้าเรื่องจริงมีหลักฐานเด็ด
จะไปกลัวอะไรไปสู้กับเขาที่ศาลโลก
จะได้ไม่ต้องเปลืองอาวุธ
หรือชีวิตผู้คนที่ส่งไปแย่งชิงพื้นที่ด้วย

สำหรับบางคนที่ยังเข้าใจผิดว่า
ศาลโลกไม่มีอำนาจตัดสินเรื่องเขตแดน
โปรดอ่านข่าวด้านล่างก่อนที่จะเชื่อแบบเดิมต่อไป
อันที่จริง คิดง่ายๆ ก็น่าจะเข้าใจ
ถ้าไม่มีอำนาจตัดสินเรื่องเขตแดน
แล้วจะมีอำนาจอะไรไปแก้ไขข้อขัดแย้ง
เรื่องดินแดนระหว่างประเทศหล่ะ

-----------------------------------------------------
...ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศนั้นมีหน้าที่ในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทระหว่าง รัฐ(Contentious Case) ในประเด็นกฎหมายและข้อเท็จจริง เช่น ข้อพิพาทเรื่องดินแดนอาณาเขต การละเมิดอำนาจอธิปไตย ปัญหาสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ หรือแม้แต่กรณีที่เกี่ยวข้องกับเอกชนที่รัฐเป็นผู้ฟ้องแทน ฯลฯ หรือเพื่อให้ความเห็นปรึกษา (Advisory opinion) ในส่วนที่เกี่ยวกับการตีความและการใช้กฎหมายระหว่างประเทศและอนุสัญญา ระหว่างประเทศแก่องค์กรหลักอื่นๆของสหประชาชาติ อาทิ สมัชชาสหประชาชาติ หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

ในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างรัฐนั้น คู่กรณีจะต้องเป็นรัฐด้วยกัน จึงไม่อาจให้เอกชนหรือนิติบุคคลเป็นคู่กรณีในศาลโลกได้ ทำให้ไม่อาจเป็นโจทก์ยื่นฟ้องร้องต่อศาลโลกได้ไม่ว่าในคดีใดๆ เช่นกรณีเมื่อปี พ.ศ. 2505 ที่ประเทศไทยและประเทศกัมพูชาได้ยอมรับอำนาจศาลให้พิจารณาตัดสินคดีปราสาท เขาพระวิหาร ดังนั้น ปัญหาข้อกฎหมายภายในของประเทศหนึ่งประเทศใดที่เป็นเรื่องของกฎหมายภายในซึ่ง ไม่มีประเด็นอันเป็นข้อพิพาทระหว่างรัฐ ปัญหาดังกล่าวจึงอยู่นอกเหนือเขตอำนาจของศาลโลกที่จะรับพิจารณา...

http://maha-arai.blogspot.com/2011/06/blog-post_28.html

-----------------------------------------------------
“ไพศาล” ชี้ท่าทีศาลโลกส่ออุ้มเขมร ฮุบดินแดนไทยตามคาด
วันพฤหัสบดีที่ ๐๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๙:๓๕ น.

นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยกับสื่อมวลชนเช้าวันนี้ว่า ท่าทีของศาลโลกที่ให้ทั้งสองฝ่ายแสดงหลักฐานเกี่ยวกับความเสียหายในการปะทะกันครั้งล่าสุดนั้นส่อให้เห็นว่าศาลโลกอุ้มเขมรเพื่อฮุบดินแดนไทยตามที่คาดหมายกันไว้ทุกประการ

นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่าตนเองเป็นทนายความมาชั่วชีวิต มีประสบการณ์ที่จะหยั่งทราบผลคดีจากท่าทีของศาลได้ เพราะการที่ศาลทำอย่างหนึ่งก็ย่อมนำไปสู่เป้าหมายอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งท่าทีของศาลที่ผ่านมามีความชัดเจนว่าดำเนินกระบวนการอย่างรวบรัดรวดเร็ว เริ่มต้นก็ให้ทั้งสองฝ่ายแถลงเหตุผลในการมาสู่ศาล จากนั้นก็ฟังการแถลงและหลักฐานว่าใครยิงใครก่อน ล่าสุดก็ให้ทั้งสองฝ่ายแถลงและแสดงพยานหลักฐานเกี่ยวกับความเสียหาย ซึ่งดำเนินการมาเป็นขั้นเป็นตอน พอที่จะเห็นได้ชัดเจนว่าศาลต้องการหาข้อเท็จจริงไปเขียนคำสั่งว่ามีเหตุผลที่จะมาศาลและขอคุ้มครองจริง มีการปะทะกันจริง และมีความเสียหายจริง ข้อเท็จจริงเหล่านี้ศาลแสวงหาเพื่ออะไร ก็เพื่อจะใช้เขียนคำสั่งให้มีการคุ้มครองให้ทหารไทยออกจากพื้นที่ และให้เขมรยึดครองต่อไป ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนโดยนิตินัยไปตลอดกาล และรัฐบาลก็จะเอามาอ้างกับคนไทยว่าไม่ได้ทำให้เสียดินแดน เพราะเป็นดินแดนของเขมร ทั้งๆ ที่พื้นที่นั้นเป็นดินแดนไทย และเป็นอุทยานแห่งชาติพระวิหาร ตามที่รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ได้ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไธยประกาศพระราชกฤษฎีกาเมื่อปี 2541 จึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจสำหรับคนไทย

นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่ารัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ หลังจากแพ้คดีเสียปราสาทพระวิหาร ก็ยังสงวนสิทธิ์ที่จะเอาคืน และเห็นว่าศาลโลกเป็นศาลการเมือง พวกมากลากไป เพื่อประโยชน์ของชาติมหาอำนาจ ไม่ใช่ศาลที่จะประสาธน์ความยุติธรรม จึงถอนตัวออกจากการเป็นภาคีสมาชิก ดังนั้นนับแต่นั้นมาประเทศไทยจึงไม่มีความเกี่ยวข้องและผูกพันใด ๆ กับศาลโลกอีก การที่รัฐบาลเข้าไปยอมรับอำนาจศาลโลกใหม่เกิดขึ้นจากอะไรกันแน่ เพราะแค่คิดธรรมดาก็รู้แล้วว่ามีแต่จะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบและเสียดินแดน จึงทำให้คนจำนวนมากต้องคิดว่าเพื่อจะเอาคำตัดสินของศาลโลกมาอ้างกับคนไทยว่าไม่ได้เสียดินแดน ตามที่ตั้งท่ากันมาแล้วนั่นเอง

นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่าถ้าประเทศไทยไม่ยอมรับอำนาจศาล เพราะได้ถอนตัวออกมาจากภาคีสมาชิกแล้ว ศาลโลกก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อเข้าไปใหม่ก็เสี่ยงต่อการผูกพันตามคำตัดสินที่จะต้องยกดินแดนให้เขมร

นายไพศาล พืชมงคล กล่าวว่ากระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ว่าเป็นเรื่องคดีเดิม แต่ข้อมูลเท่าที่ปรากฏนั้นเป็นเรื่องคาบเกี่ยวเปี่ยมไปด้วยเล่ห์กลเพียงเพื่อจะอ้างว่าเป็นเรื่องเก่า แต่ความจริงน่าจะเป็นการยื่นเรื่องใหม่ เพราะมีการขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา หากพิพากษาแล้วก็ไม่มีอะไรต้องมาขอคุ้มครองอีก เพราะถ้าเป็นคดีเดิมและเขมรเห็นว่าไทยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ก็ต้องขอให้ศาลโลกแจ้งไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อส่งกองกำลังสหประชาชาติมาขับไล่ทหารไทยออกจากพื้นที่ แต่เนื่องจากคดีเดิมนั้นศาลโลกไม่ได้ตัดสินเรื่องดินแดนเพราะไม่มีการฟ้องและพิพาทกันในเรื่องดินแดน จึงตัดสินได้เฉพาะเรื่องปราสาท แต่มาครั้งนี้เขมรขอให้ศาลตัดสินว่าดินแดนรอบปราสาทเป็นของเขมรและขอคุ้มครองชั่วคราว กรณีจึงเป็นเรื่องใหม่ดังที่นักวิชาการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้แจ้งแก่ประชาชนนั่นเอง เพราะประเพณีและหลักกฎหมายทั่วโลกในเรื่องการคุ้มครองชั่วคราวเหมือนกันทั้งหมด คือต้องเป็นการคุ้มครองก่อนพิพากษา การที่เขมรขอคุ้มครองก่อนพิพากษาก็แสดงอยู่ในตัวว่าเป็นเรื่องใหม่ จึงขอคุ้มครองก่อนตัดสิน แต่เป็นการยื่นเรื่องให้อึมทึมไว้เพื่อให้คนไทยหลงเชื่อว่าเป็นเรื่องเก่าจะได้เข้าไปยอมรับอำนาจศาลโลกได้ และก็ได้เข้าไปแล้ว ดังนั้นคนไทยต้องทำใจว่าในอีกราวเดือนเดียวเท่านั้น ศาลโลกก็อาจมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวขับไล่ทหารไทยออกจากพื้นที่ แล้วพวกนักการเมืองก็จะบอกว่าเราไม่ได้เสียดินแดน จึงคงเหลือว่าทางฝ่ายทหารจะว่าอย่างไรเมื่อมีการเดินเกมกลยกดินแดนให้เขมรมาถึงขั้นนี้แล้ว.

