สาระจัง เรื่อง เมฆน่าจะเป็นของแข็งไม่น่าจะเป็ นไอ
- ถูกใจ Au Thipavalai
Maha Arai ลักษณะการเกิดเมฆก็เหมือนกับการเกิดหมอกช่วงหน้าหนาวใน พื้นที่ที่มีความชื้นสูงๆ หรือมีหนองน้ำ เวลาหนาวๆ จะเห็นไอน้ำลอยขึ้นมา ถ้าเย็นม ากๆ ก็จะเห็นหมอกลอยเป็นก้อนๆ คล ้ายเมฆ ซึ่งก็เกิดจากไอน้ำที่เกิดจ ากการระเหยเพราะควานร้อนทำให้น้ำระเหยเป็นไอน้ำแล้วพอย ิ่งสูงยิ่งหนาวไปถึงชั้นที่ อุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศา มันก็จะกลายเป็นละอองน้ำแข็งเล็กจับต ัวรวมกันหลวมๆ
Maha Arai เหมือนน้ำค้างเวลาหน้าหนาวระดับต่ำสิบก็จะกลายเป็นแม่ค ะนิ้ง หรือน้ำแข็งได้เช่นเดียวกับ เวลาละอองไอไปเจอความเย็นก็ กลายเป็นของแข็งแต่เนื่องจา กมันเบาเพราะความหนาแน่นมัน น้อย ถ้าจะให้เห็นภาพ ลองนึกถึงขนมที่เขาเอาน้ำต าลทรายแค่ช้อนเดียวไปปั่นปั ่นไปปั่นมากลายเป็นเส้นใยเป ็นฟองๆ เอาไม้ไปม้วนมากินนั่นแหล่ะ จะเห็นว่าน้ำตาลที่หนักๆ พอไปผ่านกระบวนการที่ทำให้มั นฟูมากกว่าเดิมเป็นร้อยๆ เท่ า มันก็เบาหวิวเลยแต่ก็ยังถื อว่าหนักแต่เมฆก็คล้ายยังงั ้นแหล่ะแต่เบากว่า ที่ว่ามาคือแนวคิดเรา อาจไม่ เหมือนในตำราที่ไหนก็ได้น่ะ
Maha Arai คราวนี้ลองสังเกตุเวลาฝนตกหนักจะคล้ายกัน 2 แบบคือ เห็นเมฆ ดำทะมึนมาเชียว กับอีกแบบคือช่วงนี้แทบไม่เ ห็นเมฆเลยก็เพราะมันร้อนมาก จนไปทำให้เมฆที่คล้ายละอองฝ ุ่นเล็กมากๆ จับตัวกันหลวมๆ แยกตัวจากกันกระจายอยู่ทั่วท้อ งฟ้าเลยไม่เห็นเป็นก้อนๆ แล้วเวลามีลมแรงๆจะเหมือนเป ็นตัวเร่งกวนให้มันละลายเร็ วๆ จนเกิดฝนตก แต่ถ้าเมฆที่ก่อตัวจนดูมันเหมือนภูเขาอีกลูกบนท้องฟ้า มาเจอปฏิกิริยาทำให้มันตกแล้วไปเจออากาศด้านล่างไม่ร้อนพอหรือหนางเย็น ก็เลยทำให้มันละลายไม่หมดกลายเป็นลูกเห็บหรือน้ำแข็งก้อนเล็กๆ หรือหิมะกรณีด้านล่างหนาวจัดๆ
นี่เราคิดแบบนี้อาจต่างจากตำราด้านนี้แบบชอบ คิดต่างใครถูกใครผิดวันหนึ่ งอาจมีคนพิสูจน์ให้เห็นเพรา ะกว่าคนจะเชื่อว่าโลกกลมใช่ เวลาหลายร้อยปีแถมคนที่คิดแ บบนี้โดนทำร้ายจนตายมากมายเ พราะไปขัดกับความเชื่อทางศา สนา จนผ่านไปหลายร้อยปีถึงมีการ ยอมรับและมีการขอโทษคนที่ถู กกระทำในช่วงนั้น
