คำถามนี้เพิ่งเจอเพื่อนที่ทำงานถามขณะแวะมานั่งคุยช่วงตอนเรานั่งกินข้าวอยู่
พอรู้ว่าเราสนใจเรื่องการดูดวงก็ออกอาการเอ็นตี้ เหมือนเราสมัยเด็กๆ เลย
อันที่จริงสมัยเราเด็กๆ เราเอ็นตี้ทั้งการดูดวงและหลายๆ เรื่อง
มีเรื่องหนึ่งขอยกตัวอย่างคือการประกวดนางงาม
ตั้งแต่นางงามส้มเช้ง, กลัวยไข่ ไปจนถึงนางสาวไทย
เรามองว่ามาเดินแก้ผ้าให้คนดูไม่เห็นดีเลยถึงได้ตำแหน่งก็เหอะ
พอโตขึ้นเลิกเอ็นตี้เพราะชอบดู เอ้ย ไม่ใช่
เพราะทัศนคติเปลี่ยนไปตามวุฒิภาวะ
และอารมณ์ทำให้ความคิดสุขุมคัมภีรภาพมากขึ้นต่างหาก อิอิ
คือเรามองว่าการประกวดนางงามหรือธิดาแตงโมอะไรพวกนี้
คือโอกาส ของคนกลุ่มหนึ่งที่เขาจะใช้เวทีประกวด
เพื่อประชาสัมพันธ์ตนเอง เพื่อไปต่อในอนาคตได้
เช่นอาจได้งานใหม่ มีโอกาสก้าวหน้าในชีวิต
ทั้งเรื่องคู่ครองการงานชื่อเสียงเกียรติยศอะไรต่อไป
ซึ่งวันนี้เราเห็นว่าโอกาสสำคัญมากๆ
ยังมีคนสวยคนหล่อมากมายในแผ่นดิน
ยังมีคนเก่งคนกล้ามากมายในแผ่นดิน
แต่พวกเขาเหล่านั้นไม่มีโอกาส
ทั้งจากนิสัยขี้อายไม่กล้าแสดงออกของเขาเอง
หรือไม่มีใครให้โอกาส
ไม่มีเวทีแสดงความสามารถให้คนได้ประจักษ์ อะไรแบบนั้น
ทำให้พวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถนำพรสวรรค์
ความรู้ ความสามารถและ สิ่งพิเศษที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
มาใช้ได้อย่างเต็มที่ เต็มศักยภาพ เพื่อความก้าวหน้าของเขา
เพื่อการสร้างสรรผลงานทิ้งไว้ให้กับแผ่นดิน
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ดังนั้น ไม่ว่าเวทีประกวดนางงาม, ชายงาม,
แต่งกลอน, ร้องเพลง, ประกวดประดิษฐ์สิ่งต่างๆ นั่นนี่
เวทีเหล่านี้คือโอกาส และทัศนคติวันนี้ของเรา
สนับสนุนทุกเวทีอย่างเต็มที่
เพราะการที่เรามีอคติเพราะไม่ชอบ
แล้วไปขัดโอกาสของคนกลุ่มหนึ่งที่เขาอาจมีดีอยู่แค่นั้น
เช่นอาจเรียนไม่เก่ง กีฬาก็ไม่เอาอ่าว แต่หน้าตาดี
เขาก็น่าที่จะใช้ประโยชน์กับสิ่งที่เขามีได้เต็มที่
ในการสร้างความก้าวหน้าของแต่ละคน
ไม่ควรมีใครใช้ความไม่ชอบส่วนตัว
ไปขัดขวางความก้าวหน้าของคนอื่นในทางที่ไม่ผิดศีลธรรมเลย
พาออกทะเลไปไกลแล้ว วกกลับมาที่หัวเรื่องกับคำถามที่ว่า
ทำไมคนที่มีดวงเหมือนกันเด๊ะเช่นฝาแฝด
หรือคนที่เกิดวันเดือนปีเดียวกัน
ทำไมอีกคนไปเป็นโจร อีกคนไปเป็นนายกได้
การพยากรณ์ที่เรากำลังทำอยู่ยอมรับว่า
