บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


02 กันยายน 2554

<<< วิธีการเตรียมตัวตอบคำถามนักข่าวที่ดีที่สุดก็คือ ต้องเตรียมตัว >>>

พักหลังเห็นข่าวยิ่งลักษณ์เดินหนีนักข่าวบ่อยๆ
บางคำถามก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เช่นการย้ายนายตำรวจ เป็นการแก้ไขไม่ใช่แก้แค้นหรือเปล่า
อะไรแบบนี้ อันที่จริงคำว่าแก้ไขมันก็ครอบคลุมทุกเรื่องอยู่แล้ว
อย่างกรณีนี้ก็สามารถย้อนกลับได้ว่า
มีบ่อนมากมาย มียาเสพติดให้เกร่อ
รัฐบาลจำเป็นต้องแก้ไข ในเมื่อคนปัจจุบันเป็นมาหลายปีแล้ว
ไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่ว่าได้ แถมกลับมีเพิ่มมากมาย
แสดงว่าถึงเวลาต้องแก้ไขให้คนใหม่ๆ มาลองทำดูบ้างอะไรพวกนี้

ซึ่งรวมไปถึงเรื่องย้ายนายทหารด้วย
การโยกย้ายให้นายทหารที่รักประชาธิปไตย
หรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือพวกเดียวกับการทำรัฐประหาร
หรือจ้องจะทำอะไรพวกนี้ ก็คือการแก้ไข
ทำให้ประเทศนี้มีประชาธิปไตย
แก้ปัญหากันด้วยวิธีทางประชาธิปไตยอะไรพวกนี้
การป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหาร
ถือเป็นการแก้ไข สามารถหาเหตุผลมาอ้างแบบนี้ได้
เพราะคำว่าแก้ไขไม่ใช่นั่งเฉย
แต่หมายถึงการปรับเปลี่ยนโยกย้าย
เพื่อทำให้อะไรๆ มันดีขึ้น

ยังมีอีกสารพัดเรื่องที่จะเจอคำถาม
ที่เป็นเรื่องสำคัญๆ ในช่วงเวลานั้น
ที่นักข่าวจะมาถามให้เดินหนีอีก
ถ้าไม่เตรียมตัวให้ดี
วิธีเตรียมตัวตอบคำถามที่ดีที่สุด ก็คือ
ต้องเตรียมตัว อย่างหัวเรื่องนั่นแหล่ะ

ต้องเตรียมตัวทำยังไง ก็บอกนักข่าวไปซิว่า
ขอเวลาเตรียมตัวช่วงเช้าไม่ใช่ตื่นมาจะรู้อะไรทันที
ต้องศึกษาต้องสอบถามและต้องติดตามเรื่องราวก่อน
ดังนั้นหลัง 9.30 น.หรือเวลาไหนที่คิดว่าชัวร์
เตรียมพร้อมแล้วค่อยมาถาม

การเตรียมพร้อมประจำวันของคนเป็นผู้นำก็คือ
ต้องมีคนมาสรุปเรื่องสำคัญๆ ให้ฟัง
พร้อมถกวิจารณ์หรือยกเรื่องนั้นเรื่องนี้มาถก
ทั้งเรื่องในเว็บหรือในสื่อต่างๆ
ที่คิดว่าเป็นประเด็นน่าสนใจ
อันที่จริงมันก็ไม่ต่างอะไรกับการมาเล่นเว็บนั่นเอง

ทั้งที่จริงก็มีเว็บบอร์ดของยิ่งลักษณ์ที่นี่
http://www.facebook.com/board.php?uid=105044319540032

แต่ไม่เคยเห็นมาตอบอะไรเลย
เหมือนที่ร้องเรียนระบายทุกข์อะไรกันมากกว่า
ซึ่งความจริงควรมาตอบบ้าง
หรือตั้งประเด็นมาให้โต้แย้งกันก็ได้
บนเว็บมีคนพร้อมช่วยตอบแทนมากมาย
แต่การไปตอบสดๆ แบบนั้นไม่มีคนช่วยเลย
และการไม่ได้เตรียมพร้อมก็ตอบแบบเข้าใจยาก
ต้องเลี่ยงไปเลี่ยงมาไม่ได้ประโยชน์อะไร
แต่การมาฝึกโต้ตอบบ่อยๆ บนเว็บ
หรือโยนประเด็นน่าสนใจมาให้ช่วยกันวิเคราะห์
ก็จะมีแนวทางที่จะตอบคำถามต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