Maha Arai สรุปถ้าเป็นเมฆก้อนผมตีให้เป็นของแข็งแต่เป็นละอองเล็ก ๆ จับตัวกัน ส่วนเวลามันสีดำเพราะมันคงกำล ังกลายเป็นน้ำแล้วและไปสะท้ อนกับแสง เลยเห็นมันดำๆ อ ะไรประมาณนั้น ส่วนที่ไม่เห็นเป็นก้อนแต่ก ระจายไปทั่วช่วงฝนกำลังตกเพ ราะมันโดนความร้อนจนมันเลิก เกาะตัวกันรอลมมาเร่งให้ตกหรือรอสิ่งที่มาก่อปฏิกิริยาจนทำให้มันตกลงมา
Maha Arai ก่อนจบขอเสนอไอเดียการทำฝนเทียมแบบไม่ใช้สารเคมีไปโรยอ ะไรเพราะมันจะตกลงมาก่อปัญห าในภาคพื้นดิน เมื่อเชื่อว่ามันเป็นของแข็ งแล้วก็น่าจะใช้เครื่องบินที่ออกแบบมาเพื่อดูดเมฆเข้าไ ป โดยผ่านความร้อนเพื่อเปลี่ยนสภาพละอองแข็งเป็นของเหลวรวมทั้งการเพิ่มแรงอัดมากๆ มันก็จะกลายเป็นของเหลว ถ้ามันอยู่ในสถานะก๊าซ เมื่อมันกลายเป็นน้ำแล้วถึงปล่อยมันลงมาเหมือนกา รอัดแก๊ส LPG ลงถังแก๊สนั่นแห ล่ะ มันก็จะเป็นของเหลวแต่เน ื่องจากจุดเดือดที่กลายเป็น ไอของมันต่ำระดับน้อยกว่า 0 อ งศา พอมันโดนอากาศปกติมันก็คื นรูปเป็นก๊าซทันที แต่กรณีน้ำมีจุด เดือดสูงเป็น 100 องศาดังนั้น เมื่ออัดจนกลายเป็นของเหลวไ ด้แล้วมาโดนอุณหภูมิปกติก็ไ ม่กลายเป็นไอก็ยังเป็นน้ำเห มือนเดิม
Maha Arai แถมอีกนิดหนึ่ง ณ เวลาเกือบ 16.45 น. แถวบ้านที่ลำลูกการ้อนระดับ37 องศาแล้ว ยิ่งดึกยิ่งร้อนแหะตอนกลับม าถึงพึ่งจะ 35 องศากว่าๆ ระอุจริงๆ วันนี้คงต้องรีบอา บน้ำนอนแล้วเพราะพัดลมเอาไม ่อยู่ร้อนที่ผิวหนังแบบวูบๆ เหมือนกำลังโดนย่างเลยแหะไ ม่ไหวหาเรื่องไปนอนห้องแอร์ ก่อนบังเอิญทั้งบ้านติดไว้จ ุดเดียวเฮ้อ ร้อนจริงๆ
Maha Arai แถมอีกนิดเพิ่งนึกขึ้นได้ น่าจะมีการเก็บสถิติอัตราการระเหยของน้ำด้วยน่ะเพราะจา กการสังเกตุบ่อเลี้ยงปลาบาง ทีอากาศร้อนเหมือนกันแต่น้ำ ในบ่อระเหยต่างกันบางที่ร้อ นก็จริงแต่น้ำไม่ค่อยระเหยแ ต่บางทีระเหยอย่างไวและช่วงท ี่ระเหยอย่างไวมักเกิดฝนตกด ้วยความจริงเห็นมีตัววัดควา มชื้นในอากาศเหมือนกันแต่มั นสู้วัดระดับน้ำระเหยในแต่ละวันไม่ได้เพราะแบบนี้สามาร ถคำนวนการระเหยของน้ำที่กลา ยไปเป็นต้นทุนฝนตกได้คร่าวๆ ถ้าเก็บมากจะมองออกก็แค่เติ มน้ำในกระบอกให้เต็มแล้วดูแ ต่ละวันลดลงไปเท่าดูเสร็จก็ เติมให้เต็มอย่างเก่ามันอาจ นำไปสู่การทำนายอะไรได้อีก ถ้าก ระจายทำให้ทั่วประเทศทุกจุดก็จะดีไม่น้อ ย เราเรียกเครื่องมือนี้ว่า มิเตอร์น้ำจาก ฟังดูเก๋ดี
http://www.facebook.com/maha.arai
---------------------------------------------------
โดย มาหาอะไร
FfF