บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


19 มกราคม 2554

<<< ลักษณะม็อบที่จะนำชัยในศึกครั้งนี้ คือม็อบที่มีคนจำนวนมาก กล้าหาญ และไม่ยอมจำนนง่ายๆ >>>

วันนี้ขอเสนอแนวทางการทำม็อบที่จะนำชัยชนะในศึกครั้งนี้
ถึงแม้ว่าระหว่างทางอาจจะมีแพ้ได้อีกหลายๆ ครั้ง
แต่วันไหนเข้าลักษณะอย่างที่ว่าคือ
เป็นม็อบที่มีคนมาร่วมจำนวนมากๆ กล้าหาญ และไม่ยอมจำนนง่ายๆ
ก็จะมั่นใจได้ว่าได้เข้าใกล้ชัยชนะเข้าไปทุกทีแล้ว
ซึ่งปัจจุบัน กรณีทำให้มีคนมาร่วมม็อบจำนวนมากๆ ทำได้สำเร็จแล้ว

เครดิตในครั้งนี้ขอยกให้กับผู้ออกมาเป็นแกนนำและออกมาร่วมชุมนุม
ตั้งแต่ 19 กันยา 49 มาเลยซึ่งมีหลายๆ กลุ่ม หลายๆ ชื่อ
ที่ทำให้เกิดพัฒนาการมาจนถึงวันนี้ ขอยกตัวอย่างเช่น
กลุ่ม 19 กันยา กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ
กลุ่มนปก. นปช. สามเกลอ แดงสยาม แดงทั้งแผ่นดิน
หรือแม้แต่ทักษิณก็มีส่วนสำคัญในการดึงดูดผู้คนมาร่วมมากมาย
และล่าสุดกำลังมีแนวโน้มเป็นแบบไม่จำเป็นต้องมีแกนนำก็ชุมนุมกันได้
ซึ่งการมีคนมาร่วมมากๆ วันนี้ก็ต้องยกความดีให้กับทุกๆ คน ทุกๆ กลุ่ม
ตั้งแต่เริ่มก่อร่างสร้างกลุ่มกันขึ้นมา จากเก้าอี้ตัวเดียวกลางสนามหลวง
ที่มีคนฟังไม่กี่คนจนมีคนมาร่วมชุมนุมมากมายอย่างที่เห็นทุกวันนี้
เรียกว่า เรื่องจำนวนคนมากๆ ถือว่าสอบผ่านแล้ว
แต่ถ้ามากันได้มากๆ กว่านี้ ก็จะยิ่งมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

ตอนนี้ที่ยังน่าห่วงคือเรื่องความกล้าหาญและการไม่ยอมจำนนง่ายๆ
จะว่าไปแล้วถ้าเป็นลักษณะดันกับตำรวจมีคนกล้าเป็นหมื่นๆ คนแล้วขณะนี้
และการไม่ยอมจำนนง่ายๆ ในกรณีออกมาแสดงพลังตามม็อบต่างๆ
ก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียวแต่ยังไม่ทำให้มั่นใจได้ว่า
พอถึงวันแตกหักจะมีคนมากมายแบบเดิมหรือไม่
เพราะวันแตกหักจะมีทั้งเสียงปืนระเบิดอะไรดังเต็มไปหมด
เหมือนในสมรภูมิรบกลางกรุงที่ผมได้ประสบพบมาและเล่าเรื่องราวเก็บไว้ที่นี่

<<< ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้อยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบกลางกรุง >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2010/04/blog-post_11.html

จากเหตุการณ์ที่แยกคอกวัวที่ผมไปประสบมาด้วยตนเอง
ผมเห็นม็อบต้นแบบในการเอาชนะศึกครั้งนี้ที่นี่

