ผมเห็นกองเชียร์บางพวก
เลือกวิธีปกป้องรัฐบาล
แบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม
โดยอาจคิดว่า นี่เป็นวิธีการที่ถูกต้องแล้ว
ที่จะช่วยปกป้องรัฐบาล
ผมว่ามันเป็นวิธีเผด็จการชัดๆ
ลองนั่งคิดกันใหม่ดีๆ อีกที
ว่าทำแบบนี้แล้ว
รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยจะอยู่ได้อย่างไร
อย่างกรณีที่เป็นข่าว เรื่องนักข่าวช่อง 7
ที่เขาตั้งคำถามอะไร จนยิ่งลักษณ์เดินหนี
ซึ่งยิ่งลักษณ์เขาอาจไม่อยากตอบตอนนั้นก็ได้
แต่ผมเชื่อว่าคุณยิ่งลักษณ์มีสติปัญญาพอ
ที่จะตอบคำถามแบบนั้น แบบเลี่ยงๆ ได้
แต่การออกอาการเป็นองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล
เที่ยวไปข่มขู่สื่อผ่านอีเมล์หรือตามเว็บบอร์ด
เป็นอะไรที่เข้าทางฝ่ายตรงข้าม
เขาก็เลยเอามาเล่นเป็นประเด็นการเมือง
และวันนี้ยังมีข่าวว่าจะไปยื่นหนังสือที่ช่อง 7
เพื่อให้ปลดนักข่าว
ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วย แต่ที่นักข่าวคนนี้โดนแบบนี้
ก็เพราะไม่เลิกลาอีกฝ่ายขอโทษผ่านสื่อแล้ว
ซึ่งก็ผู้หญิงด้วยกันเป็นน้าคนหนึ่งจากเพชรบุรี
ยังคิดไปฟ้องไม่เลิกหวังเป็นประเด็นการเมือง
ก็เลยโดนโต้กลับบีบผ่านช่อง 7 ให้ปลดออก
ซึ่งดูแล้วเป็นการต่อรองกันมากกว่า
ถ้ายอมความกันได้ก็น่าจะจบแต่โดยดี
แต่ถ้าต้องการขยายผลทำให้เป็นประเด็นการเมือง
ช่อง 7 จะได้รับผลกระทบในธุรกิจโฆษณาหมื่นล้านแน่นอน
ต้องยอมรับอยู่อย่างหนึ่งว่า
อะไรที่เป็นเรื่องการเมืองบางทีก็ไม่มีเหตุผล
บางทีก็เล่นพรรคเล่นพวก พวกใครพวกมัน
เห็นพรรคพวกโดนรังแกก็จะหลับหูหลับตาช่วยกันก็มี
ถ้าพยายามไกล่เกลี่ยไม่ให้ลุกลาม
จนเป็นประเด็นทางการเมือง
น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
อีกอย่างคนเสื้อแดงนี่
ใครจะไปทะเลาะกับเพื่อนบ้าน
หรือไปทำอะไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
ไม่จำเป็นที่คนเสื้อแดงทั้งหมดจะต้องไปช่วยรุม
แต่ประเด็นนี้ มันมีคำว่าศักดิ์ศรี
ทั้งของสื่อ กับ เสื้อแดง
ลากกันไปมาสุดท้ายจะเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีในที่สุด
และคนที่จะซวยไม่ใช่คู่กรณีแต่เป็นช่อง7
ดังนั้นถ้าช่อง 7 เล่นเป็น ก็น่าจะหาทางลดกระแส
นึกถึงคำว่าลูกค้าคือพระเจ้าเอาไว้
บางทีลูกค้ามันทำไม่ถูกหรอก
แต่ก็ต้องตวาดลูกน้อง แล้วไปปลอบกันภายหลัง
อันที่จริงต้องเตี้ยมกับลูกน้องทุกคนเหมือนกัน
ในธุรกิจบริการหรือธุรกิจทั่วไปว่า
ถ้าเกิดเรื่องกับลูกค้า ยังไงก็ต้องยอมรับผิดก่อน
แล้วค่อยมาเคลียร์กันข้างใน
เพราะธุรกิจใหญ่โต ยิ่งมีมูลค่าหลายพันหลายหมื่นล้าน
จะให้มาอุ้มคนเพียงคนเดียวแล้วกระทบทั้งองค์กร
กระทบพนักงานที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่พลอยซวยไปด้วย
จากการต่อต้านคงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก
แม้จะเป็นเรื่องที่ฝ่ายพนักงานถูกก็ตาม
