วันนี้ขอเสนอแนวทางการทำม็อบที่จะนำชัยชนะในศึกครั้งนี้
ถึงแม้ว่าระหว่างทางอาจจะมีแพ้ได้อีกหลายๆ ครั้ง
แต่วันไหนเข้าลักษณะอย่างที่ว่าคือ
เป็นม็อบที่มีคนมาร่วมจำนวนมากๆ กล้าหาญ และไม่ยอมจำนนง่ายๆ
ก็จะมั่นใจได้ว่าได้เข้าใกล้ชัยชนะเข้าไปทุกทีแล้ว
ซึ่งปัจจุบัน กรณีทำให้มีคนมาร่วมม็อบจำนวนมากๆ ทำได้สำเร็จแล้ว
เครดิตในครั้งนี้ขอยกให้กับผู้ออกมาเป็นแกนนำและออกมาร่วมชุมนุม
ตั้งแต่ 19 กันยา 49 มาเลยซึ่งมีหลายๆ กลุ่ม หลายๆ ชื่อ
ที่ทำให้เกิดพัฒนาการมาจนถึงวันนี้ ขอยกตัวอย่างเช่น
กลุ่ม 19 กันยา กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ
กลุ่มนปก. นปช. สามเกลอ แดงสยาม แดงทั้งแผ่นดิน
หรือแม้แต่ทักษิณก็มีส่วนสำคัญในการดึงดูดผู้คนมาร่วมมากมาย
และล่าสุดกำลังมีแนวโน้มเป็นแบบไม่จำเป็นต้องมีแกนนำก็ชุมนุมกันได้
ซึ่งการมีคนมาร่วมมากๆ วันนี้ก็ต้องยกความดีให้กับทุกๆ คน ทุกๆ กลุ่ม
ตั้งแต่เริ่มก่อร่างสร้างกลุ่มกันขึ้นมา จากเก้าอี้ตัวเดียวกลางสนามหลวง
ที่มีคนฟังไม่กี่คนจนมีคนมาร่วมชุมนุมมากมายอย่างที่เห็นทุกวันนี้
เรียกว่า เรื่องจำนวนคนมากๆ ถือว่าสอบผ่านแล้ว
แต่ถ้ามากันได้มากๆ กว่านี้ ก็จะยิ่งมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้ที่ยังน่าห่วงคือเรื่องความกล้าหาญและการไม่ยอมจำนนง่ายๆ
จะว่าไปแล้วถ้าเป็นลักษณะดันกับตำรวจมีคนกล้าเป็นหมื่นๆ คนแล้วขณะนี้
และการไม่ยอมจำนนง่ายๆ ในกรณีออกมาแสดงพลังตามม็อบต่างๆ
ก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียวแต่ยังไม่ทำให้มั่นใจได้ว่า
พอถึงวันแตกหักจะมีคนมากมายแบบเดิมหรือไม่
เพราะวันแตกหักจะมีทั้งเสียงปืนระเบิดอะไรดังเต็มไปหมด
เหมือนในสมรภูมิรบกลางกรุงที่ผมได้ประสบพบมาและเล่าเรื่องราวเก็บไว้ที่นี่
<<< ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้อยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบกลางกรุง >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2010/04/blog-post_11.html
จากเหตุการณ์ที่แยกคอกวัวที่ผมไปประสบมาด้วยตนเอง
ผมเห็นม็อบต้นแบบในการเอาชนะศึกครั้งนี้ที่นี่
ความกล้าหาญและการไม่ยอมจำนนง่ายๆ ในวันแตกหัก
เป็นสิ่งจำเป็นมากๆ พอๆ กับจำนวนคนมากๆ
ความกล้าหาญนั้นบางคนอาจกล้าไปอยู่แถวหน้าเลย
บางคนกล้าเอาเครื่องทุ่นแรงไปลุยด้วย
แต่บางคนอาจแค่กล้าไม่หนีไปจากบริเวณนั้น