http://www.paisalvision.com/news/2008-12-01-04-43-11/6556-2011-06-02-02-37-24.html

-----------------------------------------------------
จับตารัฐบาลไทยสมรู้ให้ศาลโลกตัดสินยกดินแดนให้ “เขมร” ปิดปากคนไทย
โพสต์เมื่อ 25 กันยายน 2009 - 21:22 น. โดย n/e - 21:22 น.

แหล่งข่าวจากวงการทูตเปิดเผยว่า ขณะนี้เขมรเตรียมการที่จะฟ้องคดีต่อศาลโลกให้ตัดสินพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบพระวิหาร และพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทยว่าเป็นของเขมร แนะจับตารัฐบาลไทยสมรู้รับฟ้องเพื่อให้คำพิพากษาศาลปิดปากคนไทยแทน

แหล่งข่าวจากวงการทูตเปิดเผยว่าขณะนี้เขมรกำลังเตรียมการติดต่อทนายความจากฝรั่งเศสและสหรัฐเพื่อให้เป็นทนายความนำคดีฟ้องต่อศาลโลก ขอให้ตัดสินให้พื้นที่ ๔.๖ ตารางกิโลเมตร และพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยว่าเป็นของเขมร และกำลังล็อบบี้หลายประเทศที่มีบทบาทต่อตุลาการศาลโลก ทั้งนี้แหล่งข่าวระบุว่าขณะนี้เขมรได้มีพยานหลักฐานอย่างพร้อมเพรียงที่จะนำคดีฟ้องต่อศาลโลกแล้ว เช่น แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เรื่องขึ้นมรดกโลก การล้อมรั้วลวดหนามรอบเขต ๔.๖ ตารางกิโลเมตร ซึ่งเขมรถือว่าเป็นการกั้นเขตแดนตามแถลงการณ์แล้ว ตลอดทั้งการขออนุญาตเข้าพื้นที่ของรัฐมนตรีต่างประเทศ ๑ ชั่วโมง เมื่อต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๒ การแถลงยอมรับของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่แถลงว่าเขาพระวิหารเป็นของเขมร (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เขียนทวิตเตอร์แก้ไขการพูดเรื่องนี้ว่าหมายถึงเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารเท่านั้น) ตลอดจนการเพิกเฉยของรัฐบาลไทยในการให้สัมปทานพื้นที่ เป็นต้น

แหล่งข่าวระบุว่าโดยหลักกฎหมายระหว่างประเทศแม้จะมีการนำคดีฟ้องต่อศาลโลก แต่ถ้าหากประเทศไทยไม่รับหมายหรือไม่ยอมรับคดี ศาลโลกก็จะพิจารณาคดีไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ประเทศไทยเคยผิดพลาดมาแล้วในสมัยรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ยอมรับคดีและรับหมาย ศาลโลกจึงมีอำนาจพิพากษา แหล่งข่าวแนะให้จับตากระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทยว่าอาจยอมรับหมาย ยอมรับคดี ที่จะถูกเขมรฟ้อง ซึ่งจะทำให้คดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก และผลคำตัดสินจะเป็นไปตามที่เขมรต้องการ จะทำให้ไทยสูญเสียดินแดน ทั้งทางบกและทางทะเล ซึ่งจะกลายเป็นการปิดปากคนไทยโดยที่รัฐบาลไม่ต้องมาโต้เถียงกับคนไทยอีกต่อไป และขอตั้งคำถามไว้ล่วงหน้าว่าถ้าเกิดกรณีนี้ขึ้น จะถือว่าเป็นการขายชาติโดยอาศัยอำนาจศาลโลกใช่หรือไม่?

ที่มาข่าว ไพศาลวิชั่น
http://www.15thmove.net/news/thai-gov-conspire-khmer-viharn/

-----------------------------------------------------
โดย มาหาอะไร
FfF