แต่ถ้าแค่เสียหน้าหรือยอมลดลาวาศอกกันได้
ไม่ใช่เรื่องขนาดต้องไปตาย
มันไม่น่าถึงกับต้องพาทั้งองค์กรไปเสี่ยงล่มจมด้วย
นี่ว่ากันตามหลักความจริงที่สุด
แม้จะไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ก็ตาม
ส่วนคนเสื้อแดงกลุ่มนั้นผมว่า
เขาคงจะแค่ต่อรองเรื่องให้ถอนแจ้งความ
เขาก็คงจะพอใจแล้ว
ส่วนประเด็นคำถามของนักข่าวช่อง 7
ซึ่งผมว่าเป็นคำถามเด็กๆ
ยิ่งลักษณ์เขาคงจะมีวิธีตอบอยู่แล้ว
ถ้าคำถามแค่นี้ตอบไม่ได้
มันก็ส่อถึงตำแหน่งนายกได้เหมือนกัน
เพียงแต่เขาอาจยังไม่มีอารมณ์ตอบ
หรือยังนึกไม่ออกตอนนั้นก็ได้
อันที่จริงทุกวันนี้ผมก็ทำตัวยิ่งกว่าฝ่ายค้านเสียอีก
ถ้าคนเสื้อแดงที่ใช้วิธีปกป้องรัฐบาลยิ่งลักษณ์
แบบใครแตะต้องไม่ได้ ประมาณว่า
ห้ามซักห้ามถามห้ามสงสัยซาบซึ้งได้อย่างเดียว
สงสัยผมคงโดนหนักกว่านักข่าวช่อง 7 คนนั้นน่ะ
เพราะนั่นแค่คำถามเดียวเด็กๆ แบบนั้น
ของผมเป็นซีรี่ส์เลย
ผมว่าอย่าถึงขนาดยกกันจนลอย
จนกลายเป็นเทวดานางฟ้า
ที่แตะต้องไม่ได้อีกพวกเลย
น่าจะคิดว่าเป็นคนเหมือนกัน
การเสี่ยงตายจากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา
สำหรับบางคน ผมคิดว่า
ไม่ได้ทำให้เขาคิดอะไรได้เลย
ว่าเขาเสี่ยงตายกันไปเพื่ออะไร
เพื่อจะเป็นทาส เป็นไพร่ ต่อไป
หรือ เป็นคนไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียงต่อไปยังงั้นหรือ
++++++++++++++++
“สมจิตต์”นักข่าวสาวช่อง7 ชี้เหตุถูกคุกคามเพราะถามปมแก้รธน.เพื่อทักษิณกับ"ยิ่งลักษณ์"
น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวช่อง 7
กล่าวถึงที่มาของการส่งอีเมลการข่มขู่การทำหน้าที่สื่อมวลชนในการสัมภาษณ์น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า สำหรับคำถามที่คิดว่าเป็นสาเหตุของการถูกข่มขู่ผ่านฟอร์เวิดอีเมลล์ครั้งนี้ คือ การถามถึงแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าจะเป็นการทำไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่
++++++++++++++++
คำถามโครตเด็กเลย
ตอบง่ายก็ได้เช่น
ทำเพื่อคนไทยทุกคนไม่ได้ทำเพื่อใคร
หรือตอบว่าไม่ใช่ก็ได้ง่ายๆ
การเลือกเดินหนีก่อนจบ
ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่
ในสายตาฝ่ายตรงข้าม
ทั้งๆ ที่เป็นคำถามเด็กๆ
หาเรื่องตอบกลับได้เยอะแยะ
สื่อบางพวกถึงกับยกย่องว่า กล้าถาม
ผมว่าปัญญาอ่อนกันแล้วประเทศนี้
แค่คำถามนี้ไม่กล้าถาม
จนมีคนถามเลยกลายเป็นผู้กล้า
ผมด่าแรงกว่านี้อีก
คำถามนี้เด็กๆ มากเลย ในสายตาผม
ไม่มีอะไรเลย ตลกอีกต่างหาก
ไม่ต้องคิดอะไรมากจำที่สื่อเล่น มาถาม
เพื่อให้ตอบข้อสงสัยจะได้เคลียร์ที่สื่อโจมตี
กลับไปทำให้เขาเป็นฮีโร่ซะยังงั้น
++++++++++++++++
