กรณี แฉเบื้องหลังการยุบพรรค พปช., มฌ., ชท.
เหตุการณ์การยุบ 3 พรรคการเมืองที่รวดเร็วสุดๆ
<<< คำวิจนิจฉัยของศาล หลังเสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณา ที่รวดเร็วสุดๆ >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2010/03/blog-post_3939.html
++++++++++++++++++++
...
พสิษฐ์โต้-มาร์คชี้ยุบพรรคเดียวไม่พอ
เมื่อ วันที่ 8 มิ.ย. นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงบทความในเฟซบุ๊ก ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เรื่อง "จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ" ที่ระบุถึงนายพสิษฐ์ได้ติดต่อขอเข้าพบนายอภิสิทธิ์ผ่านส.ส.คนหนึ่ง เพื่อหารือเกี่ยวกับคดียุบพรรคพลังประชาชน
โดยนายพสิษฐ์กล่าวตอบโต้ ว่า ตนไม่ได้เป็นผู้นัดหมาย ส่วนใครจะนัดหมายกันอย่างไรไม่ทราบ เพียงแต่ตนได้รับคำสั่งให้ไปพบนายอภิสิทธิ์ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นนายอภิสิทธิ์เป็นผู้นำฝ่ายค้าน โดยทราบก่อนเวลานัดไม่ถึง 1 ชั่วโมง เมื่อเดินทางไปก็พบว่านายอภิสิทธิ์นั่งรออยู่แล้วพร้อมกับส.ส.อีกคนตามที่ กล่าวอ้าง และได้พูดคุยกันถึงเรื่องยุบพรรคพลังประชาชนจริง
"ผมบอก ว่า ตามความเห็นส่วนตัว เห็นว่าศาลฎีกานั้นถือเป็นศาลสูงสุดของประเทศแล้ว เมื่อ พิพากษาเรื่องใดมา ศาลอื่นๆ ก็ต้องยึดถือเป็นแนวทางเดียวกัน และเชื่อว่ารวมถึงศาลรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งก็คงต้องยุบพรรค ศาลรัฐธรรมนูญคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ต่อพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้กระมัง จากนั้นนายอภิสิทธิ์ระบุว่า แม้ยุบพรรคพลังประชาชนพรรคเดียวก็ไม่มีประโยชน์ เพราะยังเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังคงจับมือกันร่วมรัฐบาลต่อไป ซึ่งเป็นข้อความเดียวกับที่นายอภิสิทธิ์โพสต์ในเฟซบุ๊ก หลังจากที่ผมรับฟังจากท่านผู้นำฝ่ายค้านแล้ว ผมก็บอกว่า จะนำความกลับไปบอกผู้ใหญ่ให้ทราบถึงเป้าประสงค์ต่อไป" นายพสิษฐ์กล่าว
นาย พสิษฐ์กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ก็ผ่านไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมนายอภิสิทธิ์ถึงต้องนำมาพูดถึงอีก และพาดพิงถึงตนทำไม ไม่ทราบว่ามีความต้องการอะไร
"หรืออยากให้ผมกลับไป แต่ยืนยันได้อย่างหนึ่งว่าผมไม่ได้เป็นคนนัด เพียงแต่รับคำสั่งให้ไปพบ ส่วนใครจะนัดกับใครก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง" นายพสิษฐ์กล่าว
...
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNakE1TURZMU5BPT0%3D§ionid=TURNd01RPT0%3D&day=TWpBeE1TMHdOaTB3T1E9PQ%3D%3D
------------------------------------------------
กรณี แฉเบื้องหลังการบังคับให้ร่วมรัฐบาลกับ ปชป.
เหตุการณ์ที่ทำให้ ปชป. ได้เป็นรัฐบาลและอภิสิทธิ์ได้เป็นนายก
<<< หลักฐานที่เชื่อได้ว่า รัฐบาลนี้มาเป็นโดยมีพวกให้ท้ายหนุนหลัง >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/05/blog-post_2680.html
<<< เหตุผลที่ผมคิดว่า รัฐบาลนี้มาโดยไม่เป็นประชาธิปไตย >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/05/blog-post_5072.html
++++++++++++++++++++
“ชุมพล” ฉุน “อภิสิทธิ์” ระบุหากไม่โดนบังคับก็ไม่ร่วมรัฐบาล
วันพฤหัสบดี ที่ 09 มิ.ย. 2554
นครปฐม 9 มิ.ย.- “ชุมพล” ฉุน “อภิสิทธิ์” ที่ระบุการดึงพรรคต่างๆ มาร่วมรัฐบาล เพราะไม่มีตัวเลือก ชี้เป็นการพูดที่ไม่ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาล โต้หากไม่ถูกบีบบังคับด้วยพลังที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จะไม่เข้ามาร่วมตั้งรัฐบาลกับประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กองทัพบกแจ้งความดำเนินคดีกับผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย ที่ใช้ปืนข่มขู่เจ้าหน้าที่ทหารว่า เป็นเรื่องเล็กน้อย ผู้สมัคร ส.ส. มีกว่า 500 คน เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นธรรมชาติของการเลือกตั้ง ไม่ได้หมายความว่าเลือกตั้งเสร็จแล้วจะมีปัญหากัน อยากให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย เพื่อหลังเลือกตั้งเราจะได้ไปช่วยกันแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่มีความขัดแย้งในสังคม เพื่อให้การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งเรื่องที่เกิดระหว่างการเลือกตั้ง ไม่น่าจะมีสาระใหญ่โต ไม่เฉพาะเรื่องนี้ อาจมีเรื่องอื่นเกิดขึ้นก็ได้