การเน้นฟอร์มมากแต่ไม่เน้นหาความรู้ทางการเมืองเพิ่มเติม
เวลาเจอคำถามทางการเมืองซึ่งก็ต้องมีทุกวัน
ไม่งั้นนักข่าวพวกนี้ก็ตกงานอ่ะซิ ทำใจได้เลยเจอทุกวัน
การหลีกเลี่ยงไม่ตอบหรือเดินหนีบ่อยๆ
ไม่ทำให้ดูดีและฟอร์มก็ช่วยไม่ได้
นอกจากความรู้ที่จะช่วยได้ในกรณีนี้

อันที่จริงคนไทยติดการโต้วาที
เลยชอบดูการเมืองเหมือนดูการโต้วาที
นักการเมืองจะต้องพูดเก่งตอบเก่ง
แถสีข้างแดงก็ไม่เป็นไร
ดูคารมวาทกรรมเนื้อหาไม่เอา
สังเกตุการโต้วาทีซิ ถ้าฝ่ายหนึ่งนักพูดมืออาชีพ
เจอกับอีกฝ่ายพึ่งพวกหัดพูด
เชียร์กันคนละเรื่องฝ่ายนักพูดมืออาชีพจะชนะใจคนดู
แม้จะเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับความเป็นจริง
ขัดแย้งกับสิ่งดีงามอะไรก็ตาม
เพราะความที่พูดเก่งมีคารมดีหามุกมาแย้งอีกฝ่ายได้ดี
แต่สาระจริงๆ อาจนำไปทำอะไรต่อไม่ได้เลยก็ได้
นอกจากเอามันเอาฮาเอาสะใจไปวันๆ
เช่นสมมุติเรื่องที่จะโต้คารมคือ
ทำชั่วดีกว่าทำดี
ลองให้พวกมืออาชีพสนับสนุน
ฝ่ายทำชั่วดีกว่าทำดีดูซิ ชนะเห็นๆ
แต่ไม่ได้ประโยชน์อะไร

วิธีการนี้ได้นำมาใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย
ซึ่งไร้สาระมากสำหรับเรา จะอภิปรายที
เดือดร้อนข้าราชการแทบทุกกระทรวง ทบวง กรม
รัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ต้องแสตนด์บาย
คอยหาข้อมูลส่งให้ รมต.
บางทีดึกๆ เที่ยงคืนตีหนึ่งจนเลิก
ต้องอยู่รอจนเลิกในแต่ละวัน
ไร้สาระมากๆ

แทนที่จะอภิปรายเรื่องอะไร
ก็ระบุให้ชัดเจนเรื่องนั้นๆ ล่วงหน้า
แล้วฝ่าย รมต. หรือ นายก ก็ไปหาข้อมูลเตรียมตอบ
โดยฝ่ายค้านทำหน้าที่แค่สรุปลำดับเรื่องราว
ให้คนที่ไม่ได้สนใจมาตั้งแต่ต้นได้รับรู้
แล้วฝ่าย รมต. หรือ นายก ก็ตอบ
จากการได้มีโอกาสเตรียมตัวตอบหลายวัน
ถ้าตอบไม่ได้ เลี่ยงที่จะตอบ
แล้วจะมาอ้างว่าตอบกระทันหันหาข้อมูลไม่ทันไม่ได้
แสดงว่าจริงตามที่ฝ่ายค้านว่าจริง

