บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


25 มกราคม 2556

<<< ข่าวเรียกแมงเม่า ระวังจะติดดอยเอาไว้บ้าง จะได้ไม่น้ำตาเช็คหัวเข่าเหมือนช่วงฟองสบู่แตกงวดก่อน >>>

Maha Arai ได้แชร์ ลิงก์

<<< ข่าวเรียกแมงเม่า ระวังจะติดดอยเอาไว้บ้าง จะได้ไม่น้ำตาเช็คหัวเข่าเหมือนช่วงฟองสบู่แตกงวดก่อน >>>

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1358993582&grpid=00&catid=05&subcatid=0502
  • Maha Arai เนื้อหอมบ้าอะไรเขาเข้ามาเก็งกำไร ได้กำไรทั้งหุ้นและค่าเงิน กองทุนข้ามชาติที่ไหนโง่ไม่เข้ามาก็น่าจะยุบกองทุนทิ้งไปได้แล้วได้ 2 เด้งแบบนี้ ยกเว้นกังวลเรื่องการเมืองไทยถึงไม่กล้าเสี่ยงเข้าไม่งั้นค่าเงินบาทแข็ง กระฉูดพอๆ กับเกาหลีใต้ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ไปแล้ว ที่แข็งจากเดิมเทียบกับกลางปี 52 ถึง 8-9%
  • Maha Arai คาดว่าปีนี้ได้เห็นหุ้นพุ่งกระฉูดทุบสถิติประเทศไทยตั้งแต่ตั้งตลาดหลักทรัพย์แน่นอน ถ้าไม่มีอะไรมากระตุกเช่นม็อบแรงๆ แล้วหลังจากนั้นก็เตรียมตัวฟองสบู่แตกอีกรอบได้
  • Maha Arai หรือ มองอีกอย่างต่างชาติเตรียมปล่อยของออกมาเรื่อยๆ หลังซื้อถูกๆ ช่วงจะปล่อยของก็จะปล่อยข่าวดียังงั้นยังงี้ล่อให้แมงเม่าบินเข้ากองไฟมารับเผือกร้อนไป พอปล่อยของหมด อยากจะซื้อของถูกอีกคราวนี้นอกจากโยกเงินออก ปล่อยข่าวดิสเครดิต หั่นเครดิตก็จะตามมา เดี๋ยวสักพักมันก็ถูกอีก วนเป็นวัฎจักรแบบนี้หากินได้ไม่สิ้นสุดเพราะปั่นประเทศนี้ทุบประเทศโน้น แล้วก็ฟันกำไรขายเสร็จทุบ แล้วไปช้อนซื้อประเทศอื่นแล้วปั่นต่อสนุกสนาน
  • Maha Arai จะ เห็นได้ว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยากเย็นสลับซับซ้อนแค่สนใจศึกษาสังเกตุ ตั้งสมมุติฐานหัดวิเคราะห์เองก็จะเข้าใจไม่ยาก เพียงแต่อย่าไปเชื่อข่าวโปรโมทหรือทุบตลาดให้มาก ช่วงนี้เข้าไวออกไวอาจยังมีกำไรน่ะเผลอๆ จะมีเศรษฐีใหม่ถ้าจับถูกต้วแต่หลังจากนั้นระวังจะติดดอย ถ้าเล่นแบบกลัวขาดทุนน้อยก็จะต้องกอดกันหลายปีกว่าจะได้รอบมันขึ้นมาอีกครั้ง ช่วงนี้ถือว่ากำลังขึ้นไปสู่จุดที่พีคอีกครั้งยังมีโอกาสขึ้นได้อีกหลายร้อยจุดถ้าไม่มีเหตุอะไรจะทุบสถิติดัชนีตั้งแต่ตั้งตลาดเพราะดูจากการไม่มีมาตรการสกัดและค่าเงินกำลังแข็งค่าขึ้นได้ฟัน 2 เด้ง ถ้าการเมืองนิ่งที่นี่จะเป็นแหล่งเก็งกำไรที่ดีที่สุดในโลกยามนี้จึงไม่ต้อง แปลกใจหลังจากนี้ตลาดจะพุ่งทุบทุกสถิติ
