ถูกใจ 27 กุมภาพันธ์
ถูกใจ 27 กุมภาพันธ์
PCha Kkumpa
ผสมสนับสนุนการสร้างครับ ทุกเรื่องมีความเสี่ยงและยอมรับความเสี่ยงหลังการจัดการมาตรฐานได้ครับ
ผสมสนับสนุนการส
ถูกใจ 27 กุมภาพันธ์
อ้วน รักคุณพ่อคุณแม่
คุณจะแก้ปัญหาวิกฤติพลังงานได้อย่างไรครับ เอาแค่เรื่องไฟฟ้านี่ละ เพราะประเทศต้องโต เศรษฐกิจขยายตัว GDP เพิ่มราวๆ 5% ต่อปี
คุณจะแก้ปัญหาวิ
ถูกใจ 27 กุมภาพันธ์
Maha Arai
“หลังจากที่มีการหารือกันมานาน ก็มีการตกลงกันแล้วว่าจะให้ยุติการใช้พลังงานนิวเคลียร์ตลอดไป” โรเอตต์เกน กล่าวต่อผู้สื่อข่าวภายหลังจากที่มีการเจรจาหารือกันนาน 7 ชั่วโมง จนเวลาล่วงเข้าสู่วันใหม่ที่ห้องทำงานของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล
“การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปด้วยความสอดคล้องต้องกัน, เด็ดขาด และชัดเจน” เขาสำทับ
ทั้งนี้ เยอรมนีมีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งสิ้น 17 เตา โดยจำนวนนี้ 8 เตาอยู่ในสถานะปิดการทำงาน โดยที่ 7 จาก 8 เตาดังกล่าวเป็นเตาปฏิกรณ์ที่ใช้งานมายาวนานที่สุด รัฐบาลได้สั่งปิดเตาเหล่านี้ลงชั่วคราว 3 เดือนเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย หลังจากปัญหาวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะในญี่ปุ่นซึ่งลุกลามมาตั้งแต่ เดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น ได้สร้างกระแสหวาดวิตกอย่างมากในเยอรมนี
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000066084
“หลังจากที่มีกา
“การตัดสินใจครั
ทั้งนี้ เยอรมนีมีเตาปฏิ
http://
บุ๋ม อรวรานันท์
ไม่เป็นรัยค่ะ พม่าจะสร้างแถบๆ ชายแดนไทย ลาวก็ด้วย เด๋วเราซื้อเค้าก็ได้ ^^" มาตรฐานพม่า กะลาว โอเครกว่าไทยคุมเอง เนอะ
ไม่เป็นรัยค่ะ พม่าจะสร้างแถบๆ
ถูกใจ 27 กุมภาพันธ์
Maha Arai
เขียนไว้หลายครั้งแล้ว แค่เลิกให้กฟผ.ผูกขาดชาวบ้านผลิตกระไฟฟาเสรีพลังงานธรรมชาติทั้งลมและแสงแดดบวกความร้อนทุกหมู่บ้านเป้นแนวคิดการกระจายจะสร้างความมั่นคงและมีเหลือเฟือมากกว่าแนวคิดรวบอำนาจหรือรวบทุกสิ่งทุกอย่างไว้ส่วนกลาง แนวคิดล้าหลังหากินกับส่วนแบ่งคอมมิสชั่นไร้วิสัยทัศน์ในโลกยุคใหม่บอกตรงๆ
เขียนไว้หลายครั
อ้วน รักคุณพ่อคุณแม่
ชาวบ้านใช้ไฟปีละ กี่เมกะวัตต์ ในขณะที่โรงงานอุตสาหกรรมต้องใช้ไฟฟ้ากำลัง ห้างสรรพสินค้าเปิดแอร์ทั้งวัน บ้านสมัยใหม่ไม่มีแอร์ก็ไม่ได้ จะเอาโรงไฟฟ้าชุมชนไปตั้งที่ไหน ลำพังในหมู่บ้านเล็กๆพอได้ ในชุมชนเมืองขนาดใหญ่ทำไง
ชาวบ้านใช้ไฟปีล