ถ้าเจอกรณีวันเดือนปีเดียวกันจะเริ่มไปไม่เป็นแล้ว
แต่อย่าลืมว่ามันมีหลายศาสตร์
เช่นการดูโหงวเฮ้งหรือลายมือประกอบ
แต่ทั้งสองอย่างที่ว่ามามันดูเป็นช่วงปีลำบาก
ว่าปีนี้จะเกิดอะไรขึ้นมันอาจบอกภาพรวมของชีวตคนได้
ไฝปานอะไรด้วยเหมือนกัน
เพราะว่าเป็นลักษณะพิเศษของแต่ละคน
ที่แม้ฝาแฝดก็ไม่เหมือนกัน
การดูดวงอย่างที่เราใช้ดูนี้
สามารถบอกคร่าวๆ ว่าปีนั้นๆ
จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหลักๆ ได้
และที่สำคัญที่สุดขึ้นอยู่กับความคิดและการกระทำของแฝดแต่ละคนด้วย
เพราะเกิดวันเดียวเวลาเดียวกัน แต่ความคิดนิสัยอาจต่างกัน
ซึ่งนี่คือสาเหตุสำคัญว่าทำไมดวงเหมือนกันแต่ผลออกมาไม่เหมือนกัน
เช่น คนหนึ่งยึดที่จะเป็นพ่อค้าอีกคนอยากไปเป็นข้าราชการ
แม้ดวงชะตาโดยรวมจะทำนายมาคล้ายๆ กัน
แต่ผลอาจต่างกัน เช่น มีดวง มหาอุปถัมภ์+เคหัง
คนที่ยึดอาชีพค้าขายอาจหมายถึงการค้าขายดีในปีนั้น
ส่วนคนที่ยึดอาชีพรับราชการ อาจได้ลุ้นเลื่อนตำแหน่ง
จะเห็นว่าดวงก็เหมือนกันคือดีเหมือนกัน
แต่ผลที่ได้รับต่างกันเพราะนิสัยและการกระทำ
ทำให้เกิดความแตกต่างตั้งแต่เรื่องการยึดอาชีพแล้ว
หรือคนหนึ่งอาจชอบไปเป็นโจร อีกคนชอบการเมืองลงเลือกตั้ง
ถ้าปีไหนดวงดี คนแรกก็คงได้เป็นโจรแล้วไม่โดนจับได้
ส่วนคนหลังก็ได้ลุ้นเป็นนายกได้เหมือนกันถ้าเขามีโอกาสลงชิงชัย
จะเห็นว่าการกระทำหรืออาชีพที่เขาเลือกคือสิ่งแตกต่าง
และอาชีพที่แตกต่างทำให้ความน่าจะเป็นที่จะเกิดความต่าง
เป็นระดับหลายๆ ล้าน ร้อยล้านพันล้านได้เลย
ไม่ใช่แค่ 12 แบบตามจักรราศี
หรือ 7 แบบตามวันที่เกิด นั่นเป็นการดูรวมๆ
จะเห็นได้ว่า แม้วันเดือนปีเกิดเหมือนกัน แต่นิสัยต่างกัน
ความต้องการต่างกัน อาชีพต่างกัน ผลก็เลยต่างกัน
การทำนายนักการเมืองเราว่าง่ายกว่าไปทำนายคนอาชีพทั่วไป
เพราะวงจำกัดจะเกี่ยวข้องกับคน ไม่ถึงพันคน
เด่นดังจริงๆ ไม่ถึง 100 คน ระดับคุมทิศทางประเทศจริงๆ ไม่ถึง 10 คน
ดูง่ายกว่าไปดูคนทั่วไป ยิ่งสนใจการเมืองด้วย
ยิ่งเข้าใจวิเคราะห์การเมืองได้ง่ายขึ้นไปอีก
แต่ตำราที่เรามี เป็นตำราเลข 7 ตัวฐาน 4
ตอนนี้เราไปหาวิธีคำนวนถึงฐาน 8 และ 9 ได้แล้ว
แต่คำทำนายเราต้องนำสองคำมาใช้ความเข้าใจของเรา
มั่วพยากรณ์ขึ้นมาเองนอกนั้นบางส่วนยึดความหมายตามตำรา
ที่คำทำนายไม่ค่อยมีเรื่องการเมืองเลย