  • Maha Arai ถามว่าทำไมตลาดหุ้นขึ้นไม่ดีใจเหรอ สมัยเด็กๆ ผมก็เหมือนคนบ้านนอกเข้ากรุง เห็นตึกสูงๆ ก็ชอบมากคิดว่าประเทศเจริญวัดกันที่ตึกสูงๆ มากๆ แต่หลังจากพบความจริงว่าหลายประเทศที่ล้มละลายไปดูบ้านเมืองเขาสิตึกรามบ้านช่องสูงๆ มากมาย สาธารณูปโภคครบครันถนนหลายสิบเลนยังมี เยอะแยะแต่ล้มละลายประชาชนไม่มีจะกิน แย่งอาหารที่มาบริจาคหรือปล้นขโมยข้าวของในห้าง เหล่านี้แถมด้วยวิกฤตต้มยำกุ้ง ทำให้รู้เลยว่าเวลาฟองสบู่แตกมันน่ากลัวและเดือดร้อนไปทั่วยังไง สมัยชวน 1 หุ้นก็ขึ้นทำลายสถิติประเทศไทยพันกว่าจุด เงินนอกเข้าทะลักไทย หนี้เพิ่มบานตะไท คนไทยอู้ฟู้จากเงินกู้สร้างนั่นซื้อนี่แต่แล้วพอถึงวันที่เขาต้องฟันกำไรและ เกิดอุบัติเหตุทางเศรษฐกิจขึ้น ทุกอย่างกลับหน้ามือเป็นหลังมือ
  • Maha Arai คนที่เคยผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาแล้วและเข็ดน่ะ พวกไม่เข็ดก็ว่ากันไป พวกเข็ดแล้วจะรู้เลยว่าข่าวหุ้นขึ้นมากมาย ต่างชาติแห่ขนเงินเข้ามาอะไร มันไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจประเทศดีอย่างยั่งยืนนอกจากมันจะมาก่อให้เกิดเงินเฟ้อและฟองสบู่โตขึ้น ก็คือข้าวของจะแพงขึ้นเงินเดือนมากขึ้นแต่ไม่ค่อยพอใช้ เพราะเงินเฟ้อข้าวของแพงตาม ส่วนคนหาเช้ากินค่ำจะเดือดร้อนมากขึ้นคนตกงานไม่ต้องพูดถึงแย่หนักขึ้นในแง่รายได้ไม่มีแล้วรายจ่ายเพิ่มทวีคูณ เดี๋ยวนี้อาการเห็นตึกสูงๆ สิ่งปลูกสร้างใหญ่โตเลิกบ้าเห่อไปแล้วสำหรับเราอย่างดีก็เป็นได้แค่วิวสวยๆ ไว้ถ่ายรูปไม่ได้ซาบซึ้งหลงไหลกับสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้เพราะมันไม่จีรัง ยิ่งโตแบบฟองสบู่ยังไงก็มีวันแตกสักวัน ใครไม่ระวังจะเจ็บตัวมากกว่าพวกระวังตัวเรื่องฟองสบู่ที่จะแตกนี่บอกเล่าจากประสบการณ์ที่เห็นข่าว เคยอ่าน นสพ. ตั้งแต่มัธยม ยิ่งช่วงชาติชายหรือชวน1 ข่าวคราวอ่านไปฝันไปประเทศไทยจะศิวิไลซ์นั่นนี่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเห็นภาพตึกระฟ้าโผล่ขึ้นมากมายแทบทุกอาทิตย์เป็นช่วงที่ทำให้เพ้อเจ้อได้ดีจริงๆ ช่วงนั้น
  • Maha Arai แถมอีกนิด เวลาฟองสบู่แตกทีไรเราชอบไปด่าต่างชาติที่เข้ามาทำให้ฟองสบู่แตกแต่ไม่ค่อยโทษเจ้าหน้าที่ทางการไทยที่ไม่ควบคุมตั้งแต่แรก แล้วก็ชอบไปด่าฝรั่งว่าชอบเข้ามาปล้นความเจริญประเทศไป ก็ทั้งๆ ที่รู้ว่าเข้ามาเก็งกำไรไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศกลับปล่อยปละละเลยเผลอๆ มีส่งเสริมมีหลงฝันไปกับฟองสบู่ที่กำลังโตขึ้น จะโทษใครดีแบบนี้