ถูกใจ 27 กุมภาพันธ์
Maha Arai
การมีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ไว้ในประเทศเยอะๆ ก็ไม่ต่างกับมีระเบิดนิวเคลียรืของข้าศึกมากองไว้รอจุดระเบิดดีๆ นี่เอง ไม่ต้องสร้างฐานยิงจากประเทศข้าศึกหรอกแค่เอาจรวดะรรมดามาถล่มก็ไม่ต่างกันมีความเสี่ยงทั้งในแง่สงครามที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และเสี่ยงจากสารพัดอุบัติเหตุปัจจุบัน ถ้ามันระเบิดและเผาไหม้หมดแถวนั้นก็พอโอเคแต่นี่มันรั่วไหลกระจายและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม
การมีโรงไฟฟ้าพล
อ้วน รักคุณพ่อคุณแม่
ประเทศที่กลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว เขาลดการใช้พลังงานลง เพราะไปเสพทรัพยากรจากการผลิตในโลกที่ 3 เช่น จีน เวียด ไทย ดังนั้นการใช้พลังงานจะไม่เพิ่มเท่าไรนัก
ประเทศที่กลายเป
ถูกใจ 27 กุมภาพันธ์
อ้วน รักคุณพ่อคุณแม่
ญี่ปุ่นก็ต้าน เพราะแผ่นดินไหว แล้วสุดท้ายก็ต้องยอมให้ผลิตต่อ เพราะมันหาอะไรทดแทนไม่ได้ นี่ขนาดญี่ปุ่นเป็นประเทศร่ำรวย ประชากรมีคุณภาพมีการศึกษา ยังทำโซลาร์เซลล์ไม่ได้ คนไทยจะจัดหา จัดซื้อไหวมั๊ย ถ้าไม่เอาโรงไฟฟ้าเพิ่ม จะเอาอะไร
ญี่ปุ่นก็ต้าน เพราะแผ่นดินไหว
Maha Arai
ไม่ต้องพูดถึงถ้านำไปติดบนรถทุกคันจนฮิตมันจะป้อนไฟฟ้าแต่ละบ้านได้ ออกแบบกันดีๆ นิดหน่อยสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริงจังและมีการพัฒนาให้อิตก้ต่อเมื่อถึงวันที่ต้องดิ้นรน และรัฐมนโยบายส่งเสริม ถ้าผมเป็นรัฐบาลและส่งเสริมให้ฟรีภาษีประเคนส่งเสริมแนวที่ว่าทุกรูปแบบเท่าที่มีอยู่พอไปอีก 100ปีแน่นนอน
ไม่ต้องพูดถึงถ้
Maha Arai
เคยทำจริงจังไหม งบ SML ส่งไปให้ทุกปีมันต้องมีสักปีที่ตังผลิต ถ้ามันมีอย่างเพียงพอคนเขาก็ไม่ดิ้นรนก็ถูกต้องพอถึงวันที่ต้องดิ้นรนเดี๋ยวเขาก้จัดการกันเองแหล่ะ ส่วนที่บอกญี่ป่นไม่เพียงพอคนญี่ปุ่นหรือประเทศไหนๆ ก็เหมือนคนไทยถ้ามันยังมีให้ใช้เพียงพอเขาจะไปดิ้นรนติดพลังงานทางเลือกทำไมหล่ะ
เคยทำจริงจังไหม
Maha Arai
การมีโรงไฟฟ้าเกิดปัญหาออะไรเดือดร้อนกระจายวงกว้างแต่ถ้าทุกหมู่บ้านทุกหน่วยงานราชการมีผลิตได้เองมันปลอดภัยระยะยาวไม่ว่าจะยามวิกฤตจากภัยพิบัติหรือสงครามใดๆ เพราะมันไม่ดับตามกันหมดเหมือนมีแต่ดรงงานโดนถล่มดับทั้งบ้านทั้งเมืองไม่อยู่ในสภาพนั้นอาจจินตนาการไม่ออกแต่วันหนึ่งก็อาจเจอได้อย่าคิดว่าไม่เจอฮึมๆ ทั้งในและนอกประเทศกันอยู่แบบนี้
การมีโรงไฟฟ้าเก
Aec Temp