ความกล้าหาญและการไม่ยอมจำนนง่ายๆ ในวันแตกหัก
เป็นสิ่งจำเป็นมากๆ พอๆ กับจำนวนคนมากๆ
ความกล้าหาญนั้นบางคนอาจกล้าไปอยู่แถวหน้าเลย
บางคนกล้าเอาเครื่องทุ่นแรงไปลุยด้วย
แต่บางคนอาจแค่กล้าไม่หนีไปจากบริเวณนั้น
ซึ่งตอนนั้นเราก็กล้าลักษณะที่สามคือไม่หนีไปจากบริเวณนั้น
ซึ่งบางทีอาจดูเหมือนไม่มีอะไรกับการไม่หนีไปจากบริเวณนั้น
แต่จริงๆ มันเป็นขวัญกำลังใจให้คนที่อยู่แนวหน้าไม่ถอดใจง่ายๆ
จนต้องหนีแตกกระเจิงตามไปด้วย ซึ่งวันนั้นนอกจากชุดแรกที่หลบหนีไปก่อน
ชุดที่เหลือยังปักหลักนิ่ง คอยให้กำลังใจอยู่ไม่ห่างแถวๆ แยกนั้น
ลองนึกสภาพผู้คนวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทางเพื่อเอาตัวรอด
คนที่กล้าสู้เขาจะขวัญเสีย หมดกำลังใจ หรือว่าว้าเหว่ยังไง
คนเราเวลาอยู่คนเดียวอาจไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่
แต่เวลาอยู่รวมกลุ่มคนมากๆ ความกล้าก็มากขึ้น มากขึ้นตามจำนวนผู้คน
ระหว่างคนแค่ไม่กี่ร้อยคนกับเป็นแสนคนคุณจะรู้ได้เองว่า
ความกล้าในตัวคุณจะเพิ่มมหาศาลขนาดไหน
เมื่อบวกกับสถานการณ์คุณอาจกล้าวิ่งตามฝูงชนเข้าหากระบอกปืนก็ได้

เหมือนที่ผมเคยเล่าเรื่องกวางล้านตัวกับสิงโตไม่กี่ตัว
ถามใครว่าเจอกันใครจะเป็นฝ่ายวิ่งหนี
ปรากฏว่าตอบผิดกันส่วนมากเพราะไปตอบว่าสิงโตวิ่งหนี
จริงๆ คือกวางวิ่งหนี เพราะกวางมันคิดไม่เป็นว่า
มันมีพวกมากขนาดนั้นแค่ยืนเฉยๆ สิงโตก็ขาสั่นไม่กล้าเข้าใกล้แล้ว
ถ้ากวางทุกตัวพร้อมใจวิ่งเข้าใส่ สิงโตพวกนั้นวิ่งหนีป่าราบแน่ๆ
แต่กวางก็เป็นกวางอยู่ดี ที่เกิดมาเพื่อถูกล่าก็คิดยอมจำนนถูกล่าทุกครั้ง
เจอสิงโตวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตอย่างเดียว ไม่คิดที่จะต่อสู้ ผิดกับคน
คนทั่วไปถึงตอบเรื่องนี้ไม่ค่อยถูกเพราะใช้ความรู้สึกคนมาตอบแทนกวาง

นอกจากความกล้าพอที่จะอยู่ร่วมเผชิญชะตากรรมกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์แล้ว
ยังอาจช่วยเป็นหูเป็นตาคอยระวังหลังให้ด้วยก็จะยิ่งดี
เพราะจะได้ไม่เกิดลักษณะห่วงหน้าพะวงหลัง
หรือเกิดขวัญเสียจนทำให้แนวหน้าต้องเสียขบวน
จากเหตุการณ์ที่แยกคอกวัวก็มีเหตุการณ์ที่ว่าเหมือนกัน
คือข้างหน้าห่างไปไม่กี่สิบก้าว มีการยิงกันตลอดเวลา
ข้างหลังกับมีการชุลมุน กล่าวหากันจนจะเกิดเหตุบานปลาย
ดีที่ว่ารีบๆ เคลียร์กัน เพื่อให้จบๆ ไปจะได้ระวังแต่หน้าอย่างเดียว
เรื่องนี้ก็ต้องระวังอาจเกิดในอนาคตอีกก็จะได้รีบแก้ปัญหาให้จบไวไว
อย่าให้เกิดลักษณะห่วงหน้าพะวงหลัง จนเสียขบวนกันไปหมด