“อย่าง เมื่อวานนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลไม่สบายใจ ไปบอกได้อย่างไรว่า ที่เลือกพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาเพราะว่าไม่มีตัวเลือก เหมือนกับว่าไม่ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลเลย ซึ่งนายกฯ ไม่น่าจะพูดอย่างนั้น พรรคชาติไทยพัฒนาก็น้อยใจตายสิ รวมถึงที่เขียนในเฟซบุ๊กด้วยก็ไม่ควรทำ ไม่ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ใช่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนาอยากจะร่วมรัฐบาล ถ้าไม่ถูกบีบบังคับก็ไม่ร่วมแน่ ซึ่งเราถูกบีบด้วยพลังที่เราไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ก็ต้องมาร่วม ผมรู้สึกไม่สบายใจ บรรยากาศการเลือกตั้งจะต้องนำความสงบไปสู่หลังการเลือกตั้ง มีปัญหากับฝ่ายค้านแล้วอย่าให้มีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลอีก มันจะไปกันใหญ่” นายชุมพล กล่าว
นายชุมพล กล่าวว่า เมื่อมาร่วมรัฐบาลก็ออกกฎ 9 ข้อ บังคับทุกพรรคร่วมรัฐบาลต้องปฏิบัติตาม ตนคิดว่า หากนายอภิสิทธิ์เข้าใจผิดในระบบรัฐสภาไทย แบบมีรัฐบาลผสม นายกรัฐมนตรีเป็นเพียงหัวโต๊ะ แต่ความเป็นเจ้าของ ครม.เป็นของทุกคน ถ้าหากพรรคร่วมรัฐบาลถอนออกมา นายกรัฐมนตรีจะมีอำนาจหรือไม่ นายกรัฐมนตรีคิดว่านั่งหัวโต๊ะแล้วจะมีอำนาจ สามารถบังคับทุกคนได้ ส่วนตัวเห็นว่าไม่ใช่ เพราะระบอบประชาธิปไตยจะต้องฟังกัน
ผู้สื่อ ข่าวถามว่า มองว่าจะมีปัญหาไปถึงการร่วมรัฐบาลหน้าหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า ยังเป็นเพียงเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์อาจตอบคำถามแบบไม่ทันคิดก็ได้ ตนอยากสะกิดไว้ วันหลังตอบคำถามอะไร ขอให้คิดก่อนและให้เกียรติกันด้วย
เมื่อถามว่า แสดงให้เห็นถึงวุฒิสภาวะของนายอภิสิทธิ์หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า ไม่ทราบ รู้แต่ว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้จบรัฐศาสตร์ แต่จบเศรษฐศาสตร์มา ซึ่งตนเคยสอนหนังสือมา จึงเข้าใจเรื่องนี้ดี.-สำนักข่าวไทย
http://61.47.61.3/cfcustom/cache_page/221154.html
++++++++++++++++++++
"เด็กเติ้ง"แฉถูกปืนจี้หัวผสมพันธุ์"ปชป."
วันศุกร์ ที่ 10 มิถุนายน 2554 เวลา 13:32 น
อดีต กก.บห.พรรคชาติไทย แฉ เปรียบถูกปืนจ่อหัวร่วมตั้งรัฐบาล “ปชป.” ส่วนโฆษก ชทพ. ฝัน “หนั่น-ชุมพล” นายกฯ ขั้วที่สาม
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นายเอกพจน์ ปานแย้ม อดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่าถ้าไม่ถูกบีบบังคับก็คงไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นเรื่องจริง ในขณะนั้นตนเป็นวิปรัฐบาล พยายามทำหน้าที่เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามระบบรัฐสภา แต่ถูกสกัดกั้นตลอด ทั้งการทำหน้าที่ของตนและของพรรคโดยถูกมองว่าเป็นการไปสนับสนุนอีกฝ่าย แม้หลายคนจะเตือนว่าถ้าพรรคยังคงร่วมรัฐบาลต่อไปก็จะถูกยุบพรรคแน่ แต่ทั้งนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยในขณะนั้น และสมาชิกพรรคไม่มีใครเชื่อ เพราะเราเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรม แต่ท้ายที่สุดพรรคก็ถูกยุบ พวกเราเจ็บปวดมาก โดยเฉพาะนายบรรหาร
อดีต กก.บห. พรรคชาติไทย เปิดเผยอีกว่า การที่ตัดสิทธิผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยมันเป็นความอัปยศสิ้นดี และยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นอีก เพราะหลังจากนั้นสมาชิกที่เหลือต้องเข้าไปร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็รู้ว่าหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชายนายบรรหารพูดกันตนเป็นนัยว่า “ต้องทำใจ เราคงฝืนไม่ได้ มันเหมือนเราถูกเอาปืนจ่อหัวให้จำยอม ถ้าไม่ทำอาจจะหนักกว่าถูกตัดสิทธิ” ทำให้ตนเข้าใจว่าเราคงไม่มีทางเลือกจริง ๆ และนี่คือสิ่งที่เรายังเคลือบแคลงสงสัยอยู่ทุกวันนี้
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงว่า การเดินสายหาเสียงของพรรคในพื้นที่ภาคกลางถือว่าได้รับผลตอบรับดีมากใน 2 ส่วน คือ 1.นโยบายปรองดอง ลดความขัดแย้ง ซึ่งพี่น้องประชาชนในภาคกลางเข้าใจในส่วนนี้ถึงขั้นมีการทราบว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีปรองดอง และ 2.ความนิยมของผู้สมัคร ส.ส. ถือว่ามีความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเป็นดาวฤกษ์ ทำให้มั่นใจว่าทั้ง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรค และนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค สามารถเป็นนายกฯ จากขั้วที่สามได้แน่นอน
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=8&contentID=144282
------------------------------------------------
โดย มาหาอะไร
FfF
บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.