ไม่ต้องห่วงฮะโรงนิวเคลียร์ไม่ได้สร้างในช่วงนี้แน่นอนเพราะพลังงานก๊าซธรรมชาติยังมีใช้ผลิตไฟอีกหลายสิบปี/แต่ต้องสร้างแน่นอนในอนาคตและทุกประเทศด้วยฮะในตอนก๊าซในอ่าวไทยหมดและที่อื่นหมด/น้ำมันนำเข้าราคาแพงจัดทำเป็นไฟฟ้าไม่ได้พลังงานอื่นๆไม่มีมีก็ไม่พอ/ก็เลือกฮะจะเอาจุดเทียนอยู่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าก็ได้ฮิฮิ/ลองไปดูนะฮะของ การไฟฟ้า กราฟไฟฟ้าใช้ก๊าซ70% ถ่านหิน % น้ำน้อยมาก % ลมน้อยสุด% แดดแทบน้อยมาก
ไม่ต้องห่วงฮะโร
Maha Arai
ทีาน้อยมากเพราะต้นทุนยังสูงและมีทางเลือกอื่นตอนนี้วันที่คุณว่าน้ำมันหมดก๊าซหมดพลังงานแสงอาทิตย์จะมาเองเพราะตอนนี้ราคาเริ่มถูกลงและอันเล็กลงสามารถใช้กับแอร์ได้แล้วเรียกว่าต่อไปจะไปแนวนี้หมดดังนั้นเลิกขู่ว่าน้ำมันหมดก๊าซหมดโลกจะทำยังไงหรือต้องไปใช้นิวเคลียร์กันได้แล้ว
ทีาน้อยมากเพราะ
Maha Arai
ดังนั้นมันอยู่ที่วิถีคิดของคน ไม่ได้อยู่ที่ข้อจำกัดพลังงานไปแนวทีาเราว่าจนสิ้นโลกก็มีไฟฟ้าใช้โดยไม่ต้องพึ่งก๊่าซหรือนิวเคลียร์เลยด้วยซ้ำต่อไปทุกห้างและโรงงานนอกจากใช้ไฟของการไฟฟ้าแล้วก็ต้องผลิตไฟเองซึ่งตอนนี้อาจแพงและกลัวไม่คุ้มทุนที่จะทำอนาคตมันจะถูกลงและผลิตไฟฟ้าได้ดีและนานหลายสิลปีตอนนี้ก็เริ่มแล้วแต่ยังไม่ฮิตทำแบบทีาว่าไม่เห็นต้องคิดพึ่งโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ให้เสี่ยงเลยอยู่ที่วิธีคิดมักง่ายหรือมองอนาคตยาวๆ
ดังนั้นมันอยู่ท
Maha Arai
ที่สำคัญไม่มีประเทศไหนปลื้มสินค้าเกษตรจากประเทศที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เยิะๆหรอกรวมไปถึงการท่องเที่ยงตอนนี้อาจมองไม่ออกอนาคตจะแข่งกันเรื่องสุขภาพคนยิ่งมีเงินเขาจะสนใจสุจภาพอันดับแรกๆสินค้าจากประเทศที่ปลอดสารพิษจะได้รับการพิจารณาในอันดับต้นๆ และถ้าเกิดเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีปรัญหาอีกก็จะเกิดกระแสต่อต้านอีกลามไปทั่วโลกอีกมันคุ้มที่ไหนในอนาคตที่จะไปแนวนั้น
ที่สำคัญไม่มีปร
Maha Arai
ญี่ปุ่นเขาประกาศเลิกใน30ปีของใหม่ไม่สร้างเพิ่มของเก่าเกิน40ปีปิดเรียกว่าเตรียมการเลิกใช้เป็นขั้นเป็นตอน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1347434711&grpid=03&catid=03
ญี่ปุ่นเขาประกา
http://www.facebook.com/maha.arai
------------------------------------------------------
|
|
|
------------------------------------------------------
ญี่ปุ่นเตรียมเลิกใช้"พลังงานนิวเคลียร์"ภายใน 30 ปี
วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 16:30:05 น.