การยอมจำนนง่ายๆ ก็คือการพร้อมหมอบ พร้อมนั่ง
พร้อมยอมมอบตัว หรือ พร้อมหลบในวัด
อะไรพวกนี้คือการยอมจำนนง่ายๆ
วันนั้นมีแกนนำย่อยมาถึงสั่งให้ทุกคนนั่งบริเวณสี่แยกคอกวัว
ท่ามกลางเสียงปืนยังดังไม่หยุด จะบ้าตายเอาคนไม่รู้เรื่องมาสั่ง
แต่ไม่มีใครบ้าทำตาม การพร้อมนั่งพร้อมหมอบ
พวกนั้นมีปืนไม่กี่กระบอกสามารถคุมคนเป็นพันเป็นหมื่นได้
ใครโผล่หัวยิง หรือไล่กระทืบเป็นคนๆ ได้ง่ายๆ เหมือนในอดีตหลายๆ เหตุการณ์
แต่การยืนพร้อมสู้ พร้อมหลบ พร้อมหนี พร้อมวิ่งเข้าใส่ พร้อมแย่งปืน
จะเห็นได้ว่าทำได้หลายอย่าง เขาจะกลัวไม่กล้าเข้าใกล้มากด้วยซ้ำ
ผิดกับการสู้ไปหมอบไปเขาจะกล้าและควบคุมคนได้ง่ายดีแบบสบายๆ
ส่วนการพร้อมหลบในวัด พร้อมมอบตัว ถ้ามีความพร้อมแบบนั้น
ต่อให้มีมวลชนเป็น 10 ล้านคนก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลยในการต่อสู้วันแตกหัก
แต่การไม่ยอมมอบตัว ไม่ยอมหมอบ แค่ยืนเคียงข้างเพื่อนๆ ที่เขาสู้ขาดใจ
แค่นี้ก็ช่วยให้เพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์มีพลังในการต่อสู้มากมาย
เผลอๆ เกิดอารมณ์ร่วมเข้าแจมกับเพื่อนๆ ที่กล้าสู้อีกด้วย
และถ้ามีแบบนี้หลายหมื่นหลายแสนคน ลองหลับตานึกสภาพดูว่า
มันแตกต่างจากการมีพวกพร้อมหมอบพร้อมมอบตัวเยอะๆ เป็น 10 ล้านคนไหม

ดังนั้นลักษณะม็อบที่จะนำชัยในศึกครั้งนี้
จะต้องเป็นม็อบลักษณะที่มีคนจำนวนมากๆ
มีความกล้าหาญ แม้ไม่กล้าลุยก็ไม่ขอวิ่งหนีทิ้งเพื่อนให้เสียขวัญกำลังใจ
พร้อมทั้งไม่ยอมจำนน ไม่ยอมหมอบ ไม่ยอมมอบตัวง่ายๆ ด้วย
ฉะนั้นการทำม็อบก็ต้องทำให้เข้าลักษณะที่ว่าให้ได้
ไม่ใช่พยายามทำให้พร้อมทำตามแกนนำสั่งทุกประการ
ซึ่งแกนนำไม่มีใครกล้าพอที่จะนำลุยในสถานการณ์นั้นๆ
แต่เขาจะหลอกเจรจากับแกนนำยามที่เขาเพลี่ยงพล้ำ
เพื่อปรับยุทธวิธีเข้ามาจัดการเหมือนที่เกิดวันที่ 10 เมษา
แล้วมาปรับเเปลี่ยนยุทธวิธีจัดการจนสำเร็จในวันที่ 19 พฤษภา

การเจรจาใดๆ จะต้องทำก่อนวันแตกหักแล้วเท่านั้น
วันแตกหักไม่ควรมีการเจรจาต่อรองใดๆ อีกเลย
เพื่อไม่ให้มีการใช้วิธีแบบที่ว่าอีก
ก่อนถึงวันแตกหัก ฝ่ายผู้มีอำนาจจะมีทางเลือกมากมายให้เลือกเดิน
แล้วแต่ว่าเขาจะเลือกเดินเส้นทางไหน
แต่ถ้าถึงวันแตกหักถ้าเขาแพ้ เขาจะไม่มีโอกาสได้เลือกเส้นทางเดินเองอีกเลย
คนที่จะขีดเส้นทางให้พวกเขาก็คือ ฝูงชนที่ร่วมกันสู้ศึกจนชนะในศึกครั้งนั้น

โดย มาหาอะไร
FfF