ถ้าท่านสามารถต่อสู้จนชนะใจตนเองได้
ก็เท่ากับท่านมีชัยไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการจะต่อสู้กับศัตรู
ถ้าท่านสู้กับใจตนเองจนชนะ
จนเลิกกลัวศัตรูและปลุกใจให้ลุกขึ้นสู้กับศัตรู
แค่นี้ก็เท่ากับท่านชนะไปเกินครึ่งแล้ว
แต่ถ้ายังไม่กล้าสู้กับศัตรู ก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่สู้แล้ว
อีกตัวอย่างหนึ่งของการต่อสู้กับใจตนเอง
คือการต่อสู้กับใจตนเองให้หลุดพ้นจากการเป็นทาส
หรือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในใจที่เคยนับถือ
ถ้าเอาชนะใจตนเองเลิกทำตัวเป็นทาสได้
ก็จะหลุดพ้นจากความรู้สึกว่าเป็นทาสในทันที
หรือแค่เปลี่ยนใจเลิกนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในใจได้
ก็หลุดพ้นจากการครอบงำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ที่เคยศรัทธามาก่อน
จะเห็นได้ว่า แค่เอาชนะใจตนเองได้
ท่านก็สามารถเอาชนะสิ่งต่างๆ ได้มากมาย
หรือยกระดับจจิตใจากการรู้สึกเป็นแค่ไพร่ เป็นแค่ทาส
กลายเป็นคนเหมือนกันมีสิทธิมีเสียงเท่าเทียมกัน
ยิ่งถ้าวันไหนกล้าตรวจสอบผู้มีอำนาจทุกระดับได้ด้วย
วันนั้นท่านก็จะรับรู้ได้เองว่า
ความเป็นคนเหมือนกันนั้น เป็นอย่างไร
ทั้งๆ ที่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก
แต่พบว่าคนอีกหลายร้อยล้านพันล้านคนบนโลกใบนี้
กลับไม่สามารถเอาชนะใจตนเองได้
ถ้าแค่สู้กับใจตนเองยังไม่สามารถเอาชนะได้เลย
ก็อย่าคิดที่จะไปสู้อะไรกับใครเลย
อันที่จริงจะว่าไปแล้ว
สามารถทำให้คนสู้กับใจตนเองได้ทุกคน
แต่อาจไม่มีคนชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง
หรือบอกว่าทำไมต้องเอาชนะใจตนเองในเรื่องนั้นเรื่องนี้
หรือว่ามีประโยชน์อะไรที่จะเอาชนะใจตนเอง
คนที่สามารถเอาชนะใจตนเองได้แล้ว
ก็ควรทำตัวเป็นพี่เลี้ยงคอยแนะนำชี้แนวทาง
หรือทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
เพื่อให้คนทั่วไปเอาชนะใจตนเองให้ได้มากขึ้น
ขอแค่เขาชนะใจตนเองได้
เรื่องอื่นๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากแล้ว
แต่ถ้าใจตนเองยังเอาชนะไม่ได้
ก็ป่วยการที่จะไปทำอะไรต่อ
สมมุติถ้าเราจะหามวลชนเพิ่มจากเรื่องภาวะเศรษฐกิจ
แล้วเราโจมตีรัฐบาลชุดนี้แล้วชูพวกที่เราเชียร์ว่าน่าจะทำได้ดีกว่า
ผมว่ามันเป็นวิธีหาเสียงของนักการเมืองมากกว่า
มันน่าให้นักการเมืองเขาไปหาเสียงกันเอาเอง
มันไม่น่าจะเป็นเรื่องของม็อบเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริงอะไร
เพราะจะไม่ได้คนที่มาร่วมต่อสู้แบบมีอุดมการณ์ด้วยกัน