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1347434711&grpid=03&catid=03
------------------------------------------------------
« เมื่อ: เม.ย. 19, 07, 09:21:15 »
|
การพยายามแสวงหาพลังงานทางเลือกหรือพลังงานเพื่อมาทดแทนพลังงานจากคาร์บอน ซึ่งนับว่าจะมีราคาสูงขึ้นและมีปริมาณน้อยลง เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ประเทศมหาอำนาจต่างๆ หันไปสนใจสร้างพลังงานนิวเคลียร์ เพื่อนำไปผลิตกระแสไฟฟ้า แต่อีกด้านหนึ่งของเหรียญ จากการใช้ประโยชน์จากนิวเคลียร์ยังคงสร้างความกังวลให้กับผู้ที่เคยประสบกับภัยร้ายแรงของพลังงานอานุภาพสูงนี้ มาแล้ว
ไม่ว่าจะในกรณีของฮิโรชิมาและนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ส่งผลกระทบมาถึงปัจจุบัน รวมทั้งความหวาดหวั่นของนานาประเทศ จากกรณีการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือและอิหร่าน
นอกเหนือจากความกังวลด้านการทหารและความมั่นคงของโลกแล้ว ยังมีเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุในหลายแห่งทั่วโลกที่เป็นบทเรียนให้ประเทศที่ต้องการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ และแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของ บริษัทอิเล็กทริซิเต้ เดอ ฟรอง หรือ EDF ในฝรั่งเศส เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา จะไม่ได้มีความรุนแรงจนน่าเป็นกังวลนัก
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันจันทร์ที่ 9 เม.ย. เมื่อเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ แจ้งว่า เกิดเหตุขัดข้องทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ทางบริษัทจำต้องปิดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 3 ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเขตเดมพิริเย่นั้น เป็นอีกครั้งหนึ่งที่โลกต้องระมัดระวังการใช้ประโยชน์จากพลังงานนี้ เพราะอุบัติเหตุจากนิวเคลียร์ไม่ได้มีเพียงระดับที่เกิดขึ้นครั้งนี้เท่านั้น
หากแต่จากการจัดอันดับตามมาตราวัดเหตุการณ์ที่เกิดจากนิวเคลียร์นานาชาติ หรือที่เรียกว่า INES (international nuclear event scale) ระบุว่า ยังมีความรุนแรงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากนิวเคลียร์อยู่ถึง 7 อันดับ และโลกก็ได้บทเรียนและประสบกับเหตุการณ์ทั้ง 7 อันดับความรุนแรงมาแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อย้อนดูระดับความรุนแรงของเหตุการณ์จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตั้งแต่ระดับที่ 1-7 ที่เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จะพบว่ามีเหตุการณ์รุนแรงที่ยังอยู่ในความทรงจำของหลายคนไม่เคยลืม
เริ่มตั้งแต่ความรุนแรงระดับที่ 7 ที่เกิดขึ้นในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนเบิล ซึ่งนับว่าเป็นระดับที่รุนแรงที่สุด เนื่องจากมีการปล่อยสารกัมมันตภาพรังสีปริมาณมาก ในบริเวณกว้าง และยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
โดยเหตุการณ์เชอร์โนเบิลเกิดเมื่อ 26 เม.ย.2529 ทางตะวันออกของสหภาพโซเวียต (ประเทศยูเครนในปัจจุบัน) เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากเจ้าหน้าที่เดินเครื่องของโรงงานฝ่าฝืนระเบียบการเดินเครื่อง คือ จงใจปลดระบบควบคุมอัตโนมัติ และระบบความปลอดภัยบางส่วนออก เป็นเหตุให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขาดน้ำหล่อเย็น จึงเกิดการระเบิดของไอน้ำที่รุนแรงดันทะลุหม้อปฏิกรณ์และอาคารปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ทำให้สารกัมมันตภาพรังสีแพร่กระจายในวงกว้าง มีผู้เสียชีวิต 31 คน และบาดเจ็บ 203 คนทันที และหลายแสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่แห่งนั้นในทันทีหลังเกิดเหตุการณ์