แต่นี่ไม่ยังงั้น เล่นชิงไหวชิงพริบ
ไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาพูด พูดเสร็จคนตอบใครจะไปรู้
ขนาดอธิบดียังไม่รู้ทุกเรื่องในกระทรวงตัวเองเลย
เรื่องจัดหาแต่ละที่มีเป็นพันๆ เรื่องต่อปี
ไม่รวมเรื่องอื้ฉาวที่เกิดจากพนักงานเรื่องนั้นเรื่องนี้
ถ้าไม่ให้เวลาเตรียมตัวหลายวัน
เพื่อจะได้ไปสอบถามถึงเจ้าหน้าที่คนทำระดับล่าง
เพราะบางเรื่องอาจไม่ใช่เรื่องดังมีข่าวมาก่อน
ต้องไปถามระดับล่างที่ทำจริงๆ ทั้งนั้น
ไม่ใช่ว่าเป็นอธิบดี รมต. หรือนายก
จะรู้เรื่องทุกเรื่องเป็นความคิดที่ตลก

แต่ถ้ามีเรื่องสงสัยหรือความไม่ชอบมาพากล
แม้จะบอกล่วงหน้ากี่ปี ถ้ามันไม่ชอบมาพากล
ก็ตอบคำถามไม่ได้อยู่ดี
ไม่เช่นนั้นกระบวนการยุติธรรม
ตั้งแต่จับผู้ต้องสงสัยจนถึงการตัดสิน
ก็ต้องทำภายในเวลาวันสองวันซิ
ไม่เช่นนั้นปล่อยนานๆ ไป
เดี๋ยวอีกฝ่ายแก้ตัวได้
แต่ที่จริงถ้าทำผิดจริงๆ
จะกี่ปีจะแก้ตัวยังไงก็จับได้ตัดสินได้ว่าผิดจริง
ถ้าไม่นับเรื่องการวิ่งเต้นซิกแซกช่วยเหลือกัน

นี่ก็น่าจะปรับปรุงกระบวนการอภิปรายด้วยเหมือนกัน
ให้เน้นแสวงหาข้อเท็จจริงมากกว่าใช้ฝีปากคารม
เพื่อจะได้แก้ตัวกันไปวันๆ
กรณีตอบคำถาม รมต. หรือ นายก ก็เหมือนกัน
อยากถามเรื่องอะไรก็ส่งคำถามมา
และขอเวลาไปหาคำตอบหรือจะมาตั้งคำถามตามเว็บบอร์ดก็ได้
คำถามที่จะหลุดไปถามสดๆ ก็เหลือน้อยลง
เดี๋ยวพวกนักข่าวก็จะว่างงานเพราะสามารถมาถามตามเว็บได้
แล้วมีการมาตอบสนองในการตอบคำถาม
แทนที่ถนัดเขียนไม่ถนัดพูด
ก็น่าจะเน้นการตอบแบบเขียนมากกว่า
และการตอบบนเว็บมีคนพร้อมช่วยตอบแทนมากมาย
ทำไมไม่เลือกเน้นทำในสิ่งที่ถนัด
ส่วนตอบคำถามสด เดี๋ยวก็เหลือน้อยลง
เพราะแทบทุกเรื่องถามทางเน็ตได้อยู่แล้ว
จะไปถามสดอีกทำไมอีก
นอกจากอยากได้ภาพการตอบคำถาม
การโต้แย้งทางเว็บจะทำให้เห็นข้อมูล
ที่จะใช้ตอบฝ่ายตรงข้ามเพิ่มมากขึ้น
และจะทำให้การตอบสดง่ายตามไปด้วย

นี่จึงเป็นวิธีการเตรียมตัว
เพราะการเป็นนักการเมืองก็ต้องสนใจการเมือง
เพราะเป็นอาชีพของตนเอง
ซึ่งเรื่องการเมืองมันเกี่ยวพันแทบทุกเรื่อง
ทั้งเศรษฐกิจสังคมเยอะแยะไปหมด
แต่ผมรู้สึกว่าบ้านเรา คนไม่ได้เป็นนักการเมือง
กลับสนใจการเมืองมากกว่านักการเมืองเสียอีก
ยกตัวอย่างผม มีเรื่องการเมืองมาเขียนมาเล่าให้ฟัง
แทบทุกวันถ้าขยัน แต่นักการเมืองจริงๆ
น้อยมากที่คุณจะได้เห็นการพูดเรื่องการเมืองทุกวัน
มันแปลกดีเหมือนกันประเทศนี้

สรุปจบด้วยคำคมสำหรับวันนี้
"มีดต้องลับบ่อยๆ ถึงจะคม"

โดย มาหาอะไร
FfF