http://www.facebook.com/maha.arai

------------------------------------------------

เงินนอกทะลักตลาดหุ้นแสนล้าน ตปท.มองไทยเนื้อหอมรองจีน คาดไตรมาส1ดัชนีทะลุ1,500
วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 09:19:13 น.


โบรกชี้เตรียมรับมือเงินนอกทะลักเข้าตลาดหุ้นแสนล้าน ต่างชาติมองไทยร้อนแรงรองแค่จีน แถมราคาถูก คาดไตรมาสแรกดัชนีทะลุ 1,500 จุด

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้ามาต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยสูงกว่า 1 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2548 ที่นักลงุทนต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 1.18 แสนล้านบาท นักลงทุนชาติให้ความสนใจหุ้นไทย เพราะยังถูกกว่าเพื่อนบ้าน

“จากการไปโรดโชว์ในต่างประเทศเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ไม่เคยพบปีไหนที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจหุ้นไทยเท่าปีนี้ ซึ่งต่างชาติมองว่าตลาดหุ้นไทยมีความร้อนแรงอันดับต้นๆ ของภูมิภาค เป็นรองเแค่จีนเท่านั้นและยังมีราคาถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้าน” นายเกษมกล่าว

นายเกษมกล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิแล้วกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท เป็นการซื้อสุทธิต่อเนื่องจากปีก่อนที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิทั้งปีกว่า 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจหุ้นไทย เพราะบริษัทจดทะเบียนไทยมีความแข็งแกร่ง และน่าจะเติบโตได้ประมาณ 16% รัฐบาลมีเสถียรภาพ มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้ดัชนีจะสามารถทะลุ 1,500 จุด ได้ภายในไตรมาสแรก ส่วนความกังวลเกี่ยวกับตลาดหุ้นไทยนั้นมีเพียงปัจจัยเดียวคือสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจเกิดปัญหาในอนาคต

ทั้งนี้ แม้เงินทุนต่างชาติเข้ามาซื้อสุทธิค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่สัดส่วนการถือครองหุ้นประมาณ 36% ยังน้อยกว่าปี 2550 ที่ต่างชาติถือครองหุ้นสัดส่วน 38% ถ้าจะให้นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นเท่าปี 2550 นั้น นักลงทุนต่างชาติต้องเข้าซื้อสุทธิเพิ่มอีก 2 แสนล้านบาท

บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การคงดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และให้มีการซื้อสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเดือนละ 13 ล้านเยน โดยไม่จำกัดเวลานั้น ส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง ซึ่งจะทำให้ไทยมีโอกาสขาดดุลบริการให้กับญี่ปุ่นมากขึ้น จากนักท่องเที่ยวไทยที่จะไปในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นและกระทบต่อภาคส่งออกของไทยที่ส่งยังไปญี่ปุ่น โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยนั้น คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับฐานในระยะสั้น จากความผิดหวังต่อมาตรการณ์ที่ออกมา ซึ่งอาจจะทำให้ดัชนีลดลงมาอยู่ที่ 1,400-1,420 จุด

ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายหุ้นเมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมาว่า ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,439.20 จุด เพิ่มขึ้น 5.11 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 54,399.26 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,488.77 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,395.22 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 803.66 ล้านบาท และบัญชี บล.ขายสุทธิ 897.22 ล้านบาท

(ที่มา:มติชนรายวัน 24 มกราคม 2556)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1358993582&grpid=00&catid=05&subcatid=0502
 
------------------------------------------------
FfF