ผลที่ตามมาหลังเหตุการณ์ได้ทำให้ยูเครน เบลารุส และรัสเซีย ได้รับผลกระทบเรื่องการปนเปื้อนจากสารกัมมันตภาพรังสี ด้านเยอรมนี นอร์เวย์ สวีเดน ออสเตรีย อิตาลี ฝรั่งเศส และอังกฤษ ได้รับผลกระทบจากเมฆกัมมันตภาพรังสี
จนกระทั่งในปี พ.ศ 2539 องค์การอนามัยโลกสรุปผลการศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้น พบว่าอัตราการเกิดโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ในเด็กเพิ่มขึ้นโดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน คาดว่าเป็นผลมาจากการได้รับรังสีเข้าสู่ร่างกาย ทั้งนี้ไม่พบความผิดปกติของการเกิดโรคมะเร็งในเม็ดโลหิตขาว แต่ประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีผลกระทบทางรังสีมีอาการทางประสาทเพิ่มขึ้น เนื่องจากความหวาดกลัวอันตราย แม้ในระยะหลังจะได้รับการฟื้นฟูดูแลให้หมดความวิตกกังวลบ้างแล้วก็ตาม
ส่วนในเหตุการณ์ความรุนแรงระดับ 6 เคยเกิดขึ้นแล้วที่โรงงานสกัดเชื้อเพลิงที่มายัค ในสหภาพโซเวียต (ปัจจุบันอยู่ในประเทศรัสเซีย) เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2500 โดยเกิดจากระบบหล่อเย็นในถังเก็บกากนิวเคลียร์นับหมื่นตันทำงานผิดพลาด ทำให้เกิดระเบิดที่มีความรุนแรงเทียบเท่ากับการระเบิดของระเบิดทีเอ็นทีจำนวน 75 ตัน และส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 200 คน จากการถูกกัมมันตภาพรังสี และอีกกว่าหมื่นคนต้องอพยพจากบ้าน ขณะที่อีก 450,000 คนไม่มีที่กำบังกัมมันตภาพรังสี
การระเบิดครั้งนี้ทำให้ประชาชนในรัสเซียเกิดความวิตกกังวลจากโรคที่เกิดจากกัมมันตภาพรังสีที่ตนไม่เคยพบมาก่อน และจนถึงปัจจุบันรัฐบาลรัสเซียยังประกาศให้ประชาชนที่มีความจำเป็นในการเดินทางผ่านบริเวณนี้ ต้องปิดกระจกให้มิดชิดและห้ามลงจากรถเด็ดขาดไม่ว่าจะในกรณีใด
ส่วนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม พบว่าหลังเหตุการณ์เกิดขึ้นได้มีฝนตกลงมาทำให้ทะเลสาบและแม่น้ำทีช่าปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสี อีกทั้งยังส่งผลให้ลมที่พัดเอาฝุ่นที่ปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีจากก้นทะเลสาบคาราเชย์ไปตกที่เมืองโอเซิร์กอีกทอดหนึ่งด้วย
ด้านความรุนแรงระดับ 5 ได้เกิดขึ้นที่ โรงไฟฟ้าทรีไมล์ ไอซ์แลนด์ ที่ตั้งอยู่ในรัฐ เพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2522 โดยมีสาเหตุจากขาดน้ำหล่อเย็นในแกนเครื่องปฏิกรณ์ ทำให้เชื้อเพลิงหลอมละลาย มีรังสีรั่วไหลออกจากอาคารคลุมปฏิกรณ์สู่ภายนอก แม้รังสีที่รั่วออกมาจะมีปริมาณเล็กน้อยแต่ยังนับว่าเป็นอุบัติเหตุในอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์สหรัฐที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่เหตุการณ์นี้ก็ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์อยู่ไม่น้อย
ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงระดับที่ 4 ได้เกิดขึ้นที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์แซง-โรรอง ในฝรั่งเศส เมื่อปี 2523 ซึ่งต่อมาบริษัทเจ้าของโรงงานได้ออกเปิดเผยถึงสาเหตุว่า เกิดจากความผิดปกติที่แกนเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เครื่องที่ 2 ที่มีรอยแตกรอบอุปกรณ์ fuel charges แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ปล่อยสารรังสีปริมาณเล็กน้อย และไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงมากนัก มีเพียงแต่ผลจากความเสียหายของแกนปฏิกรณ์บางส่วนที่จะกระทบต่อสุขภาพผู้ปฏิบัติงานอย่างเฉียบพลัน
ขณะที่ความรุนแรงระดับที่ 3 ที่เกิดขึ้นในโรงงานสกัดเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ธอร์ปในอังกฤษ เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2548 แม้จะเป็นความรุนแรงในระดับที่มีการปล่อยสารรังสีปริมาณน้อยมาก และประชาชนได้รับรังสีต่ำกว่าปริมาณที่กำหนด ส่วนผู้ปฏิบัติงานกลับได้รับรังสีเกินปริมาณกำหนด
อีกทั้งจากการตรวจสอบภายหลังยังพบข้อมูลเพิ่มเติมระบุว่า มีการรั่วของกัมมันตภาพรังสีกว่า 83,000 ลิตรในถังเก็บจากกล้องวงจรปิด ซึ่งรั่วออกมาตั้งแต่กลางเดือน เม.ย.ในปีเดียวกัน และแม้ว่าจะไม่มีการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพ รังสีไปสู่สิ่งแวดล้อมและไม่มีผู้เสียชีวิต แต่บริษัทบริติชนิวเคลียร์ กรุ๊ป ผู้เป็นเจ้าของโรงงานก็ถูกปรับเป็นเงินกว่า 500,000 ปอนด์
ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงระดับ 2 เกิดขึ้น ในโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟอร์สมาร์ค ประเทศสวีเดน เมื่อ 25 กรกฎาคม 2549 เนื่องจาก เกิดความผิดพลาดในระบบกระแสไฟฟ้าของ เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ซึ่งโชคดีที่ยังสามารถป้องกันความเสียหายไว้ได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้มีการปนเปื้อนของสารกัมมันตภาพรังสีได้ด้วยเช่นกัน
จนมาถึงเหตุการณ์ของความรุนแรงระดับที่ 1 ได้เกิดขึ้นกับบริษัทอิเล็กทริซิเต้ เดอ ฟรองซ์ ในฝรั่งเศส ตามที่กล่าวไปแล้ว
ที่มา - ประชาชาติธุรกิจ

ไม่ว่าจะในกรณีของฮิโรชิมาและนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ส่งผลกระทบมาถึงปัจจุบัน รวมทั้งความหวาดหวั่นของนานาประเทศ จากกรณีการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือและอิหร่าน
นอกเหนือจากความกังวลด้านการทหารและความมั่นคงของโลกแล้ว ยังมีเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุในหลายแห่งทั่วโลกที่เป็นบทเรียนให้ประเทศที่ต้องการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ และแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของ บริษัทอิเล็กทริซิเต้ เดอ ฟรอง หรือ EDF ในฝรั่งเศส เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา จะไม่ได้มีความรุนแรงจนน่าเป็นกังวลนัก
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันจันทร์ที่ 9 เม.ย. เมื่อเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ แจ้งว่า เกิดเหตุขัดข้องทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ทางบริษัทจำต้องปิดเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 3 ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเขตเดมพิริเย่นั้น เป็นอีกครั้งหนึ่งที่โลกต้องระมัดระวังการใช้ประโยชน์จากพลังงานนี้ เพราะอุบัติเหตุจากนิวเคลียร์ไม่ได้มีเพียงระดับที่เกิดขึ้นครั้งนี้เท่านั้น
