บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


11 เมษายน 2554

<<< การชุมนุมครบรอบ 1 ปี กระชับพื้นที่หฤโหดที่แยกคอกวัวและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย >>>

10 เมษายน 2554 วันนี้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว
มีเหตุการณ์มากมายที่ใครหลายๆ คน
คงจะจดจำไปไม่ลืมตลอดชีวิต
หนึ่งในนั้นคงมีผมร่วมอยู่ด้วย
เพราะได้มาประสบกับเหตุการณ์การกระชับพื้นที่หฤโหด
จนบานปลายกลายเป็นสงครามย่อยๆ กลางกรุงด้วยตนเอง
ณ วันนั้นมีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่นี่มากมาย
มีทั้งการบาดเจ็บล้มตายและวีรกรรมความกล้าหาญ
ผมได้บันทึกเรื่องราว ณ วันนั้นเก็บเอาไว้
เพื่อเป็นตำนานการต่อสู้ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้
และกันการบิดเบือนในอนาคต
โดยบันทึกเก็บไว้ที่เรื่องนี้

<<< ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้อยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบกลางกรุง >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2010/04/blog-post_11.html

ถือเป็นบันทึกแห่งความภาคภูมิใจเรื่องหนึ่งของผมเลยทีเดียว
วีรกรรมหลายๆ เรื่องในอดีตที่คนปัจจุบันได้รับรู้
ก็เกิดจากการบันทึกเก็บเอาไว้ของคนรุ่นนั้นๆ นั่นเอง

วันนี้ผมไปถึงที่นั่นก็เวลาบ่ายแก่ๆ
โดยไปพบพี่ที่ชวนให้มาคุยเรื่องเกี่ยวกับการทำเว็บ
ตอนแรกกะไปปฏิเสธ เพราะเห็นว่ามีเว็บมากมายอยู่แล้ว
แถมมีกฏหมายกำลังออกมาบังคับเข้มงวดมากขึ้น
และยังมีคนโดนเล่นเพราะไปทำเว็บ นปช. USA มาแล้ว
แต่ไปถึงพี่เขาถามเทคนิคทั่วๆ ไปก็เลยโล่งอก
แถมยังไปเจอพี่ๆ ที่เขานัดมาเจอกันเรื่องอื่น
ก็เลยชวนคุยเรื่องการเมืองกันพอหอมปากหอมคอ
แล้วก็แยกย้ายไปร่วมม็อบ ผมกะไปดูบรรยากาศเวทีเล็ก
เห็นบอกว่าตั้งอยู่แถวหน้ากองสลาก
พอไปถึงก็เจอสภาพนี้เลย


















บก.ลายจุด กำลังปราศรัยอยู่ผู้คนเรียกว่าคับคั่งสำหรับเวทีเล็ก


















แวะเข้าไปเวทีใหญ่คนก็เยอะมากมายเช่นเคย
นี่ช่วงเย็นๆ ดึกๆ คงเยอะกว่านี้
แต่ผมถ่ายรูปได้ 2-3 รูป ก็ไปเกาะติดเวทีเล็กจนกลับบ้าน
เลยไม่เห็นบรรยากาศตอนดึกๆ ของเวทีใหญ่ว่าเป็นยังไง


















สำหรับผมเวทีเล็กเปรียบเหมือนต้นไม้เล็กๆ ที่กำลังเติบโต
ทำให้ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงของการเจริญเติบโต
ดูแล้วมีความหวัง มีพลังใจเพิ่มขึ้นมากมาย

ข้างล่างนี้ แป๊ะ บางสนาน กำลังร่วมร้องเพลงประสานเสียง
เป็นเพลงที่ซึ้งเพลงหนึ่งเลย แต่ผมจำชื่อเพลงไม่ได้


















บรรยากาศหลายๆ มุม






























กำลังฟังปราศรัยสนุกๆ อยู่ๆ ฝนเจ้ากรรมนายเวรก็เทลงมาซะยังงั้น


















ผมก็หลบใต้ที่ปูพื้นนั่งกับพี่ๆ กลุ่มนี้ แล้วฟังปราศรัยต่อไป
ภาพนี้ลงทุนไปยืนเปียกฝนนิดหน่อย เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก


