ล่าสุดได้มีการส่งฟอร์เวิร์ดเมล์ภายในกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง มีข้อความปลุกระดมให้ผู้คนมีความเกลียดชังผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 รายหนึ่ง ด้วยการโพสต์ภาพถ่าย ชื่อ-นามสกุล ด้วยข้อความดังต่อไปนี้ “เปิดโฉมหน้านักข่าวที่ทำให้นายกฯปูเดินหนี ที่แท้เป็นนักข่าวสาว ช่อง 7 สี ที่ นายกนก ชื่นชมนักหนาว่ากล้าหาญ ที่ถามคุณยิ่งลักษณ์ จนต้องเดินเลี่ยง คนนี้เป็นใคร.. หล่อนคือ......(ชื่อจริง นามสกุลจริง และนามปากกา) ที่แท้ก็อยู่ในเครือเนชั่น และเคยจัดรายการวิทยุ ร่วมกับ นายมีชัย มีเสน อดีต บก.นสพ.แนวหน้า กับผู้สื่อข่าว นสพ.บางกอกโพสต์นี่เอง จำหน้าหล่อนไว้นะครับ เห็นที่ไหนก็จัดให้หน่อยก็แล้วกันครับ”
++++++++++++++++
ซึ่งต้นตอจริงๆ ก็คงไม่ใช่ น้าผู้หญิงคนนั้น
น่าจะเป็นผู้ชายแล้วส่งต่อๆ กันมา
ประโยคที่ว่า
"จำหน้าหล่อนไว้นะครับ เห็นที่ไหนก็จัดให้หน่อยก็แล้วกันครับ”
นี่คือคำที่แรงขนาดยอมกันไม่ได้
พวกขู่ถ้าเขาทำจริงเขาจะมาขู่ทำไม
พวกปากบอนไปวันๆ เห็นขู่สื่อดังๆ โดนมากกว่านี้อีก
และพวกที่โดนก็ใช่ย่อย อัดพวกเสื้อแดงแรงก็มี
เช่นมีทั้งสนับสนุนให้จัดการยังงั้นยังงี้
นี่มันเล่นแรงกว่าคำพูดที่ว่าเสียอีก
อีกอย่างนี่เป็นอุทาหรณ์สำหรับเสื้อแดงบางกลุ่ม บางพวก
ที่ชอบใช้แต่อารมณ์มากกว่าใช้เหตุผล
จะเป็นเหยื่อติดกับดักฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายๆ เหมือนกัน
โดย มาหาอะไร
---------------------------------------------------------
คมชัดลึกออนไลน์ 25 สิงหาคม 2554
25ส.ค.2554 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มสื่อมวลชนประจำรัฐสภา ได้ทำหนังสือเปิดผนึก เรื่อง "ยุติการคุกคามสื่อมวลชน" ยื่นต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันที่ 25 ส.ค. โดยเนื้อหาระบุว่า ขณะนี้มีกลุ่มคนเสื้อแดงบางกลุ่ม ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย แสดงความไม่พอใจการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน โดยเฉพาะนักข่าวภาคสนามที่ติดตามทำข่าวนายกรัฐมนตรี เป็นรายบุคคล
ล่าสุดได้มีการส่งฟอร์เวิร์ดเมล์ภายในกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง มีข้อความปลุกระดมให้ผู้คนมีความเกลียดชังผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 รายหนึ่ง ด้วยการโพสต์ภาพถ่าย ชื่อ-นามสกุล ด้วยข้อความดังต่อไปนี้ “เปิดโฉมหน้านักข่าวที่ทำให้นายกฯปูเดินหนี ที่แท้เป็นนักข่าวสาว ช่อง 7 สี ที่ นายกนก ชื่นชมนักหนาว่ากล้าหาญ ที่ถามคุณยิ่งลักษณ์ จนต้องเดินเลี่ยง คนนี้เป็นใคร.. หล่อนคือ......(ชื่อจริง นามสกุลจริง และนามปากกา) ที่แท้ก็อยู่ในเครือเนชั่น และเคยจัดรายการวิทยุ ร่วมกับ นายมีชัย มีเสน อดีต บก.นสพ.แนวหน้า กับผู้สื่อข่าว นสพ.บางกอกโพสต์นี่เอง จำหน้าหล่อนไว้นะครับ เห็นที่ไหนก็จัดให้หน่อยก็แล้วกันครับ”