หากแต่จากการจัดอันดับตามมาตราวัดเหตุการณ์ที่เกิดจากนิวเคลียร์นานาชาติ หรือที่เรียกว่า INES (international nuclear event scale) ระบุว่า ยังมีความรุนแรงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากนิวเคลียร์อยู่ถึง 7 อันดับ และโลกก็ได้บทเรียนและประสบกับเหตุการณ์ทั้ง 7 อันดับความรุนแรงมาแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อย้อนดูระดับความรุนแรงของเหตุการณ์จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตั้งแต่ระดับที่ 1-7 ที่เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จะพบว่ามีเหตุการณ์รุนแรงที่ยังอยู่ในความทรงจำของหลายคนไม่เคยลืม
เริ่มตั้งแต่ความรุนแรงระดับที่ 7 ที่เกิดขึ้นในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนเบิล ซึ่งนับว่าเป็นระดับที่รุนแรงที่สุด เนื่องจากมีการปล่อยสารกัมมันตภาพรังสีปริมาณมาก ในบริเวณกว้าง และยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
โดยเหตุการณ์เชอร์โนเบิลเกิดเมื่อ 26 เม.ย.2529 ทางตะวันออกของสหภาพโซเวียต (ประเทศยูเครนในปัจจุบัน) เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากเจ้าหน้าที่เดินเครื่องของโรงงานฝ่าฝืนระเบียบการเดินเครื่อง คือ จงใจปลดระบบควบคุมอัตโนมัติ และระบบความปลอดภัยบางส่วนออก เป็นเหตุให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขาดน้ำหล่อเย็น จึงเกิดการระเบิดของไอน้ำที่รุนแรงดันทะลุหม้อปฏิกรณ์และอาคารปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ทำให้สารกัมมันตภาพรังสีแพร่กระจายในวงกว้าง มีผู้เสียชีวิต 31 คน และบาดเจ็บ 203 คนทันที และหลายแสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่แห่งนั้นในทันทีหลังเกิดเหตุการณ์
ผลที่ตามมาหลังเหตุการณ์ได้ทำให้ยูเครน เบลารุส และรัสเซีย ได้รับผลกระทบเรื่องการปนเปื้อนจากสารกัมมันตภาพรังสี ด้านเยอรมนี นอร์เวย์ สวีเดน ออสเตรีย อิตาลี ฝรั่งเศส และอังกฤษ ได้รับผลกระทบจากเมฆกัมมันตภาพรังสี

จนกระทั่งในปี พ.ศ 2539 องค์การอนามัยโลกสรุปผลการศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้น พบว่าอัตราการเกิดโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ในเด็กเพิ่มขึ้นโดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน คาดว่าเป็นผลมาจากการได้รับรังสีเข้าสู่ร่างกาย ทั้งนี้ไม่พบความผิดปกติของการเกิดโรคมะเร็งในเม็ดโลหิตขาว แต่ประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีผลกระทบทางรังสีมีอาการทางประสาทเพิ่มขึ้น เนื่องจากความหวาดกลัวอันตราย แม้ในระยะหลังจะได้รับการฟื้นฟูดูแลให้หมดความวิตกกังวลบ้างแล้วก็ตาม
ส่วนในเหตุการณ์ความรุนแรงระดับ 6 เคยเกิดขึ้นแล้วที่โรงงานสกัดเชื้อเพลิงที่มายัค ในสหภาพโซเวียต (ปัจจุบันอยู่ในประเทศรัสเซีย) เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2500 โดยเกิดจากระบบหล่อเย็นในถังเก็บกากนิวเคลียร์นับหมื่นตันทำงานผิดพลาด ทำให้เกิดระเบิดที่มีความรุนแรงเทียบเท่ากับการระเบิดของระเบิดทีเอ็นทีจำนวน 75 ตัน และส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 200 คน จากการถูกกัมมันตภาพรังสี และอีกกว่าหมื่นคนต้องอพยพจากบ้าน ขณะที่อีก 450,000 คนไม่มีที่กำบังกัมมันตภาพรังสี
การระเบิดครั้งนี้ทำให้ประชาชนในรัสเซียเกิดความวิตกกังวลจากโรคที่เกิดจากกัมมันตภาพรังสีที่ตนไม่เคยพบมาก่อน และจนถึงปัจจุบันรัฐบาลรัสเซียยังประกาศให้ประชาชนที่มีความจำเป็นในการเดินทางผ่านบริเวณนี้ ต้องปิดกระจกให้มิดชิดและห้ามลงจากรถเด็ดขาดไม่ว่าจะในกรณีใด