ซึ่งตอนนั้นเราก็กล้าลักษณะที่สามคือไม่หนีไปจากบริเวณนั้น
ซึ่งบางทีอาจดูเหมือนไม่มีอะไรกับการไม่หนีไปจากบริเวณนั้น
แต่จริงๆ มันเป็นขวัญกำลังใจให้คนที่อยู่แนวหน้าไม่ถอดใจง่ายๆ
จนต้องหนีแตกกระเจิงตามไปด้วย ซึ่งวันนั้นนอกจากชุดแรกที่หลบหนีไปก่อน
ชุดที่เหลือยังปักหลักนิ่ง คอยให้กำลังใจอยู่ไม่ห่างแถวๆ แยกนั้น
ลองนึกสภาพผู้คนวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทางเพื่อเอาตัวรอด
คนที่กล้าสู้เขาจะขวัญเสีย หมดกำลังใจ หรือว่าว้าเหว่ยังไง
คนเราเวลาอยู่คนเดียวอาจไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่
แต่เวลาอยู่รวมกลุ่มคนมากๆ ความกล้าก็มากขึ้น มากขึ้นตามจำนวนผู้คน
ระหว่างคนแค่ไม่กี่ร้อยคนกับเป็นแสนคนคุณจะรู้ได้เองว่า
ความกล้าในตัวคุณจะเพิ่มมหาศาลขนาดไหน
เมื่อบวกกับสถานการณ์คุณอาจกล้าวิ่งตามฝูงชนเข้าหากระบอกปืนก็ได้
เหมือนที่ผมเคยเล่าเรื่องกวางล้านตัวกับสิงโตไม่กี่ตัว
ถามใครว่าเจอกันใครจะเป็นฝ่ายวิ่งหนี
ปรากฏว่าตอบผิดกันส่วนมากเพราะไปตอบว่าสิงโตวิ่งหนี
จริงๆ คือกวางวิ่งหนี เพราะกวางมันคิดไม่เป็นว่า
มันมีพวกมากขนาดนั้นแค่ยืนเฉยๆ สิงโตก็ขาสั่นไม่กล้าเข้าใกล้แล้ว
ถ้ากวางทุกตัวพร้อมใจวิ่งเข้าใส่ สิงโตพวกนั้นวิ่งหนีป่าราบแน่ๆ
แต่กวางก็เป็นกวางอยู่ดี ที่เกิดมาเพื่อถูกล่าก็คิดยอมจำนนถูกล่าทุกครั้ง
เจอสิงโตวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตอย่างเดียว ไม่คิดที่จะต่อสู้ ผิดกับคน
คนทั่วไปถึงตอบเรื่องนี้ไม่ค่อยถูกเพราะใช้ความรู้สึกคนมาตอบแทนกวาง
นอกจากความกล้าพอที่จะอยู่ร่วมเผชิญชะตากรรมกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์แล้ว
ยังอาจช่วยเป็นหูเป็นตาคอยระวังหลังให้ด้วยก็จะยิ่งดี
เพราะจะได้ไม่เกิดลักษณะห่วงหน้าพะวงหลัง
หรือเกิดขวัญเสียจนทำให้แนวหน้าต้องเสียขบวน
จากเหตุการณ์ที่แยกคอกวัวก็มีเหตุการณ์ที่ว่าเหมือนกัน
คือข้างหน้าห่างไปไม่กี่สิบก้าว มีการยิงกันตลอดเวลา
ข้างหลังกับมีการชุลมุน กล่าวหากันจนจะเกิดเหตุบานปลาย
ดีที่ว่ารีบๆ เคลียร์กัน เพื่อให้จบๆ ไปจะได้ระวังแต่หน้าอย่างเดียว
เรื่องนี้ก็ต้องระวังอาจเกิดในอนาคตอีกก็จะได้รีบแก้ปัญหาให้จบไวไว
อย่าให้เกิดลักษณะห่วงหน้าพะวงหลัง จนเสียขบวนกันไปหมด
การยอมจำนนง่ายๆ ก็คือการพร้อมหมอบ พร้อมนั่ง
พร้อมยอมมอบตัว หรือ พร้อมหลบในวัด