ตอนนี้เรามาแกะเทียบกับประวัตินักการเมืองหลายๆ คน
เก็บสถิติไว้แล้วเขียนคำทำนายเฉพาะเกี่ยวกับวงการการเมืองขึ้นมาเอง
จะว่ายากก็ยากช่วงต้นๆ นี่แหล่ะหลังจากนั้นเริ่มง่ายแล้ว
คนจะได้ตำแหน่ง เสียตำแหน่งเราเริ่มจับหลักได้แล้ว
โดยเทียบกับนิยามเก่าๆ ที่เขาใช้ทำนายคนทั่วๆ ไป
ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง อนาคตถ้าคิดค้นได้
จะเพิ่มอีกหลายฐานเป็นของตัวเอง
เช่น แนวทำนายดวงเมืองให้ได้ว่ายังงั้น
โดยไม่ใช้แบบโหราศาสตร์เห็นแล้วเวียนหัว
เราชอบการดูดวงแบบเลข 7 ตัวนี้
เพราะพลิกแพลงได้เยอะกว่าและพัฒนาต่อยอด
จนเป็นสูตรส่วนตัวไม่ต้องไปเกรงใจใคร
อีกตัวอย่างกรณีที่บอกว่าวันเดือนปีเดียวกัน
ทำไมอีกคนเป็นนายกอีกคนไปเป็นโจรได้
กรณียิ่งลักษณ์นี่ไง ปีที่แล้วคือ 54 ก่อนขึ้นธันวาคม
เราตัดขึ้นปีใหม่ที่ธันวาคม
ตกดวงชะตา มหาโจร+อัตตะ + ราชาโชค
เจ้าชะตาจะต้องช่วงชิงและสามารถเอาชนะได้ง่ายๆ
ถ้าเขาเลือกไปช่วงชิงคู่รักเขาก็อาจชนะได้คู่รัก
ถ้าเขาไปช่วงชิงขโมยของใครก็อาจทำได้ไม่ยาก
หรือเขาไปช่วงชิงด้านการค้าก็อาจทำกำไร
เป็นกอบเป็นกำได้ไม่ยากอีกนั่นแหล่ะ
แต่ถ้าเขาเลือกช่วงชิงนายก
ก็หมายความว่ารางวัลแห่งชัยชนะก็คือตำแหน่งนายก
มันต่างจากการช่วงชิงด้านการค้าที่รางวัลคือเงิน
ด้านเป็นโจรรางวัลอาจได้ของคนอื่น
แต่อาจโดนจับในภายหลังได้เมื่อดวงเริ่มตก
และถ้าเป็นดวงดีเหมือนกัน ลงเลือกตั้งเหมือนกันใครชนะ
คราวนี้ถึงต้องใช้วิชาการวิเคราะห์การเมืองว่า
ใครมีฐานเสียงมากกว่ากัน ความนิยมพรรคและผู้สมัตร
มาประกอบในการทำนาย อันที่จริงดูประกอบทั้งสองอย่าง
ทั้งดวงและเหตุการณ์การเมืองก็จะทำให้แม่นขึ้น
สมัยก่อนที่จะดูดวงเป็น เราก็นั่งเทียนทำนายการเมืองถูกตั้งหลายเรื่อง
เพียงแต่ไม่มีสื่อมาโปรโมทเหมือนพวกหมอดูบางคนก็เลยไม่ดัง
แต่ตอนนี้เราดูดวงเป็นด้วย
ทำให้เราวิเคราะห์การเมืองได้ง่ายขึ้นไปอีก 50% เลยทีเดียว
อีกตัวอย่างกรณี แม้ตกเลขดีในดวงปีนั้น
แต่มันก็ผูกกับความพยายามของเจ้าชะตาด้วย
เช่น ตกเลข 14 จักรพรรดิ์ ในดวงของเราก็มีตัวนี้อยู่
ความหมายก็คือต้องเหน็ดเหนื่อยมากๆ ถึงจะสำเร็จ
เราลองนับย้อนหลังไปในอดีตปรากฏว่าเคยตกดวงนี้
และเป็นเหตุการณ์ที่ยกมาเป็นตัวอย่างได้เป็นอย่างดีว่าเป็นยังไง
ก็คือเรียนมา 3 ปี เกรดเฉลี่ย ต่ำ 2.0 มา 2 เทอมติดแล้ว ถือว่าติดโปรสูง