ดังนั้น กลุ่มนักข่าวภาคสนาม เห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพ และการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน จึงเรียกร้อง ฯพณฯท่าน นายกรัฐมนตรี เร่งดำเนินการกับขบวนการคุกคามสื่อมวลชนดังกล่าว เพราะสื่อมวลชนเป็นฟันเฟืองหนึ่งในการสร้างความปรองดองในสังคม ทั้งนี้ กลุ่มนักข่าวภาคสนาม จึงได้รวบรวมรายชื่อร้องเรียนมายัง ฯพณฯท่าน นายกรัฐมนตรี และแสดงจุดยืนในการทำหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา17.30 น. ภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมรัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางมาร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีที่อาคารรัฐสภา 3 โดยก่อนเข้าห้องประชุมครม. ตัวแทนผู้สื่อข่าวภาคสนาม ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตนจะติดตามสอบถามรายละเอียด โดยส่วนตัวยินดีให้สื่อสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเต็มที่ และคิดว่าสื่อแต่ละคนก็ทำหน้าที่ของตัวเอง"
เมื่อถามว่ามีมาตรฐานในการรับแรงเสียดทานจากคำถามของสื่อที่ทำหน้าที่ตามหลักสากลอย่างไร?
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า วันนี้ถือว่าเป็นคนของประชาชน ก็ต้องทำหน้าที่ชี้แจง สื่อก็ต้องทำหน้าที่ในส่วนของสื่อ ก็ขอให้อยู่ในขอบข่าย
เมื่อถามว่าจะเริ่มทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้สนับสนุนในความหมายที่แท้จริงของประชาธิปไตยที่ยอมรับความเห็นแตกต่างเมื่อไหร่?
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขอทำงานก่อน เพราะในรายละเอียดทำอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่าตราบใดที่มีการตบดีกันอยู่หน้าสภาแบบนี้ก็จะเป็นอุปสรรคต่อนโยบายปรองดอง?
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ถึงอย่างไรดิฉันก็จะทำงานกับทุกภาคส่วนอยู่แล้ว
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยต่อการกระทำที่เกิดขึ้น กรณีเว็บไซต์ของพรรคเพื่อไทย มีประชาชนเข้ามาโพสต์ข้อความเชิงข่มขู่ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ ซึ่งขณะนี้ได้มีการตรวจสอบไปยังผู้ดูแลเว็บไซต์แล้ว พร้อมประสานไปยังเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการตรวจสอบ เพื่อขอให้ลบข้อความออก แต่ไม่ถึงขั้นต้องปิดเว็บไซต์
"ขอเรียกร้องประชาชนว่า อย่าโพสต์ข้อความเช่นนี้อีก เพราะเข้าข่ายผิดกฎหมายและจะทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยลดลง และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เสียคะแนนนิยม เนื่องจากการทำหน้าที่ของสื่อสารมวลชน มีกรอบจรรยาบรรณควบคุมอยู่แล้ว หากเอนเอียงสังคมจะตัดสินเอง "นายพร้อมพงศ์ กล่าว
http://webboard.news.sanook.com/forum/index.php?topic=3484922.0
---------------------------------------------------------
FfF
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.