อะไรพวกนี้คือการยอมจำนนง่ายๆ
วันนั้นมีแกนนำย่อยมาถึงสั่งให้ทุกคนนั่งบริเวณสี่แยกคอกวัว
ท่ามกลางเสียงปืนยังดังไม่หยุด จะบ้าตายเอาคนไม่รู้เรื่องมาสั่ง
แต่ไม่มีใครบ้าทำตาม การพร้อมนั่งพร้อมหมอบ
พวกนั้นมีปืนไม่กี่กระบอกสามารถคุมคนเป็นพันเป็นหมื่นได้
ใครโผล่หัวยิง หรือไล่กระทืบเป็นคนๆ ได้ง่ายๆ เหมือนในอดีตหลายๆ เหตุการณ์
แต่การยืนพร้อมสู้ พร้อมหลบ พร้อมหนี พร้อมวิ่งเข้าใส่ พร้อมแย่งปืน
จะเห็นได้ว่าทำได้หลายอย่าง เขาจะกลัวไม่กล้าเข้าใกล้มากด้วยซ้ำ
ผิดกับการสู้ไปหมอบไปเขาจะกล้าและควบคุมคนได้ง่ายดีแบบสบายๆ
ส่วนการพร้อมหลบในวัด พร้อมมอบตัว ถ้ามีความพร้อมแบบนั้น
ต่อให้มีมวลชนเป็น 10 ล้านคนก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลยในการต่อสู้วันแตกหัก
แต่การไม่ยอมมอบตัว ไม่ยอมหมอบ แค่ยืนเคียงข้างเพื่อนๆ ที่เขาสู้ขาดใจ
แค่นี้ก็ช่วยให้เพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์มีพลังในการต่อสู้มากมาย
เผลอๆ เกิดอารมณ์ร่วมเข้าแจมกับเพื่อนๆ ที่กล้าสู้อีกด้วย
และถ้ามีแบบนี้หลายหมื่นหลายแสนคน ลองหลับตานึกสภาพดูว่า
มันแตกต่างจากการมีพวกพร้อมหมอบพร้อมมอบตัวเยอะๆ เป็น 10 ล้านคนไหม
ดังนั้นลักษณะม็อบที่จะนำชัยในศึกครั้งนี้
จะต้องเป็นม็อบลักษณะที่มีคนจำนวนมากๆ
มีความกล้าหาญ แม้ไม่กล้าลุยก็ไม่ขอวิ่งหนีทิ้งเพื่อนให้เสียขวัญกำลังใจ
พร้อมทั้งไม่ยอมจำนน ไม่ยอมหมอบ ไม่ยอมมอบตัวง่ายๆ ด้วย
ฉะนั้นการทำม็อบก็ต้องทำให้เข้าลักษณะที่ว่าให้ได้
ไม่ใช่พยายามทำให้พร้อมทำตามแกนนำสั่งทุกประการ
ซึ่งแกนนำไม่มีใครกล้าพอที่จะนำลุยในสถานการณ์นั้นๆ
แต่เขาจะหลอกเจรจากับแกนนำยามที่เขาเพลี่ยงพล้ำ
เพื่อปรับยุทธวิธีเข้ามาจัดการเหมือนที่เกิดวันที่ 10 เมษา
แล้วมาปรับเเปลี่ยนยุทธวิธีจัดการจนสำเร็จในวันที่ 19 พฤษภา
การเจรจาใดๆ จะต้องทำก่อนวันแตกหักแล้วเท่านั้น
วันแตกหักไม่ควรมีการเจรจาต่อรองใดๆ อีกเลย
เพื่อไม่ให้มีการใช้วิธีแบบที่ว่าอีก
ก่อนถึงวันแตกหัก ฝ่ายผู้มีอำนาจจะมีทางเลือกมากมายให้เลือกเดิน
แล้วแต่ว่าเขาจะเลือกเดินเส้นทางไหน
แต่ถ้าถึงวันแตกหักถ้าเขาแพ้ เขาจะไม่มีโอกาสได้เลือกเส้นทางเดินเองอีกเลย
คนที่จะขีดเส้นทางให้พวกเขาก็คือ ฝูงชนที่ร่วมกันสู้ศึกจนชนะในศึกครั้งนั้น
โดย มาหาอะไร
FfF
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.