พอดีที่มหาลัยเราให้ติดโปรสูงได้ 4 เทอมติด
แต่มหาลัยอื่นอาจแค่ 2 เทอมติดก็รีไทร์ไล่ออกแล้ว
ดวงปีที่ตก จักรพรรดิ์ของเราในปีนั้น เทอมแรกก็ยังติดโปรอีกเทอม
กลายเป็นโปรสูง 3 เทอมติดเลย ถ้าเทอมสุดท้ายไม่หลุดโปรก็รีไทร์พอดี
ถ้าหลุดโปรก็จบพอดี ทำให้เทอมสุดท้ายขยันสุดชีวิต
จากที่เคยจองหลังห้องต้องมาอยู่แถวหน้าชั้น
เจาะแจะซักถามอาจารย์ตลอดเหมือนกัน
จากที่เคยไม่กล้าสบตาอาจารย์กลัวอาจารย์เรียกถาม
และบางวิชาต้องไปเรียนกับรุ่นน้องเพราะตกต้องเรียนซ้อม
เพราะเอาแต่คุย และมาไม่ได้จด ไม่ได้อ่านอะไร
วันสอบยังไม่รู้เลย หรือซีร็อกส์เพื่อนไปอ่าน 1-2 วันก่อนสอบ
ไม่ได้รู้เรื่องเลย ก็ตกต้องไปเรียนกับรุ่นน้อง
แต่ก็ทำคะแนนได้ดีกว่ารุ่นน้องในบางเรื่องเหมือนกัน
แต่รวมๆ ก็ขยันขึ้น ต้องแยกที่อยู่กับเพื่อนจากประจวบ
ไปอยู่คนเดียวไม่งั้นตื่นมาครบขานั่งนับเลขทั้งวันทั้งคืน
จากที่เล่นไม่เป็นก่อนขึ้นมาเอ็นท์ ก็มาเล่นเป็นและติดไพ่ตอนปีหนึ่งเลย
กว่าจะหาทางเลิกได้ ต้องเลิกอยากได้เงินคนอื่นให้ได้ ถึงจะเลิกได้
โดยลดรางวัลจากชนะได้เงินเป็นเหลือวิดพื้นกับดื่มน้ำแทนจ่ายเงิน
หลังๆ เลยเลิกไปเอง ทั้งเราและเพื่อน
ผลเทอมสุดท้ายจบประมาณ 2.1 จบพอดีพ้นโปรด้วย
นี่เป็นตัวอย่างตกเลข 14 จักรพรรดิ์
ที่ต้องเหนื่อยยากลำบากมากๆ ถึงจะสำเร็จ
ถ้าไม่ดิ้นรนขวนขวายก็อาจไม่จบ
บางคนบอกแค่ขยันเรียนแค่เนี้ยะมันเหนื่อยยากอะไร
สำหรับพวกเด็กเรียนถือว่าเป็นเรื่องปกติ
แต่สำหรับเด็กเรียนดีแต่ขี้เกียจอย่างเรา
แถมโดนบังคับให้ลงวิชาอะไรก็ไม่รู้ไม่ได้อยากเรียน
ก็จำใจต้องเรียนเพื่อให้จบๆ ไปตามหลักสูตร
ก็ต้องทรมานใจเหนื่อยยากเพราะต้องขยันผิดปกติ
จากไม่อ่านไม่เรียนมานั่งอ่านนั่งเรียนแถวหน้า
แถมมาแต่เช้าตรู่จากที่มาสายกับเที่ยง
เขาเลิกเรียนแล้วเหมือนแวะมากินข้าวที่มหาลัย อะไรแบบนั้น
ชีวิตมันจะต่างไป แต่ถ้าไม่เหนื่อยยากก็จะไม่สำเร็จโดนรีไทร์
ดวงอย่างเดียวช่วยไม่ได้ ต้องเจ้าชะตาดิ้นรนด้วยถึงจะมีผล
ดวง 50% การกระทำ 50% ประกอบกัน
เพราะถ้าดวงไม่ดี ทำไปก็ไม่ได้เรื่อง
แต่ถ้าดวงมีพื้นฐานดี ก็จะทำได้ดีไม่ยาก
ผิดกับดวงไม่ดีทำได้ดีแทบตายก็ยังไม่ได้ดีในช่วงนั้น
แต่เท่าที่ดูแต่ละคนจะมีช่วงดวงดีดวงไม่ดีแทบทุกคน
ยังไม่เจอใครที่ดีทุกปีเลย และไม่ใช่ 7 ปีดีไม่ดีด้วย
ใน 7 ปีแต่ละฐาน 3 ฐานอาจไปชนตัวเสียชนนั่นนี่