คนนี้ก็สู้ฝนไม่มีหนีไม่มีถอย ข้อความที่เสื้อคงด่าใครบางคน


















หลังฝนหยุดตก บรรยากาศเริ่มคึกคักกว่าช่วงก่อนฝนตกเสียอีก
ช่วงนี้ ทอม ดันดี กำลังปราศรัย

ภาพข้างล่างนี้แปลกๆ ลองสังเกตุหัวชายคนที่ใส่ชุดกันฝนดูซิ
สงสัยชายคนนี้เดินผ่านหน้ากล้องถ่ายรูปเรา
ขณะมันกำลังบันทึกภาพ
ภาพเลยออกมาแปลกๆ แบบที่เห็น
ให้ตั้งใจถ่ายให้ได้แบบนี้อีกครั้ง
ก็คงทำไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าทำยังไง


















ภาพคนยืนฟังปราศรัยกับนั่งฟังปราศรัยความรู้สึกผิดกันเลย
การยืนฟังปราศรัยมันได้บรรยากาศฮึกเหิมมากกว่านั่งฟังปราศรัย
วันไหนถ้านั่งมากๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศเป็นยืนฟังแบบนี้บ้างน่าจะดี


















เหี้ยกระจายแถวหน้ากองสลากเต็มไปหมด


















ขอถ่ายรูปสาวชุดกิโมโน แล้วเราบอกว่าจะขอโพสรูปขึ้นเว็บมาหาอะไรด้วย
ได้ยินเสียงตอบกลับทำนองว่าเคยเข้ามาดูเว็บนี้เหมือนกัน


















นี่อีกภาพที่ยืนยันความคึกคักหลังฝนตก


















นี่ก็ภาพแปลกๆ อีกรูป ชายที่กำลังหันหน้า
อยากถ่ายแบบเนี้ยะ แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
เพราะว่าถ่ายแบบธรรมดา ชักเริ่มไม่แปลกแล้วสำหรับเรา


















ภาพสุดท้ายก่อนจากกันวันนี้
พบกันอีกทีวันที่ 19 แถวราชประสงค์เดือนนี้
ส่วนเวทีใหญ่ ได้ยินว่าเป็นวันที่ 19 เดือนหน้า
ถ้าเวทีเล็กมีคนไปได้เยอะขนาดนี้โดยไม่มีเวทีใหญ่
ก็จะถือได้ว่าเวทีเล็กกำลังจะผ่านช่วงตั้งไข่ไปได้แล้ว
จะเข้าสู่ช่วงเติบโตอย่างเรื่อยๆ แล้ว
แต่ให้ระวังไว้อย่างหนึ่ง ช่วงคนน้อยๆ ไม่กี่ร้อยคน
อาจไม่มีใครอยากมาเทคโอเว่อร์เหมือนช่วงจุดติด
มีคนหลายพันคนแบบวันนี้
เพราะเห็นมาหลายม็อบแล้วพอโตหน่อยโดนเทคโอเว่อร์
พอโดนเทคโอเว่อร์แล้ว แม้แต่คนที่เคยสู้มาตั้งแต่ต้น
จากคนไม่กี่สิบไม่กี่ร้อยคน อาจไม่มีโอกาสได้ขึ้นเวทีอีกเลยก็เป็นได้
เจอมุกนี้บ่อยมาก เพราะพวกที่มาเทคโอเว่อร์
จะกลัวนั่นกลัวนี่ เลยไม่อยากให้พูดแรงๆ
ทั้งๆ ที่เขาก็พูดแรงๆ กันมาอยู่แล้ว
ตอนนี้ได้ยินกำลังจะตั้งแกนนำอีกแล้ว
นี่ก็เป็นช่องทางในการเทคโอเว่อร์
เพราะคนกล้าจริงยิ่งอยู่ในไทย
มาเป็นแกนนำม็อบแรงๆ แบบนี้
โอกาสที่ครอบครัวจะโดนข่มขู่มีสูง
จนต้องยอมทำสิ่งที่เขาต้องการ
สู้ไม่มีตัวตนที่ชัดเจนเสียดีกว่า
ไม่รู้จะไปสั่งใครหรือสั่งผ่านใครได้ง่ายๆ จะดีกว่า
ถ้าคิดว่าเดินมาตรงทางแล้ว
ก็อย่าให้ใครหลอกพาเข้ารกเข้าพงได้
เพราะไม่มีแกนนำที่ชัดเจน ยังพากันมาได้ไกลขนาดนี้
แล้วพวกที่อยากเป็นแกนนำคุมม็อบ
ส่วนใหญ่ไม่กล้าสู้วันที่เขาต้องการให้สู้
คือวันที่ลุยกับพวกที่มาปราบปรามมาสลายม็อบ
เห็นไม่มอบตัวก็หนีไปก่อน ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ต้องมีก็ได้เชื่อเหอะ
แล้วอย่าคิดว่ายึดเวทีได้ แล้วยัดเยียดจูงไปในสิ่งที่ไม่ตรงใจมวลชนได้ง่ายๆ
เพราะผลที่จะตามมาก็คือจะมีการแตกตัวไปทำสิ่งที่ตรงใจเขาในที่สุด



















หลักการสำคัญของประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น
ก็คือประชาชนมีสิทธิมีเสียงโดยตั้งบนพื้นฐานที่ว่า
ประชาชนทุกคนเป็นเสรีชน มีความคิดเป็นของตนเอง
มีเหตุมีผลสามารถวิเคราะห์แยกแยะอะไรได้ด้วยตนเอง
ร่วมกันแสดงความคิดหรือโหวตเลือกสิ่งใดๆ ตัดสินใจเรื่องใดๆ
ไม่ใช่คนที่สามารถสั่งซ้ายหันขวาแล้วทำตามได้ตลอด
และไม่ใช่การเล่นพรรคเล่นพวกหรือหลับหูหลับตาโหวตกัน
ถ้าเป็นแบบนั้นจะเป็นประชาธิปไตยแบบเล่นพรรคเล่นพวก
ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
ยกตัวอย่างเช่น คนภาคหนึ่งเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง
เพราะคิดว่าเป็นพรรคประจำภาคเป็นพรรคประจำตัวสืบทอดถึงลูกหลาน
โดยที่ไม่สนใจว่าพรรคนั้นจะมาบริหารประเทศแล้วดีหรือไม่
เรียกว่าบริหารแย่ยังไง เลวร้ายยังไง ฉันก็จะเลือก
เพราะเป็นพรรคพวกตนเอง ไม่สนใจประเทศเป็นหลัก
ประชาธิปไตยแบบนี้เป็นประชาธิปไตยที่เลวร้าย
เป็นประชาธิปไตยที่ไปทำลายระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง
เพราะจะทำให้ผู้คนเสื่อมศรัทธาระบอบประชาธิปไตย
แถมแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ในระยะยาว
ประชาธิปไคยที่แท้จริงคือประชาธิปไตยที่ปล่อยปลดประชาชน
ให้เลิกเป็นทาสพรรคพวกหรือทาสใคร ไปเป็นเสรีชนเต็มตัวในแต่ละคน
การตัดสินใดๆ ของเสรีชนเต็มตัว โอกาสเลือกสิ่งใดๆ ตัดสินเรื่องใดๆ
ด้วยเหตุผลที่ดีมากกว่าประชาธิปไตยแบบเล่นพรรคเล่นพวก

"แม้หลักการประชาธิปไตยที่แท้จริง
ที่เน้นให้ทุกคนเป็นเสรีชน
จะทำให้ใครบางคนคิดว่า
มันคืออณาธิปไตย หรือการไร้วินัยอะไรก็ตาม
แต่มันก็คือ หลักการประชาธิปไตยที่แท้จริง จริงๆ"

โดย มาหาอะไร

FfF