ส่วนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม พบว่าหลังเหตุการณ์เกิดขึ้นได้มีฝนตกลงมาทำให้ทะเลสาบและแม่น้ำทีช่าปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสี อีกทั้งยังส่งผลให้ลมที่พัดเอาฝุ่นที่ปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีจากก้นทะเลสาบคาราเชย์ไปตกที่เมืองโอเซิร์กอีกทอดหนึ่งด้วย
ด้านความรุนแรงระดับ 5 ได้เกิดขึ้นที่ โรงไฟฟ้าทรีไมล์ ไอซ์แลนด์ ที่ตั้งอยู่ในรัฐ เพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2522 โดยมีสาเหตุจากขาดน้ำหล่อเย็นในแกนเครื่องปฏิกรณ์ ทำให้เชื้อเพลิงหลอมละลาย มีรังสีรั่วไหลออกจากอาคารคลุมปฏิกรณ์สู่ภายนอก แม้รังสีที่รั่วออกมาจะมีปริมาณเล็กน้อยแต่ยังนับว่าเป็นอุบัติเหตุในอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์สหรัฐที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่เหตุการณ์นี้ก็ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์อยู่ไม่น้อย
ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงระดับที่ 4 ได้เกิดขึ้นที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์แซง-โรรอง ในฝรั่งเศส เมื่อปี 2523 ซึ่งต่อมาบริษัทเจ้าของโรงงานได้ออกเปิดเผยถึงสาเหตุว่า เกิดจากความผิดปกติที่แกนเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เครื่องที่ 2 ที่มีรอยแตกรอบอุปกรณ์ fuel charges แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ปล่อยสารรังสีปริมาณเล็กน้อย และไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงมากนัก มีเพียงแต่ผลจากความเสียหายของแกนปฏิกรณ์บางส่วนที่จะกระทบต่อสุขภาพผู้ปฏิบัติงานอย่างเฉียบพลัน
ขณะที่ความรุนแรงระดับที่ 3 ที่เกิดขึ้นในโรงงานสกัดเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ธอร์ปในอังกฤษ เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2548 แม้จะเป็นความรุนแรงในระดับที่มีการปล่อยสารรังสีปริมาณน้อยมาก และประชาชนได้รับรังสีต่ำกว่าปริมาณที่กำหนด ส่วนผู้ปฏิบัติงานกลับได้รับรังสีเกินปริมาณกำหนด
อีกทั้งจากการตรวจสอบภายหลังยังพบข้อมูลเพิ่มเติมระบุว่า มีการรั่วของกัมมันตภาพรังสีกว่า 83,000 ลิตรในถังเก็บจากกล้องวงจรปิด ซึ่งรั่วออกมาตั้งแต่กลางเดือน เม.ย.ในปีเดียวกัน และแม้ว่าจะไม่มีการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพ รังสีไปสู่สิ่งแวดล้อมและไม่มีผู้เสียชีวิต แต่บริษัทบริติชนิวเคลียร์ กรุ๊ป ผู้เป็นเจ้าของโรงงานก็ถูกปรับเป็นเงินกว่า 500,000 ปอนด์
ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงระดับ 2 เกิดขึ้น ในโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟอร์สมาร์ค ประเทศสวีเดน เมื่อ 25 กรกฎาคม 2549 เนื่องจาก เกิดความผิดพลาดในระบบกระแสไฟฟ้าของ เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ซึ่งโชคดีที่ยังสามารถป้องกันความเสียหายไว้ได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้มีการปนเปื้อนของสารกัมมันตภาพรังสีได้ด้วยเช่นกัน
จนมาถึงเหตุการณ์ของความรุนแรงระดับที่ 1 ได้เกิดขึ้นกับบริษัทอิเล็กทริซิเต้ เดอ ฟรองซ์ ในฝรั่งเศส ตามที่กล่าวไปแล้ว
ที่มา - ประชาชาติธุรกิจ
http://www.marinerthai.com/forum/index.php?topic=724.0
------------------------------------------------------
FfF