เพี้ยนไปจากเดิมแถมยังไปชนทักษาหมุนไปเรื่อยๆ
หรือเกิดเรื่องนั้นๆ ติดกันช่วงรอยต่อฐานแล้วว่างไปเป็นสิบกว่าปีก็มี
แถมยังไปชนฐาน8และฐาน9 ที่จะเปลี่ยนเรื่องที่จะเจออีกเยอะแยะ
ดังนั้น สรุปว่าแต่ละคนอาจมีจังหวะช่วงชีวิตแตกต่างกัน
ในคนๆ เดียวกันแต่ละปี แม้แต่แต่ละวันยังดวงไม่เหมือนกันเลย
บางวันทำอะไรก็ติดขัดบางวันก็ราบรื่นไปหมด
ดังนั้นจะชะล่าใจว่าดวงดีไปตลอดไม่ได้
หรือน้อยใจโชคชะตาว่าดวงร้ายตลอดก็ไม่ถูก
อาจมีบางช่วงที่อาจดีขึ้นมาแต่ไม่รู้เลยไม่พยายามมากขึ้น
ทำให้ดวงดีปีนั่นๆ ไม่ได้ประโยชน์ดีสมกับดวงที่ดีในปีนั้นๆ
นี่คือเหตุผลที่ว่า การรู้แผนที่ชีวิตคร่าวๆ สัก 50%
ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย
เราว่าตำราหมอดู ก็คือวิชาสถิติดีๆ นี่เอง
ถ้าไม่ใช่พวกทำนายแบบนั่งทางในหรือไพ่ป๊อกอะไรน่ะ
เพราะเป็นการเก็บสถิติ รายละเอียดของคน
ที่เคยเกิดเหตุการณ์นั้นๆ เมื่อดวงตกลักษณะนั้นๆ
ถ้ามันมีคนเกิดเหตุการณ์คล้ายกัน ดวงคล้ายกันจำนวนมาก
มันก็จะเพิ่มความมั่นใจในการฟันธงได้
ยกเว้นหมอดูแนวตาทิพย์หูทิพย์ นั่งทางในเพ่งลูกแก้วแนวไสยศาสตร์
พวกนี้ไม่ถือว่าเป็นวิทยาศาตร์ไม่ใช่วิชาสถิติแต่เป็นด้านไสยศาสตร์ล้วนๆ
ข้อดีกรณีดูดวงแบบเก็บสถิติ มันเหมือนรู้ลายแทงของชีวิต
ว่าปีนั้นปีนี้แต่ละคนจะเป็นยังไง เพื่อระมัดระวัง
หรือทำให้เสียหายน้อยที่สุด แม้ไม่ถูกเต็ม 100%
แค่ 50% ก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย
เหมือนไม่รู้ว่าทางข้างหน้ามีทางขาด
กับรู้ว่าทางข้างหน้ามีทางขาด
ผมว่าคนสองคนระหว่างคนที่รู้กับคนที่ไม่รู้มาก่อน
จะเตรียมความพร้อมแก้ไขสถานการณ์ต่างกัน
ดังนั้นพวกที่มีลักษณะการลองภูมิก็แสดงว่า
ไม่ได้ต้องการอยากจะรู้ลายแทงชีวิตบางส่วน
เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงระมัดระวังตนเอง
แค่สนุกขำๆ แบบนี้เราจะไม่ดูให้เสียเวลาเรา
เพราะไม่มีประโยชน์เหมือนกัน
แถมอาจให้วันเดือนปีปลอมอีก
ซึ่งผลการทำนายก็ไม่ถูกอยู่แล้ว
เหมือนเอาวันเดือนปีของคนอื่นมาให้ทำนาย
แล้วจะมาบอกว่าทำนายไม่ถูกได้ยังไง
ในเมื่อเขาดูดวงให้เจ้าของวันเดือนปีนั้น
ถ้าไม่มีในโลกก็ไม่มีในโลกถ้ามีอาจถูกตามที่ดูก็ได้
ไม่ได้ดูคนที่เอาวันเดือนปีที่ว่ามาให้สักหน่อย
โดย มาหาอะไร
FfF
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.