มันเป็นแค่เรื่องฉาบฉวยเฉพาะหน้าสำหรับหาเสียงเท่านั้นเอง
ควรจะเน้นให้เขาเอาชนะใจตนเองให้ได้
ทำให้เขารู้สึกว่าประชาชนอย่างเขาคือผู้ยิ่งใหญ่
ทุกคนเกิดมามีสิทธิเท่าเทียมกันทุกคน
ต้องกล้าที่จะวิพากวิจารณ์ตรวจสอบการทำงานของผู้มีอำนาจ
ถึงแม้จะเป็นพวกเดียวกันที่เลือกมากับมือเพื่อให้เป็นรัฐบาลก็ตาม
ถ้าเขาเป็นเสรีชนได้เมื่อไหร่
เรื่องหาคนมารับใช้บริหารเศรษฐกิจให้ดีขึ้นก็เป็นเรื่องไม่ยาก
เพราะเสรีชนจำนวนมากๆ จะคอยตรวจสอบชี้แนะหรือคัดสรร
ผู้ที่จะมาทำหน้าที่บริหารประเทศ บริหารเศรษฐกิจต่างๆ ที่ดีได้
การช่วยกันตรวจสอบก็เพื่อให้รัฐบาลอยู่ในร่องในรอย
เพื่อช่วยลดเรื่องที่จะทำผิดพลาดได้อีกด้วย
เพราะความที่แต่ละคนมีความเป็นเสรีชน
กล้าเสนอแนะ กล้าติเตียน กับผู้มีอำนาจ
ผู้มีอำนาจก็จะทำงานไปในแนวทางที่ถูกต้องตามที่หวังไว้
ยิ่งถ้ามีเสรีชนเยอะๆ แนวทางมันจะถูกต้องเองโดยธรรมชาติ
ขอแค่เอาชนะใจตนเองให้ได้ กล้าที่จะลุกขึ้นสู้
เพื่อให้ได้โครงสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง จริงๆ
ซึ่งจะทำให้เขามีสิทธิมีเสียงตรวจสอบชี้แนะผู้มีอำนาจได้ทุกระดับ
ไม่รู้สึกเป็นไพร่ ทาส หรือยอมจำนนใดๆ อีกต่อไป
พร้อมลุกขึ้นสู้เพื่อสิทธิอันยิ่งใหญ่ของประชาชนเช่นพวกเขาตลอดไป
ทำได้อย่างนี้แล้วประชาธิปไตยที่แท้จริงก็อยู่แค่เอือม
คนที่มีอุดมการณ์สู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงก็จะมีมากขึ้น
ขอเพียงชี้แนะให้เขารับรู้ว่า
ประชาธิปไตยที่แท้จริง จริงๆ เท่านั้น
ที่จะนำความยิ่งใหญ่มาสู่ประชาชนอย่างพวกเขาได้
นี่คือแนวทางที่จะสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง
จะต้องเริ่มด้วยการสร้างเสรีชนจำนวนมากๆ
เพื่อจะได้มาร่วมด้วยช่วยกันค้ำยัน
โครงสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงเอาไว้ให้ได้
และร่วมกันสกัดกั้นสิ่งกีดขวาง
ที่ทำให้ไม่เกิดประชาธิปไตยที่แท้จริง จริงๆ ให้ได้
หรือช่วยกันต่อสู้เรียกร้องให้ได้มาจนสำเร็จ
นี่เป็นแนวทางที่ยั่งยืน ไปได้ตลอดกาล
ไม่ใช่แค่ปลุกเพื่อสู้อะไรเฉพาะกิจไปวันๆ
เสี่ยงตายกันทั้งที ควรสร้างรากฐานให้แข็งแกร่งในทีเดียวไปเลย
มันไม่ยากเลยที่จะปลุกให้ทุกคนสู้เพื่อให้ตนเองยิ่งใหญ่ขึ้น
แค่แนะนำให้เขาชนะใจตนเองให้ได้เท่านั้นเอง
ถ้าวันไหนเขาชนะใจตนเองได้
เขาจะล้ำหน้ามากกว่าคนอีกหลายร้อยล้านพันล้านคน
ที่ยังไม่สามารถเอาชนะใจตนเองได้ในเวลานี้
ตัวอย่างบุคคลที่ยิ่งใหญ่ ที่สามารถเอาชนะใจตนเองได้สำเร็จ
และถ่ายทอดแนวทางสู่มวลมหาชนได้สำเร็จ
<<< อัมเบดการ์ ผู้นำในการต่อต้านอวตาร >>>
โดย มาหาอะไร
FfF